เมื่อแฟนสาวถูกฆาตกรรมทำให้ 'พานิล' จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอกลับบอกว่า 'การคืนชีพมีอยู่จริง' ให้เขาตามหาบันทึกปริศนานั้นให้เจอ
ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,รัก,ระทึกขวัญ,ลึบลับ,ดราม่า,ข้ามภพ,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ไอ้ธัญ”
พานิลถามธารัฐ หลังจากเมื่อวานได้รับรู้เรื่องราวสุดสะเทือนใจ และร้องไห้อย่างอาวรณ์จนหลับใหลไปกับอ้อมอกของคุณแม่
กระทั่งตื่นมาอีกครั้งก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ ธารัฐจึงเสนอตัวพาเขานั่งรถวีลแชร์ออกมาเจอบรรยากาศโปร่งโล่ง
และต่อให้โรงพยาบาลจะมีสวนอันร่มรื่นที่บรรจงสร้างขึ้นมาเพื่อคนไข้เพียงใด ก็ไม่อาจบรรเทาหัวใจที่แตกร้าวของเขาได้
“มึงจำอะไรได้บ้างล่ะ” ธารัฐยังคงมีท่าทียึกยักเหมือนเดิม
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอกเพื่อนรัก แต่เหตุการณ์ครั้งนี้มันสะเทือนจิตใจคนฟังเป็นอย่างมาก ถึงขนาดพ่อแม่พานิลยังไม่รู้วิธีสื่อสารกับลูกชายตัวเองจึงต้องฝากธารัฐเป็นธุระในเรื่องนี้
อีกทั้งพานิลยังได้รับการกระทบกระเทือนความที่หัว หมอหนุ่มไม่อยากระตุ้นอะไรให้เขาต้องคิดหนัก เพราะหากโผงผางออกไปเจ้าคนบนรถเข็นอาจจะช็อกอีกระลอกก็เป็นได้
“ฉันจำได้ แต่เป็นภาพที่ติดๆ ขัดๆ เหมือนสมองฉันรับสัญญาณได้ไม่เต็มที”
“ก็ถูก ถึงสมองของมึงจะไม่เข้าขั้นวิกฤติ แต่มันมีผลต่อความทรงจำ คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก” ธารัฐกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบคำถามในประเด็นสำคัญ “จำแฟนเก่ากิลลี่ได้ใช่มั้ยวะ”
กิลลี่ หรือ ‘กิลลรี สุริยศร’ แฟนสาวของพานิลที่ทั้งคู่วางแผนจะหมั้นกันในเร็วๆ นี้ และเรื่องราวของเธอที่ขาดตอนไปจากความทรงจำของเจ้าเพื่อนรัก ธารัฐกำลังจะร่ายให้ฟัง
“จำได้ รู้สึกว่าจะทำธุรกิจเบื้องหลังวงการบันเทิง ฉันจำได้ว่า...” พานิลหยุดไปแค่นั้นเพื่อจับที่ขมับและค่อยๆ เรียบเรียงคำพูดที่ตนต้องการสื่อสารออกไป “มันเป็นคนที่นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“เอ่อ ก็ประมาณนั้น อย่างที่เรารู้กันนั่นแหละว่าสองคนนี้เลิกกันไปนานแล้ว แต่เหมือนว่าพักหลังมาตามวอแวกิลลี่อยู่บ่อยๆ เพราะไอ้นี่มันทำมาหากินได้จากเส้นสายของกิลลี่ หลังจากที่เลิกกันไอ้เส้นสายที่ว่ามันไม่มีสายป่านเชื่อมต่อให้รู้จักคนใหม่ๆ พอถึงจุดอิ่มตัวก็คงมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน อะไรทำนองนี้แหละ จากที่ฉันฟังพ่อของกิลลี่มาอะนะ พอไม่มีงานก็ไม่มีเงินตามสูตร ก็เลยมาวุ่นวายอย่างที่เห็น ต่อให้ไม่ได้กลับไปรักกันเหมือนเดิม แต่คงหวังว่าสายสัมพันธ์แบบเพื่อนมันจะรื้อฟื้นได้ล่ะมั้ง แต่กิลลี่ไม่เล่นด้วย”
“กิลลี่ก็เคยเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ว่ามันชอบนอกใจ แล้วครั้งสุดท้ายที่ตัดสินใจเลิกกัน เพราะไปทำน้องใหม่ในวงการท้อง แล้วบังคับให้ไปทำแท้ง” พานิลเสริม
“โห...เข้าใจเลยว่าทำไม่อยากคบต่อ”
“ฉันไม่รู้นะว่าชีวิตไอ้นี่มันไปสุดตรงไหน แต่มันอุกอาจมากที่ไปจับตัวกิลลี่ในโรงจอดรถของร้านอาหาร” พานิลหยุดพักเมื่อภาพในวันนั้นกำลังถาโถมเข้าในหัว ก่อนจะพูดต่อให้จบ “กิลลี่กับกูนัดกันไปทานข้าว แต่วันนั้นเราต่างคนต่างไป กูไม่ได้ไปรับเธอเหมือนทุกครั้ง ตอนที่กำลังสั่งอาหาร กิลลี่ลืมโทรศัพท์ไว้ในรถก็เลยเดินกลับไปเอา แล้วอยู่ดีๆ ก็มีสายเข้ามาหา สิ่งที่ได้ยินคือเสียงขอความช่วยเหลือและเสียงกรี๊ดของกิลลี่ กูก็เลยรีบวิ่งไปที่ลาดจอดรถ และ....และเห็นกิลลี่ถูกจับตัวขึ้นรถของตัวเอง เขาตบกระจกเรียกชื่อกู จาก...นั้น กู...ก็”
“ใจเย็นๆ ไอ้พัด หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ เล่า” ธารัฐลูบแผ่นหลังแกร่ง เมื่อเพื่อนรักเริ่มตะกุกตะกักและลุกลี้ลุกลนด้วยความตื่นกลัว
“แล้วกูก็วิ่งไปขึ้นรถตัวเองเพื่อขับตามไป กูขับรถไวมาก ตอนนั้นไม่คิดอะไรอยู่ในหัวเลยนอกจากความปลอดภัยของกิลลี่ แล้วกูก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย”
“เอ่อ ตรงนั้นแหละมึงรถคว่ำ มีคนแจ้งอุบัติเหตุเข้ามา พอตำรวจโทรไปแจ้งพ่อแม่มึง คุณกิ่งแก้วเป็นลมแทบประคองไม่ทัน”
“แต่คนที่ต้องช็อกมากกว่าคือพ่อแม่ของกิลลี่...ใช่มั้ย” เขาถามธารัฐ
“อุบัติเหตุของมึงได้รับแจ้งเข้ามาไวมาก แล้วมึงยังพอมีสติอยู่ตอนเขาไปกู้ร่างมึงขึ้นมา ทำให้เรื่องที่กิลลี่ถูกลักพาตัวได้รับการสานต่อทันที มึงจำได้บ้างมั้ยเนี่ย”
“ตรงนี้กูจำไม่ได้ แล้วจากนั้นล่ะ”
“ก็อย่างที่รู้ๆ อะนะ นามสกุลสุริยศรก็มีอำนาจพอๆ กับตระกูลมึง ตำรวจก้นปลิวลุกจากเก้าอี้แทบไม่ทัน ตัดเรื่องพริวิเลจคนรวยออกไป ฉันว่าตำรวจทำงานไวมากนะกรณีนี้ ตอนเช้าก็หาตัวพบแล้ว แต่ว่า...”
“ไม่ทันใช่มั้ย”
“เอ่อ...ไม่ทันว่ะ มันแทบจะฆ่ากิลลี่ทันที” ธารัฐอธิบาย
“ปกติคนที่เคยคบกันมันก็ต้องมีเยื่อใยกันบ้าง แล้วไอ้เหี้ยนั้นมันก็ต้องการแค่เงินกับงานไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องถึงขั้นต้องฆ่าเลยล่ะ” พานิลตัดพ้อ
“คนรักกันนี่แหละมึง เวลาแค้นขึ้นมายิ่งว่าปีศาจตัวเป้งจากนรกอีก”
“ฉันอยากเห็นกิลลี่...พาฉันไปหลุมศพกิลลี่ได้มั้ย มันก็ตั้งอาทิตย์หนึ่งมาแล้วคงไม่มีงานศพให้ฉันเข้าร่วม”
“ไอ้พัด...กิลลี่โดนฆ่าหั่นศพ”
“….!!”
ในที่สุดธารัฐก็ได้บอกสาเหตุที่แท้จริงให้เพื่อนได้รับทราบ หนึ่งในความหนักอึ้งที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ตอนนี้ได้รับการปลดปล่อยออกจากใจของธารัฐแล้ว และภาวนาให้พานิลไม่ใจสลายไปมากกว่านี้
และเป็นไปอย่างที่คาด พานิลอาการเหมือนคนล้มทั้งยืนทั้งที่นั่งอยู่บนรถเข็น ชายหนุ่มหลับตาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่จ้าไปด้วยแดดพร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลออกมา แต่ธารัฐคิดว่ามันก็ดีกว่าเมื่อวานที่ถึงกับมีอาการหายใจแรงจนติดขัด
“มันแค้นอะไรนักหนา แม้แต่ศพก็ยังไม่เหลือให้มองหน้าเลยเหรอ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นมึง” อย่างน้อยธารัฐก็เอ่ยดักคอก่อนที่พานิลจะจินตนาการจนเลยเถิด
“หมายความว่าไง”
“ถูกหั่นสามส่วน หัว ลำตัว และท่อนล่าง มันเอาไปทิ้งในบ่อจระเข้ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันไปที่นั่นได้ไงนะ แถมยังแอบเข้าไปอีกต่างหาก แต่จากที่ตำรวจสืบสวนมา มันมีการเตรียมตัวมาอย่างดี ก็คงไม่อยากให้เหลือหลักฐานอะแหละ โยนลงน้ำก็เสี่ยงอืดลอยขึ้นมาให้เห็น เลือกทางนี้อาจจะดีที่สุดมั้ง แต่ก็อย่างที่มึงบอกนั่นแหละ คนเคยรักกันมันมีเยื่อใยบางอย่างแฝงอยู่ ถึงมันจะฆ่ากิลลี่ทันทีแต่ก็รอจนถึงเช้ากว่าจะทำลายศพ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะเอาซะเลย เพราะพนักงานเข้ามาเห็นคนลับๆ ล่อๆ ตอนเช้ามืด เท่านั้นแหละ...เกม”
“แล้วไอ้เหี้ยนั้นมันโดนคดีอะไรบ้าง กูหวังว่ามันคงไม่ได้ติดคุกแค่สิบ ยี่สิบปีหรอกนะเพราะมันน้อยไป”
“ไม่ว่ะเพื่อน....มันตายแล้ว”
“อะไรนะ!”
“ชักปืนเป่าสมองตัวเองตรงนั้นเลย พร้อมกับศพกิลลี่ที่มีชิ้นส่วนไม่ครบ”
“แสดงว่า...”
“ใช่...ตอนนี้มีแค่หัวกับช่วงล่าง ถ้านายอยากจะไปดู ก็ได้นะศพถูกแช่อยู่ที่โรงพยาบาลนี่แหละ และมีความเป็นไปได้สูงว่าพ่อกับแม่ของกิลลี่จะไม่จัดงานศพ มึงต้องเห็นสภาพแม่กิลลี่รับไม่ได้อย่างแรง ถ้าจะมีการจัดพิธีอะไรเกิดขึ้น คงต้องให้คุณหญิงแกพร้อมมากกว่านี้”
เมื่อสิ้นคำพูดของธารัฐ พานิลมีสีหน้าสลดอย่างเห็นได้ชัด ลืมไปเลยว่ายังมีอีกคนที่เสียใจมากกว่าเขาและต้องกล้ำกลืนฝืนทนในการรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ตั้งแต่วันแรก ตนยังโชคดีนักที่นอนสลบไสล
ในตอนนี้มีความรู้สึกมากมายเหลือเกินที่เข้ามาเยือน อยากเห็น อยากพบหน้าแต่ก็กลัวตัวเองจะสติแตกหรือถ้ามากไปกว่านั้น ความเคียดแค้นเสมือนเงาดำจะเข้าปกคลุมตัวเองและส่งผลให้ชีวิตไม่มีความสุขอีกต่อไป
เมื่อเจ้าหมออาสาพาจะพาไปยังห้องเก็บร่างที่เหลือของเธอ ระหว่างทางก็เจอคุณ ‘สุโนการณ์ สุริยศร’ หรือคุณอานกที่พานิลชอบเรียก ซึ่งเป็นพ่อของกิลลรี จึงแวะทักทายกันเล็กน้อยและเดินไปยังจุดหมายพร้อมกัน
ทันทีที่รถเข็นมาจอดอยู่ที่ห้องแช่ พานิลมือไม้สั่นและขอบตาเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง เขาหัวใจเต้นแรงเหมือนโดนไม้แข็งเข้ามากระทุ้งถี่ จนทั้งสองคนเห็นอาการไม่ค่อยดีและได้ไถ่ถามเขาอีกครั้ง
“เห้ย...ไม่พร้อมเป็นไรนะเพื่อน”
“นั่นสิพ่อว่าพัดสีหน้าไม่ดีเลยนะ” พ่อของกิลลรีเอ่ยบอกกับเขา และใช้มือวางบนไหล่ด้วยท่าทางห่วงใย
“ฉันขอกลับห้องดีกว่าว่ะ ขออยู่คนเดียวสักพัก”
พานิลบอกความต้องการออกไป ตอนนี้เขารู้แจ้งแล้วว่าตัวเองคงรับไม่ได้ถ้าเห็นกิลลรีในสภาพนั้น แค่รับรู้ว่าเธอเสียชีวิตมันก็เจ็บปวดรวดร้าวมากพอแล้ว ถ้าได้เห็นหลักฐานที่ประจักษ์ชัดในห้องแช่แข็งแห่งนี้ คงได้อยู่โรงพยาบาลตลอดชีวิตด้วยอาการเป็นบ้า
ขณะที่วีลแชร์กำลังลำเลียงเขากลับไปยังห้องพัก พานิลเลือกจะคิดถึงความสุขเมื่อตอนครั้งแรกที่ได้เจอกัน
รอยยิ้มที่น่าประทับใจซึ่งสวยงามไม่แพ้ใบหน้าของเธอ ที่ได้เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงไพเราะจนเขาต้องหันมอง
“หูกระต่ายเบี้ยวค่ะ”
“ครับ…?”