เมื่อแฟนสาวถูกฆาตกรรมทำให้ 'พานิล' จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอกลับบอกว่า 'การคืนชีพมีอยู่จริง' ให้เขาตามหาบันทึกปริศนานั้นให้เจอ
ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,รัก,ระทึกขวัญ,ลึบลับ,ดราม่า,ข้ามภพ,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสียงแปลกหูของยานพาหนะที่วิ่งวนอยู่บนหัวทำให้นิลพันธุ์เงยหน้ามองอย่างไม่คิดจะก้มลงมา
กินรีเห็นดังนั้นจึงได้แต่ป้องปากขำเมื่อเห็นปฏิกิริยาอันตื่นตาตื่นใจของเขา
ชายหนุ่มกำลังรุ่นคิดว่านั่นเป็นเครื่องบินหรือรถกันแน่ เพราะมันลอยอยู่บนฟ้าที่ไม่มีรางหรืออะไรรองรับเลย ก่อนจะจอดเทียบท่าให้ผู้คนมากหน้าหลายตาได้ถึงจุดหมาย
และแม้จะมีแต่ความสงสัย แต่โลกใบใหม่ก็ทำให้เขาหลงใหลมากกว่าเดิมจนไม่อยากกลับไปในห้วงเวลาที่ตัวเองจากมา
กินรีคิดว่าชายหนุ่มค่อนข้างแตกต่างไปจากผู้คนรอบตัว กางเกงสูทที่หลวมโคร่งไม่ได้ฟิตเขารูปเหมือนปัจจุบันทำให้เขาดูเฉิ่มเฉยไปโดยปริยาย แต่ใบหน้านั้นดูหล่อเหล่าเอาเรื่อง แม้ทรงผมจะเสยขึ้นจนเนียนสนิทเหมือนชายยุคโบราณชโลมแว๊กซ์ก็ตาม
นับตั้งแต่วันนั้นที่เขาโผล่มาในสวน นิลพันธุ์ก็มักจะปรากฏตัวอีกหลายครั้งในวันอื่น ทั้งคู่ยังหวาดระแวงกันเล็กน้อยในครั้งแรก แต่จากนั้นเขาก็เหมือนเพื่อนอีกคนในชีวิตที่โดดเดี่ยวของเธอ จึงคิดหาวิธีต่างๆ นานา ที่จะหลบซ่อนชายหนุ่มจากคุณพ่อที่เข้มงวด
ถึงได้แอบให้สาวใช้คนสนิทพาตัวเขาออกไปให้พ้นบริเวณบ้าน เพื่อที่จะได้เที่ยวด้วยกันในย่านของเหล่าวัยรุ่น เพราะนิลพันธุ์ดูสนใจข้าวของเครื่องใช้ที่แสนธรรมดาของเธอเหลือเกิน
จึงคิดว่า หากไปเปิดหูเปิดตาบ้างเขาคงชอบไม่น้อย แต่บอดี้การ์ดที่ตามติดไม่ห่างก็รายงานคุณพ่อไปแล้วว่าไปพบใครมาบ้าง และวันก่อนที่โดนเรียกถามเธอจึงบอกว่านิลพันธุ์คือครูสอนการเข้าสังคม ซึ่งก็รอดตัวไปโดยปริยาย
ขออย่างเดียวเท่านั้น คุณพ่ออย่ามาเห็นตอนเขาโผล่มาในบริเวณบ้านก็พอ นั่นจึงทำให้ทั้งคู่ตกลงเรื่องพื้นที่ ที่นิลพันธุ์จะปรากฏตัวให้เป็นกิจจะลักษณะ จะได้ไม่ทะเล่อทะล่าเจอใครที่ไม่สมควรเข้า
กินรียังหาคำตอบไม่ได้ว่านิลพันธุ์ผู้เป็นปริศนาเดินทางมาพบเธอได้อย่างไร ในตอนแรกนั้นคิดว่าเขามาตามเสียงที่เธอฮัมลงในเครื่องซาวด์เดอรี่ แต่มันก็ไม่ใช่เสียทีเดียวเพราะบางครั้งเมื่อร้องเรียกเขาไม่ปรากฏตัวตามที่เธอหวัง
“คุณไม่คิดถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเองบ้างเหรอ” เธอเป็นฝ่ายถามก่อน
“คิดสิ แล้วผมก็ได้คำตอบแล้ว”
“เดินทางข้ามเวลา”
ทั้งคู่หัวเราะกับคำตอบที่พูดออกมาพร้อมกัน จากนั้นเที่ยวเล่นไปตามแหล่งช็อปปิ้ง นิลพันธุ์ไม่ปรารถนาอยากได้สิ่งใดใดติดไม้ติดมือ ไม่ใช่ว่าตนไม่ตื่นเต้นแต่เงินตราของเขามันใช้ไม่ได้ในยุคของเธอ และคงไม่ดีแน่ถ้าให้ผู้หญิงมาจ่ายเองทุกรอบ จึงได้แต่บันทึกสิ่งต่างๆ ไว้ในความทรงจำ
รวมไปถึงการแต่งตัวที่แปลกประหลาด และร่างกายของกินรีที่ไม่เหมือนมนุษย์....
ทั้งหมดอยู่ในสายตาของพานิลที่ยังตามติดทั้งคู่อยู่ทุกครั้งที่หลับฝัน และมักจำรายละเอียดไม่ค่อยได้ในยามตื่นนอน แต่เมื่อภาวนาให้ตนไม่ลืมเลือนรายละเอียดพวกนี้ไป เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่านี่คือนาฬิกาเตือนว่าถึงเวลาตื่นนอน
ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก...ตื้ด...
“ตาพัด! มานอนฟุบอะไรตรงนี้ล่ะลูก”
ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นและพบว่ามันเข้าสู่ช่วงเย็นจนท้องฟ้าถูกฉาบด้วยสีน้ำเงินเข้ม เขาหันมองรอบตัวอย่างพินิจพิเคราะห์ และเมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติเหมือนนิลพันธุ์ที่โผล่ข้ามกาลเวลา จึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยด้วยความโล่งอก
“....”
“ฝันร้ายเหรอลูก ท่าทางเหมือนตอนที่อยู่โรงพยาบาลเลย”
“ฝัน...” เพียงคำพูดเดียว ตอนนี้สมองของพานิลก็มีเรื่องราวหลั่งไหลเข้ามาอีกครั้ง มันทำให้เขาพึงระลึกได้ว่าเคยฝันแบบนี้มาครั้งหนึ่ง...ตอนฟื้นจากอุบัติเหตุ
และเสียงติ๊ดที่ไม่ได้เตือนแค่ชายแปลกหน้าคนนั้น มันยังเป็นการเตือนเขาด้วย ราวกับว่าทั้งคู่คือคนเดียวกันแค่จิตวิญญาณอยู่ต่างสถานะเท่านั้นเอง
อีกทั้งคำพูดสุดท้ายของผู้หญิงที่ชื่อกินรีดังขึ้นมาในโสตประสาท ทำให้นึกถึงคำขอในฝัน ว่าไม่อยากลืมเลือนเรื่องทั้งหมด
“ภาวนากับเสียงแล้วพาฉันกลับไป ฉันจะรอ...” พานิลไล่คำพูดที่จดจำได้จากความทรงจำอันยุ่งเหยิง จนคนเป็นแม่นึกกลัวที่ลูกชายมองพื้นตาแข็งและพึมพำเหมือนคนไร้สติ
“ตาพัด...ลูกโอเคใช่มั้ย”
“ครับแม่ผมไม่ได้เป็นอะไร” ชายหนุ่มยิ้มส่ง ก่อนจะหอมแก้มผู้เป็นแม่ จากนั้นเดินจ้ำอ้าวขึ้นไปงีบพักผ่อนต่อตามความประสงค์ของคุณหญิงกิ่งแก้วที่พร่ำบอกในทุกๆ วัน โดยไม่สนใจท่าทางงุนงงของเธอเลย
แม้ใบหน้าพานิลจะเปื้อนยิ้มมากกว่าหลายวันก่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณหญิงกิ่งแก้วดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว
กลัวเหลือเกิน...กลัวว่าลูกชายจะได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองและอาจทำให้เขาผิดปกติไปทีละน้อย
…………….
หลายวันต่อมาพานิลตั้งใจจะไปเยี่ยมคุณหญิงสกุณีแม่ของกิลลรี เพราะคุณพ่อบอกว่าเธออาการแย่มาก และตรอมใจไม่เป็นอันกินอันนอน
เมื่อรถมาจอดเทียบหน้าบ้าน ประตูก็ถูกเปิดทันทีด้วยความสนิทชิดเชื้อ และคนงานของบ้านสุริยศรจำทะเบียนรถเขาได้ทำให้พานิลมาจอดในโรงรถของที่นี่ได้อย่างง่ายได้
เขาจับช่อดอกไม้ใหญ่จากอีกฝั่งของที่นั่ง พร้อมเปิดประตูแหงนมองคฤหาสน์หลังโต ที่ในตอนนี้ไม่มีกิลลรีอยู่อย่างเคย และเมื่อรู้ตัวว่าตนกำลังจะดำดิ่งชายหนุ่มจึงสะบัดหัวให้ห้วงความเศร้ามันหายไป
เมื่อก้าวเท้าเข้ามาถึงประตูบ้าน ก็มีร่างของคุณสุโนการณ์ออกมาต้อนรับ
“ว่าไงพัด”
“สวัสดีครับคุณอา”
“เชิญๆ น้ำหน่อยไหม”
“ขอบคุณครับ แต่ผมขอขึ้นไปเยี่ยมคุณอาณีก่อนได้ไหมครับ”
แม้จะรู้ว่าจุดประสงค์ของพานิล แต่สุโนการณ์ก็มีอาการชะงักเล็กน้อยอยู่ดีเมื่อผู้ถึงภรรยา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากต้อนรับหรอกนะ แต่กลัวต่างหากว่าคนแปลกหน้าจะตกใจกับสภาพของสกุณี
และเป็นอย่างที่คาด เมื่อพานิลย่างกรายเข้ามาและเจอคุณอาผู้หญิงที่เคยสดใสร่าเริงนอนเฉย ๆ ไร้การขยับตัว
เธออยู่ในห้องที่อับแสง ทั้งที่เปิดหน้าต่างและมีเพียงม่านลูกไม้บางประดับอยู่เท่านั้น แต่ความสว่างไสวก็ไม่อาจทะลุเข้ามาหล่อเลี้ยงชีวิตของคนป่วยทางใจได้เลย
พานิลเบือนสายตาไปมองคุณสุโนการณ์ ชายวัยกลางคนก็ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกเป็นนัยว่า นี่แหละอาการของภรรยาตั้งแต่ลูกสาวคนโตได้จากไป
และไม่นานนักเขาก็ปล่อยให้แขกได้อยู่ลำพังกับสกุณี เผื่อคนแปลกหน้าที่ได้ชื่อว่าแฟนหนุ่มลูกสาว จะมีมุมแปลกใหม่ของกิลลรีที่คนเป็นพ่อแม่ไม่เคยรับรู้มาเล่าให้ฟัง และหวังว่าภรรยาจะสนุกและยิ้มแย้มไปกับมันได้
“คุณอาครับ ผมพัดนะครับ” ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งกับพื้น และหยิบเรียวมือที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากุมเอาไว้ เสมือนว่าเธอคือญาติที่เขาห่วงหาอีกคน
“....” เมื่อสกุณีหันมามองใบหน้าของพานิล หยดน้ำอุ่นของเธอก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากหางตา เขาจึงรับรู้ได้ทันทีกับความรู้สึกของหญิงวัยกลางคน
“คุณอา...”
“พัด...ช่วยกิลด้วย” แต่แล้วสายตาของสกุลณีก็ต่างไปจากเมื่อครู่อย่างชัดเจน พานิลรู้สึกว่ามันดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตา เพราะเธอเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้เมื่อเห็นหน้าเขา
“ผมขอโทษครับ ที่ช่วยกิลลี่ไว้ไม่ได้”
“ไม่ใช่...น้าไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”
“ครับ...?” พานิลขมวดคิ้วหนัก
“น้าเคยพูดกับคุณนกแล้ว แต่เขาไม่เชื่อ”
“เรื่องที่คุณน้าพูด คืออะไรเหรอครับ”
“ฟื้นคืนชีพ....”
“อะ...อะไรนะครับ” เพียงไม่กี่คำพานิลก็พอเข้าใจแล้วว่า ทำไมคุณอาผู้ชายถึงไม่เชื่อ
“บันทึกนั่น อาเคยเห็นแต่โดนคุณพ่อของคุณนกดุ มันมีความลับของสุริยศรอยู่ เรื่องน่าเหลือเชื่อที่มีแต่ลูกหลานสุริยศรเท่านั้นที่ทำได้”
“คุณอาพักผ่อนนะครับ” พานิลตัดบท และวางมือที่มีสัมผัสยุ่ยนั้นแนบกับเตียงเหมือนเดิม
สกุณีคิดว่านี่คือการตำหนิตนว่าเพ้อเจ้ออย่างมีมารยาท เธอรู้...รู้ว่าหลายคนคงหาว่าบ้า ความหวังคนอื่นหยุดอยู่ที่คนรักจากไปกับลมหายใจสุดท้าย แต่ชีวิตของเธอบังเอิญได้รู้จักหนังสือเล่มนั้น แล้วจะผิดอะไรหากแม่คนนี้ยังมีความหวังกับการก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์
“ภาวนากับเสียงแล้วพาฉันกลับไป”
พานิลหันขวับไปในทันที เมื่อร่างบนเตียงพูดคำนั้นออกมา เนื่องจากคุณหญิงสกุลณีเอ่ยคำพูดในฝันของเขาด้วยความบังเอิญ
และความเพ้อเจ้อที่ชายหนุ่มคิดก็ได้ปลิวหายไปในทันที เขาก้มหน้าเหมือนคิดอะไรได้บางอย่างได้ และนั้นเป้าหมายก็เปลี่ยนไปในทันที จากความตั้งใจเดิมที่จะเดินไปลาสุโนการณ์เพื่อกลับบ้าน
“คุณอานกครับ”
“อ้าว ว่าไง เยี่ยมเสร็จแล้วเหรอ” สุโนการณ์ลดหนังสือพิมพ์ลง ก่อนจะถอนแว่นเพื่อเป็นเพื่อนนั่งคุยกับแฟนหนุ่มของลูกสาวคนโต
“เอ่อ...” พานิลไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จู่ๆ จะให้พูดถึงเรื่องฟื้นคืนชีพมันก็ดูกระดากปากและสุ่มเสี่ยงจะโดนหาว่าเสียสติเอาได้
“....อาเข้าใจ คงตกใจล่ะสิที่คุณณีเป็นได้ถึงขนาดนี้”
“.....” พานิลพยักหน้า
ถึงแม้จะเป็นหัวข้อที่ไม่ได้ตั้งใจจะสนทนา แต่ลองตามน้ำไปก่อนเผื่อมีจังหวะดีๆ จะได้ไถ่ถามให้รู้เบาะแส ยังดีกว่าโพล่งออกไปจนอีกฝั่งตกใจ และพานตัดบทจนทำให้เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับไปเลย
“แล้ว...บอกน้องรัดรึยังครับ เรื่องทั้งหมดนี้” พานิลถามไถ่ไปยังน้องสาวของกิลลรีที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้บินกลับมาทั้งที่ครอบครัวเจอมรสุมขนาดนี้
“เขารู้แล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาว เจ้าตัวแทบอยากจะบินกลับมาทันที แต่ห้ามไว้ไม่อยากให้เขามาเห็นคุณแม่ในสภาพนี้”
“แต่...มันจะดีกว่ามั้ยครับถ้าน้องรัดกลับมา อย่างน้อยอาจจะช่วยบำบัดคุณอาณีได้”
“ไม่ใช่ว่าอาไม่คิดนะ แต่เรื่องแบบนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน คุณณีเธอเสียใจมากเกินไป...อาก็ไม่รู้จะอธิบายด้วยคำไหนดี และอาก็ไม่ได้ตำหนิภรรยาตัวเองด้วย อาเข้าใจเธอ ลูกทั้งคนใครๆ ก็รัก แต่การเสียใจจนไม่เป็นอันกินอันนอน มันอาจทำให้ลูกอีกคนถูกละเลย และถูกเปรียบเทียบว่าหากเขาตายแม่จะเสียใจขนาดนี้ไหม อาไม่รู้หรอกว่ายัยรัดคิดยังไง แกอาจจะไม่ได้ขี้น้อยใจก็ได้ แต่คนเป็นพ่อแม่ก็พูดได้เต็มปากว่ารู้จักลูกของตัวเองดี ในเมื่อขาไม่ได้อยู่กับเราทุกเวลา เมื่อคุณณีเป็นแบบนี้ก็ต้องเป็นอานี่แหละ ที่ต้องลุกขึ้นมาแข็งแกร่งให้ไวที่สุด” สุโนการณ์กัดปากตัวเองแน่น “มันยากมากเลยนะ ในระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้”
“....” พานิลพยักหน้าช้าๆ เมื่อได้รับรู้ถึงความรู้สึกของสุโนการณ์ เขาต้องแข็งมากเป็นร้อยเท่าอย่างแน่นอน ทั้งการดำเนินงานเรื่องคดี และยังต้องไปยืนยันศพของกิลลรีในสภาพนั้นอีก อีกทั้งยังต้องเก็บกักความรู้สึกเศร้าเพื่อเป็นเสาหลักให้ภรรยาที่ล้มป่วย “เอ่อ...คุณอานกครับ”
“ว่าไงล่ะ”
“คุณอาณีได้พูดอะไรแปลกๆ ไหมครับ...” พานิลลองเชิง แต่ถึงแม้สุโนการณ์จะมีปฏิกิริยาแปลกไป หรือปฏิเสธให้ข้อมูลเขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะตามตื๊อให้ถึงที่สุด
“แปลกๆ ...”
“เอ่อ...คือ”
“เรื่องฟื้นคืนชีพน่ะเหรอ”
“คุ...คุณอาไม่รู้สึกแปลกๆ เวลาพูดเรื่องแบบนี้เลยเหรอครับ” พานิลตกใจเล็กน้อย เมื่อสุโนการณ์พูดเรื่องน่าเหลือเชื่อด้วยรอยยิ้ม ราวกับมันไม่ได้น่าตกใจอะไร
“ฮ่าๆ ๆ มันนิทานปรัมปราประจำตระกูลน่ะ อาได้ยินมาตั้งแต่เด็กจนโต เรื่องที่ว่าสุริยศรมีความสามารถฟื้นคืนชีพคนตาย ด้วยมรดกตกทอดที่เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งทุกวันนี้ก็ไม่มีลูกหลานคนไหนได้เห็นมัน มีอยู่จริงรึเปล่าก็ไม่รู้”
แม้สุโนการณ์จะส่ายหัวไปมาราวกับว่ามันคือเรื่องไร้สาระ แต่ลึกๆ ก็รู้อยู่แก่ใจ...เพราะเขาเองก็เคยเห็นหนังสือเล่มนั้นกับสกุณี ก่อนจะโดนพ่อตัวเองไล่ตะเพิดให้ออกไปจากห้องหนังสือในวังเก่าแห่งนั้น และมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ภรรยาตัวเองเป็นสะใภ้ที่พ่อเหม็นขี้หน้าอีกด้วย
“ผมอยากฟังครับคุณอา” พานิลจ้องเขม็งอย่างแข็งขัน ราวกับนักเรียนที่พร้อมตั้งใจจะเอาเกรดสี่ในวิชาเพ้อเจ้อที่กำลังจะฟังต่อไปนี้
“เอ่อ...มันจะเริ่มยังไงดีล่ะ” สุโนการณ์เกาหางคิ้วเพื่อเรียบเรียงเรื่องราวให้ลื่นไหล เวลาพานิลฟังจะได้ไม่งุนงงจนมากเกินไป
“อย่างที่พัดรู้ ว่าตระกูลอาส่วนใหญ่จะชื่นชอบวิทยาศาสตร์ หลายคนในตระกูลจบสาขานี้ นั่นก็เพราะเราถูกสั่งสอนมาว่า เทคโนโลยีจะทำให้เราร่ำรวย อย่างน้อยถ้าไม่ชอบก็ต้องทำธุรกิจเกี่ยวกับแวดวงสิ่งประดิษฐ์ และสาเหตุสำคัญนั้นก็เพราะเรามีความเชื่อว่าสุริยศรฟื้นคืนชีพคนตายได้ ด้วย...”
“ด้วย...?”
“ด้วยหุ่นยนต์”
ตอนนั้นเองอาการของสารในสมองของพานิลก็หลั่งไหลอีกครั้ง ภาพประมวลเหตุการณ์ผสมปนเปไปหมดราวกับมันกำลังค้นหาภาพให้ตรงกับคีย์เวิร์ดที่เขาสะกิดใจ และทันใดนั้นเอง....
แต่แล้ว!
ทุกอย่างมันก็เวียนคืนกลับมา เหมือนไฟล์วิดีโอที่กำลังย้อนเวลากลับ กิลลี่กลับมาสวยดังเดิมแต่ทว่าว่า....
“บะ...บ้าน่า” เขาอุทานดังกับสิ่งที่ได้เห็น
ฝันที่เขาลืมเลือนปรากฏชัด หลังคำอุทานจากการที่ได้เห็นผิวหนังอันหลุดลอกของกิลลรี ร่างกายเธอแปลเปลี่ยนเป็นไซบอร์ก....
พานิลอ้าปากหวอกับข้อมูลใหม่ที่แล่นในหัวของตัวเอง ร่างกายอันหยุดนิ่งเหมือนแผ่นหนังที่กำลังสะดุด ทำให้สุโนการณ์ถึงกับเขย่าตัวแฟนลูกสาวเพราะกลัวว่าเขาจะช็อกจนรับไม่ได้
“พัด...เป็นอะไรรึเปล่า”
“ปะ...เปล่าครับ ต่อเลยครับคุณอา” เขาตื่นเต้นต่างหาก เมื่อภาพฝันที่สมองแต่งเติมเอาเองมันผูกโยงเข้ากับเรื่องเล่าได้อย่างน่าฉงน ยิ่งยืนยันคำพูดของคุณหญิงสกุณีได้เป็นอย่างดีว่าได้การคืนชีพอาจมีจริง
“ต่อเหรอ...สิ่งที่อารับรู้จากตระกูลก็มีเท่านี้”
“แล้วเกี่ยวกับบันทึกล่ะครับ คุณอาเคยเห็นรึเปล่า”
“....” สุโนการณ์พยักหน้า
“จริงเหรอครับ! แล้วมันเขียนอะไรไว้บ้างครับ”
“อาจำไม่ได้หรอก เห็นแค่แว๊บเดียว ตอนที่คุณณีหยิบมาให้อ่านอาก็โดนคุณพ่อแย่งไปซะก่อน”
“คุณปู่วัลน่ะเหรอครับ”
“ใช่...เรื่องนี้ไม่ได้รู้กันทุกคนหรอกนะ มีเพียงคนที่สืบทอดตระกูลเท่านั้นที่จะรู้ และพ่อของอาก็ไม่ได้บอกลูกทุกคนเช่นกัน”
ยิ่งฟัง ความลับของสุริยศรมันก็ชวนให้เขาอยากค้นหาไปเรื่อยๆ จากเดิมที่เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ
พานิลรู้สึกว่าคนในตระกูลนี้ต้องมีความเชื่อเรื่องนี้อย่าง
เต็มเปี่ยมแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ส่งต่อเรื่องราวรุ่นต่อรุ่นมาขนาดนี้หรอก
แม้แต่ปู่ของกิลลรีที่อายุเข้าขั้นอนุรักษนิยมยังรับรู้เรื่องพวกนี้ และจงใจจะหลบซ่อนมัน นี่แหละคือสัญญาณเตือนของความเป็นไปได้
และดูท่าทางจะรู้มากกว่าคุณอาสุโนการณ์เสียด้วย แต่มันอาจจะเหลือเชื่อจนทุกคนไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง จึงกลายเป็นเรื่องปรัมปราไม่ต่างจากตำนานเมืองที่เอามาแต่งเป็นเรื่องลี้ลับ
เมื่อพานิลได้รับรู้ข้อมูลมากเพียงพอจากสุโนการณ์จึงขอตัวลากลับบ้าน โดยไม่สนว่าเรื่องที่ตัวเองรับรู้มามันจะจริงเท็จสักแค่ขนาดไหน เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งให้เขาขุดคุ้ยได้เลย
แต่ฝ่าเท้ายังไม่ทันพ้นธรณีประตู เสียงของสุโนการณ์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าพัด”
“ครับคุณอา” พานิลหันตามคำทักท้วง
“สิ่งที่อารู้และพ่อไม่ได้บอกมีอีกหนึ่งเรื่อง”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“บันทึกเล่มนั้นเป็นของหม่อมเจ้านิลพันธุ์”
“หม่อมเจ้านิลพันธุ์...” พานิลอุทานชื่อที่คุ้นเคย
“ใช่...หม่อมเจ้านิลพันธุ์ มาลากาฬ หนึ่งในต้นตระกูลของเธอ ซึ่งมันก็หมายความว่าการฟื้นคืนชีพอาจจะไม่ใช่ความสามารถของสุริยศร”