เมื่อแฟนสาวถูกฆาตกรรมทำให้ 'พานิล' จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอกลับบอกว่า 'การคืนชีพมีอยู่จริง' ให้เขาตามหาบันทึกปริศนานั้นให้เจอ

Sound แว่วเสียงรัก - Sound : Chapter 7 จิราเมธผู้แตกสลาย โดย Di-N(ดิเอ็น) @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,รัก,ระทึกขวัญ,ลึบลับ,ดราม่า,ข้ามภพ,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Sound แว่วเสียงรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,รัก,ระทึกขวัญ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ลึบลับ,ดราม่า,ข้ามภพ,แฟนตาซี,เกิดใหม่

รายละเอียด

เมื่อแฟนสาวถูกฆาตกรรมทำให้ 'พานิล' จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอกลับบอกว่า 'การคืนชีพมีอยู่จริง' ให้เขาตามหาบันทึกปริศนานั้นให้เจอ

ผู้แต่ง

Di-N(ดิเอ็น)

เรื่องย่อ

จะเป็นอย่างไรเมื่อการข้ามภพข้ามชาติมาในรูปแบบไซไฟ 'พานิล มาลาฬ' ก็ไม่รู้เช่นกันว่าชีวิตตัวเองกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดการ ซึ่งเริ่มจาก 'กิลลรี สุริยศร' แฟนสาวเสียชีวิต และแม่ของเธอบอกว่า สุริยศรฟื้นคืนชีพคนตายได้ บันทึกลึกลับเก็บอยู่ที่วังเก่า อันเป็นสมบัติของตระกูล พานิลนึกหัวเราะกับคำเพ้อเจ้อเหล่านี้ แต่ความโศกเศร้าทำให้เขาอยากพิสูจน์เรื่องน่าเหลือเชื่อ และนั้นคือจุดเริ่มต้นของความลับระหว่างสองตระกูล ซึ่งมันได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล พานิลจะฟื้นคือชีพของกิลลรีได้ไหม พระเจ้าเองก็ตอบไม่ได้ อยากให้นักอ่านมาลุ้นเอาใจช่วยเขากันค่ะ

สารบัญ

Sound แว่วเสียงรัก-Sound Prologue ,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 1 หัวใจของพานิล,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 2 สาเหตุการตาย,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 3 ภาพฝันอันงุนงง,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 4 การคืนชีพมีอยู่จริง,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 5 ท่านชายสติเฟื่อง,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 6 เบาะแสเริ่มชัดเจน,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 7 จิราเมธผู้แตกสลาย ,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 8 วิธีทำซอมบี้หุ่นยนต์,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 9 อัศวินสมชื่อ,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 10 กลับมา,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 11 (END) รักนิรันดร์,Sound แว่วเสียงรัก-Sound Special Chapter 1,Sound แว่วเสียงรัก-Sound Special Chapter 2,Sound แว่วเสียงรัก-Sound Special Chapter 3,Sound แว่วเสียงรัก-Sound Special Chapter 4

เนื้อหา

Sound : Chapter 7 จิราเมธผู้แตกสลาย

ห้วงฝันครั้งนี้ของพานิลดูแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อน เขารับรู้ได้ว่ากินรีและนิลพันธุ์มีความรักต่อกัน และมักเคียงคู่ไปเดินเล่นกันในแหล่งช้อปปิ้งของโลกอนาคต

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะหนุ่มจากอดีตคลั่งไคล้ในวิทยาการล้ำสมัย การได้เห็นสิ่งปลูกสร้างแปลกตา กินรีคิดว่าเขาคงเพลิดเพลินกับมันไม่มากก็น้อย

ทั้งรถประจำทางที่โลดแล่นอยู่บนอากาศ และร้านรับชาร์จแบตสำหรับประชากรที่มีร่างกายเป็นหุ่นยนต์ ซึ่งกินรีเธออยู่ในสภาพนั้น

กิจวัตรเหล่านี้มักเป็นภาพที่พานิลเห็นเป็นประจำ แต่ครั้งนี้โชคชะตาผลักดันให้เข้ามาในตัวบ้านโมเดิร์นสวย มีเครื่องรับสัญญาณและของอำนวยความสะดวกที่เขาไม่รู้ประโยชน์ของมัน

ทันใดนั้นเองก็พึงระลึกได้ว่าข้างในนี้อาจจะเป็นบ้านของกินรี แต่ถึงอย่างนั้นกลับเห็นเพียงชายสองคนที่ยืนคุยกันอย่างดุเดือด ไร้วี่แววของเจ้าหล่อนอย่างสิ้นเชิง
พานิลจึงเดินทะลุประตูเข้าไปเพราะอยากรับรู้ว่าทั้งคู่เถียงกันเรื่องอะไร

“สิ่งที่โยมกำลังทำอยู่ มันผิดนะ” ชายในผ้าเหลืองกล่าว

“หลวงพี่พูดเรื่องอะไรครับ”

“ซาว์เดอรี่ที่ให้อาตมาปลุกเสกน่ะ โยมเอาไปให้หนูกินรีเหรอ”

“ยัยกินก็แค่ขอยืมไปเล่นเท่านั้นเองน่ะครับ”

“แต่โยมโกหกอาตมา ไหนบอกว่าจะเอาไปทดลอง ถ้าไม่ได้ผลหรือสุ่มเสี่ยงเกินไปจะยกเลิก โยมจะทำอะไรกันแน่”

“หลวงพี่ ยัยกินยี่สิบเอ็ดแล้วนะครับ แกยังไม่เคยมีแฟนกับเขาสักคน”

“ก็เลยสร้างเครื่องซาวด์เดอรี่ขึ้นมาน่ะเหรอ แล้วที่ยัยหนูมันเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าโยมไม่ปล่อยวาง”

“....”

“มีผู้หญิงดีๆ อีกมากมายที่พร้อมจะเข้าใจและดูแลโยม ถ้าเปิดใจสักนิดละก็จะมีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระได้ เรื่องน่าเศร้ามันก็ไม่เกิดกับยัยหนู”

จิราเมธพูดอะไรไม่ออก คำว่าปล่อยวางของ 'พระอาจารย์สันตะวิญญู' ทำให้เขาคิดไปถึงภรรยาที่ตายไปอย่าง ‘นิโคล’

หลวงพี่จี้จุดบอดเรื่องนี้ นั่นก็เพราะเธอตายและทำจิราเมธไม่เป็นอันทำอะไรจนละเลยลูก จึงแก้ปัญหาโดยการจ้างพี่เลี้ยงมาดูแล

จนวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุกับกินรี เธอตกสระน้ำเสียชีวิตในวัย 8 ขวบ เพราะแม่บ้านรับงานหลายกะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าและเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวจึงทำให้การดูแลหละหลวม สิ่งนั้นทำให้จิราเมธไม่อาจทำใจได้เลย

“ผมรักนิโคล ผมรักภรรยาของผม ขอบคุณนะครับที่แนะนำ”

“บอกแล้วไงว่ามันคือการยึดติดมันไม่ใช่ความรัก”

“หลวงพี่ มนุษย์เราพัฒนาเกินก้าวข้ามความตายมาเป็นร้อยปีแล้วนะครับ”

“ใช่ โยมไม่แคร์ศาสนามันคือความงมงาย วัดเป็นที่ที่โยมมาเยี่ยมอาตมามาเท่านั้นเอง ถ้าตายก็แค่ปลุกขึ้นมาในร่างหุ่นยนต์ เงินโยมลงทุนกับเรื่องพวกนี้มันก็แค่เศษกรวด อาตมามาเข้าใจความคิดโยม”

“....” จิราเมธพูดไม่ออก

“งั้นอาตมาขอถาม ทำไมโยมไม่คืนชีพให้เมียตัวเองล่ะ”

“...” พระอาจารย์ทำจิราเมธอึ้งอีกครั้ง ดวงตาที่แข็งกร้าวจากความโกรธเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นสั่นไหว ส่งผลให้หยาดน้ำตามันเอ่อล้นออกมา เพราะเผลอไปนึกถึงวันที่เธอหมดลมหายใจ และความทรงจำเหล่านั้นกำลังจู่โจมเขาไปในทุกขณะ

“เพราะนิโคลขอไว้ใช่มั้ย”
เพียงเท่านั้นภาพอดีตก็ย้อนคืนกลับมา ในวันที่เขาแต่งงานกับภรรยา...

“เมธ ถึงแม้ฉันจะหลงใหลความก้าวหน้า คลั่งไคล้ในวิทยาการ ฉันภูมิใจกับสิ่งประดิษฐ์ทุกชิ้นที่ฉันสร้าง แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะขอคุณ”

“ว่ามาสิครับ สำหรับคุณอะไรผมก็ทำได้”

“ถ้าฉันตาย คุณอย่าทำให้ฉันฟื้นขึ้นมา ปล่อยฉันไปตามกาลเวลาและสิ่งที่มันควรจะเป็น”

“....” เมธคิดสักพักเพราะเขาไม่แน่ใจว่าจะทำได้มั้ย “ได้สิ ผมสัญญา”

“มันไม่เกี่ยวกับอะไรกับหลวงพี่”

“ทำไมมันจะไม่เกี่ยว อาตมาเป็นเพื่อนกับโยมมาทั้งชีวิต เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งฮาร์ทคู โยมกำลังเอาความต้องการไปลงที่ลูก”

“เพราะผมทนไม่ได้! ที่ต้องปล่อยให้ลูกตายไปอีกคน ยัยหนูคือแก้วตาดวงใจของผม คือสัญลักษณ์ของความรักที่ผมมีให้นิโคล”

“แล้วถ้าเครื่องมันมีปัญหาล่ะ ผลข้างเคียงของมันล่ะโยมตรวจสอบดูดี ๆ รึยัง โยมอย่าล้อเล่นกับคาถาอาคมนะ เพราะเป็นเพื่อนหรอกอาตมาถึงยอม แต่นึกไม่ถึงเลยว่าโยมเอาไปให้ลูกสาว”

“มันไม่มีปัญญาอะไรผมเช็กแล้ว”

“แน่นะ”

“....” จิราเมธเงียบงันอีกครั้ง เขาไม่มีความมั่นใจที่จะตอบ เพราะตัวเองก็ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน

“กินรีคือความยึดติดที่เป็นตัวเป็นตน และสถานะของโยมที่เป็นผู้มีอิทธิพล ทำให้ร่างกายของกินรีต้องได้รับการดูแลตลอดเวลา กันคนมาทำร้ายและใช้เป็นเครื่องมือต่อรองเรื่องธุรกิจ ไม่คิดล่ะสิว่ามันจะวุ่นวายกว่าลูกชาวบ้านได้ขนาดนี้ จนลูกไม่มีเพื่อนมีฝูง แล้วโยมก็มาแก้ไขด้วยวิธีผิด ๆ แบบนี้”

“....”

“ทำลายทิ้งซะ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป”

“....” จิราเมธหันตัวไปยังต่างหน้าต่างแก้วบานใหญ่ ที่เบื้องหน้าคือภาพทิวทัศน์ของมหานครเลิศล้ำ เต็มไปด้วยตึกสูงดีไซน์แปลกตา และยานพาหนะลอยฟ้าที่บินสวนกันจนเวียนหัว “ถ้าหลวงพี่พูดจบแล้ว ผมจะให้คนไปส่งที่วัด”

“เมธ ทุกวิวัฒนาการมีเพดานของมัน การก้าวล่วงกฎของจักรวาล บทลงโทษของมัน เงินโยมก็บรรเทาไม่ได้”

พานิลมองพระอาจารย์คนนั้นเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้ให้ชายที่ชื่อจิราเมธยืนล้วงกระเป๋ากางเกงและเหม่อลอยไปนอกหน้าต่างโดยไม่ไหวติง

ไม่นานนักเขาก็หยิบบันทึกบางอย่างขึ้นมา แล้วนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเองเพื่อเปิดมันไปทีละหน้า

จากที่ได้ฟัง ชายคนนี้คือคนคิดค้นเครื่องอัดเสียงที่กินรีใช้ซึ่งเธอเข้าใจว่ามันเป็นตัวทดลอง แต่ดันเกิดอุบัติเหตุขึ้นแฟนในอุดมคติที่จะปรากฏในรูปแบบโฮโลแกรม มันกลายเป็นหม่อมเจ้านิลพันธุ์ที่ข้ามเวลามาอนาคต

หรือนี่จะเป็นผลข้างเคียงที่จากเทคโนโลยีที่ผสานไปกับเวทมนตร์คาถา แล้วผู้ใหญ่สองคนที่ถกเถียงกันเมื่อครู่ก็ไม่รู้เสียด้วยว่าคุณสมบัติมันทำได้เกินกว่าเครื่องแก้เหงาธรรมดา

‘ผมสร้างเครื่องนี้ขึ้นมาเพื่อลูก ร่างกายของกินรีเป็นหุ่นยนต์ทำให้ต้องระมัดระวังเรื่องแผงวงจรและคนที่จะมาปิดสวิตช์เธอ ผมจึงจ้างบอดี้การ์ดมาเฝ้าลูกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นสาเหตุให้คนไม่อยากเข้าใกล้ลูกสาวผมมากนัก เธอจึงเป็นคนไม่มีเพื่อนและขี้เหงามาก ตอนมัธยมปลายเธอบ่นกับผมเสมอว่าอยากมีแฟน อยากมีจูบแรกเหมือนคนอื่นบ้าง ผมจึงหาหนทางให้ลูกได้มีช่วงเวลานั้น
ร่างกายของเธอจึงถูกอัปเกรดโดยไม่รู้ตัว ด้วยวัสดุพิเศษที่พระอาจารย์เพื่อนของผมยอมช่วย มันมีเนื้อเยื่อของร่างเก่าผสมอยู่ หรือจะให้พูดให้ถูก ชิ้นส่วนของลูกผมทำขึ้นจากศพของเธอเอง และมันอยู่ได้ด้วยมนต์คาถา คุณสมบัติของมันยืดหยุ่นและเชื่อมต่อกับร่างกายของมนุษย์ได้ดี หานำไปใช้กับคนพิการ จะทนต่อแรงเสียดทาน สิ่งเดียวที่จะทำลายมันได้ก็คงมีระเบิดระดับนิวเคลียร์เท่านั้น พระอาจารย์คงโกรธผมมาก เพราะดันทำเรื่องไม่เข้าท่า เขาตามใจผมตลอดแม้มันจะแหกฎสงฆ์ก็ตาม แต่ผมเอาความไว้ใจไปโยนทิ้งซะได้ ก็ผมทำใจไม่ได้นี่ ถ้าลูกต้องจากไป เครื่องซาวด์เดอรี่ของกินรีถูกอัปเกรดแล้วตอนนี้ แต่เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันคือรีโมต และสามารถเซตอายุขัยของร่างหุ่นยนต์ได้ เพราะผมตระหนักได้จากคำขอภรรยา คงไม่มีใครอยากมีชีวิตอยู่เป็นพันปี ลูกคงอยากเจอคนที่ตัวเองรักและตายไปด้วยกัน’

พานิลอ้าปากหวอเมื่อชายที่ซื่อจิราเมธได้เปิดบันทึกที่เต็มไปด้วยข้อความ และภาพร่างของดีไซน์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อ่าน

ชายหนุ่มคิดว่ามันคงเป็นบันทึกไอเดียของจิราเมธเอง และเขากำลังอ่านมันเพื่อทบทวนการกระทำของตัวเองแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พานิลครุ่นคิดได้นานนัก

เมื่อความสงสัยของคุณปู่อัศวินได้โผล่เข้ามา ท่านไม่รู้ว่าเครื่องนี้เอาไว้ทำอะไรแต่ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว มันคือของเล่นเอาไว้แก้เหงา เหมือนเครื่องสื่อสารทั่วไปซึ่งถูกอัปเกรดให้เป็นรีโมตคอนโทรลร่างของกินรี แต่ผลข้างเคียงของมันดันไปสั่นคลอนลูปของเวลาที่ทับซ้อน ทำให้นิลพันธุ์มาโผล่ในโลกอนาคต และเสียง 'ติ๊ก' ที่เขาได้ยินเป็นประจำ มันคือการนับถอยหลังก่อนจะถ่ายทอดคำสั่ง

แต่ทำไมเครื่องนี่ได้ไปอยู่ในอดีตกับหม่อมเจ้านิลพันธุ์กันล่ะ มันต้องมีสาเหตุสิ...ต้องมีอะไรแน่ๆ

ติ๊ก...

“เชี่ยเอ๊ย! ใครปลุกวะ”

ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...ตื้ด....



เพียงเปลือกตาเปิดขึ้นมารับแสง เสียงของชายผู้ร่วมหัวจมท้ายคนใหม่ก็ดังสนั่นจนทำให้พานิลสะดุ้งขึ้นมาขณะนอนคอพับอยู่กับเบาะหน้ารถ

“ตระกูลกูเป็นหมอดู ไม่ใช่หมอผี!”

ทินกร หรือ กร เพื่อนอีกคนในสมัยมัธยมของพานิล ได้ตะคอกไปยังธารัฐที่นั่งขับรถอยู่ ในขณะที่พวกเขาจอดนิ่งเพราะรถติด

“กูบอกแล้วว่าให้พูดเบา ๆ ไอ้พัดมันงีบอยู่” นายแพทย์หนุ่มออกปากดุเพื่อนอีกคนเล็กน้อย

ทินกรกับพานิลสนิทกันได้เพราะชื่นชอบวงร็อกเหมือนกัน แต่ชายหนุ่มไม่อาจไขว่คว้าความฝันในการเป็นนักดนตรีเหมือนทินกรได้ เนื่องจากครอบครัวไม่อนุญาตและเขามีธุรกิจที่ต้องสานต่อ จึงเลือกเรียนในสาขาที่เอื้อประโยชน์ต่อครอบครัว

“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ” ธารัฐตอบ
“เหมือนกะป๋ามึงสิไอ้ธัญ”

ทั้งคู่ยังคงเถียงกันเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรนักเพราะทินกรจะเชื่อในเรื่องลี้ลับ และธารัฐเชื่อในหลักเหตุผลแต่น่าแปลกที่ทั้งคู่ก็ไม่เคยเถียงกันจนขาดความเป็นเพื่อน ทั้งที่ความเชื่อต่างกันราวฟ้ากับเหวโดยที่ไม่สามารถมาบรรจบกันได้

พานิลอาสาไปรับทินกร และบอกเล่าเรื่องราวในรถที่กำลังขับไปตามท้องถนนของกรุงเทพ ซึ่งทินกรก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่ยุ่งไม่ถาม หรือทำท่าทางเหลือเชื่อออกมา กลับกันเขานั่งอ่านเอกสารอย่างใจจดใจจ่อด้วยสีหน้าจริงจัง

“สนุกดีวะ มึงสนใจจะเขียนเป็นนิยายมะ”

“ถ้าเรื่องเหลือเชื่อนี้มันสำเร็จจริง ๆ กูจะแต่งขายแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้มึงด้วย เอามั้ยล่ะ”

แต่ก็นั่นแหละ เรื่องแบบนี้ใครจะเชื่อลงแม้คนที่คลุกคลีอยู่ในวงความเชื่อ ทินกรถึงกับเหน็บแนมอย่างแนบเนียนเรื่องแต่งนิยาย ซึ่งสื่อใจความได้ว่าไม่เชื่อเรื่องน่าขันพรรค์นี้

แต่พานิลก็ไม่ตายไมค์โต้กลับทันทีโดยที่ไม่สะทกสะท้าน และไม่กลัวเพื่อน ๆ จะว่าตนฝันเฟื่องคล้ายกับหม่อมเจ้านิลพันธุ์

“เห้ย แบ่งกูด้วยดิ กูก็มีส่วนนะเว้ย มาก่อนไอ้กรอีก” ธารัฐแย้ง

“เอ่อ กูจะแบ่งพวกมึงทั้งหมดนั่นแหละ”

“อืม...แล้วจะให้กูดูอะไร” ทินกรถามเพราะยังไม่เข้าใจสาเหตุที่ตนถูกเรียกมาหา ส่วนใหญ่การพบเจอพานิลจะมีเป้าหมายในเรื่องดนตรีเสียมากกว่า เพราะเพื่อนผู้มีสกุลรุนชาติคนนี้ถึงแม้ไม่เก่งบรรเลงเครื่องดนตรี แต่ถ้าเป็นทฤษฎีละก็ ถึงขั้นต้องกราบกันเลยทีเดียว ไม่รู้เอาคลังสมองที่ไหนไปจำทั้งข้อมูลธุรกิจและเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“เปล่า แต่คิดว่าความสามารถมึงอาจจะมีประโยชน์กับพวกกู”

“อ้อ จะให้กูมานั่งดีดกีตาร์นี่เอง”

“ก็ตามที่เข้าใจ” พานิลตอบ

“แล้วจะไปไหนกันวะ”

“ไปวังศรีไพร” ธารรัฐตอบ

“ห๊ะ! วังผีสิงอะนะ”

“ผีสิงเหรอ” พานิลหันมาไปหน้าทินกรที่นั่งเบาะหลัง “วังศรีไพรคนดูแลดีจะตาย เถาวัลย์ไม่เลื้อยซักเส้น มันห่างไกลกับคำว่าผีสิงมากนะไอ้กร”

“กูไม่ได้หมายถึงสภาพ กูหมายถึงว่ามันไม่มีคนอยู่ ดังจะตายในเน็ตไม่อ่านกันเหรอคนไปล่าท้าผีเยอะจะตาย”

“แล้ว?”

“ก็ในเมื่อไม่มันมีคนอยู่ อะไรมันจะไปอยู่แทนล่ะ” ถึงทินกรจะอธิบาย แต่พานิลก็ไม่เอาเข้าใจอยู่ดี

“อากาศ?”

“อื้ม เย็นสบายเชียวมึง...ไอ้ห่าพัด! กูหมายถึงผี”

“งั้นก็บอกว่าผีสิ จะพูดกำกวมทำไม”

“คนเขาก็รู้หมด มีแต่มึงเท่านั้นแหละไม่รู้” ทินกรถลึงตาใส่ เมื่ออีกฝ่ายกลอกตาเหมือนไม่แยแสแล้วหันหลังกลับ

“แล้วพวกมึงจะไปทำห่าอะไรที่วังผีสิงวะ”

“คิดว่าปริศนาทั้งหมดอยู่ที่นั่น เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้พูดถึงวังศรีไพร และหม่อมเจ้านิลพันธุ์ตายที่นั่น”

“เป็นไง ผีสิงเหมือนที่มึงบอกมั้ย ไอ้กร” ธารัฐแซวกลับทันทีหลังจากพานิลพูดจบ

“เหรอ...กูนึกว่าหม่อมเจ้านิลพันธุ์อะไรนั่น กลับชาติมาเกิดเป็นมึงซะอีกไอ้พัด”

“ห๊ะ!?” ทั้งพานิลและธารัฐประสานเสียงกันอย่างตกใจ

“กูเดาเฉยๆ ก็ที่ปู่มึงเขียนนี่ไง”

‘เจ้าธารายังคิดชื่อลูกไม่ออกผมจึงเสนอชื่อ พานิล แรงบันดาลใจจากชื่อคุณลุงนิลพันธุ์ อะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมคิดชื่อนี้ขึ้นมา รู้เพียงแต่ว่าเจตนารมณ์ก่อนตายของคุณลุงนิลพันธุ์ได้ถูกสานต่อแล้ว xx-xx-1996’

ทินกรอ่านข้อความสำคัญที่ตัวเองสะกิดใจให้เพื่อนทั้งสองฟัง เป็นข้อความที่ธารัฐเคยบ่นว่าเรื่องของตระกูลพานิลซับซ้อนมีหลายปม แต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าเป็นคำพรรณนาธรรมดาของปู่อัศวิน แต่ไม่คิดว่าในอีกความเชื่อหนึ่งมันจะมีมุมมองน่าสนใจ

“ถ้ายึดจากศาสตร์บ้านกูเนี่ย เขาคิดว่ามึงคือหม่อมเจ้านิลพันธุ์กลับชาติมาเกิด”

“สรุปบ้านมึงเป็นหมอผีหรือหมอดู” ธารัฐเมินคำวิเคราะห์ และเหน็บแนมทินกรในเรื่องที่เขาปฏิเสธมาตลอดว่าบ้านตัวไงไม่ใช่สำนักหมอผี

“เสือก ไอ้ธัญ”

“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ มึงนี่จี้จุดง่ายจริง ๆ”

สนทนากึ่งถกเถียงได้เงียบลง มันยังคงทำให้พานิลคิดวนซ้ำ ๆ กับคำพูดของทินกร ซึ่งบังเอิญอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ได้เข้าล็อกเสียด้วย

ทั้งเรื่องฝันครั้งแรก ที่เป็นตัวเขาโผล่ไปหากินรีและเรียกเธอว่ากิลลี่ตามความเข้าใจของตัวเอง แต่เธอปฏิเสธ และในเวลาต่อมาเขาเป็นบุคคลที่สามในภาพฝันที่ตามติดชีวิตหม่อมเจ้านิลพันธุ์ และรู้สึกว่านั้นคืออีกครึ่งหนึ่งของตัวเอง

แต่เมื่อรถคันแพงลัดเลาะซอกซอยที่เป็นเส้นเลือดฝอยอย่างทุลักทุเล พานิลก็สะบัดหัวให้เรื่องที่คิดนั้นหลุดออกไป และหันมาโฟกัสที่หนทางเข้าอันยากลำบากแทน เพราะตอนนี้พวกเขาได้มาจอดที่ด้านหลังวังศรีไพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งสามคนกำลังย่างก้าวเข้าสู่เขตส่วนบุคคล ทำให้ต้องหันมองอย่างพะว้าพะวังเพื่อดูความปลอดภัย เพราะสิ่งที่ทำอยู่มันคือการบุกรุก

และแม้ประตูจะปิดตาย แต่กำแพงที่ห้อมล้อมก็ไม่คณามือเพื่อนรักทั้งสามที่ตัวสูงใหญ่ พวกเขากระโดดข้ามมาอย่างง่ายดาย แต่ก็ต้องเกร็งตัวอยู่ทุกขณะในเวลาเดิน เพราะกลัวว่ายามที่เฝ้าด้านหน้าจะได้ยินเสียงฝีเท้า

“มึงเหยียบใบไม้เบา ๆ ดิวะไอ้กร” ธารัฐบ่น

“มึงหวังให้ใบไม้แห้งมีเสียงเงียบเหรอวะไอ้ธัญ กูก็พยายามอยู่”

ด้านหลังเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ปลูกเรียงราย หากมันมีคนอาศัยอยู่ก็นับว่าเป็นบ้านที่ร่มรื่น แต่นี่มันเงียบเชียบและเย็นชื้นทำให้ลมที่พัดผ่านมันปลุกขนแขนพวกเขาให้ลุกชูขึ้นมาได้ทุกจังหวะ

มีเพียงพานิลเท่านั้น ที่มีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวไล่ดันประตูและหน้าต่างทุกตัว เพื่อหวังจะได้ยินเสียงสั่นคลอนที่บ่งบอกว่ามันปิดไม่สนิท

“กูถามจริงเถอะได้พัด ที่นี่มรดกของตระกูลแฟนมึง

ไม่ใช่เหรอ ทำไมมึงไปขอเขาดี ๆ วะ จะแอบเพื่อ?” ทินกรที่คอยเกาะแขนธารัฐเอ่ยถาม ในขณะที่กวาดสายตาไปมองรอบ ๆ วังแห่งนี้อย่างหวาดระแวง

"ลูกหลานหมอผี กลัวเรื่องแค่นี้ด้วยเหรอเนี่ย" ธารัฐหันไปมองเพื่อนอีกคน

“กูบอกแล้วไงว่าเป็นหมอดูไม่ใช่หมอผี” ทินกรเอ่ยขณะที่เลื่อนสายตามองคนเดินนำอย่างพานิล “ไอ้พัด ถ้าที่นี่ไม่เจออะไร มันจะคุ้มมั้ยถ้าโดนจับได้ แล้ว...มีมึงปัญญาเข้าไปเหรอ”

แกร๊ก

ไม่ทันขาดคำ กุญแจที่คล้องก็ถูกสะเดาะออกอย่างง่ายดาย พร้อมกับอุปกรณ์ที่พานิลยกโชว์ ซึ่งทำให้เพื่อนทั้งสองถึงกับอ้าปากค้าง

“กูดูวิธีในแอปแดงมา” สิ้นคำอธิบาย ก็เป็นเขาที่เดินนำเข้าไปก่อนคนแรก

“เชี่ย...อนุภาคความรักทำให้คนเดบิวต์เป็นโจรได้ทันตาเห็นเลยเหรอวะ” ทินกรกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งตามแขนที่เกาะอยู่ เมื่อรู้สึกว่ามันเริ่มคล้ายออกเพราะธารัฐเดินดุ่ม ๆ ตามพานิลไปโดยไม่คิดรอ

บรรยากาศข้างในเยือกเย็นไม่แพ้ข้างนอก เผลอ ๆ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำเนื่องจากมันปิดทึบและไม่ได้รับแสงตะวันเลย พานิลและธารัฐเดินกวาดตามองไปรอบ ๆ ตามจุดนำสายตาของแสงไฟฉายมือถือ

มีเพียงทินกรเท่านั้นที่ส่องดูอะไรที่ไร้สาระ เช่นข้าวของเครื่องใช้ เพราะมีเยอะเสียเหลือเกินและเดาว่าตรงนี้คงจะเป็นโซนครัว มีแม้กระทั่งถุงขนมซึ่งเป็นรสชาติที่เขาชอบ

“อันนี้ก็อร่อยดีนะ พวกมึงเคยกินยัง” เขากระซิบกระซาบและชี้ไปยังเป้าหมายที่ตกอยู่บนพื้น

“ชู่ว...เบา ๆ ดิวะ” พานิลหันมาดุ

“มึงหวังจะเจอบันทึกเล่มนั้นจริง ๆ เหรอวะ” ธารัฐถาม

“ก็มีที่เดียวที่บันทึกกล่าวถึง ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้”

แช่!!!

“เฮ้ย!” ทั้งสามคนประสานเสียงกันอย่างตกใจ เมื่อพบว่าก๊อกน้ำถูกเปิด และต้นตอไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นทินกรนั้นเอง ซึ่งเขารีบเอามืออุดปากก๊อกด้วยความลนลาน ก่อนจะปิดมันแล้วหันมายิ้มแหย

และเมื่อมองสภาพตัวเองก็พบว่าเต็มไปด้วยช่วงตัวที่เปียกปอนเนื่องจากน้ำกระเด็นมาใส่

“ไอ้ห่ากร มึงทำอะไรเนี่ย” ทั้งพานิลและธารัฐหันมาจ้องหน้าและประสานเสียงดุเป็นหนึ่งเดียวกัน

“ใครจะไปรู้เล่าว่ามันใช้ได้”

“เล่นเป็นเด็-”

เคร้งงงงง!

“ว๊ากกกกก! กูไปแล้วกูไม่เอาแล้วววว!”
พานิลกำลังจะต่อว่าทินกรที่ทำตัวเหมือนเด็ก แต่ทันใดนั้นมีเสียงดังลั่นเหมือนของตกพื้นแทรกมาเสียก่อน และคนที่คนชื่อว่าเป็นลูกหลานหมอผีก็สับเกียร์หมาวิ่งย้อนกลับไปในทันที ตามด้วยธารัฐที่ถึงแม้จะเป็นนายแพทย์พบเจอศพมานักต่อนัก แต่ความตกใจก็ทำให้เขาสติเตลิดและวิ่งตามโดยสัญชาตญาณ

ส่วนพานิลก็ต้องตามไปอีกคน แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะความกลัว เขาจะกำลังจะเตือนว่าอย่าทะเล่อทะล่าวิ่งออกไปในส่วนของหน้าวังเพราะอาจโดนจับผิดได้ แต่ทว่า...

“พวกแกเป็นใครวะ!”

เสียงกึกก้องจากการตะคอกดังสนั่น ที่จะแสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยว เหมือนเจ้าป่าที่ต้องการให้ต้นไม้โดยรอบสั่นสะเทือนเป็นการข่มขวัญ

พานิลรู้ตัวดีว่าเสียงอันคุ้นเคยนั่นคือใคร ความวุ่นวายที่จะเกิดต่อไปนี้เขาเห็นได้เป็นฉาก ๆ โดยที่ยังไม่เห็นร่างเห็นร่างเพื่อนทั้งสองที่วิ่งหนีไปก่อนหน้าเสียด้วยซ้ำ

“ปู่วัล...”

“เจ้าพัด !?” ชายสูงวัยอุทานเบาพร้อมหรี่สายตาที่ฝ้าฟางนั้นมองเป้าหมาย แต่เมื่อแน่ชัดแล้วคือใคร เรียวคิ้วก็ดึงขึ้นพร้อมกับมุมปากที่คว่ำลงซึ่งเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ “มาทำอะไรที่นี่!!”

'ธวัล สุริยศร' ปู่ของกิลลรีจ้องหน้าเด็กทั้งสามคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เพราะพวกเขาบังอาจบุกรุกที่ดินแสนสำคัญของตระกูล

ชายสองคนที่ยืนกุมเป้าก้มหน้าขาสั่นอยู่นั่น ธวัลคิดว่าไม่น่าจะรู้เรื่องอะไรมากนัก ตัวตั้งตัวตีคิดว่าเป็นแฟนของหลานมากกว่า

และนั่นคือสิ่งที่น่าโกรธเข้าไปอีก เพราะพานิลเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ควรรับรู้มารยาทระหว่างมิตรสหาย และไม่ควรทำสิ่งที่กระทบความสัมพันธ์ขนาดนี้

“พวกแกจอดรถไว้ที่ไหน ขับตามไปที่บ้านฉันเดี๋ยวนี้ ฉันต้องการคำตอบ!”

สิ้นคำประกาศิตพานิลหลับตาปลงด้วยความสยบยอมทันที ก็ในเมื่อเจ้าของที่จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ จะไปมีปัญญาที่ไหนขัดขืนได้ ถ้าเป็นไปในทางที่ดีเขาหวังว่าปู่ธวัลจะเห็นแก่มิตรภาพของสองตระกูล และมองว่าเรื่องนี้เป็นการเล่นพิเรนทร์ของเด็กวัยใกล้สามสิบ ไม่ติดใจเอาความจนเรื่องเลยเถิดไปถึงพ่อแม่

แต่ก็อย่างว่า นี่มันวังที่เป็นมรดกตกทอดเชียวนะ ไอ้ความคาดหวังของชายหนุ่มที่จะให้ปัญหาไปในทิศทางที่ดี ดูเหมือนความเป็นไปได้มันจะน้อยเสียเหลือเกิน...