เมื่อแฟนสาวถูกฆาตกรรมทำให้ 'พานิล' จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอกลับบอกว่า 'การคืนชีพมีอยู่จริง' ให้เขาตามหาบันทึกปริศนานั้นให้เจอ

Sound แว่วเสียงรัก - Sound : Chapter 9 อัศวินสมชื่อ โดย Di-N(ดิเอ็น) @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,รัก,ระทึกขวัญ,ลึบลับ,ดราม่า,ข้ามภพ,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Sound แว่วเสียงรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,รัก,ระทึกขวัญ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ลึบลับ,ดราม่า,ข้ามภพ,แฟนตาซี,เกิดใหม่

รายละเอียด

Sound แว่วเสียงรัก โดย Di-N(ดิเอ็น) @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อแฟนสาวถูกฆาตกรรมทำให้ 'พานิล' จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอกลับบอกว่า 'การคืนชีพมีอยู่จริง' ให้เขาตามหาบันทึกปริศนานั้นให้เจอ

ผู้แต่ง

Di-N(ดิเอ็น)

เรื่องย่อ

จะเป็นอย่างไรเมื่อการข้ามภพข้ามชาติมาในรูปแบบไซไฟ 'พานิล มาลาฬ' ก็ไม่รู้เช่นกันว่าชีวิตตัวเองกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดการ ซึ่งเริ่มจาก 'กิลลรี สุริยศร' แฟนสาวเสียชีวิต และแม่ของเธอบอกว่า สุริยศรฟื้นคืนชีพคนตายได้ บันทึกลึกลับเก็บอยู่ที่วังเก่า อันเป็นสมบัติของตระกูล พานิลนึกหัวเราะกับคำเพ้อเจ้อเหล่านี้ แต่ความโศกเศร้าทำให้เขาอยากพิสูจน์เรื่องน่าเหลือเชื่อ และนั้นคือจุดเริ่มต้นของความลับระหว่างสองตระกูล ซึ่งมันได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล พานิลจะฟื้นคือชีพของกิลลรีได้ไหม พระเจ้าเองก็ตอบไม่ได้ อยากให้นักอ่านมาลุ้นเอาใจช่วยเขากันค่ะ

สารบัญ

Sound แว่วเสียงรัก-Sound Prologue ,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 1 หัวใจของพานิล,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 2 สาเหตุการตาย,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 3 ภาพฝันอันงุนงง,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 4 การคืนชีพมีอยู่จริง,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 5 ท่านชายสติเฟื่อง,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 6 เบาะแสเริ่มชัดเจน,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 7 จิราเมธผู้แตกสลาย ,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 8 วิธีทำซอมบี้หุ่นยนต์,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 9 อัศวินสมชื่อ,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 10 กลับมา,Sound แว่วเสียงรัก-Sound : Chapter 11 (END) รักนิรันดร์,Sound แว่วเสียงรัก-Sound Special Chapter 1,Sound แว่วเสียงรัก-Sound Special Chapter 2,Sound แว่วเสียงรัก-Sound Special Chapter 3,Sound แว่วเสียงรัก-Sound Special Chapter 4

เนื้อหา

Sound : Chapter 9 อัศวินสมชื่อ

เมื่อเอ่ยชื่อของคนที่สูญหายไปกว่ายี่สิบปี ทำให้เพื่อนทั้งสองคนมีปฏิกิริยาไม่ต่างกับพานิลนัก แต่สภาพของคุณปู่อัศวินที่เขาเห็นมันไม่เหมือนเดิมสักเท่าไหร่

...อัศวิน มาลากาฬ แขนซ้ายขาด...

“เก่งนะที่กล่อมคุณธวัลได้ เพราะเขาไม่ค่อยอนุญาตให้ใครเข้ามาที่วังศรีไพรนักหรอก”

“คุณปู่น่าจะเก่งกว่าผมนะครับ ที่มาหลบอยู่ที่นี่ได้” คำพูดตอบกลับของพานิล แม้จะแสนสั้นแต่ก็เต็มไปด้วยความคาดเดาต่าง ๆ นานา

เริ่มจากคำว่าเก่ง ซึ่งหมายถึงอัศวินเป็นคนแรกที่กล่อมธวัลได้ และคำว่าหลบที่หมายถึงความสามารถในการซ่อนตัวอันเก่งกาจ แม้แต่คนในครอบครัวก็ตามไม่เจอมาตลอดยี่สิบปี

“เรื่องมันยาวน่ะ เอาไว้จะค่อย ๆ เหล่าให้ฟัง ตอนนี้พวกเธอก็ตามฉันมาสิ”

ทั้งสามคนวางทุกอย่างในมือลง และรีบตามชายหัวหงอกไปอย่างเร่งรีบเพราะดูเหมือนจะมีปริศนาอีกหลายอย่างที่พวกเขายังไม่รู้ และกำลังจะถูกไขด้วยชายแก่ที่เดินนำหน้า

อัศวินพาเด็กทั้งสามเดินตรงไปยังจุดหมายโดย ไม่มีทีท่าจะหลงลืมเส้นทางเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่วังศรีไพรแห่งนี้ออกจะโอ่อ่าและเต็มไปด้วยห้องเล็กห้องน้อยกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ จนไม่อาจจำเส้นทางเดิมได้เสียด้วยซ้ำ

และมันก็เริ่มตื่นตาตื่นใจขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพานิลพบว่าตัวเองกำลังเดินลงไปในห้องใต้ดิน ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าแปลก สำหรับสถาปัตยกรรมเก่าแก่เช่นนี้ที่นิยมสร้างห้องใต้ดินเหมือนชาวยุโรป

“เพิ่งรู้นะครับ ว่าวังศรีไพรมีห้องใต้ดินด้วย”

“อ้อ ปู่ขอให้คุณธวัลสร้างให้เองและ”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็...เพื่อเก็บเจ้านี่ไง”

ทันใดนั้นเอง นิ้วของอัศวินแตะลงไปที่แสงสว่างดวงสีแดงเพื่อสแกนลายนิ้วมือ และจากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ซึ่งเป็นสัญญาณอนุญาต ก่อนที่ประตูกลก็ค่อย ๆ เลื่อนออก

ข้างในเต็มไปด้วยข้าวของที่เกะกะ แต่ก็ซ่อนความไฮเทคอยู่ไม่น้อย เหมือนเหยียบย่างไปในห้องโทนี่ สตาร์ค ตัวละครสมมติในหนังซูเปอร์ฮีโร่ ทำให้เขาและเพื่อนอีกสองคนเดินสำรวจด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่อะไรก็ไม่ดึงดูดเท่ากับชิ้นส่วนของไซบอร์กช่วงล่างที่อยู่ในตู้กระจกแก้วนั้น และมันถูกควบคุมด้วยรีโมทอันคุ้นเคย

“ซาวด์เดอรี่....” พานิลอุทานแผ่วเบา แต่ก็ไม่พ้นหูของอัศวินไปได้

“คงได้อ่านไดอารี่คุณลุงนิลพันธุ์ไปหมดแล้วสิ” อัศวินถามเมื่อพานิลเอ่ยชื่อเจ้าเครื่องนั้น

“ยังหรอกครับอ่านได้นิดเดียวเอง” เป็นธารัฐที่ตอบแทนพานิล และหันกลับไปสนใจเครื่องมือของอัศวินเหมือนเดิม

“อ้อ...รึนี่ แล้วรู้ได้ยังไงล่ะ” ชายแก่ถามพานิลและใช้สายตามองไปยังเครื่องซาวด์เดอรี่ที่ติดอยู่หน้าประตูของตู้กระจก

“เอ่อ...มีคนนั่งทางในมาบอกครับ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ๆๆ ๆ” อัศวินหัวเราะเสียงดังจนกึกก้องไปทั่วห้องทำงาน แม้แต่ทินกรและธารัฐยังต้องหยุดสำรวจอย่างงุนงง ว่าชายสองคนแห่งตระกูลมาลากาฬพูดเรื่องน่าขำขัดอะไรกันอยู่

“เอ่อ...ปู่เล็กครับ” พานิลเห็นอัศวินถึงกับเช็ดน้ำตาจึงอยากรู้ว่ามันตลกอะไรถึงขนาดนั้น

“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร”

อัศวินเชื่ออยู่เต็มหัวใจว่าหลานคนนี้เป็นนิลพันธุ์กลับชาติมาเกิด และพลังลึกลับอะไรบางอย่างคงพาเขาไปพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ ที่เหนือจินตนาการ ถึงได้ตอบหลีกเลี่ยงเช่นนั้นออกมา

ซึ่งมันก็สร้างความขบขันได้เป็นอย่างดี อัศวินพอจะเข้าใจคนที่เจอเหตุการณ์ที่วิทยาศาสตร์หาคำตอบไม่ได้ แล้วโบยความผิดไปให้ผีสางบ้างแล้วล่ะ

“มาต่อกันเถอะ ถ้าหาร่างหุ่นยนต์ล่ะก็ ฉันมีให้พวกนายใช้นะ”

“แต่ว่า...เอามาจากไหนเหรอครับ” ทินกรที่เงียบไปนานกล่าวขึ้น

“คุณลุงนิลพันธุ์เป็นคนนำกลับมาด้วยนะ จากอนาคต”
“ว้าว...ของจากอนาคตเหรอเนี่ย เหมือนที่เห็นในหนังเลย” ธารัฐพูดขณะเดินเข้ามาส่อง

“แล้วหม่อมท่านเอากลับมาได้ยังไงเหรอครับ” พานิลหันไปตามอัศวิน

“อ้อ ฉันรู้ ๆ มันอยู่ในเล่มที่ฉันอ่าน” แต่เป็นธารัฐที่แทรกตอบ

“เหมือนมันจะมีเหตุการณ์รัฐประหารขึ้น แล้วมีการทิ้งระเบิดจนบ้านเมืองวอดวาย แล้วก็...เอ่อ...กูจำรายละเอียดไม่ค่อยได้วะ แต่ก่อนจะที่คนรักจะส่งแกกลับมายุคเดิม หม่อมเจ้าท่านหยิบชิ้นส่วนที่เหลือของผู้หญิงคนนั้นกลับมาในวินาทีสุดท้าย”

เมื่อได้คำตอบเช่นนั้นพานิลก็นึกถึงเหตุการณ์ในฝันแรกที่ ทั้งเมืองกำลังถล่มและกินรีตกไปสู่หลุมจากแผ่นดินที่แยกตัว เขาคิดว่านั้นคือเหตุการณ์ที่หม่อมเจ้านิลพันธุ์ได้เจอ

“แต่กิลลี่ลำตัวหายนะ แต่หุ่นยนต์นี่มันเป็นท่อนล่างไม่ใช่เหรอ” ทินกรกล่าว

“คิดว่าปู่หายไปเฉย ๆ เหรอ” อัศวินแย้งอย่างมีนัย ซึ่งสื่อว่าเรื่องที่ทุกคนกังวลมันไม่ใช่อุปสรรค “ไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วงหรอกนะ สำหรับการรื้อชิ้นส่วนมาประกอบใหม่ ปู่รื้อออกมาศึกษาอยู่บ่อย ๆ เพราะตั้งแต่คุณลุงตายไปไม่มีใครสนใจมันเลย ต้องเช็กให้ดีว่ามีอะไรเสียมั้ย จากนั้นปู่ก็สร้างตู้เก็บอุณหภูมิให้มัน ตอนแรกก็เกือบถอดใจแล้วล่ะ นึกว่าจะบูรณะไม่ได้ แต่ผิดคาดมันทรงตัวได้ดีมาก”

....แน่ล่ะ ก็มันอยู่ได้ด้วยเวทมนตร์นี่หว่า ถ้าได้รู้ว่ามันมีชิ้นส่วนของร่างกายมนุษย์ผสมอยู่คุณปู่เล็กน่าจะอึ้งมากกว่านี้....

พานิลคิดในใจก่อนจะหันไปหาธารัฐที่หน้าตาเคร่งเครียดเหมือนมีอะไรในใจ จึงได้เอ่ยถามออกไป

“มีอะไรรึเปล่าไอ้ธัญ”

“มันต้องแยกเครื่องในมาใส่น่ะสิ แล้วใครจะเป็นคนเอาร่างของกิลลี่มาที่นี่”

“....” ทั้งหมดเหยียบงันยกเว้นทินกรเท่านั้นที่เอ่ยขึ้นมา

“ก็มึงไงได้ธัญ ศพกิลลี่อยู่ในโรงพยาบาลที่มึงทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“จะบ้ารึไง ทำงั้นได้ไงเล่าจะให้กูไปขโมยศพเหรอ มันผิดกฎ”

“ก็ให้พ่อแม่ไปรับศพมาสิ สุรยศรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงบาลนั้นไม่ใช่เหรอ”

ทุกปัญหาของพวกเขาทั้งสามดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายดายนักสำหรับอัศวิน ดูเหมือนชายคนนี้จะไหวพริบดีแม้จะแก่มากแล้วก็ตาม ไม่เหมือนพวกเด็กหนุ่มที่มักจะถอดใจไปก่อน โดยมีคิดถึงสิ่งเป็นไปได้รอบตัวเลย

...นี่ล่ะนะ เด็กหนอเด็ก...

“เอ่อวะ” ทินกรยิ้มแฉ่ง

ซึ่งไม่ต่างอะไรกับพานิลนัก เขาดีใจที่โอกาสครั้งสุดท้ายมันเต็มไปด้วยความช่วยเหลือจากคนที่เขารัก และไม่มองว่าเขาเป็นไอ้บ้า

“ที่น่าห่วงไม่ใช่เรื่องพวกนั้นหรอกนะ เมื่อพวกนายย้ายเครื่องในของคนที่จะคืนชีพมันต้องใช้รีโมทประสานเครื่องจักรกับเนื้อหนังให้เป็นหนึ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือการเปิดสวิซ์นั่นแหละ ซึ่ง...เจ้าเครื่องนั่นฉันใส่รหัสเอาไว้”

“ที่คุณปู่เขียนไว้ในแผ่นกระดาษแล้วยัดไว้ในแผ่นเสียงรึเปล่าครับ”

“โอ้...เธอนี่คุ้ยเขี่ยข้อมลูเก่งนะพานิล”

“นั่นแหละปัญหา เพราะเผลอใส่รหัสให้มัน เพราะนึกว่ามันคือเครื่องบันทึกเสียงด้วยการดีดกีตาร์ ซึ่งสภาพฉันตอนนี้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้แล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะเรามีไอ้นี่” พานิลคล้องคอทินกรแล้วชี้หน้าเพื่อนำเสนอ สิ่งนั้นทำให้เพื่อนนักดนตรีทำสีหน้างุนงงเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มสื่อ

“โอ้...ดีดกีตาร์เป็นเหรอหนุ่ม” อัศวินเลื่อนสายตามามองทินกรด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะการขลุกอยู่ในวังศรีไพรเป็นระยะเวลากว่ายี่สิบปีทำให้ชายแก่ไม่ได้พบปะผู้คนหรือสิ่งที่ตัวเองชอบเลย การมีใครสักคนที่ไลฟ์สไตล์ตรงกันดูเหมือนมันก็เป็นเรื่องน่าดีใจ แม้จะอายุห่างกันหลายปีแสงก็ตาม

“ผมเป็นนักดนตรีครับ” ทินกรบอกตามตรง

“เยี่ยม” อัศวินพยักหน้าชมทั้งคู่ อีกทั้งยังยกนิ้วโป้งให้พานิลที่เลือกคบเพื่อนได้ดีและมีประโยชน์

และไม่นานนักชายแก่ก็เดินออกมาสูดอาการข้างนอก เพื่อให้คนหนุ่มได้คุยกันสะดวก และเป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาเดินเตร่ด้านหน้าของวังศรีไพรในตอนกลางวัน

จากนั้นพานิลเดินตามมาติด ๆ เพื่อให้ธารัฐได้มีสมาธิอ่านรายละเอียดที่เกี่ยวกับย้ายชิ้นส่วนมนุษย์เข้าไปในร่างกายหุ่นยนต์ ส่วนทินกรอ่านบันทึกที่เกี่ยวกับเครื่องซาวด์เดอรี่ซึ่งเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องดีดกีตาร์แทนคุณปู่อัศวิน

“เรื่องแขน...” พานิลเป็นคนจุดประเด็น

“อ้อ คงอยากฟังล่ะสิ”

“มันเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ มั้ยครับปู่เล็ก”

“อืม...” อัศวินพยักหน้ารับ “คงรู้จักคุณเหนือสุรี สุริยะศรใช่ไหม”

“ครับ”

“ถึงเธอจะอายุมากกว่าปู่กว่าหกปี แต่เราก็เข้ากันได้ดีมีเรื่องที่สนใจเหมือน ๆ กันและเป็นคนขโมยบันทึกนั่นออกมาให้อ่าน ตอนนั้นเรายังหนุ่มยังสาวมีความคึกคะนองและอยากทดลองทฤษฎีของคุณลุงนิลพันธุ์ด้วยการปรับปรุงเครื่องข้ามเวลาใหม่ แต่ด้วยกระแสไฟฟ้าที่มากเกินไปทำให้คุณเหนือสุรีได้รับผลกระทบจนเสียชีวิตและปู่ก็เสียแขน คุณธวัลรู้เรื่องนี้ในทันทีหลังเกิดเหตุและโกรธมากที่ปู่ทำพี่สาวเขาตาย”

“ปู่ก็เลยหายตัวไปใช่มั้ยครับ และครอบครัวเราก็ไม่พูดถึงปู่อีกเลย เป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า”

“....” อัศวินพยักหน้า “มันน่าละอายนะที่คนในตระกูลเป็นต้นเหตุให้ใครสักคนเสียชีวิต แต่ที่มันตลกร้ายก็คือ คุณธวัลเองนั่นแหละที่ตามหาปู่จนเจอและเสนอให้มาซ่อนในวังศรีไพรแลกกับการดูแลซากหุ่นยนต์ชิ้นนั่นแหละอนุญาตให้ศึกษาบันทึกของคุณลุงนิลพันธุ์”

“....” พานิลขมวดคิ้วที่เต็มไปด้วยความเศร้าอย่างเห็นได้ชัด และอัศวินรู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังคิดตำหนิตระกูลของตัวเอง

“มาลากาฬก็แบบนี้แหละ เย่อหยิ่งทะนงตัว เพียงคุณผิดแปลกไปจากพี่น้องก็พร้อมโดนลบตัวตนออกไปได้ง่าย ๆ ชื่อปู่เถอะว่ามีลูกหลานน้อยคนนักที่จะรู้จักคุณลุงนิพันธุ์ พ่อของปู่พึงระลึกถึงพี่ชายได้ตอนตัวเองจะตาย ซึ่งมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว บันทึกล้ำค่าอยู่ในมือของสุริยะศรแม้กระทั่งวังที่เป็นมรดกตกทอดก็ยังขายให้พระยาสุริยเกียติหัตถี เราไม่มีประวิตศาสตร์อะไรเลยนอกจากสืบเชื้อสายเจ้าและเป็นตระกูลนักธุรกิจตระกูลหนึ่ง” อัศวินเงียบไปซักครู่เพื่อพักหายใจ “ความจริงสุริยะศรไม่ต้องคืนให้เราก็ได้ หรือจะใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินต่อก็ไม่ผิด แต่ต้องขอบคุณพระยาท่านที่ยึดคำมั่นคำสัญญาและส่งต่อลูกหลานอย่างไม่มีบิดพริ้ว บันทึกนั่นมันล้ำลึกเกินกว่าใครจะเข้าใจต้องเป็นคนที่ถูกหาว่าสะติกฟั่นเฟืองเท่านั้นแหละที่จะเข้าใจมัน และทั้งสองตระกูลก็มีคนแบบนี้ไม่มาก”

“เพื่อนผมบอกว่า คุณปู่คิดว่าผมเป็นหม่อมท่านมาเกิดใหม่ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”

“มันไม่ได้อยู่ในบันทึกของคุณลุงหรอก แต่เป็นบันทึกของพระยาท่าน ก่อนคุณลุงตายได้ฝากคำสั่งเสียไว้ว่าจะฝากจิตวิญญาณไว้ในลูกหลานของตัวเอง เมื่อถึงคราวที่เทคโนโลยีก้าวหน้าท่านจะกลับมา”

“ชวนเข้าใจยากจังเลยนะครับ” พานิลเกาหน้าผากหนัก

“คนสมัยก่อนก็อารัมภบทเยอะแบบนี้แหละ ถ้าจะเข้าใจง่าย ๆ ก็ชาตินี้ไม่ขอสู้ต่อแต่ถ้าชาติหน้ามีจริง ท่านอยากเริ่มต้นใหม่กับคนรักในสถานะและยุคสมัยที่พร้อมมากกว่านี้ ตอนปู่เห็นเธอออกจากห้องคลอดก็มีบางอย่างที่เข้ามาสะกิดความรู้สึก ว่าเด็กคนนี้แหละจะกอบกู้ชื่อเสียงของคุณลุงนิลพันธุ์ จะเรียกว่าเซนส์ลึกลับก็ได้ เคยรู้สึกแบบนี้บ้างรึเปล่าเจ้าพัด”

“เคยครับ ตอนเจอกิลลี่ครั้งแรก มันเหมือนได้เจอคนที่รอคอยมานานแสนนาน ผมแทบจะตกหลุมรักเธอในทันที”

“ว้าว...”

“แต่โชคชะตาก็เล่นตลกให้เธอจากผมไปอีกครั้ง”

“มันเหมือนคำสาปนะเจ้าพัด”

“คำสาป....?”

“ปู่จำได้ที่คุณลุงเขียนไว้ ท่านเคยเข้าร่วมปาร์ตี้หนึ่งในโลกอนาคต และได้รับรู้ว่าพ่อของหญิงคนรักไม่ถูกกับผู้นำทหาร เขาได้ออกปากแช่งเอาไว้ว่าถ้าหากไม่เลิกพัฒนาเทคโนโลยีจะขอให้ลูกหลานของเจ้าของบริษัทไม่มีทางได้ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ ให้ตายคาเครื่องจักรกลไปเลย”

“พลเอกเลิศฤทธิ์สินะ”

พานิลประมวลภาพที่เคยพบเจอในฝัน แล้วผู้นำทหารที่ว่าก็คงไม่หนีไปไหนไกล นอกซะจากคนที่ทิ้งบอมบ์นิวเคลียร์ใส่ประเทศตัวเอง

“แช่งแรงจังเลยนะครับ”

“แล้วเป็นเหมือนคำแช่งทุกประกาศ ผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นไม่วางจะในอนาคตหรือในตอนนี้เธอก็ไม่มีกายเนื้อเป็นของตัวเอง”

“แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคำสาปแช่งจะคงอยู่ตลอดไปนี่ครับ ปู่เล็กไม่คิดเหรอครับว่าการที่เครื่องซาว์ดเดอรี่ถูกสร้างและหม่อมเจ้านิลพันธุ์นำเศษซากของกินรีกลับมา มันคือวิธีถอนคำสาป ถ้าเราเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง นี่อาจจะเป็นชาติสุดท้ายที่กินรีจะได้อยู่ในร่างของหุ่นยนต์” พานิลเสนอความเห็นอย่างหนักแน่นด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว เป็นส่วนผสมของคนบ้าที่เชื่อในทฤษฎีเพ้อฝันแต่ก็มุ่งมั่นที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นความจริง เหมือนหม่อมเจ้านิลพันธุ์ในร่างอัปเกรดไม่มีผิด สิ่งนั้นพอจะสร้างรอยยิ้มให้อัศวินขึ้นมาได้บ้าง

ทั้งคู่สนทนาในเรื่องไร้สาระกันเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าใจที่ห้องใต้ดินเพื่อวางแผนนำร่างที่เหลือของกิลลารีออกมาจากโรงพยาบาล

ดูเหมือนตอนนี้พานิลจะหัวหมุนเหลือเกินเพราะเปรียบเหมือนคนเจรจาที่ต้องขอแรงสนับสนุนจากหลายฝ่าย
และต้องทำให้อย่างเงียบเชียบไม่กระโตกกระตาก ป้องกันคนหมู่มากมารับรู้เรื่องราวเหลือเชื่อพวกนี้จนกระทบต่อการฟื้นคืนของหญิงคนรัก