เมื่อแฟนสาวถูกฆาตกรรมทำให้ 'พานิล' จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอกลับบอกว่า 'การคืนชีพมีอยู่จริง' ให้เขาตามหาบันทึกปริศนานั้นให้เจอ
ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,รัก,ระทึกขวัญ,ลึบลับ,ดราม่า,ข้ามภพ,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สายตาของเขามองเห็นเพียงสีขาวที่ปกคลุมไปสุดลูกตา ทำให้ไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าจังหวะการก้าวเดินนี้มันจะพาเขาไปในเส้นทางใด
มีเพียงความรู้สึกที่เหมือนอยู่โดมขนาดใหญ่ ไม่โปร่งโล่งเหมือนความสว่างเจิดจ้าอย่างที่ตาเห็น
พานิลถอดหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้ตัวว่าได้ตกอยู่ในวังวนความฝันอีกครั้ง เพราะเรื่องทั้งหมดมันก็ได้คลี่คลาย
ออกไปหมดแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกว่าอยากรับรู้อะไรต่อ มีเพียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเท่านั้นที่อาจจะยังค้างคาใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากนักถึงขนาดต้องตะเกียกตะกายหาความจริง
และทันใดนั้นเองที่เสียงอันคุ้นเคยได้ดังขึ้นมาพร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้คุยกับคนผู้นี้ต่อหน้า
“มันคือคำสาปแช่งน่ะเจ้าหนุ่ม” จิราเมธ สุริยศรพูดขึ้น
“คุณจิราเมธ....”
“โลกหลังความตายเนี่ย มันทำให้ฉันรู้อะไรเยอะแยะเลยนะ”
“ผะ...ผมตายแล้วเหรอครับ” พานิลตกใจที่เขาได้เข้ามาเหยียบย่างในที่แห่งนี้
เมื่อเห็นสีหน้าตกใจ ชายวัยกลางคนก็ได้ส่ายหัวปฏิเสธคำถามของคนอายุน้อย
“เธอยังอยู่ดีเจ้าหนุ่ม เพียงแค่ฉันวิงวอนต่อพระเจ้าว่าอยากเจอเธอสักครั้ง”
“อยากเจอผมไปทำไมเหรอครับ”
“ขอบคุณมาก ทั้งเธอในร่างนิลพันธุ์หรือพานิล”
“....” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายตรงหน้าสื่อ
“ฉันทะเยอทะยาน และใฝ่หาความก้าวหน้ามาโดยตลอด ฉันล้มเหลวในการเป็นพ่อแต่ก็ยังอยากให้ลูกมีชีวิตต่อไปจนฝืนกฎธรรมชาติ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เข้าใจความรู้สึกลูกเลยสักนิด แม้กระทั่งตอนที่ลูกคบหากับผู้ชายที่มาจากอดีต ฉันก็รู้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต”
“แต่ในโลกของคุณ ก็มีหุ่นยนต์เดินป้วนเปี้ยนให้เห็นจนเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอครับ ถ้าจะใช้ตรรกะนี้คนพวกนั้นก็ฝืนกฎธรรมชาติด้วยน่ะสิ”
“ไม่มีใครคิดอุตริเหมือนฉัน หุ่นยนต์น่ะก็มีอายุการใช้งานของมัน เหล็กมันคู่กับสนิมนะเจ้าหนุ่ม ก็เหมือนความชราที่กัดกินมนุษย์นั่นแหละ ถ้าคนมีเงินก็ดีหน่อยเลือกวัสดุที่มีคุณภาพเหมือนคนรวยที่มีเงินจ่ายค่ารักษาราคาแพงเพื่อต่ออายุกายเนื้อตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วเราก็ล้มหายตายจากตามธรรมชาติ”
“แล้ว….?”
“การคืนชีพไม่มีอยู่จริง มันคือการยื้อ....ยื้อให้คนที่อยู่สามารถทำใจได้”
“แสดงว่า...แฟนของผมก็อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเหรอครับ”
“....” จิราเมธส่ายหัว “ฉันบอกแล้วไง ฉันฝืนกฎธรรมชาติ”
“ผมเชื่อครับเพราะคนปกติคงคิดไม่ได้เหมือนคุณ”
“ฉันวิจัยและศึกษาตั้งแต่คืนชีพให้ลูก ว่าจะทำยังไงให้ร่างกายเธอเหมือนมนุษย์มากที่สุด จึงเกิดการรวมสองศาสตร์เข้าด้วยกัน เวทมนตร์ที่คนบนโลกไม่คิดว่าไม่มีอยู่จริง แต่เพื่อนฉันทำได้ รวมกับมันสมองที่ฉันมี และสิ่งที่ฉันจะบอกต่อไปนี้ไม่มีตำราหรือไดอารี่เล่มไหนบอกเธอ”
“....” พานิลดวงตาเลิกโพรงด้วยความประหลาดใจ ยังมีอะไรที่เขายังไม่รู้อีกหรือ...
“ซาวด์เดอรี่คือหัวใจของร่างไซบอร์กที่นายครอบครองอยู่ มันสามารถเซตค่าอายุได้ เมื่อนายอยากยุติมันให้ใส่ช่วงเวลาที่อยากมีชีวิตอยู่ เมื่อครบกำหนดไฟร้อนจากเวทมนตร์จะเผาผลาญร่างนั้นให้แหลกสลาย มรดกที่ท้าทายอำนาจของกฎธรรมชาติไม่ควรมีอยู่อีกต่อไป แต่ฉันตัดใจทำลายไม่ได้เพราะนั้นคือลูกสาวของฉัน ฉันอยากให้ลูกเลือกชีวิตของตัวเองซึ่งเธอเลือกที่จะถอดซาวด์เดอรี่ออกจากร่างกาย เพื่อเป็นเครื่องนำทางให้นายได้กลับสู่ยุคสมัยที่จากมา ส่วนเธอสูญสลายพร้อมกับภัยสงครามการเมือง เรื่องมันควรจบแค่นั้นถ้านายไม่หยิบชิ้นส่วนเธอกลับมา สิ่งนั้นเหมือนสานต่อความยึดติดให้จิตวิญญาณเธอไม่ยอมไปไหน”
“เธอก็ย้อนกลับมาเกิดเป็นกิลลรีเหรอครับ”
“ไม่รู้สิคิดว่าไงล่ะ ลูกสาวของฉันแค่อยากจะรักใครสักคน และได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นที่เธอไม่เคยได้สัมผัสแต่ดันจับพลัดจับผลูไปรักชายที่ผิดที่ผิดเวลา และเธอก็ไม่สมหวัง ทั้งหมดก็เพราะพ่อห่วย ๆ อย่างฉันที่ปลุกเธอขึ้นมา แต่กิเลสก็เป็นความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากกลับมาแก้ไขเส้นชีวิตของตัวเอง แต่คำสาปแช่งก็แรงไม่แพ้กัน”
“เธอก็เลยจากผมไปอีกครั้ง”
“และมันสมองที่ท้าทายอำนาจกฎธรรมชาติของฉัน สานความต้องการของลูกให้เป็นจริงอีกครั้ง ร่างไซบอร์กที่เหลืออยู่ใช้มันอย่างคุ้มค่าในฐานะมนุษย์มากกิเลสและปิดจบมันตามความตั้งใจของฉัน อย่าลืมบอกลูกสาวของฉันให้เซตชีวิตตัวเอง เธอเคยใช้ชีวิตก้าวข้ามความตายมาแล้วและการเป็นอมตะไม่ใช่ความสุขที่ใฝ่หา” จิราเมธสูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้ามาหาพานิลด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันสร้างเพื่อลูกสาวนั้นคือเหตุผลเดียวที่ไม่ทำลายมัน ให้เธอใช้คนเดียว...เพียงคนเดียวเท่านั้น เมื่อเธอไม่ต้องการให้ทำลายมันในทันที ร่างไซบอร์กของกินรีที่มีส่วนผสมของเนื้อหนังมนุษย์ ไม่ควรถูกนำไปวิจัยและต่อยอด นายก็เห็นแล้วว่ามันคือชนวนเหตุให้โลกที่ฉันอยู่ล่มสลายไม่เหลือซาก และฉันไม่มีโอกาสได้แก้ตัว แต่นายอยู่ในอดีตยังสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้”
“ดะ...ดูยิ่งใหญ่จังเลยนะครับ ผมไม่แน่ใจเลยว่าจะแบกรับได้ไหม” พานิลพูดตะกุกตะกัก เมื่อความหวังที่จิราเมธฝากไว้มันราวกับผู้พิทักษ์มวลมนุษยชาติ
และทันใดนั้นเอง แสงสว่างที่เหมือนสีน้ำชาไร้การปรุงแต่งก็ฉาบพื้นที่สีขาวโพลนให้มีชีวิต ประกายน้ำตาลนวลตา ปลุกให้ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มได้ตั้งชูชันจนลมพัดโอนเอียง
จิราเมธจ้องตาไปยังแสงสว่างนั่น ก่อนจะหันมายิ้มให้กับเขา
“ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้วล่ะ”
“ไปไหนเหรอครับ”
“ไม่รู้สิ จักรวาลเท่านั้นที่บอกเราได้”
“ไปเกิดใหม่เหรอครับ” พานิลพูดติดตลก
“อื้ม... อาจจะเป็นไปได้ และถ้าเป็นแบบนั้นจริง เราอาจจะได้พบกันที่ไหนซักที่ก็ได้”
“คุณเป็นคนจากอนาคต ส่วนผมอยู่ในอดีตต่อให้ไปเกิดใหม่เราก็คงไม่เจอกันหรอกครับ”
“บอกแล้วไงว่าจิตวิญญาณอยู่เหนือกาลเวลา ฉันอาจจะจิ้มเลือกได้ว่าอยากเกิดช่วงเวลาใด อาจจะเกิดที่หลังคุณสักสองนาที ในปี 1996 ก็ได้ใครจะไปรู้”
“หะ...ห๊ะ?”
ไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไรต่อ จิราเมธก็วิ่งเข้าสู่แสงสว่างอันอบอุ่นนั้นทันที
พานิลไม่สามารถมองได้ชัดเจนนัก ด้วยความแรงของแดดที่สาดส่อง เห็นเพียงร่างรำไรของชายผู้มาจากอนาคตได้อันตรธานหายไปเพียงเท่านั้น และแทนที่ด้วยเสียงตบโต๊ะอันดังลั่นซึ่งทำให้เขาเด้งตัวขึ้นมาจากการฟุบหลับ
ปึง!
“เห้ย!หลับหรือตายเนี่ยกูเรียกหลายรอบแล้วนะ” ธารัฐปลุกด้วยสีหน้าตื่นตระหนกราวกับว่ามีเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจให้รับรู้
“อะไรวะ”
“ยินดีด้วยไอ้คนสติเฟื่อง” ได้ยินคำตอบเพียงเท่านั้นพา
นิลไม่รอให้ธารัฐพูดต่อ วิ่งลงไปยังห้องใต้ดินอันเป็นที่ขลุกตัวในระยะเวลาสองสามเดือนมานี้
ธารัฐบอกว่ากิลลรีอาจจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวร่วมเดือน เพื่อให้กลไกร่างกายได้จัดระเบียบตัวเอง รวมถึงความทรงจำในสมองด้วย
สิ่งนี่ทำให้พานิลคิดถึงการโอนย้ายข้อมูลจากเมมโมรี่สู่คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ ยิ่งข้อมูลมากเท่าไหร่ก็ใช้เวลานานเท่านั้น สภาวะที่กิลลรีเป็นอยู่อาจจะไม่ใช่แค่จัดระเบียบร่างกายเท่านั้น แต่เป็นการโหลดความทรงจำของเธอด้วยไปในตัว
....จนกระทั่งวันที่ความทุ่มเทของเขาได้ปรากฏผล...
เมื่อมาถึงจุดหมายน้ำตาของพานิลพรั่งพรูออกมาด้วยความยินดี เพราะกิลลรีได้ฟื้นขึ้นแล้ว และเธอกำลังซบอกพ่อแม่ของตัวเองอยู่
นับตั้งแต่วันนั้นที่นำร่างไม่สมประกอบของเธอออกมาจากโรงพยาบาล ธารัฐในฐานะในแพทย์ก็ทำหน้าที่อย่างหนักในการเคลื่อนย้ายอวัยวะต่าง ๆ เข้าสู่ชิ้นส่วนที่ถูกประกอบขึ้นมาใหม่ และทินกรก็จัดการบรรเลงบทเพลงแสบหูจากกีตาร์ตัวโปรดจนเครื่องซาวด์เดอรี่เรืองแสงเจิดจ้า
เขาเชื่อแล้วว่าร่างหุ่นยนต์ชิ้นนี้พิเศษกว่าชิ้นไหน เพราะเมื่อประสานเข้ากับส่วนเนื้อที่เหลือ มันก็กลืนกันอย่างแนบเนียน และเรียวปากซีดเซียวของเธอก็เริ่มมีเลือดฝาด
หัวใจเต้นเป็นจังหวะซึ่งแสดงผลออกมาเป็นกราฟเส้นหยักจากเครื่องวัดชีพจร จากนั้นเป็นคุณปู่อัศวินที่ได้ฝังเครื่องซาวด์เดอรี่ไว้ที่แขนให้มันติดตัวเธอไปตลอด
อีกทั้งมันยังสร้างอวัยวะใหม่ที่หายไปขึ้นมาอีกด้วย
พลังอำนาจของเวทมนตร์ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริง ๆ เครื่องซาวด์เดอรี่มีแม้กระทั่งการปรับรูปลักษณ์ตามอายุขัย จิราเมธช่างใส่ใจทุกรายละเอียดของร่างกาย จนพานิลอดชื่นชมไม่ได้ สมเป็นสิ่งประดิษฐ์เพียงหนึ่งเดียวเพื่อลูกสาวสุดที่รัก
“พัด...” เสียงหวานเอ่ยชื่อเขาพร้อมน้ำตาที่ไหลริน
“thank god…” เขาเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนที่พ่อแม่ของเธอจะเปิดทางให้ทั้งคู่สวมกอดกันอย่างแนบแน่น
“ฉันกลัวมากเลย”
ร่างกายฟื้นฟูได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้กระทั่งความ
ทรงจำตอนโดนฆาตกรรมยังตามหลอกหลอน แต่มือใหญ่ที่ลูบเรือนผมเธออย่างแผ่วเบาก็ทำให้ความกลัวเหล่านั้นลดลงไปได้บ้าง กระทั่งคำปลอบโยนสุดท้ายที่เสกให้ความรู้สึกไม่พึงประสงค์ได้ปลิวหายไปตลอดกาล
“มันตายไปแล้ว ไม่มีหน้ามาตามทำร้ายคุณได้อีก ไม่ต้องห่วงนะ” พานิลคลายกอดก่อนจะลูบที่ใบหน้าสวยอย่างแผ่วเบา
ท่ามกลางรอยยิ้มของผู้ช่วยกิตติมศักดิ์ทั้งหลาย ที่ได้ผลักดันเรื่องราวเหนือจินตนาการให้เป็นจริง
หลังจากนั้นไม่นานทั้งหมดก็เข้าสู่การปรับตัว คุณหญิงสกุณีฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากอาการตรอมใจ เพราะหลายเดือนก่อนได้แจ้งข่าวว่ากำลังเริ่มปฏิบัติการคืนชีพให้กิลลรี ขอให้หญิงวัยกลางคนจัดการนำร่างของลูกสาวออกมาจากโรงพยาบาลตามคำขอ และเฝ้ามองร่างที่สลบไสลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ชนิดที่ยุ่งไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมกันเลยทีเดียว
และพานิลก็ได้จุดประกายความคิดที่อยากลงทุนบริษัทผลิตหุ่นยนต์ โดยได้รับการประสานงานจากคุณปู่เล็กอัศวินของเขา ซึ่งได้เฉลยว่าตลอดระยะเวลายี่สิบปีได้ใช้เงินทุนจากสุริยะศรติดต่อนักประดิษฐ์ทั่วโลกในการวิจัยและเก็บรักษาชิ้นส่วนหุ่นยนต์ของหม่อมเจ้านิลพันธุ์
ซึ่งนั่นก็ตอบคำตอบที่คาใจของพานิลได้เป็นอย่างดี ว่าชายชราเช่นนั้นจะอัจฉริยะถึงขนาดศึกษาแผงวงจรต่าง ๆ ได้ด้วยตัวคนเดียวจริง ๆ เหรอ โดยเฉพาะของที่มาจากอนาคต
คุณปู่เล็กได้ติดต่อตระกูลหนึ่งที่ท่านมีสายแน่นแฟ้นเป็นอย่างดีจากการปรึกษาหารือกันมายาวนาน
ชายผู้นั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และตอนนี้มีลูกชายมารับช่วงต่อ พานิลได้เชิญเขามายังประเทศไทยและได้นัดกันที่คอฟฟี่ช็อปแห่งหนึ่งในใจกลางกรุงเทพ
เพราะอยากทำความรู้จักชายผู้นี้ในช่วงเวลาผ่อนคลาย ก่อนจะเข้าโหมดธุรกิจจริงจังที่บริษัทของตัวเอง
ชายหนุ่มยกนาฬิกาที่วับวาบไปด้วยเหล็กเนื้อดีเมื่อรู้สึกว่าเวลานัดได้ใกล้เข้ามาถึง แต่ยังไม่ทันที่จะกวาดสายตาหาร่างของแขกผู้ได้รับเชิญ เสียงของเขาก็ดังเป็นการทักทายขึ้นมาเสียก่อน
“Hello mr.malagaan”
‘Eric Blackburn’ นั่นคือชื่อของเขา ก่อนที่ทั้งคู่จะเช็คแฮนด์เป็นการทักทาย และความรู้สึกบางอย่างได้แล่นเข้าสู่โสตประสาทของพานิล ก่อนจะมีคำพูดหนึ่งเด่นหราขึ้นมาในห้วงความคิด
‘บอกแล้วไงว่าจิตวิญญาณอยู่เหนือกาลเวลา ฉันอาจจะจิ้มเลือกได้ว่าอยากเกินช่วงเวลาใด อาจจะเกิดทีหลังคุณสักสองนาที ในปี 1996 ก็ได้ใครจะไปรู้’
...เหมือนกันอย่างกับแกะ ทั้งท่าทางและน้ำเสียง แค่เปลี่ยนสัญชาติ...
พานิลอุทานดังลั่นใจใน สิ่งนั้นทำให้เขาชะงักค้างจนเสียบุคลิก ทำให้อีริคต้องสะกิดที่ไหล่เพื่อคนใหม่เบา ๆ
“are you alright?”
“oh! yes…yes of course”
แม้เขาจะนึกขำกับความบังเอิญนี้ แต่ก็ไม่กล้าคิดว่าชายคนนี้จะเป็นจิราเมธในร่างฝรั่งหัวทองหรอกนะ ชีวิตนี้มีเพียงการคืนชีพของกิลลรี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อก็เพียงพอแล้ว มีอย่างอื่นเข้ามาด้วยสมองเขาอาจจะรับไม่ทันส่งผลให้มันผุพังก่อนกาลเวลา ในเวลานี้ชายตรงหน้าคือ อีริค แบล็กเบิร์น คู่ค้ารายใหม่ก็เพียงพอแล้ว