เมื่อแฟนสาวถูกฆาตกรรมทำให้ 'พานิล' จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอกลับบอกว่า 'การคืนชีพมีอยู่จริง' ให้เขาตามหาบันทึกปริศนานั้นให้เจอ
ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,รัก,ระทึกขวัญ,ลึบลับ,ดราม่า,ข้ามภพ,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ความเยือกเย็นพัดผ่านเรียวแขน เป็นการย้ำเตือนว่านี้คือวังศรีไพรอันเงียบสงัด
พานิลจอดรถหรูเมื่อมาถึงที่หมาย พร้อมตะกร้าผลไม้ที่ตนได้ไปเลือกซื้อกับกิลลรีก่อนมาที่นี่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน แต่หญิงสาวปฏิเสธที่จะติดตามมาด้วย เพราะน้องสาวเซอร์ไพรส์โดยการบินลัดฟ้าจากอเมริกาโดยไม่บอกกล่าว เขาจึงวกกลับไปส่งเธอที่บ้านและเดินทางมาที่นี่คนเดียว
ถึงแม้มันจะยังคงความขนลุกไม่เปลี่ยน แต่การไขปริศนาสำเร็จทำให้คุณปู่เล็กอัศวินไม่มีอะไรทำมากนัก จึงออกมาเดินเล่นอยู่บ้างในบางครั้ง ทำให้ความเงียบงันที่เคยฉาบวังศรีไพรแห่งนี้ สูญสลายไปถนัดตา ความเยือกเย็นที่เหมือนวังผีสิงมันเลือนหายไปเหลือไว้เพียงความร่มรื่นที่บ่งบอกว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นี่
แต่ถึงอย่างนั้นชายแก่ก็ไม่ประสงค์จะออกมาเดินทะเล่อทะล่าบ่อยครั้งนัก ทำให้ยังคงมีวัยรุ่นเลือดร้อนเดินทางมาล่าท้าผีอยู่ในบางครั้ง
ซึ่งผีที่มีลมหายใจอยู่อย่างอัศวินก็ทำหน้าที่ไล่คนพวกนั้นออกไป ด้วยการแกล้งทำของหล่นหรือประดิษฐ์สิ่งของมาเขย่าขวัญกลับบ้าง เหมือนที่ชายแก่เคยทำเมื่อครั้งที่พานิลและเพื่อนอีกสองคนบุกมาที่นี่นั้นเอง
“จะไม่ไปจริง ๆ เหรอครับ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้วิจัยแล้ว” เขาเอ่ยถาม
“ขออยู่เป็นคนสาบสูญแบบนี้ดีกว่า”
“ทำไมครับ หรือโกรธคุณปู่อยู่” พานิลอ้างถึงปู่แท้ ๆ ของตัวเองที่เป็นพี่ชายของอัศวิน
“ปู่ไม่เคยโกรธพี่ของตัวเองนะเจ้าพัด เพราะรายนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรคนอื่นอยู่แล้ว ต่อให้สิ่งที่ปู่ทำมันจะมีประโยชน์มหาศาลขนาดไหนคนที่ไม่ปลาบปลื้มเรื่องของเทคโนโลยีคงไม่ยินดีเท่าไหร่หรอก ถึงผลลัพธ์จะออกมาเป็นหนูกิลลรีที่สมบูรณ์ แต่เขาก็คงยินดีตามมารยาทของคนแก่คนหนึ่ง” อัศวินอ้างไปถึงปาร์ตี้ที่จะเกิดขึ้นในเย็นวันนี้
ซึ่งพานิลตั้งใจจัดขึ้นเพื่อฉลองให้กับคนรัก และเชื้อเชิญแต่ญาติสนิทมิตรสหายไปสังสรรค์ ทำให้เขามาเยือนที่นี่ในวันนี้ เพราะหวังว่าอัศวินจะตอบรับน้ำใจไปปรากฏตัวและปรับความเข้าใจกับพี่น้องของตัวเอง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อชายชราในวัยเจ็ดสิบหกไม่มีความปรารถนาเช่นนั้น
“ปู่เล็กยังดูแข็งแรงอยู่เลย ผมคิดว่าคงอยู่ได้อีกนาน มันน่าเสียดายที่ไม่ได้ไปพบญาติ ๆ ของเรานะครับ แต่ปู่ผมนี่น่ะสิ ปีนี้ก็แปดสิบกว่าเข้าไปแล้วเดินเหินก็ไม่ค่อยสะดวก” พานิลยังไม่ละความพยายามค่อย ๆ ตะล่อมโดยการเอาเรื่องสุขภาพของปู่แท้ ๆ เข้ามาพูด
“เรื่องนี้ก็น่าตลกนะ ปู่ชอบดนตรีมาก สมัยนั้นมีแค่บีสเทิลที่ดังเป็นพลุแตก แต่วงดนตรีรุ่นหลังก็ตามมาอีกไม่นาน มีแต่วงก็มีความสามารถทั้งนั้น นั่นแหละปู่ถึงได้รู้ว่าตัวเองต้องรักษาสุขภาพให้อยู่ยืนยาวเข้าไว้ เพราะโลกนี้มันพัฒนาไม่หยุด และปู่ยากเรียนรู้มัน”
“มิน่าล่ะ รหัสของเครื่องซาวด์เดอรี่มันถึงได้ยากขนาดนั้น”
“ฮ่า ๆ ก็นึกว่ามันเป็นเครื่องอัดนี่หว่าเจ้าพัด”
“ก็ปู่ก็เปรี้ยวไม่เบาเลยนะครับที่เล่นเทคนิคนั้น”
“ไม่หรอกก็ตามประสาคนงานอดิเรกเยอะนั้นล่ะ”
“ตอนนั้นอายุเท่าไหร่เหรอครับ”
“ก่อนที่ทำตัวเองหายสาบสูญน่ะเหรอ”
“ครับ”
“อืม...ย่างเข้าห้าสิบได้”
“อายุขนาดนั้นยังมีไฟฝึกดนตรีปู่คงชอบพอ ๆ กับวิทยาศาสตร์”
“นั่นน่ะสิ คิดๆ ดูแล้วมันคนละขั้วกันเลยเนอะ”
“เอาเถอะครับ ปู่ไม่ตอบตกลงแสดงว่าผมกล่อมไม่สำเร็จสิเนี่ย”
“ปู่มีเหตุผลเจ้าพัด”
“เหตุผล?”
“ที่นี่ ปู่กับคุณเหนือสุรีชอบมาอ่านเรื่องราวของคุณลุงนิพันธุ์ด้วยกัน วันนี้ถึงแม้เธอจะจากไป แต่กลิ่นอายความอยากรู้อยากเห็นที่เธอฝากไว้มันยังคงอยู่ ปู่ยังเห็นภาพเธอเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นเล่มนี่ออกมาอ่านได้อยู่เลย และไม่อยากจากมันไปซักวันเดียว”
ได้ยินเพียงเท่านั้นพานิลก็เลิกเซ้าซี้และยิ้มยินดีให้กับชายชรา ถึงแม้พานิลจะชื่นชมว่าอัศวินยังดูแข็งแรงแต่เนื้อในเขาก็คือผู้ใหญ่ที่ชราภาพคนหนึ่ง การกลับไปปรับความเข้าใจกับเหล่าญาติมันคงเหนื่อยเกินกว่าคนอายุปูนี้จะมีกำลังทำ
“จักรวาลเป็นสิ่งที่น่าค้นหา กาลเวลาคือเรื่องพิศวง มันทำให้ผมประหลาดใจไม่รู้จบ ถึงแม้ผมจะยังไม่เข้าใจมันได้ดีพอ แต่ผมก็ต้องขอบคุณความลึกลับที่จับต้องไม่ได้ ที่มันพากิลลี่กลับมาหาผม”
“....” อัศวินพยักหน้าเห็นด้วย
และไม่นานนักทั้งคู่ก็เหม่อมองท้องฟ้าสีครามนั้นด้วยกัน แต่ความรู้สึกมันคงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เพราะใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเจือไปด้วยความเศร้าอย่างเห็นได้ชัด พานิลเข้าใจดีว่ามันคือความคิดถึงคุณเหนือสุรีจนสุดขั้วหัวใจ เพราะตนก็เคยกวาดสายตามองหมู่เมฆอยู่บ่อยครั้ง ตอนที่กิลลรีจากไป และเฝ้าถามซ้ำ ๆ ว่าเธอล่องลอยอยู่ที่นั่นไหม เขาเชื่อว่าคุณปู่เล็กก็อาจมีคำถามคล้าย ๆ กันยามมองขึ้นไป
-ปาร์ตี้-
ท่ามกลางเสียงครึกครื้นของเหล่าญาติสนิท กิลลรีเดินไล่บันไดไปทีละขั้นเพื่อหวังตามหาชายคนรัก ที่บังอาจปลีกวิเวกออกมาโดยไม่บอกกล่าว
“เสียมารยาทที่สุด งานตัวเองจัดแท้ ๆ มาหลบอยู่ในห้องหนังสือเฉยเลย”
สีหน้าบึ้งตึงปรากฏชัดเมื่อพานิลหันไปมองตามเสียงทักทาย จึงสังเกตเวลาที่นาฬิกาข้อมือตัวเอง และพบว่าเขาเข้ามายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งปาร์ตี้มันก็ดำเนินมาเนิ่นนานจวนจะแยกย้ายกันได้แล้ว เขาไม่เห็นว่าจะเสียมารยาทตรงไหน
“เดี๋ยวคนก็ทยอยกลับหมดแล้วมั้ง อีกอย่างผมอยากให้คุณได้อยู่กับพวกเขามากกว่า จะได้หายคิดถึงได้บ้าง เพราะงานนี้ผมจัดเพื่อคุณไม่ใช่ตัวเอง”
“ก็กิลเมาท์จนเบื่อแล้วอะ หันมาไม่เจอแฟนตัวเองก็ต้องงอนสิ” ว่าแล้วเธอก็เข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง และเขย่งเท้าให้พ้นไหล่กว้างที่สูงจนมิดสายตา ว่าหนังสือที่เขาอ่านอยู่นั้นมันคืออะไร “อีกแล้ว พ่อหนอนไดอารี่”
“ทำไมเล่า ผมเพิ่งได้มาอีกเล่มเป็นของพระยาสุริยเกียติหัตถีปู่ทวดของคุณ”
“ทวดฉันนี่อะนะ”
“ใช่ ทำไมล่ะ”
“ฉันจำได้ว่าท่านอายุยืนมาก ตั้งเก้าสิบสี่แหนะ แล้วท่านก็ไม่ได้มีบุคลิกชอบจดบันทึกด้วย เลยแปลกใจนิดหน่อย”
“อาจจะชอบตอนหนุ่ม ๆ ก็ได้ พอแก่ลงก็ไม่อยากทำ เขียนสนุกดีนะดูเหมือนจะรักคุณทวดใหญ่นิลพันธุ์มาก ๆ ด้วย”
“เหรอ...ท่านเขียนว่าอะไรบ้างล่ะ”
“เยอะอยู่นะ ตอนรับยศครั้งแรก การเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง การไปเรียนที่ต่างประเทศ ช่วงที่แต่งงาน ว่าง ๆ อยู่ก็ลองอ่านดูสิ”
“โหย ไม่เอาอะมันเหมือนหนังสือเรียนยังไงก็ไม่รู้ ให้คุณเล่าให้ฟังดีกว่า”
“รู้ไหมตอนที่คุณตาย ผมจบเจออะไรหลายอย่างมาก
เลยนะ”
“หมายถึงสภาวะซึมเศร้าน่ะเหรอคะ”
“ไม่ใช่...ฝันน่ะ”
“ฝัน...?”
“ฝันที่ห่างไกล จนตายเราก็ไปไม่ถึง ที่นั่นผมได้เจอผู้หญิงที่ชื่อกินรี ที่หน้าเหมือนคุณอย่างกับแกะ เธอมีร่างกายเป็นหุ่นยนต์เต็มตัวด้วยนะ เป็นเจ้าของคนแรกของชิ้นส่วนที่คุณใช้อยู่”
“เรื่องนี้ไม่เห็นคุณบอกฉันเลย”
“ก็เพราะว่ามันเยอะจนผมอธิบายไม่ถูกน่ะสิ”
“ถ้าทวดใหญ่นิลพันธุ์ไปอนาคตได้ แล้วการที่ผมฝันล่ะมันหมายความว่าอะไร ผมเห็นทุกคน พวกเขาพาผมไปพบเจอกับวิธีการคืนชีพ ถึงแม้ผมจะทำสำเร็จแต่ผมยังรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่ออยู่เลย”
“ว่ากันว่าวิญญาณอยู่เหนือเวลานะคะ”
กิลลรีออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร แต่มันช่างคลับคล้ายคลับคลากับคำพูดสุดท้ายที่วิญญาณของกินรีบอกกับเขาเสียเหลือเกิน จนนึกขำกับเหตุบังเอิญนี้ไม่ได้ เชื่อแล้วล่ะว่าสองคนนี้คือคนเดียวกัน
“ยังไงครับ”
“อะไรกัน คุณไม่เคยอ่านทฤษฎีสมคบคิดเหรอ”
“เขาว่าคนเราถ้าเดินทางเท่าแสงหรือไว้กว่าแสงอาจจะไปอดีตหรืออนาคตได้ แต่ในทางปฏิบัติไม่มีใครทำแบบนั้นได้ นาซ่ายังต้องส่งยานอวกาศลอยอยู่หลายสิบปีกว่าจะจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตบนอวกาศและพิสูจน์ว่ามันมีอยู่จริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำลายข้อจำกัดเหล่านี้ได้”
“อะไรเหรอ?”
“วิญญาณค่ะ คุณอาจจะไม่ได้ฝันแต่กำลังถอดจิตเดินทางไปหาความจริงยังไงล่ะ เป็นไงอธิบายในแบบความเชื่อ มันกระจ่างขึ้นบ้างมั้ย”
“โห...ผมตบมือให้เลยนะเนี่ย สนใจเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตอนที่คุณบอกว่าจะจับธุรกิจเกี่ยวกับหุ่นยนต์นั่นแหละ”
“แบบนี้สิถึงจะเหมาะสมกับการเป็นภรรยาของพานิล มากาลาฬ”
“ว่าที่ต่างหาก”
“คุณพูดเหมือนกับว่าขึ้นเตียงกับผมแค่สองสามครั้งงั้นแหละ”
“แล้วเซ็กซ์มันมาเกี่ยวอะไรกับความเป็นสามีล่ะยะคุณชาย ไม่แต่งก็ยังไม่ได้เป็น จบนะ!”
“ไม่รู้แหละ ผมจะอ้างสิทธิ์นี้ต่อให้คุณไม่อนุญาตก็ตาม” ไม่พูดเปล่าพานิลยังหันหน้ามาประจันกับเธอแล้วจาบจ้วงริมฝีปากนุ่มนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อื้อออออ!” เธอพลักอกเขาออก และหันมองประตูห้องหนังสือที่อ้าไว้ เพราะกลัวใครสักคนจะเดินผ่านมาเห็น
“ประเจิดประเจ้อเกินไปแล้ว”
“ผมแค่จูบเองนะ คุณคิดไปถึงไหน”
“สาบานมั้ยล่ะว่าคิดแค่จูบ”
“รู้ดีจริง ๆ เลยนะคุณกิลลรี”
“คุณอะ! ลามก”
หญิงสาวตบไปที่ออกแกร่งของเขาเบา ๆ แต่ก็โดนพานิลรวมทั้งสองข้างมาพรมจูบซ้ำ ๆ ไม่นานก็เลื่อนขึ้นประกบที่กลางหน้าผากอย่างแผ่วเบา ทำให้หลังจากนั้นทั้งคู่มองแววตาหวานซึ้งกันอยู่พักใหญ่ จบลงด้วยการพากันเดินไปหยุดที่หน้าต่าง เพื่อเฝ้ามองเหล่าญาติที่กำลังคุยกันเสียงดังจอแจ
“วันนี้งานเลี้ยงต้อนรับคุณ เดือนหน้าเรามาจัดงานหมั้นกันเถอะ”
“งี้คุณก็ต้องซื้อแหวนใหม่ให้ฉันอีกแล้วนะสิ” กิลลรีกล่าวเพราะของเก่ามันได้หายไปแล้วตอนที่เธอถูกฆาตกรรม
“ไปเลือกด้วยกันนะ ผมไม่อยากทำอะไรเซอร์ไพรส์ ชีวิตคนเรามันสั้นนิดเดียวเอาที่ตัวเองชอบไปเลยดีกว่า”
“อื้อ...” เธอพยักหน้ารับ
“หรือว่า...ผมจะสั่งออกแบบเพื่อคุณดี คุณชอบแบบไหน อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”
“ฉันอยากแก่ตายไปกับคุณค่ะ”
คำตอบของกิลลรีไม่ได้ตรงคำถามในเรื่องของแหวนนัก แต่มันยังคงเหลือพื้นที่ให้พานิลได้เชื่อมโยงอยู่มาก ซึ่งมันอาจจะหมายความว่าเธอรับได้ทั้งหมดไม่ว่าเขาจะประเคนอะไรมาให้ เพราะสิ่งที่เธออยากได้จริง ๆ นั้น คือความรักที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดจนวันที่สองจะกลายเป็นพ่อแม่ เป็นปู่เป็นย่าและทวดของหลาน ๆ สักคน
พานิลจึงไม่พูดอะไรต่อได้เพียงแต่ลูบเส้นผมนุ่มที่กำลังซบอกเขาอย่างอ่อนโยน
ตนก็เฝ้าอธิษฐานเพื่อให้คำขอนั้นเป็นจริงอยู่เหมือนกัน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้หวังลม ๆ แล้ง ๆ เพียงอย่างเดียว เขาปฏิบัติมันด้วยการร่วมหุ้นทำธุรกิจสร้างหุ่นยนต์ เพื่อในอนาคตหวังจะเปิดตัวภรรยาอันเป็นที่รักให้กับชาวโลกได้รับรู้ ถึงวันนั้นกิลลรีและเขาคงออกไปทานไอศกรีม และอาหารที่ชอบได้อย่างเปิดเผย
....ความสุขที่ยิ่งใหญ่สำหรับ พานิล มาลากาฬ คงมีอยู่เพียงเท่านี้....