เมื่อแฟนสาวถูกฆาตกรรมทำให้ 'พานิล' จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอกลับบอกว่า 'การคืนชีพมีอยู่จริง' ให้เขาตามหาบันทึกปริศนานั้นให้เจอ
ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,รัก,ระทึกขวัญ,ลึบลับ,ดราม่า,ข้ามภพ,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“หนูไปก่อนนะคะแม่”
เช้านี้กินรีวิ่งหยิบขนมปังที่เด้งออกจากเครื่องก่อนที่ผู้เป็นแม่จะจัดลงจาน ทำให้นิโคลถอนหายใจเหนื่อยกับพฤติกรรมของลูกสาวสุดท้องคนนี้
“ไม่ไหวเล้ยยัยกิน นับวันจะไม่เหมือนผู้หญิงเข้าไปทุกที จะมีผัวกับเขามั้ยเนี่ย”
“เอาน่า ถ้าลูกมีครอบครัวอย่ามาบ่นมาเขาก็แล้วกัน”
“คุณเลิกเอาใจลูกซักที ติดเป็นนิสัยไปหมดแล้ว”
ถึงจะว่ากล่าวอย่างไรกินรีคงไม่มีทางได้ยิน หรือเธออาจจะได้ยินจนเบื่อและไม่ใส่ใจกับปรับตัวเองไปตามขนบที่แม่ของตัวเองชอบ นิโคลจึงเลิอกบ่นและเปลี่ยนมาทำขนมปังแผ่นใหม่ให้สามีแทน พร้อมกับได้ยินเสียงรถของลูกสาวขับออกไปจากนอกตัวบ้าน
กินรีเลือกรถที่ขับไปตามท้องถนน แม้จะชอบเดินทางโดยขนส่งสาธารณะลอยฟ้ามากกว่า นั้นก็เพราะ
กฎหมายห้ามรถยนต์ส่วนตัวขึ้นบิน เนื่องจากกลัวการแออัดของน่านฟ้า อีกอย่างท้องถนนก็โล่งจนชนิดที่หลับตาแป๊บเดียวก็ถึงพิพิธภัณฑ์แล้ว จึงเหมาะสำหรับการนัดหมายบุคคลสำคัญที่สุด
เธอเดินทักทายพนักงานกะเช้าที่ประตูหลังและมองดูนาฬิกาข้อมือไปด้วย เมื่อมันยังเหลือเวลาอีกน้อยนิดให้ได้เคี้ยวขนมปังจากฝีมือคุณแม่ หญิงสาวก็จัดการมันให้หมดรวดเดียว พร้อมกับนมรสโปรดที่กรอกปากจนเกือบสำลัก
และไม่นานก็เริ่มได้ยินเสียงจอแจของเหล่าพนักงานที่เดินทางไปเปิดไฟในมุมโน้นมุมนี้กระจายไปทั่ว เพราะถึงเวลาที่พิพิธภัณฑ์ได้เปิดม่านแล้ว
กินรีจึงเดินสำรวจไปพลางรอคนจากตระกูลสุริยศรมาเยี่ยมชม คงเป็นเพื่อนพ่อนั่นแหละที่ชอบมาดื่มที่บ้านเป็นประจำ แต่กินรีมักจะขลุกตัวอยู่ในแล็บ จึงกลายเป็นลูกคนเดียวของมาลาสุดโต่งที่คนจากสุริยะศรเห็นหน้าน้อยมาก เขาคงอยากจะรู้จักกับเธอล่ะมั้งหรือไม่ก็
เตรียมตัวจับคู่ การไม่ได้พิจารณานิสัยและบุคลิกก็เป็นดูเป็นฤกษ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่สำหรับการจับคู่ แล้วคนบ้างานจะโผล่หน้าไปที่ไหนได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่ที่ทำงาน นั่นแหละแม่ถึงข้อร้องให้เธอเป็นไกด์พาชม
“คุณกินค่ะ ใช่แขกที่คุณกินบอกไว้ว่าจะมาพบรึเปล่าคะ” พนักงานมาสะกิดเอ่ยให้กินรีรู้ตัว
“ขอบคุณมากจ้ะ”
กินรีตอบออกไปพร้อมมองดูชายที่เพิ่งถอดแว่นออก และยืนหันซ้ายหันขวาออกเก้ ๆ กังๆ ซึ่งมันก็น่าแปลกใจอยู่มาก เมื่อไม่ใช่ชายวัยกลางคนอย่างที่เธอคาด แต่กลับเป็นคนหนุ่มสาวที่อายุค่อนข้างไล่เลี่ยกับตัวเอง
“ถอดแว่นเหมือนเปิดตัวพระเอกหนังไปได้ ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้จะใส่แว่นมาทำไม๊”
เธอแอบบ่นในใจเล็กน้อยกับพ่อหนุ่มหน้าตาดี ตัวสูงใหญ่เหมือนในแบบคนนั้น แต่ความขุ่นเคืองที่ทำราวกับมาลากาฬเป็นพนักงาน ไม่ยอมมาในฐานะหุ้นส่วนจึงทำให้หญิงสาวไม่สนใจอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเขาทั้งนั้น จึงเดินตรงปรี่เข้าไปหาจะได้รีบพาทัวร์ให้มันจบ ๆ ไป
“สวัสดีค่ะ คนจากสุริยศรรึเปล่าคะ”
“อ้อ ใช่ครับ ผม...”
“ดีเลยค่ะ จะเริ่มทัวร์จากตรงไหนดีคะ คุณอยากรู้เกี่ยวกับหุ่นยนต์ยุคต่าง ๆ หรือสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมาลากาฬคะ”
ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากแนะนำตัว แต่ก็ถูกไกด์สาวที่ท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรตัดบทเสียก่อน จึงได้แต่ตามน้ำแล้วชี้เกี่ยวกับข้าวของต่าง ๆ ที่ตัวเองอยากรู้ประวัติแทน
เธอสาธยายราวกับเคี้ยวหนังสือเรียนเข้าไปในกระแสเลือดอยู่คนเดียว จนเขารับข้อมูลแทบไม่ทันจึงได้แต่ยิ้มตาปริบ ๆ ไปอย่างช่วยไม่ได้ และภาวนาให้เธอหยุดหายใจบ้าง เพื่อที่เขาจะได้แทรกถามในประเด็นที่สงสัย
คิดแล้วชายหนุ่มก็นึกขำในใจไม่ได้ เธอช่างเป็นสาวเนิร์ดเต็มรูปแบบจริง ๆ รอบรู้ไปเสียทั้งหมดไม่ว่าดีเทลจะเล็กน้อยและไม่สำคัญก็ยังบอกกล่าว
จนกระทั่งทั้งคู่ได้ไปหยุดอยู่ที่ภาพของชายหญิงคู่หนึ่ง ทำให้หญิงสาวหยุดพูดไปกะทันหันจนเขานึกแปลกใจ
“งานหมั้นของพานิล มาลากาฬ และ กิลลรี สุริยศรค่ะ”
“อ้อ...ผมรู้มาบ้างว่าบรรพบุรุษของเราเคยแต่งงานกัน จากนั้นก็ไม่เคยมีอีกเลย”
“แต่ก็สองร้อยกว่าปีมานี้ เราก็ยังเป็นคู่ค้ากันไม่เปลี่ยนแปลง”
“ผมเองก็ชื่นชอบเรื่องราวของทั้งคู่นะครับ มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ๆ จนถึงทุกวันนี้คนยังไม่เชื่อเลยว่าเธอคือหุ่นยนต์ ดันไปเชื่อว่าถูกปลุกให้คืนชีพโดยหมอผี”
“พานิล พยายามหนักมากในการสร้างอาณาจักรหุ่นยนต์ค่ะ เขาเป็นผู้บริหารฝีมือเยี่ยม เป็นนักประสานงานสิบทิศ พยายามประคับประคองไม่ให้มนุษย์และหุ่นยนต์ขัดแย้งกันจนบานปลาย รับฟังทุกข้อเสนอหากบริษัทตัวเองผลิตอะไรสุดโต่งเกินไป เขาใช้เวลายาวนานเพื่อให้มนุษย์คุ้นชินกับสังคมที่มีความหลากหลายด้านสปีชีส์ กว่าจะเปิดตัวว่าภรรยาคือมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์ พวกเขาก็อายุล่วงเลยไปเกือบแปดสิบปี”
“ก็ไม่แปลกใจที่คนในสังคมจะไม่เชื่อนะครับ เพราะในตอนนั้นลูกหลานของทั้งคู่ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นลูกของน้องสาวก็ถูกเปิดเผยด้วย ใครจะไปเชื่อว่าหุ่นยนต์จะตั้งครรภ์ได้ แม้ตระกูลเราสองคนจะเก็บประวัติศาสตร์ที่มีร่วมกันได้ แต่เรื่องนี้กลับไม่กระจ่างไม่มีใครรู้ว่ากิลลรีตั้งครรภ์ได้ยังไง ร่างกายเธอประกอบด้วยวัสดุชนิดไหนถึงทำได้ขนาดนั้น”
“ถ้าคุณเชื่อว่าหม่อมเจ้านิลพันธุ์ข้ามเวลาได้จริง ๆ เขาอาจจะนำวิทยาการบางอย่างกลับมาด้วย...บางอย่างสำหรับกิลลรีเท่านั้น ซึ่งพานิลตั้งใจไม่บอกข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายของกิลลรีเลย แม้กระทั่งวัตถุดิบในการประกอบร่างกายช่วงบนของเธอที่หายไป ทั้งหมดไม่เคยตกทอดมาถึงพวกเราลูกหลานได้ศึกษา แต่ฉันไม่เคยอยากรู้เลยค่ะ ถ้าเขาไม่บอกแสดงว่ามันอาจจะเป็นปัญหา”
“ดูท่าทางคุณจะชอบเรื่องราวของคู่นี้นะครับ”
“ฉันผูกพันค่ะ พวกเขารักกันและมีอายุยืนยาวอยู่ถึงเก้าสิบปี ที่ชอบไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นบรรพบุรุษของฉันหรอกนะคะ ฉันเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่เรื่องราวพวกนี้มันกินใจฉันมาก โดยเฉพาะคำพูดสุดท้ายก่อนที่กิลลรีจะปิดสวิตช์ตัวเอง”
“คำพูด....?”
“คุณกินค่ะ ลูกค้าสอบถามของที่ระลึกค่ะที่จะจัดทำในโอกาสครับรอบของพิพิธภัณฑ์ค่ะ”
ทันใดนั้นได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาเกี่ยวกับสถานการณ์เร่งด่วนที่บังเอิญผ่านเข้ามา ชายหนุ่มไม่รีรอให้หญิงสาวขออนุญาต พยักหน้าให้เธอสะสางงานตัวเองทันที
กินรีใช้เวลาไม่นานมากสำหรับข้อมูล เพราะลูกค้าดันเป็นคนมีระดับถามซอกแซกจนพนักงานไม่รู้จะไปหาคำตอบไหนมาให้ ทำให้ผู้จัดการอย่างเธอต้องวิ่งไปอธิบายจนเหนื่อยหอบ ก่อนจะวกกลับมาหาชายหนุ่ม ซึ่งยังยืนอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ฉันเสียมารยาทกับคุณเกินไป ขอโทษนะคะที่เอาแต่พูดและวุ่นวายไปหมด ดิฉันชื่อกินรี มาลากาฬค่ะ ชื่อของฉันได้มาจากหญิงปริศนาที่หม่อมเจ้านิลพันธุ์ตกหลุมรัก การมีนิทานปรัมปราเป็นของตัวเองนี่ก็ดีนะคะ คิดอะไรไม่ออกก็ไปขุดมาจากหนังสือประจำตระกูล สุริยศรทำแบบนี้บ้างมั้ยคะเนี่ย”
ชายหนุ่มมองหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม ดูจากท่าทีที่ยื่นมือมาจับทำการทักทาย ตอนนี้ท่าทีต่อด้านของเธอคงหายไปหมดแล้ว
“ผม นิลพันธุ์ สุริยะศรครับ แรงบันดาลใจของชื่อก็คงเหมือนกัน บังเอิญจังเลยนะครับ”
ทันทีที่มือใหญ่ประกบตามมารยาท ภาพบางอย่างก็ไหลเวียนเข้ามาในหัวของกินรีอย่างไม่รู้จบ มันคือเรื่องราวข้ามภาพข้ามชาติที่เธอได้อ่านมาตั้งแต่เด็ก ซาบซึ้งและตรึงตราใจเหมือนกับว่ามันคือเรื่องของตัวเอง จนทำให้น้ำตามันไหลหยดออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“คุ...คุณนิลพันธุ์เหรอคะ” กินรีกล่าวอย่างแผ่วเบา
“คุณกินรีเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” เขาเห็นหยดน้ำตาเธอไหลออกมาจึงรู้สึกประหม่าไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจจนต้องร้องไห้ออกมาหรือเปล่า
“เปล่าคะ ขอโทษอีกครั้งสำหรับการเสียมารยาทนะคะ ฉันแค่โมโหที่คุณไม่ยอมมาในฐานะหุ้นส่วน แต่เลือกมาเหมือนผู้บริการมาตรวจงานน่ะค่ะ มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพนักงาน” เธอตัดสินใจบอกไปจนหมดเปลืองทั้ง ๆ ที่ยังถอดแว่นเพื่อเช็ดน้ำตาตัวเองเหมือนเด็กน้อย แต่น้ำตาของเธอไม่ใช่ความโกรธจนเจ็บใจ แต่มันคือความซาบซึ้งเมื่อได้สัมผัสเขา เพราะความรู้สึกนั้นมันเหมือนคนที่รอเคยมาเนิ่นนาน
“โถ่...เป็นแบบนี้นี่เอง พอดีผมไปโตที่เมืองนอกครับ พ่อแม่ผมมีลูกสี่คนแต่น้าผมมีลูกไม่ได้ เธอก็เลยขอผมไปเลี้ยง กลับมาเมืองไทยบางสลับกันอยู่แบบนี้ ไม่ค่อยได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวของตระกูลตัวเองเลย มีแค่เรื่องของข้ามภพข้ามชาติเท่านั้นที่คุณน้าเล่าให้ฟัง แล้วชื่อผมดันไปเหมือนหนึ่งในบุคคลต้นเรื่อง ผมก็เลยสนใจอยากรู้นะครับ พ่อก็เลยนัดหมายให้ บอกว่ามีคนที่รู้เรื่องละเอียดยิบอยู่หนึ่งคน สงสัยอะไรถามได้หมด ไม่คิดว่าจะรบกวนคุณขนาดนี้”
“อ้อ...ไม่ค่ะ ไม่เลย ฉันเต็มใจ ทั้งตระกูลมีแค่ฉันนี่แหละที่เนิร์ดประวัติศาสตร์ของบ้าน ไม่มีใครเหมาะสมเท่าฉันอีกแล้วค่ะ”
“โล่งใจไปทีนะครับ ถึงว่าล่ะคุณปั้นหน้าแข็งใส่ผมขนาดนั้น เล่นเอาซะเกร็งเลยนะครับ”
“อุ๊ย...มันออกขนาดนั้นเลยเหรอคะ ฉันนี่แย่จริงๆ” เธอตบหน้าที่ทำแก้มพองเบา ๆ อย่างไม่รู้ตัว ทำให้นิลพันธุ์นึกเอ็นดูกับท่าทางแบบนั้นไม่ได้
“ช่างเถอะครับมันแล้วไปแล้ว ว่าแต่...คำพูดของกิลลรีคืออะไรเหรอครับ”
“อ้อ....เธอมีความปรารถนาว่าอยากเป็นมนุษย์จริง ๆ และแก่ตายไปพร้อมกับคนที่รักค่ะ แก่...ที่แปลว่าร่วงโรยโดยธรรมชาติไม่ได้ตั้งโปรแกรม”
“....” นิลพันธุ์มองหญิงตรงหน้าที่น้ำตายังไม่หยุดไหล ใจหนึ่งอยากยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอแต่เขาไม่ได้พกมันมาด้วยจึงได้แต่มองหน้าเธออยู่อย่างนั้นอย่างไม่กะพริบตา
เหมือนศรรักปักกลางหัวใจ ความรู้สึกที่เหมือนขาดอะไรไปมาเนิ่นนานได้ถูกเติมเต็ม ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเธอสัมผัสได้เหมือนตนไหม...
“ถ้าคุณเชื่อว่ากินรีกับกิลลรีคือคนเดียวกัน...คุณว่าความปรารถนาของเธอทั้งคู่จะเป็นจริงมั้ยคะ”
“ผมเชื่อครับ และมันเป็นจริงแล้ว...”
เขาตัดสินใจเอื้อมมือไปเกลี่ยหยาดน้ำที่ไหลเป็นทางนั้นด้วยนิ้วของตัวเอง สิ่งนั้นมันทำให้กินรี มาลากาฬปลดปล่อยความซาบซึ้งใจออกมามากมายจนไหลรดคอเสื้อ ในตอนนี้นิลพันธุ์ สุริยศรไม่ได้ประหม่าหรือคิดสงสัยอะไรอีกแล้วว่าตนได้ไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า
เขารู้เหตุของน้ำตานั้นดี เธอคงรอมาเนิ่นนานเหลือ เกินสำหรับความปรารถนาสุดท้ายที่อยากเป็นมนุษย์
....ไม่เผลอรักคนในอดีต ไม่ใช่ผู้หญิงครึ่งหุ่นยนต์ และแก่ตายไปด้วยกัน....