”เราเกิดมาทำไม“ มันเป็นคำถามที่ผมถามตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
ถ้าเลือกเกิดได้ ผมคงไม่เกิดมาให้คนรอบข้างต้องมาลำบาก
มันคงจะดีที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา……
อาชญากรรม,ดราม่า,ครอบครัว,สะท้อนปัญหาสังคม,เลือดสาด,บ้าบอ,ฆาตกรรม,เสียดสีสังคม,ความรัก,ครอบครัวบิดเบี้ยว,เลือดสาด,สะท้อนจิตใจ,สะท้อนสังคม,อาชญากรรม,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เรื่องราวจากถ้อยคำของจำเลยหนุ่มค่อย ๆ ดำเนินไป ทุกเนื้อหาล้วนแต่สร้างความอึดอัดใจให้กับทุกคนที่ได้รับฟัง หญิงอาวุโสผู้นั่งบัลลังก์ทอดสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมายังคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัย
“จำเลยได้ลงบันทึกประจำวันหรือแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเปล่า?”
จำเลยหนุ่มกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างมีความหมายก่อนที่จะเหลือบตามองไปทางที่อัยการนั่งอยู่
“ถ้าวันนั้นผมได้รับความช่วยเหลือ ผมจะไม่ตกอยู่ภายใต้คำว่าจำเลยอย่างแน่นอน...เรื่องนี้คุณอัยการทราบดี”
น้ำเสียงทุ้มต่ำและเยือกเย็นของจำเลยหนุ่ม พาให้อัยการเกิดอาการกลืนน้ำลายลำบาก ฝืดเคืองในลำคอทันที ชายหนุ่มละสายตาจากท่าทีกระอักกระอ่วนของอัยการ มองตรงไปข้างหน้าสบตากับหญิงสูงวัยบนบัลลังก์
“ผมพูดต่อได้...ใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มเกริ่นถามเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะพูดต่อ
“เชิญ” ผู้พิพากษาขานคำอนุญาต เขาจึงเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวของเขาอีกครั้ง
...
ผมได้รับการวินิจฉัยจากหมอว่าลำไส้ส่วนปลายเกิดการอักเสบติดเชื้อรุนแรงจนเกิดภาวะมีเลือดออก มันคือผลพวงที่ไอ้เดรัจฉานทำทิ้งไว้กับผม ผมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อมีสีแดงฉานไหลอาบขาลงมาเป็นทาง ขณะที่ผมกำลังอาบน้ำ ผมไม่รู้มันออกมากจากส่วนไหนจากร่างการของผม ผมใช้มือลูบคลำหาเสเหตุจึงได้รู้ว่ามันออกมาจากก้นจากส่วนที่ไอ้สัตว์นรกทิ้งบาดแผลอันเจ็บปวดไว้ที่ร่างกายของผม วันนั้นผมจึงรีบเดินไปหาหมอที่คลินิกนิรนามในทันที หมอสอบถามถึงสาเหตุที่แน่ชัด ถึงแม้ว่าผมจะกล้ามาหาหมอ แต่ผมคงไม่อาจพูดได้อย่างภูมิใจว่าผมเพิ่งใช้มันเสพสังวาสมาในระยะไม่ถึงเจ็ดวัน ผมไม่อาจพูดได้อย่างนั้นได้ เพราะผมรู้สึกขยะแขยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง มันเป็นการถูกกระทำที่เลวร้ายที่สุดซึ่งมีผลทางจิตใจอย่างมากของผม
หมอเริ่มสาธยายการป้องกันการร่วมรักทางทวารหนัก เพราะคิดว่าผมเป็นชายรักร่วมเพศ หมอไม่ได้พูดอะไรผิดและการเป็นชายรักร่วมเพศไม่ได้ผิดอะไร แต่ที่ผิด มันคือความเข้าใจของหมอเพราะผมไม่ได้เต็มใจ
“ผมโดนข่มขืนครับ!” ผมพูดโพล่งออกไป หมอหยุดพูดนั่งจ้องหน้าผมนิ่ง แววตาสงบ ว่างเปล่าราวกับหยุดคลิปวิดีโอไม่ให้เล่นต่อไปอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ หยิบปากกามาถือไว้ในมือก่อนที่จะเขียนบางสิ่งขยุกขยิกลงในประวัติการรักษา
ผมเดินออกมาจากห้อง นั่งรออยู่ตรงจุดพักคอย จากนั้นพยาบาลก็มาพาผมไปตรวจร่างกายโดยละเอียด ผมทำตามขั้นตอนจนแล้วเสร็จ ห้องจ่ายยาก็เรียกผมไปรับยา มีแก้ปวด แก้อักเสบฆ่าเชื้อ และอื่น ๆ อีกสองอย่างซึ่งผมจำรายละเอียดไม่ได้ แต่ที่ผมจำได้ก็คือพรุ่งนี้ผมต้องมารับผลตรวจร่างกายที่ผมตรวจไปเมื่อครู่เพื่อยืนยันสิ่งที่ผมถูกกระทำ ผมเดินไปนั่งวินมอเตอร์ไซค์เพื่อกลับบ้าน
และกลับมาที่คลินิกอีกครั้งในอีกวัน ผมตัดสินใจไปสถานีตำรวจในท้องที่เพื่อเอาผลตรวจร่างกายที่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ทำให้ผมต้องให้ข้อมูลทุกอย่างของไอ้คนที่ทำกับผม ตำรวจตั้งใจฟังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ระหว่างนั้นตำรวจคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาร้อยเวรที่กำลังทำการบันทึกปากคำ จากนั้นเขาก็มองหน้าผมส่งยิ้มให้ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเจอเขาที่ไหน เขาอาจเป็นหนึ่งในลูกค้าที่ร้านสะดวกซื้อที่ผมทำงาน แต่ผมก็ไม่ได้ยิ้มตอบเพราะตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในหน้าที่และผมกำลังเป็นเจ้าทุกข์
ผมให้ข้อมูลกับทางร้อยเวรต่อหลังจากที่นายตำรวจเจ้าของรอยยิ้มเดินหายไป พักหนึ่งเขาก็กลับมาในห้องอีกครั้ง แล้วกระซิบอะไรบางอย่างลงตรงข้างหูร้อยเวร
“ผู้ก่อเหตุกำลังเดินทางมา รอสอบปากคำพร้อมกันเลยละกันจะได้ลงทีเดียว”
มีสาเหตุที่ทำให้เขาต้องหยุดการรับรู้จากผมเพียงฝ่ายเดียว เพราะเขาไม่อยากที่จะทำงานซ้ำซ้อนเพราะผมเป็นคนธรรมดาไม่ใช่คนสำคัญที่พอจะทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาในหมู่คนสีเดียวกัน
“เดี๋ยวน้องช่วยรอก่อนนะเดี๋ยวคนที่น้องกล่าวหาว่าเขากำลังเดินทางมา”
ผมนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง รู้สึกตะหงิดใจว่าความรุนแรงที่ผมถูกกระทำ ลดลงเหลือเพียงแค่กลิ่นผายลมในอากาศ หลักฐานที่ผมอุตส่าห์ใช้เงินที่เหลือไปตรวจร่างกายมา เพื่อยืนยัน DNA และคราบอสุจิคนพวกนี้กำลังจะลดทอนน้ำหนักของมันลงไป
“มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณตำรวจ!!?”
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบ ผมเหลียวมองไปทางเสียง จึงได้เห็นผู้หญิงเจ้าของน้ำเสียงที่ผมไม่เคยลืม...
“คุณคนนี้แจ้งความว่าลูกของคุณได้ไปข่มขืนและขโมยเงินของเขาที่ห้องพักครับ”
สิ่งที่ตำรวจพูดดูเหมือนกับว่าผมไปกล่าวให้ร้ายผู้บริสุทธิ์ ทั้ง ๆ ที่ผมมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ทั้งจากหมอและจากที่ติดอยู่ตามผ้าเช็ดตัวว่ามันคนไหนคือเจ้าของคราบอสุจิ
“นิว...นี่แกพัฒนาไปถึงขนาดนี้แล้วเหรอนี่! แกคงคาใจสินะที่ขืนใจฉันที่บ้านไม่สำเร็จ เลยใส่ร้ายลูกฉันแทน!!”
“คนที่จะขืนใจคือผมมากกว่านะ...พวกคุณมันก็เหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูก...มักมาก!! ผมมีหลักฐานจากผลตรวจ DNA ที่ไอ้เวรลูกชายคุณทิ้งไว้ ตอนที่มันขืนใจผมไง!!”
“แกนั่นแหละอยากได้ไม่เลือก หญิงชายได้หมด แกมักมากเองแล้วมาสร้างเรื่องอย่างนี้ไม่ถูกนะนิว!”
“ผม...สมยอม สร้างเรื่อง นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกัน หลักฐานอยู่ทนโธ่ แต่แม่งต้องมายืนเถียงกันเป็นวรรคเป็นเวร รูตูดกูกูก็อยากได้รับความยุติธรรม พวกมึงแม่ลูกจะอยากได้ตูดทุกคนไม่ได้ และมึงคิดเหรอว่า สภาพหน้าปลาจวดอย่างลูกมึงใครอยากซื้อบริการ...สภาพแม่งโคตรขี้ยา มันไม่ใช่กระหรี่เว้ย...แต่แม่งเป็นโจร โจรสถุลที่หลบอยู่ใต้ผ้าถุงแม่มันไง!!”
“แกหมิ่นประมาทลูกฉันเหรอไอ้เด็กเมื่อวานซืน!! ลูกฉันเป็นคนดี ลูกฉันไม่ใช่ขโมย และลูกฉันไม่มีทางไปเอารูตูดของแกอย่างแน่นอน!!”
“แน่ใจมากขนาดนั้นเลยนะครับคุณเมียพ่อ ลูกมันได้สันดานแม่นี่เอง ถึงสะตอได้โล่!”
ผมเห็นนางเพศยายืนกำมือแน่น มันคงเจ็บใจในสิ่งที่ผมพูด เพราะผมเองก็หมดความอดทนกับสองแม่ลูกนี้แล้วเช่นกัน ดีเหมือนกันหากมันจะแจ้งความว่าผมหมิ่นประมาท สิ่งที่ผมมีในมือตอนนี้ผมจะใช้มันในชั้นศาล
“คุณตำรวจจะว่าไปตามที่เถียงกันหรือตามหลักฐานดีครับ...?” ผมหันไปถามร้อยเวรที่ได้แต่นั่งทำหน้าเหรอหรามองละครฉากใหญ่เล่นต่อหน้า เขาจึงยื่นมือมารับหลักฐานที่ผมมีไปถ่ายเอกสารแนบการทำคดี
“บอกก่อนนะว่า...นี่มันแค่ผลตรวจที่ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นของคู่กรณี” เขาเหลือบตาจากหน้าจอขึ้นสบตาผม
“งั้นก็ให้ไอ้เวรเอาอสุจิของมันไปตรวจสิ จะได้รู้กันไปเลยว่า DNA มันตรงกันไหม!!”
ผมไม่พอใจเป็นอย่างมาก เป็นคนถูกกระทำแต่กลับถูกใส่ร้าย ทั้ง ๆ ที่ผมก็มีหลักฐาน แต่ตำรวจก็ทำเหมือนว่าผมเป็นพวกเสียสติที่คอยป้ายสีให้คนโน้นคนนี้ ผมเป็นผู้ชายแล้ว...โดนขืนใจไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? นิยามคำว่าขืนใจของพวกเขามีนัยอย่างไรกัน แต่สำหรับผมอะไรที่ผมไม่ยอมทั้งหมดได้รวมไว้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้คำว่า...ขืนใจ!
“เรื่อง ดีเอ็นเอ มันคงต้องใช้เวลา เรื่องพิสูจน์หลักฐานนั่นเราจะทำอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องเงินคุณมีหลักฐานไหม หากไม่มีหลักฐานคุณอาจโดนแจ้งกลับว่าแจ้งความเท็จ...”
“ผมโดนทำร้ายจนหน้าตาแหกแบบนี้ เป็นหลักฐานพอไหมที่จะโดนชิงทรัพย์!!” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ร้อยเวร ใช้นิ้วมือชี้เข้าที่ใบหน้าส่วนที่เจ็บของตัวเอง ร้อยเวรเลือกที่จะก้มหน้าไม่มอง ขณะที่ผมต้องการชี้ชัดหลักฐาน น้ำตาที่เกิดจากความโกรธเกลียดของผมมันเริ่มไหลออกมา
“บีบน้ำตาซะด้วย”
ผมหันไปมองไอ้สัตว์นรกเจ้าของน้ำเสียงเย้ยหยันด้วยแววตาเกรี้ยวกราดที่ดูเหมือนจะเป็นอันตรายกับผู้คน พาให้แม่และลูกคู่กรณีผงะห่างออกจากผม รวมถึงพ่อผมที่ยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่ข้างพวกมันด้วย
“ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าแกจะเป็นไปได้ขนาดนี้...”
“ที่ผมมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะคุณ...”
“เพียะ!!!!!!!" เสียงตบกังวานไปทั่วห้อง ผมไม่นึกเลยว่าพ่อบังเกิดเกล้าของผมจะตบหน้าผมอย่างแรง ผมไม่เข้าใจเหตุผลเลยว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น
“มันสำคัญกว่าลูกแท้ ๆ อย่างผมเลยเหรอ!?” ผมรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นตรงหัวใจกับสิ่งที่ถูกกระทำ ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่สามีของแม่ผู้ให้กำเนิดผมจะใช้ความรุนแรงกับผม
“กูตบให้มึงสำนึกไง ไอ้เด็กเวร ทำแต่ละอย่างหาแต่เรื่องให้กู!” ผมไม่เคยหาเรื่องและผมจะไม่มีวันเถียงในใจกับความเข้าใจนี้อย่างแน่นอน
“แต่ละเรื่องอย่างนั้นเหรอครับคุณพ่อ...ผมเป็นนักเรียน เรียนดีมาตลอดสามปี ไม่เคยพึ่งพาเงินรายได้ของคุณพ่อเลยนะครับ ผมได้รับทุนการศึกษาประทังมาตลอด แค่คุณไม่ต้องรับผิดชอบการศึกษาของผมมันก็ทำให้คุณดื่มเพิ่มได้อีกหลายขวดเลย ผมทำไม่ดีตรงไหน?” ผมถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“มึงเรียนดีแล้วทำให้ชีวิตกูมันดีขึ้นตรงไหน ถ้ามึงไม่เกิดมา กูคงสบายกว่านี้!!”
“คุณคะอย่าว่าลูกคุณแรงแบบนั้นเลยนะคะ เด็กแม่ตายก็เหมือนกับแพแตก เลยชอบเรียกร้องความสนใจ”
“มึงอะตัวดี เงียบไปเลยนะ!!” ผมตะเบ็งเสียงอย่างโมโหใส่หน้าเมียของพ่อ
“ไอ้เด็กเนรคุณ ไม่เจียมตัว ยังไม่รีบขอโทษเขาอีก เขาเอาเรื่องมึงขึ้นมาจะได้เป็นผีเฝ้าคุกล่ะทีนี้”
“นี่พ่อคงหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น เลยสินะ!!"
เพียะ! เพียะ!
เขาตบผมอีกครั้ง ผมใช้ฉาดสุดท้ายเป็นการตัดขาดความสัมพันธ์ทางความรู้สึก สถานะ ระหว่างผมกับผู้ชายที่เพิ่งทำร้ายร่างกายผมตรงหน้า
“มึงนี่ชักจะมากไปแล้วนะ ไอ้เด็กเวรนี่” เขาก้าวเข้ามาพร้อมกับเงื้อมือจะลงมือกับผมอีกครั้ง ผมจ้องมองพฤติการณ์ของเขาตาแข็ง
“พอเถอะค่ะคุณ เสียแรงไปเด็กมันก็ไม่ได้ช่วยให้เด็กมันสำนึกขึ้นมาหรอกค่ะ!” แต่เมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงแทรกขึ้นมาผมก็หันไปใช้แววตาแบบเดียวกันที่มองเขามองจ้องไปที่เธอ พาให้บรรยากาศเงียบงันและตึงเครียดยิ่งขึ้น
“ที่นี่สถานที่ราชการนะครับ กรุณาอยู่ในความสงบเรียบร้อยด้วยนะครับ”
ดูเหมือนไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็เป็นห่วงตัวเองกันทั้งนั้น ผัวเป็นห่วงเมียที่โดนด่า แม่เป็นห่วงลูกที่ถูกคนอื่นใส่ร้าย ตำรวจเป็นห่วงความสงบขณะที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องราวของผมสักคน ผมที่แบกหน้ามาพร้อมกับหลักฐาน ความละอายและความเจ็บแค้นเพื่อทวงความยุติธรรม ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะไม่เคยมีอยู่จริง โลกช่างเหมือนละครโรงใหญ่ที่ชีวิตของตัวละครน่าสมเพชมากกว่าหนูท่อสกปรกเสียอีก
มันรู้สึกตลกและน่าขำชีวิตอันน่าสมเพชของผม ทำไมชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ของผมต้องเกิดมาทำให้คนรอบข้างเป็นทุกข์ ธุรกิจต้องมาล้มตอนที่ผมเกิด แม่ต้องทำงานหนัก ก่อนที่จะจากไปก่อนวัยอันควร ทำไมไอ้เดรัจฉานนั่นไม่ฆ่าผมให้ตาย ๆ ไปซะ ผมอยากหยุดชีวิตที่ไม่มีอะไรดีและบัดซบแบบนี้เสียที
ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางสภาพไร้น้ำหนัก สมองที่ตื้อตัวเบาหวิว ผมกำลังปิดระบบการรับรู้ตัวเอง ตอนนี้ผมไม่รู้ร้อนหรือหนาว ผมเห็นปากพวกเขางับลมพะงาบ พวกเขาคงกำลังพ่นคำพูดสารพัดใส่หน้าผม ผมไม่รู้เรื่อง ผมคงกำลังหลุดพ้น จนกระทั่งใบหน้าของผมถูกบางสิ่งกระทบเข้าอย่างแรง...
ผมมองมันปลิวเกลื่อนบนพื้น...ธนบัตรสีเทามูลค่าใบละหนึ่งพันซึ่งใช้หนี้ได้ตามกฎหมาย ผมกระตุกยิ้มขึ้นบนริมฝีปาก จ้องมองคนที่กำลังตะโกนใส่หน้าผม
“เงินใช่ไหมที่ทำให้มึงคิดทำเรื่องเหี้ย ๆ แบบนี้ มึงเอาเงินนี่ไป แล้วไปไกล ๆ หน้ากูเลยนะ”
ผมไม่รู้ว่าพ่อมีเงินเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่คงเป็นค่าเลี้ยงดูย้อนหลังสินะ...แต่ผมไม่เอาหรอก ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแล้ว รอยนิ้วมือบนใบหน้าผมเป็นพยานตัดขาดความสัมพันธ์ ผมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นเซลฟี่ใบหน้าที่แสดงรอยห้านิ้วอย่างชัดเจน แล้วโพสลงหน้าโซเชี่ยวของผม...ประกบด้วยข้อความ
‘ขอบคุณทุกอย่างครับพ่อ ขอให้พ่อมีความสุขมาก ๆ นะครับ’
ผมกดโพสออกไป ขณะที่น้ำตาของผมไหลอาบใบหน้า ผมเดินออกจากสถานีตำรวจไปอย่างไร้จุดหมาย และไม่หันมามองใครข้างหลัง
หลังจากนั้นผมหมกตัวอยู่ในห้อง โทรบอกผู้จัดการร้านสะดวกซื้อว่าผมสะดวกทำงานในกะกลางคืน เพราะไม่อยากเจอหน้าใครตอนกลางวัน เจ้าของร้านใจดีอนุมัติคำขอของผม ผมได้ทำงานกะกลางคืนที่ร้านเดิม ผมจึงยังมีรายได้ประจำแต่มันก็ไม่มากพอที่ผมจะย้ายที่อยู่ได้อย่างกะทันหัน ผมจึงต้องอยู่ที่นั่นพร้อมกับความทรงจำอันปวดร้าวต่อไปหลายเดือนอย่างหวาดระแวง......