ชาย-ชาย,รัก,แฟนตาซี,วาย,วายแฟนตาซี,เวทมนตร์,แฟนตาซี,#BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ลมเย็นโชยมาแผ่วเบา พัดผ่านวิหารหินศักดิ์สิทธิ์สีขาวบริสุทธิ์ที่ตั้งอยู่เหนือทิวเมฆไกลสุดลูกหูลูกตา
เทวสภาเป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าเทพปกครองที่ถูกคัดเลือกจากพระเจ้าผู้สร้างให้มาประจำการเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองความสมดุลของดวงดาวดวงนี้
ภายในห้องโถงกว้างใหญ่ของพระวิหาร เทพแห่งท้องทะเลกำลังรายงานความคืบหน้าของภัยคุกคาม ไม่กี่วันก่อนมีปีศาจใต้สมุทรตัวหนึ่งที่เกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา การอาละวาดของมันทำให้ผืนน้ำแปรปรวนจนเกิดคลื่นสึนามิขนาดยักษ์ เมืองที่กับติดทะเลอย่างเมืองอัลเบร์เกือบจะถูกคลื่นยักษ์เขมือบเข้าให้จนกลายเป็นเมืองบาดาล แต่ด้วยการจัดการที่รวดเร็วและทันท่วงทีของเทพแห่งท้องทะเล ชาวเมืองจึงรอดพ้นจากจากเงื้อมมือของหายนะในครั้งนี้ไปได้อย่างหวุดหวิด
ซาซาเอลวางมือประสานกันไว้บนโต๊ะยาวสีขาวสลักลายวิจิตร ขาเรียวทั้งสองไขว้กันอยู่ในท่าไขว่ห้าง แผ่นหลังเหยียดตรง ผิวพรรณขาวราวน้ำนมตัดกับอาภรณ์ยาวสีดำสนิทที่ประดับด้วยลวดลายสีทองยิ่งขับให้เทพแห่งพงไพรดูสง่างามและน่าเกรงขามแม้ว่าร่างกายจะเล็กบางกว่าเทพองค์อื่น
เมื่อไหร่จะได้กลับไปนอนเสียทีนะ...
ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองไปด้านหน้าประหนึ่งกำลังตั้งใจฟังทุกคำพูด ทว่าในความเป็นจริงนั้นตรงกันข้าม สายตาคู่นั้นไม่ได้จดจ่อกับสิ่งใดตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ท่านเทพเหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่อาจรู้
วงเวทสีม่วงปรากฎขึ้นบนเพดานวิหารหิน มันส่องแสงสว่างเป็นประกาย อาหารมากมายทั้งคาวและหวานโผล่ออกมาจากวงเวท ค่อย ๆ ลอยร่วงลงมาราวกับเป็นสิ่งของไร้น้ำหนัก จนกระทั่งวางลงกับโต๊ะตัวยาว ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามก็รู้ได้ทันทีเลยว่าของเหล่านี้เป็นเครื่องบรรณาการจากชาวอัลเบร์ที่ถูกส่งมาให้เทพปกครองท้องทะเลแทนคำขอบคุณ
เสียงปรบมือดังไปทั่วห้องโถงของพระวิหาร เป็นการแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเทพแห่งท้องทะเลในฐานะเทพผู้คุ้มครอง ซาซาเอลกะพริบตาปริบ ๆ ดูเหมือนว่าจะเพิ่งหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง จึงรีบปรบมือทำตัวกลมกลืนไปกับทุกคน
การประชุมของเทวสภาจบลงแล้ว แต่ซาซาเอลก็ยังไม่สามารถกลับไปนอนอืดบนเตียงแสนนุ่มของเขาได้อยู่ดี เมื่อวันก่อนมีปัญหาเกี่ยวกับหัวไชเท้าที่อยู่ดีไม่ว่าดีก็เกิดกลายพันธุ์ขึ้นมา จู่ ๆ พวกนั้นก็ผุดออกมาจากดิน รวมตัวกันเป็นแก๊งหัวไชเท้าอันธพาลออกไล่ล่าสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ กินกระต่ายป่าไปเป็นเบือจนเริ่มกระทบกับระบบนิเวศ
ซาซาเอลใช้เวทเคลื่อนย้ายมาโผล่ในป่าทอว์เรียนอันเป็นสถานที่ที่แสนคุ้นเคย ป่าแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนบ้านของเขา แต่เจ้าของบ้านผู้นี้เพิ่งจะเดินตาปรือไปตามทางได้ไม่ทันไรก็มีแก๊งมาเฟียหัวไชเท้าวิ่งตุบตับด้วยรากของพวกมันกรูกันเข้ามา ตั้งท่าจะโจมตีเขา
เทพแห่งพงไพรหลับตาลงอย่างสงบและใจเย็น มือทั้งสองประสานกันที่ระดับอก พลังเวทอันบริสุทธิ์เปล่งแสงสีขาวเรืองรองสาดส่องรอบกาย ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์ยาวสีดำลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย เส้นลวดลายซับซ้อนของวงเวทขนาดใหญ่ถูกวาดขึ้นบนพื้นหญ้าเขียวขจี ครอบคลุมพื้นที่ที่เจ้าพวกหัวไชเท้ายืนออกันอยู่
เมื่อองค์ประกอบของลวดลายนั้นครบสมบูรณ์ วงเวทก็เริ่มหมุนวนอยู่กับที่พร้อมกับฉายแสงเรืองรองเจิดจ้า ซาซาเอลย่อตัวคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง มือที่ประสานอยู่คลายออกและยื่นลงไปแตะกับผืนหญ้า ทันใดนั้นหัวไชเท้านับสิบก็หายวับไปกับตา
ซาซาเอลยิ้มพึงใจกับตัวเอง ทิ้งตัวลงนอนพิงกับต้นไม้ใหญ่เพื่อพักสายตา แสงแดดอ่อนรำไรส่องมาถึงพื้นดินแค่เพียงบางส่วน สายลมเอื่อยโชยพัดผ่านราวกับกล่อมนอน ใบไม้เขียวขจีรอบ ๆ ส่ายไหวไปมา
เพียงไม่นานเทพแห่งพงไพรก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น
⟡˖°.
“อื้ม…” ร่างโปร่งของเทพแห่งพงไพรขยับพลิกตัวซุกเข้าหาความอบอุ่นนุ่มนิ่มข้างกาย พร้อมกับส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอ
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ… นุ่มนิ่ม?
ซาซาเอลลืมตาขึ้นมองในทันที ก่อนจะต้องเบิกตากว้างและถดตัวถอยหลังหนีด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่าตนเองกำลังนอนซุกอยู่กับกลุ่มขนนุ่มสีขาวสะอาดสลับกับสีดำที่พาดผ่านเป็นแถบ ๆ
เสือโคร่งขาว…
นัยน์ตาสีเขียวมรกตกวาดมองไปรอบกาย พบว่าตอนนี้เขาอยู่ในถ้ำ และคงเป็นถ้ำที่ลึกจนแสงอาทิตย์ส่องมาไม่ถึง แต่กระนั้นก็ยังสามารถมองเห็นทุกอย่างภายในถ้ำได้ราง ๆ จากประกายสีฟ้าเรืองแสงสวยงามของเห็ดโคนที่ขึ้นเป็นหย่อม ๆ อยู่ตามซอกหิน
ซาซาเอลเผลองีบไปแค่ครู่เดียวเท่านั้นเอง (ที่ว่าครู่เดียวนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ไม่อาจรู้) แล้วตอนนี้เขาโผล่มาอยู่ที่นี่กับเจ้าเสือขาวตัวเบิ้มนี่ได้อย่างไรกัน
นัยน์ตาคู่งามหันกลับไปมองเสือขาวตัวใหญ่ที่นอนหมอบหลับอย่างสบายใจอยู่ข้างกาย พลังเวทดำมืดที่ไหลเวียนในร่างกายของสัตว์ใหญ่ตรงหน้านั้นเข้มข้นเสียจนซาซาเอลสัมผัสได้
สัตว์อสูรขั้นสูง…
สัตว์อสูรขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดในบรรดาสัตว์วิเศษทั้งหมด มีนิสัยดุร้าย ไม่เป็นมิตรและไม่สามารถผูกมิตรได้ ปกติจะพบเจ้าพวกนี้ได้ในดันเจี้ยนใต้ดินที่พวกมนุษย์นักผจญภัยชอบลงไปสำรวจ
หรือว่าตอนนี้เขาถูกจับมาอยู่ในดันเจี้ยนกันนะ
ไม่ได้การล่ะ
ว่าแล้วซาซาเอลก็ก้มหน้าพร้อมกับหลับตาลง ยกมือขึ้นประสานกันระดับอก เตรียมร่ายวงเวท แต่ทันใดนั้นเอง…
แผล่บ
อะ…!
ความเปียกชื้นอุ่นร้อนนาบลงบนแก้ม สัตว์อสูรตัวใหญ่ที่ตอนนี้ตื่นเต็มตาลุกขึ้นมาเลียแก้มเขา แรงจากลิ้นใหญ่โตที่โจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวทำเอาหน้าเกือบหงาย และสุดท้ายก็ต้องหงายจริง ๆ เมื่อสัตว์อสูรอันตรายกระโดดมาเกาะไหล่เขา โถมตัวออกแรงผลักเขาให้ล้มลงนอน!
ซาซาเอลตกใจจนตาโตเมื่อเห็นว่าตนเองเผลอประมาทไปทำให้สัตว์อสูรได้ทีขึ้นมาคร่อมทับอยู่บนร่างเขา ในขณะเดียวกันก็พยายามมองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่
หากได้ตายทั้งอย่างนี้มันคงจะดูน่าอับอายเหนือจินตนาการ ไม่สมเกียรติกับสถานะเทพเป็นอย่างยิ่ง
นิ้วมือเรียวแอบตวัดขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังคึกโครมขึ้นด้านล่าง ทั่วทั้งถ้ำสั่นรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว เห็ดโคนเรืองแสงในซอกหินซึ่งกำลังถูกซาซาเอลนอนทับอยู่ขยายขนาดขึ้นเป็นเห็ดยักษ์จนภายในถ้ำสว่างจ้าด้วยแสงสีฟ้า มันโตขึ้นอย่างรวดเร็วใต้ร่างของซาซาเอลและยกเขาให้ลอยขึ้นมาจากพื้น ขณะนั้นเองที่สัตว์อสูรตัวใหญ่เสียการทรงตัว พยายามเกาะตามขึ้นไปแต่พื้นที่ของเจ้าเห็ดไม่เผื่อแผ่มาให้มัน สุดท้ายก็เกาะเอาไว้ไม่ได้ ลื่นไถลตกลงไปยืนอยู่ที่เดิม
สัตว์อสูรตัวใหญ่มองขึ้นมาจากด้านล่างด้วยดวงตาสีฟ้าสุกสกาว ซาซาเอลไม่แน่ใจว่านั่นเป็นสีจากแสงสะท้อนของเห็ดโคนหรือเปล่า
ซาซาเอลร่ายวงเวทขึ้นบนพื้นถ้ำ เตรียมโจมตีสัตว์อสูรร้ายให้สลบแล้วค่อยหาทางกลับขึ้นสู่ผืนป่าด้านบน แต่เขากลับสังเกตเห็นเสียก่อนว่าสัตว์อสูรด้านล่างกำลังช้อนสายตาขึ้นมองคล้ายว่ากำลังออดอ้อน หูทั้งสองข้างก็ตกลู่ลงแนบกับศีรษะ ซ้ำยังส่งเสียงร้องหงิงเบา ๆ ประหนึ่งสัตว์เล็ก ฟังดูน่าสงสารพิลึก
ท่าทางราวกับเป็นสัตว์บ้านของพวกมนุษย์ทำเอาเทพแห่งพงไพรชะงักไปครู่ใหญ่
หรือว่านี่จะเป็นมารยาหลอกล่อให้ใจอ่อนก่อนจะจับมาเชือดทิ้งอย่างไม่ใยดี… แต่ก็ไม่น่าใช่ เพราะโดยทั่วไปสัตว์อสูรพวกนี้ไม่ค่อยชอบใช้สมองเสียเท่าไรนัก มีแต่จะพุ่งเข้าใส่ทันทีที่เห็นก็เท่านั้น
แล้วเหตุใดสัตว์อสูรตัวใหญ่ตรงหน้าเขาจึงมีพฤติกรรมการส่ายหางปุยอ้วนเรียกคะแนนความเห็นใจ ไหนจะดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความใสซื่อราวกับเป็นสัตว์เชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง
เทพแห่งผืนป่ายืนจ้องตากับเสือขนปุยด้านล่าง
สัตว์อสูรกลายพันธุ์งั้นเรอะ!?
ซาซาเอลมัวแต่จ้องหน้าอีกฝ่ายจนพลาดท่าให้สัตว์อสูรยักษ์ดีดตัวขึ้นมานอนทับเขาอีกรอบจนได้
สุดท้ายเมื่อครู่นี้ก็เป็นแค่มารยาของอสูรร้ายจริง ๆ ด้วยสินะ!
เทพป่าไม้ประสบกับเหตุคับขันติดกันถึงสามครั้งแล้วภายในวันเดียว ครั้งแรกโดนจับตัวมาได้อย่างไรก็ไม่รู้ ครั้งที่สองโดนอสูรร้ายเลียหน้าแล้วกระโจนมายืนคร่อม ส่วนครั้งที่สามนี้โดนกระโดดมานอนทับจนแทบแบนตาย
นี่คงจะเป็นการต่อสู้ที่ทำให้ซาซาเอลรู้สึกโง่งมที่สุดในชีวิต
น่าอับอายเกินไปแล้ว!
ว่าแล้วก็มองค้อนคาดโทษอสูรเจ้ามารยาที่นอนทับอยู่ แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อลิ้นหนาเปียก ๆ นั่นโจมตีเข้าที่แก้มเขาอีกแล้วเป็นครั้งที่สอง ให้ความรู้สึกดึบดึ๋ยที่แก้มอย่างบอกไม่ถูก
สัตว์อสูรตัวใหญ่ถดตัวลงไปเล็กน้อยแล้วใช้หัวปุกปุยไซส์ยักษ์ของมันถูไถไปมากับหน้าอกเขา หางปุกปุยนั่นก็ส่ายไม่หยุด
นี่มันแมวเลี้ยงของพวกมนุษย์ชัด ๆ !
“หยุด!” ซาซาเอลเปล่งเสียงออกคำสั่ง
เมื่อก้อนขนยักษ์บนตัวเขาได้ยินเสียงนั้นมันก็ชะงักกึกแล้วเงยหน้าขึ้นมามองตาแป๋ว ซาซาเอลอาศัยจังหวะนี้ยันตัวเองออกมาจากใต้ร่างของมันอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าเป็นคนจับข้ามาหรือ”
เจ้าอสูรทำหน้าทำตาน่าสงสาร หางลู่หูตกประหนึ่งลูกแมว (โข่ง) ถูกทิ้ง
“ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้น ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก”
เสียงครางครืดในลำคอดังขึ้นแผ่วเบาเป็นการตอบรับ
เทพแห่งพงไพรจ้องหน้าอีกฝ่ายตาเขม็งก่อนจะเอ่ยเสียงดุ “ห้ามตามข้ามาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่ เข้าใจนะ” เจ้าอสูรครางหงิง ๆ แต่ก็ยอมปล่อยให้ซาซาเอลลงไปเดินเหินสำรวจทางออกของถ้ำโดยไม่ตามมานอนทับอีกเป็นครั้งที่สาม
ซาซาเอลเดินลัดเลาะไปตามทางคดเคี้ยวของถ้ำเพียงแค่ระยะทางสั้น ๆ ก็พบแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลอดเข้ามา
นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้อยู่ในดันเจี้ยนใต้ดินอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก
แล้วไอ้แมวยักษ์นั่นมันพาเขามาอยู่ที่ไหนกันเล่า...