รัก,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,ตะวันตก,รัก,โรมานซ์,ฟีอาห์,เคียน,กีตาร์,แต่งงาน,ภรรยา,คลุมถุงชน,ฝรั่ง,ตะวันตก,วงร็อก,นักดนตรี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เพราะมือข้างหนึ่งต้องถือถุงกระดาษที่ใส่ของจนล้น จึงทำให้จับกุญแจสอดเข้าไปในรูล็อกอย่างทุลักทุเล เชื่อเถอะว่าหากใครมาเห็นภาพนี้เข้า คงนึกว่าเธอเป็นโจรกำลังงัดห้องอยู่แน่ ๆ และหลังจากนั้นไม่นานเสียงแกร๊กก็ดังขึ้น บ่งบอกว่าประตูได้เปิดออกแล้ว
รองเท้าบูตถูกถอดไว้ลวก ๆ บนชั้นวาง เพื่อจะได้นำถุงวัตถุดิบที่อุ้มมาเต็มมือกองไว้ที่เคาน์เตอร์ครัว ฟีอาห์ตั้งใจว่าจะจัดการทำกับข้าวมื้อเย็นในภายหลัง เพราะเมื่อเช้าดันตื่นสาย เลยไม่ได้เก็บของใช้ส่วนตัวให้เรียบร้อยเหมือนทุกวัน จึงต้องรีบเอามันเก็บเข้าที่ให้ไว เพราะโดยส่วนตัวแล้วเธอไม่ปลื้มห้องที่รกมากนัก
ตุ๊บ!
“โอ๊ย ฉันยิ่งหิว ๆ อยู่นะ”
เสียงบ่นดังขึ้นเมื่อชนเข้ากับโต๊ะจนกล่องเล็กที่เก็บของกระจุกกระจิกหล่นลงมา เธอจึงต้องกุลีกุจอเก็บมันให้เข้าที่ และในตอนนั้นเองของสำคัญบางสิ่งก็หล่นลงมาด้วย ฟีอาห์จึงหยุดชะงักแล้วมองมัน เหมือนมีบางอย่างผ่านเข้ามาในห้วงความคิด...
‘Fiadh Kezper’
มือบางเอื้อมหยิบพาสปอร์ต มันปรากฏชื่อและข้อมูลตามธรรมเนียม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือนามสกุลที่อยู่บนหน้าปก เพราะปัจจุบันเธอได้แต่งงานกับนักดนตรีคนหนึ่งแล้ว
ซึ่งนั่นก็คือ เคียน บุคคลที่ฝังพิษร้ายในความทรงจำ จนหญิงสาวไม่สามารถสลัดออกไปจากใจได้ ถึงแม้ว่าวันนั้นเธอกับโฮปใกล้จะตัดสัมพันธ์กันอยู่รอมร่อ แต่อุบัติเหตุเช่นนั้นมันก็ไม่สมควรเกิดขึ้น และแม้จะพร่ำพรรณนาถึงความผิดมากมายแค่ไหน ฟีอาห์ก็รู้ดีว่าเคียนไม่ใช่ต้นเหตุทั้งหมด ไม่เหมือนพ่อกับแม่ของโฮปที่คิดโทษพวกเธออยู่ตลอดเวลา
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ทำให้ฟีอาห์เลิกคิดเรื่องเก่า ๆ และโผล่หน้าออกมาพ้นขอบประตู มองดูชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังถอดรองเท้าวางบนชั้น ซึ่งการกระทำไม่ได้ต่างอะไรจากของเธอมากนัก แม้กระทั่งลำดับการวางเท้าที่พาดไปทีละข้าง ไม่ได้ถอดและใช้มือหยิบไปวางเหมือนคนอื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงชีวิตที่คลุกคลีอยู่ด้วยกันสักระยะหนึ่งแล้ว
“วันนี้ผมกลับมาไว คุณคงแปลกใจล่ะสิ”
เสียงทุ้มแหบของสามีเอ่ยขึ้น และเมื่อได้เห็นร่างนั้นปลดกระเป๋ากีตาร์ออกมาวางที่โซฟา ความพลิกผันของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงก็ได้หวนกลับมาหาเธออีกครั้ง
-สองปีก่อน-
ม่านตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า ภาพตรงหน้าขุ่นมัวราวกับจับแว่นตาผิดเลนส์ขึ้นมาสวมใส่ ทั้งยังแลดูโกลาหลไปหมด และในขณะที่สายตากำลังปรับโฟกัสให้ชัดเจน เสียงอื้ออึ้งรอบตัวก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นดังก้องจนเขาสะดุ้งขึ้นมา
“พวกเรากลัวว่านายจะตายไปจริง ๆ ซะอีก...ฟื้นมาก็ดีแล้ว ดีใจจังโว้ย” แองกัส *ฟอนต์แมนของวงพูดทัก ขณะที่โน้มตัวลงมากอดด้วยความดีใจ ใบหน้าแนบอกทำให้เคียนรู้สึกว่ามันหนักจนต้องขยับตัวเล็กน้อย เพราะไม่มีแรงมากพอที่จะผลักหัวเจ้าคนบุ่มบ่ามนั่นออกไป
“เฮ่ ๆ นายอย่าไปใกล้มันมากดิ เผื่อไปโดนแผลที่ถูกกระทืบ” เบ็น มือกีตาร์ลีดที่นั่งกอดอกดุเสียงเข้ม
“หิวน้ำว่ะ” เคียนบอกความต้องการ
แองกัสจึงยอมปล่อยเขาตามที่เบ็นบอก และแม้เจ้าฟอนต์แมนผู้โดดเด่นจะหันไปแยกเขี้ยวใส่คนทัดทานอย่างไม่พอใจ แต่การที่ผู้ป่วยกำลังเอ่ยขอน้ำ แองกัสก็พร้อมสนองความต้องการในทันที โดยการหยิบน้ำที่เหลือเพียงครึ่งขวดจากกระเป๋าให้ดื่ม
ชายหนุ่มเมื่อได้รับการบำบัดอาการคอแห้งจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ จึงเริ่มตั้งข้อสงสัยกับบรรยากาศที่ตัวเองเผชิญอยู่ เพราะในขณะนี้ทั้งเฟอร์นิเจอร์และอะไรหลายอย่างมัน...
นี่มันโรงพยาบาล!
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็เด้งตัวขึ้นและหันซ้ายขวา เพราะมึนงงว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และมันเกิดอะไรขึ้น
“ใจเย็นดิวะ จะรีบลุกขึ้นมาทำห่าอะไร หมอให้พักก็นอนไปเถอะ” โคดี้ มือเบสที่นั่งไถโทรศัพท์กล่าว
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง” คำถามแรกที่ส่งไปหาเหล่าเพื่อนร่วมวง
“....”
ซึ่งน่าแปลกที่พวกเขาทั้งหมดได้แต่หันมองหน้ากันไปมา ราวกับเด็กนักเรียนที่จ้องโยนความรับผิดชอบให้คนอื่น เมื่อโดนอาจารย์ซักไซ้หาความผิด และขณะที่รอคำตอบอยู่นั้น ในหัวของเคียนก็มีภาพในอดีตเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแวบเข้ามา นั่นคือเหตุการณ์ที่เข้าไปจูบฟีอาห์แล้วโดนโฮปต่อยจนสลบ
“โฮปล่ะ ฉันจำได้ว่ามันไม่ค่อยพอใจที่ฉันไปจูบฟีอาห์ คงไม่ได้ถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกายใช่ไหม”
“สบายใจได้เลย ไม่มีใครจับมันได้หรอก เพราะมันตายแล้ว” ฟาเบีย มือกลองที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง ตอบคำถามเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อได้ยินดังนั้นเคียนก็อึ้งจนหูดับ ราวกับคนเป็นร้อยกำลังตีกลองให้ดังสนั่นภายในคราวเดียว
“เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวนะ! พวกนายล้อเล่นอะไรกันหรือเปล่าวะ” เคียนถามย้ำ
“มันตายแล้วจริง ๆ ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง” แองกัสย้ำคำตอบของฟาเบีย
“เชี่ยเอ๊ย...!!” เคียนพ่นคำสบถออกจากปากพร้อม ๆ กับกระชากสายน้ำเกลือที่ตรึงแขนของตัวเองออก แล้วก้าวลงจากเตียงอย่างลนลาน ในใจไม่ได้คิดถึงโฮปเลยสักนิด แต่กำลังเป็นห่วงฟีอาห์ต่างหาก ถ้าเรื่องเป็นเช่นนี้จริง นึกไม่ออกเลยว่าสภาพจิตใจของเธอจะดิ่งขนาดไหนกัน
“เฮ่ ๆ ใจเย็น ๆ นายจะไปไหน” แองกัสเห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามาขวางฝีเท้าเขาไว้ พร้อมถามจุดประสงค์ของอาการลุกลี้ลุกลน
“ไปดูโฮปไง”
“แล้วรู้เหรอว่ามันอยู่ห้องไหน” เมื่อฟอนต์แมนของวงย้อนถามกลับ ทำให้เคียนหยุดชะงักไปกับคำถาม
“แล้วอยู่ห้องไหนล่ะ” เขาถามต่อเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ว่ายังไงก็จะไปดูให้เห็นกับตา
“มันจะอยู่ห้องไหนไม่สำคัญหรอก แต่นายอยู่ห้องนี้ดีที่สุดแล้ว ไม่งั้นจะโดนยำตีนจากพ่อแม่ไอ้โฮปแน่”
ประตูถูกเปิดอีกครั้ง พร้อมร่างกะทัดรัดในชุดโค้ตที่ปลายของมันเกือบลากพื้น แม้ว่าจะตัวเตี้ยม่อต้ออย่างไร แต่วาจาห้าวหาญจนน้ำเสียงดังก้องก็ทำให้ดูเป็นคนใหญ่คนโตขึ้นมาในทันที เพราะเขาคือ ‘แม็ก’ ผู้จัดการของวงนั่นเอง
“หมายความว่าไง” ดูเหมือนเรื่องที่กำลังมึนงงจะมีรายละเอียดซับซ้อนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เคียนจึงนวดหน้าผากของตนอย่างต่อเนื่องเมื่อรู้สึกว่าหัวของตัวเองเริ่มปวดหนึบขึ้นมายิ่งกว่าเดิม
“หลังจากโฮปต่อยนายเสร็จ มันก็ทะเลาะกับแฟนที่หน้าตึกตอนรอแท็กซี่ แล้วไปทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ ข้ามถนนแล้วโดนรถชน มันก็เท่ากับว่า...นายอาจเป็นต้นเหตุไง พวกฉันถึงได้ห้ามเอาไว้” ฟาเปียพยายามอธิบายให้ฟัง
“แต่ฉันเห็นต่างนะ ต่อยกันมันก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่ทะเลาะกับแฟนแล้ววิ่งทะเล่อทะล่าออกไปให้รถชน มันไม่เกี่ยวกันเปล่าวะ” เบ็นแย้ง
“แล้วพ่อแม่มันคิดแบบนั้นป้ะล่ะ” แม็กสวนทันควัน จนทุกคนไม่อาจปฏิเสธ
ไม่นานหลังจากนั้น ความเงียบงันก็เข้าปกคลุมบรรยากาศในห้อง จนได้ยินแต่เพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน ซึ่งไม่รู้จะไปสิ้นสุดตรงไหน นอกจากนั่งรอคอยอยู่ในนี้เงียบ ๆ ระหว่างที่ต้นสังกัดจัดการเคลียร์ทุกอย่างให้
เหตุการณ์จบเพียงเท่านั้นเพราะค่ายอยากให้เรื่องเงียบมากที่สุด จึงเข้าเจรจากับพ่อแม่ของโฮปทำให้ข้อตกลงบรรลุไปได้ด้วยดี พร้อมข่าวของนักดนตรีหน้าใหม่ที่ค่อย ๆ เลือนหายไป
ซึ่งเป็นเรื่องที่โชคร้ายของวงพีฟ ที่มีโฮปเป็นสมาชิกอยู่และไม่ดังมากพอที่จะเป็นกระแส ต้นสังกัดจึงไม่ต้องเหนื่อยการแก้ข่าวให้วุ่น อีกทั้งการตายของรุ่นน้องในค่าย ถ้าว่ากันตามรูปคดีมันก็เกิดจากอุบัติเหตุจริง ๆ แม้ก่อนหน้านั้นเคียนจะมีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นก็ตาม
ต่อมาสมาชิกที่เหลือก็ได้ยุบวงไปในที่สุด อดีตสมาชิกบางคนก็ตั้งวงใหม่ หรือบางคนยังสมัครใจอยู่กับต้นสังกัดต่อ ลุยงานเพลงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังต่อไป