รัก,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,ตะวันตก,รัก,โรมานซ์,ฟีอาห์,เคียน,กีตาร์,แต่งงาน,ภรรยา,คลุมถุงชน,ฝรั่ง,ตะวันตก,วงร็อก,นักดนตรี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อกลับมาจากที่ทำงาน ดวงตาคู่งามเห็นภาพหญิงมีอายุตรงหน้าเอาแต่ดื่มของมึนเมา จึงทำให้ความรู้สึกไม่พอใจก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เหมือนเศษกรวดที่สะสมเป็นก้อนหิน มันสร้างความหนักอกหนักใจให้เธอเสมอมา จนถึงกับต้องออกปากบ่นออกไปให้รู้ตัว
“กินเหล้าอีกแล้วเหรอคะ”
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ฉันตกงานนะ มันก็ต้องเครียดอยู่แล้วสิ ถ้าเราเครียดมาก ๆ จะทำอะไรได้ นอกจากดื่มให้มันหายกลุ้ม”
“นั่นมันแม่คนเดียวมากกว่า”
“นี่ เลิกบ่นได้ไหม ฉันไม่ชอบ”
“แล้วแม่จะหางานทำไหมคะ” ฟีอาห์ถามด้วยน้ำเสียงระอาเต็มทน
“เหอะ...มันมีให้ฉันทำไหมล่ะ!?”
เธอคือ ‘มาเรีย’ แม่ของฟีอาห์นั่นเอง หญิงร่างท้วมเป็นนักข่าวสายการเมือง ที่ตอนนี้โดนเด็กใหม่เบียดจนไม่มีงาน และยังทะนงตนกับสไตล์การทำงานแบบคนรุ่นเก่า ซึ่งไม่ได้สร้างผลกำไรให้สำนักข่าวสักเท่าไร งานจึงน้อยลงเรื่อย ๆ ยิ่งหลาย ๆ เจ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นออนไลน์กันหมดแล้ว แต่แม่ก็ยังหัวดื้อไม่ยอมปรับตัว จึงทำให้ต้องมานั่งอยู่ในสภาพนี้
“มันก็ยังมีงานอื่นนี่คะ แม่บ้านก็ได้”
“ไม่มีทางหรอก จะให้ฉันไปทำงานแลกเงินเดือนเศษเหรียญเหมือนนักสังคมสงเคราะห์แบบแกน่ะเหรอ” มาเรียพูดกระทบงานของลูกสาว “จ้างให้ฉันก็ไม่ไป เหนื่อยจะตาย ได้เงินเดือนนิดเดียว”
“แม่คะ!”
“นี่ ทำงานแบบนี้ เมื่อไหร่ประธานบริษัทใหญ่ ๆ จะมองเห็นแก คราวหน้าไปสิงสถิตกับองค์กรใหญ่ ๆ บ้างสิ จะได้อยู่ในแวดวงคนรวย โอกาสแกก็จะมากขึ้น” มาเรียแนะนำตามฉบับนักข่าวมือฉมังตกอับ
แต่ต้องยอมรับว่าแม่ใช้วิธีการนั้นเข้าถึงคนใหญ่คนโตจนได้แหล่งข่าวที่เอกซ์คลูซิฟมาเขียนบทความ แต่ถึงอย่างนั้นมันถือเป็นผลประกอบการติดลบของยุคสมัยนี้ เพราะคนคงไม่มานั่งอ่านบทความยาวเท่าหน้ากระดาษกันแล้ว
“แม่...”
“เรียกอยู่นั่นแหละ ถ้าแกยังหาผัวมาช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายไม่ได้ ฉันจะช่วยเอง”
“พูดอะไรของแม่อะ”
“แกหูหนวกหรือไง”
“แม่ก็รู้ว่าหนูยังฝังใจกับโฮปอยู่ เขาเพิ่งตายไปไม่กี่เดือนเองนะคะ”
“โอ๊ย ไอ้นั่นน่ะเหรอ ต่อให้มันไม่ตายแกก็คบกับมันไม่รอดหรอก ดีแค่ไหนแล้วที่แกไม่โดนตบตายคามือ ฉันรู้นะว่าไอ้นี่มันชอบบงการคนอื่น ดูพ่อแม่มันสิ แทบอยากจะเฉดหัวแกออกจากงานศพลูกมัน แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของแกด้วย จะไปอาลัยอาวรณ์มันทำไม”
“....” ไม่มีคำพูดใดเปล่งออกมาจากปาก เมื่อถูกแม่จี้ใจดำถึงเพียงนี้
ฟีอาห์ยอมรับว่าอึดอัดในบางเวลาที่คบกับโฮป เขาเป็นพวกขี้ระแวง ตรวจเช็กทุกอย่าง ทั้งมือถือและเสื้อผ้าที่ห้ามใส่ล่อแหลมจนเกินไป เมื่อรับสภาพเช่นนี้สะสมมาก ๆ ทำให้ต้องออกโรงโต้เพื่อเสรีภาพของตัวเองบ้าง นั่นคือที่มาของการทะเลาะกันบ่อยครั้ง แต่ถึงจะโดนมาเรียพูดต้อนด้วยความจริงสักเพียงใด เธอก็เลือกเก็บความรู้สึก ไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้แม่ลากประเด็นดราม่าหนักกว่าเดิม
“แล้วว่ายังไง ข้อเสนอฉันน่ะ”
“ข้อเสนออะไรคะ” ฝ่ายลูกสาวถอนหายใจยาว
“ก็เรื่องแต่งงานไง”
.....
“แม่แอบไปทำอะไรมาหรือเปล่า”
เพราะมาเรียไม่ยอมจบประเด็นเรื่องนี้ ทำให้ฟีอาห์สงสัยว่าฝ่ายนั้นไปทำอะไรลับหลังโดยที่เธอไม่รู้หรือเปล่า จึงซักถามเพื่อเค้นเอาคำตอบด้วยสายตาที่จ้องจับผิด
“ใช่ ฉันไปพบคอนเน็กชันเก่า ๆ มา พลเรือโทจิมมี่ เมื่อก่อนฉันเขียนข่าวอวยเขาบ่อย”
“แล้วแม่จะไปพบเขาทำไมคะ”
“ไปขอเงิน”
“แม่!” ฟีอาห์อุทานเสียงดัง เพราะคาดไม่ถึงกับเหตุผลของมาเรีย
“ฉันไม่ปิดบังแกก็ดีขนาดไหนแล้ว”
“แล้วเราไม่มีเงินเก็บเลยเหรอคะ ทำไมต้องไปขอเขาด้วย”
“แม่เสียพนัน...”
มาเรียบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ได้ยินดังนั้นฟีอาห์ถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ความจุกแน่นเสียดขึ้นมาท่วมอก เหมือนก้อนหินทุ่มลงมาทับทั้งตัว เมื่อขอบตาเริ่มร้อนจึงมีหยดน้ำไหลดิ่งเป็นแนวยาวอาบแก้ม
“....”
ฟีอาห์ไร้คำพูดโต้ตอบ ได้แต่หันตัวไปเปิดน้ำที่อ่างล้างจานเพื่อไล่ความเครียด และลดความตื่นเต้นของตน ทำให้มาเรียรู้ตัวว่าการกระทำของตัวนั้นกำลังทำให้ลูกสาวเสียใจมากแค่ไหน จนถึงกับนั่งก้มหน้าเป็นคนสำนึกผิด
และแล้วความเงียบก็เข้าแทรกผ่าน ขณะที่ทั้งคู่นั่งฟังเสียงน้ำไหลด้วยกัน ฟีอาห์สงบสติอารมณ์และคิดทบทวนว่าอะไรที่ทำให้แม่เลือกเส้นทางบ้า ๆ แบบนั้น
แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่หญิงวัยกลางคนทำเพื่อเธอตั้งแต่ยังเด็ก ความโกรธภายในใจก็เริ่มทุเลาลง เพราะช่วงที่พ่อเสียไปนั้น ทำให้แม่ต้องรับภาระทุกอย่างในการเลี้ยงดูเธอ อีกทั้งยังต้องแบ่งเวลาไปเข้าสังคมชั้นสูงเพื่อตีสนิทกับไฮโซทั้งหลาย เพื่อผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันกับอาชีพ จนยุคหนึ่งได้กลายเป็นคอลัมนิสต์ที่มีคนตามอ่านบทความเยอะที่สุด ฟีอาห์ไม่ปฏิเสธเลยว่าวิธีที่แม่ใช้ เปิดโอกาสให้ครอบครัวมีเงินเยอะมากพอ จนช่วงวัยรุ่นเรียกได้ว่าอยู่ได้อย่างสบาย ๆ
เพราะมาเรียมีหน้าที่การงานอันก้าวกระโดด หากโหยหาชีวิตแบบนั้นอีกครั้ง จนต้องหาต้นทุนจากบ่อนการพนัน แม้จะเป็นเรื่องที่เธอรับไม่ได้ แต่ก็พร้อมที่จะหาทางแก้ไขโดยไม่ต่อว่าซ้ำเติมให้แม่เสียใจกว่าเดิม
“หนูต้องแต่งงานกับใครล่ะคะ ถ้าแก่มากหนูไม่เอานะ” ฟีอาห์บอกอย่างยอมจำนน แม้ใจจะไม่อยากทำตามความต้องการของมารดาเลยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากความมั่นคงของรายได้ในตอนนี้ มันคงมีทางเลือกให้ไม่มากนัก...
....................
คฤหาสน์เคซเพอร์
ฟีอาห์เดินตามคนรับใช้ผู้นำทาง โดยที่สายตาสำรวจไปยังสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มันเป็นบ้านที่โอ่อ่าและประกอบด้วยวอลล์เพเปอร์สไตล์หลุยส์หรูหรา บางมุมมีภาพขาวดำของบุคคลแต่งตัวย้อนยุคประดับอยู่ ทำให้คนมองคิดเอาเองว่าอาจจะเป็นสายตระกูลของเจ้าของบ้านท่านนี้ ซึ่งนับดูแล้วก็โยงใยกันมากมาย ทำให้การเดินเพียงแวบเดียวไม่อาจนับสาแหรกตระกูลได้หมด
เพียงไม่กี่นาทีฟีอาห์และคนนำทางก็หยุดตรงห้องรับแขกกว้าง แต่สิ่งที่ทำรู้สึกใหญ่โตไม่ใช่ขนาดของมัน กลับเป็นรูปแขวนของพันโทจิมมี่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเตาผิงนั้นมากกว่า เขายืนในท่าเท้าสะเอวที่มืออีกข้างยันไว้กับไม้เท้าอย่างองอาจ ใบหน้าดูขึงขังราวกับโกรธใครสักคน มันทำให้เธอรู้สึกขนลุกเกรียวไปหมด ไม่รู้ว่าตัวจริงของท่านจะดุเหมือนในภาพหรือเปล่า
“รอตรงนี้นะครับ”
เขาบอกและเดินจากไป ทำให้เธอต้องนั่งลูบแขนด้วยความรู้สึกประหม่าอยู่คนเดียว และไม่นานนักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะ
ฟังแล้วรู้สึกว่ามากกว่าหนึ่งคนเสียด้วย เพียงเท่านั้นฟีอาห์ก็ตกใจกลัว ไม่รู้ว่าพันโทจิมมี่จะทำอะไรกับตนกันแน่
เมื่อสิ้นสุดเสียงเอี๊ยดอ๊าดของพื้นรองเท้า คำถามในใจก็ได้รับการเฉลย เมื่อบุรุษกับสตรีรวมสามคนมาหยุดอยู่ตรงหน้าและพร้อมใจกันจ้องเธอเป็นตาเดียว จากนั้นพวกเขาจึงมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม นำโดยชายวัยกลางคนอย่างพันโทจิมมี่และหนุ่มสาวปริศนาอีกสองคนนั่งประกบข้าง
ปึ้ง!
เสียงไม้เท้าเคาะลงพื้นหนึ่งครั้ง เหมือนสัญญาณจัดระเบียบแถวของทหาร ทำให้ฟีอาห์สะดุ้งเฮือก และนั่งตัวแข็งทื่อราวกับหุ่น เกร็งคอจนไม่กล้าขยับหันไปทางไหน
ส่วนหญิงชายคู่นั้น เธอคิดว่าคงเป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ของเคียน เพราะท่าทีที่เกาะแขนที่แนบชิด ไม่ใช่วิถีของพี่น้องชายหญิงสักเท่าไร
“หึ!” เสียงแรกของพันโทจิมมี่ที่เปล่งออกมา ทำให้ฟีอาห์รู้สึกถึงความเหยียดหยามแม้จะเป็นเพียงคำสั้น ๆ พร้อมกับมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “ก็ดีละนะ ดูเรียบร้อยกว่าผู้หญิงทุกคนที่มันเคยควง”
“....” ฟีอาห์นั่งนิ่งสงบปากสงบคำ ถ้าเผลอพูดอะไรไม่ถูกใจ อาจจะโดนตะคอกใส่จากชายแก่หน้าดุได้
“ชื่ออะไรล่ะ”
“ฟีอาห์ค่ะ”
“แม่ของหล่อนน่ะ แสบนักนะ กล้ามาทวงบุญคุณฉันถึงที่นี่ หึ!” จู่ ๆ พันโทจิมมี่ก็เอ่ยถึงแม่เธอโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ อีกทั้งยังแฝงความหมายที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์ไว้อีกด้วย ฟีอาห์ทำได้เพียงยิ้มหน้าเจื่อนอย่างเจียมตัวออกไปเท่านั้น เมื่อท่านอ้างถึงการกระทำของมาเรีย
ตามที่แม่ได้เล่ามานั้น การที่พลโทจิมมี่ยอมให้ลูกชายตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะช่วงนี้เริ่มมีข่าวซุบซิบจากวงในเรื่องอุบัติเหตุของโฮป ว่าเคียนอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุการตาย
จริงอยู่ที่โฮปไม่ดังมาก แต่ในปาร์ตี้คืนนั้นก็มีคนเยอะแยะ อาจจะมีใครเห็นเหตุการณ์มากกว่าผู้จัดการวงพารานอยซ์ก็ได้ เพราะวันนั้นเขานั่นแหละที่ไปพบร่างเคียนนอนสลบหน้าห้องน้ำ
และถ้าอยากทำลายชื่อเสียงวงดนตรีติดท็อประดับประเทศ การคาบข่าวนี้ไปกระจายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก หากจับพลัดจับผลูจุดติดขึ้นมา พารานอยซ์คงเสียหายไม่ใช่น้อย และฟีอาห์ที่เป็นหญิงปริศนาก็จะลำบากไปด้วย
มาเรียจึงเอาเรื่องนี้มาเล่าให้พันโทจิมมี่ฟัง ผลก็คือชายแก่หน้าดุนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียว และระดับคุณแม่คงไม่ได้เล่าให้ฟังเฉย ๆ หรอก ต้องมีจุดประสงค์อื่น
แอบแฝงมาด้วยอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินช่วยเหลือ อีกทั้งยังเสนอตัวเธอให้แต่งงานกับเคียนด้วย เผื่อมีการขุดข่าวนี้ให้โด่งดัง ความจริงจะได้คลุมเครือกับสถานะคนรัก ว่าแท้จริงแล้วฟีอาห์เป็นแฟนใครกันแน่ ระหว่างเคียนหรือโฮป ทำให้สังคมจับต้นชนปลายไม่ถูก ยิ่งถ้ามีการแต่งงานด้วยละก็ เรื่องระหว่างเธอกับโฮปจะยิ่งเบาลง เหตุการณ์วันนั้นจะกลายเป็นอุบัติเหตุธรรมดา และมันเกิดขึ้นด้วยความประมาทของโฮปเอง เพียงเท่านี้เคียนก็จะหลุดพ้นไปโดยปริยาย
พอได้ยินครั้งแรกก็ทำเอาเธอหลุดหัวเราะด้วยความสังเวชใจ สกิลนักข่าวเก่าด้อยเทคโนโลยีแต่ไม่ไร้เล่ห์เหลี่ยม เลือกสั่นคลอนสังคมด้วยปลายปากกาของมาเรีย สามารถเปลี่ยนดำให้เป็นขาวได้อย่างไร้ที่ติเลยทีเดียว
“หนูขอโทษแทนแม่ด้วยค่ะ”
“หึ! แต่ก็ดี ไอ้เคียนมันจะได้มีครอบครัวสักที” แม้ชายแก่จะดูพึงใจ แต่เรียวปากก็ยังคว่ำลงคงใบหน้าดุไว้อยู่ดี ไม่นานนักเสียงบ่นก็ออกมาจากปากอีกครั้ง “อายุปูนนี้แล้วยังทำตัวกเฬวรากไม่หาเมีย ไม่รู้จะเกิดมาทำไม ตอนแหกคอกไปเป็นนักดนตรีก็ทีหนึ่งแล้ว แล้วดูคนที่มันควงสิ แต่ละคนไม่ต่างกับหญิงหากิน”
สิ้นสุดคำนั้น สามีภรรยาที่นั่งข้าง ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย นั่นหมายความว่าในสายตาของพลโท เขามองว่าการแต่งงานคือความสมบูรณ์แบบ ช่างเป็นความคิดที่บ่งบอกถึงความอนุรักษนิยมข้นคลั่กในตัวได้เป็นอย่างดี
เพราะสมัยนี้หนุ่มสาวสมัยใหม่คงไม่ผูกชีวิตแต่งงานไว้เป็นเป้าหมายแรก เคียนเองก็คงเป็นหนึ่งในนั้น
“นั่นน่ะสิครับคุณพ่อ งานดี ๆ มีให้ทำตั้งเยอะ ผู้หญิงที่ดีก็พร้อมเข้าหา ไอ้บ้านั่นดันไม่เอาสักอย่าง” พี่ชายพูดขึ้น ทำให้ชายแก่หน้าดุพยักหน้าและตบหลังด้วยความภูมิใจ
“เพราะแบบนี้แหละ จึงเป็นหล่อนที่ต้องแต่งงานกับมัน เพื่อกลบพฤติกรรมแย่ ๆ ที่อาจจะกระทบมาถึงเกียรติยศของฉัน” พันโทจิมมี่หันมาบอกเธอ “ไอ้ลูกนอกคอกและผ่าเหล่าไปทำอาชีพที่ไม่มีประโยชน์ต่อตระกูล แล้วยังกล้าปฏิเสธชีวิตสมบูรณ์แบบที่ฉันเลือกให้ ก็สมควรได้แต่งงานกับผ้าขี้ริ้วอย่างหล่อน”
“ค่ะ...”
ฟีอาห์ตอบเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจกลับเดือดดาลเต็มทีกับคำพูดไร้ใจของตาแก่หลงยุค ในตอนแรกเธอคิดว่าพันโทเป็นเพียงคนปากร้ายใจดีเท่านั้น แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย
และการใช้คำพูดเหมือนโยนลูกลงในบ่อเกรอะ ทั้งหมดนี่ก็เพื่ออยากลงโทษเคียนที่กล้าปฏิเสธชีวิตในกรอบ ต้องเป็นพ่อที่แย่ระดับไหนถึงคิดอะไรต่ำตมเช่นนี้ได้
“ผู้ชายน่ะต้องแต่งงานมีครอบครัว และดูแลครอบครัวให้ดี นี่คือสิ่งที่ควรเป็น ฉันไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบ” พันโทจิมมี่หันไปมองลูกชายที่มีภรรยาด้วยความภาคภูมิใจ เป็นรอยยิ้มเดียวที่เพิ่งโผล่มาตั้งแต่นั่งคุยกัน
“ครับพ่อ” ตัวลูกชายก็พูดยกยอเห็นดีเห็นงามไปด้วย จนรู้สึกได้ถึงนิสัยพะเน้าพะนอ
“แต่ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ หล่อนจะไม่ได้สมบัติอะไรจากตระกูลฉัน ฝากไปบอกแม่ของหล่อนที่เตรียมฝันหวานว่าจะตกถังข้าวสารด้วย เพราะฉันจะไม่ให้ไอ้เคียนสักแดง หึ! คิดจะสูบเงินเหรอะ! ฝันไปสักร้อยปีเถอะ ให้แค่นั้นก็บุญหัวเท่าไรแล้ว ถ้าเรื่องอุบัติเหตุมันไม่แดงขึ้นมา ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างหล่อนน่ะหรือ จะได้เผยอหน้าขึ้นมาเป็นลูกสะใภ้ฉันได้ หึ!”
ฟีอาห์ตกตะลึงกับคำด่าของชายแก่ เจ็บใจที่เขาออกปากดูถูกอย่างเปิดเผยและหยาบคาย ราวกับเธอเป็นเศษฝุ่นติดรองเท้า ที่จริงก็ไม่ได้อยากแต่งนักหรอก! ถ้าแม่ไม่เสียพนันจนหนี้ท่วมหัวแล้วละก็!
แต่ในขณะเดียวกันฟีอาห์ก็รู้ ว่าทำไมพันโทจิมมี่ถึงรังเกียจเธอถึงขนาดนั้น เพราะวิธีการขอความช่วยเหลือของแม่ ก็ไม่ต่างอะไรจากขายลูกกิน และเหตุผลมันก็ดูสิ้นคิดเสียเต็มประดา อย่างการ ‘ติดพนัน’ ก็ฟังแล้วน่าโกรธไม่น้อย
หลังจากนั้นคนรับใช้คนเดิมก็เดินเข้ามามอบแผ่นกระดาษหนึ่งใบพร้อมที่รองหนังสีน้ำตาล ทำให้ฟีอาห์เดาว่าการเตรียมพร้อมขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าจะจับเธอเซ็นอะไรบางอย่างหรอกนะ...
“นี่คือสัญญา เรื่องที่เธอจะไม่รับมรดกจากฉันสักแดงเดียว”
แม่เจ้า! ตาแก่ขี้งกนี่กลัวสมบัติจะรั่วไหลหรือยังไง มีมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ค่ะ...”
ฟีอาห์หยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน ข้อตกลงไม่มีอะไรมากเลย แค่บอกว่าไม่ขอรับมรดก ไม่ว่าจะผ่านทางใครก็ตาม มีช่องที่เตรียมไว้ให้เคียนลงชื่อด้วย เธอถึงกับกลืนน้ำลายลงคอให้กับความอำมหิตของพันโทจิมมี่ ถึงไม่ชอบใจยังไงแต่เคียนก็เป็นลูก การทำแบบนี้มันเท่ากับกีดกันเขาไปด้วย แค่ไม่ชอบเธอเนี่ย! ต้องลากลูกชายมาจมดิ่งด้วยขนาดนี้เชียวหรือ
ขณะที่เธอกำลังมัวนึกถึงเรื่องนิสัยเลือดเย็นของพันโทจิมมี่ จนไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครคนหนึ่งถือวิสาสะโผล่เข้ามาในห้อง เขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนไม่รู้ว่ากำลังฉุนเฉียวอยู่หรือไม่ และก่อนที่จะตั้งตัวทัน สัญญาที่เธอถือไว้ก็ถูกดึงออกจากมือ เขาใช้ปากคาบฝาครอบปากกาให้เปิดออก แล้วจรดเส้นปากกาหนักลงในแผ่นสัญญาโดยไม่รีรอ
“คุณก็เซ็นซะสิ ข้อตกลงแทบไม่มีผลกระทบต่อชีวิตเราสองคนด้วยซ้ำ คุณคงไม่อยากได้สมบัติของพ่อผมเท่าไรหรอก ผมรู้”
“ไอ้เคียน!!”
เหตุการณ์จบลงด้วยเสียงตะคอกของพันโทจิมมี่ และเธอเพิ่งรู้ว่าการที่พ่อลูกคู่นี้เจอกัน มันเหมือนพายุพัดถล่มแผ่นดินสะเทือนขนาดไหน
จนพี่ชายของเคียนถึงกับรีบไล่ตะเพิดเขาออกไปจาก
บ้าน ก่อนที่ฝ่ายผู้เป็นพ่อจะได้ประเคนไม้เท้าลงบนหัวให้เลือดตกยางออกกันไปข้างหนึ่ง
.........................
นี่คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน จากนั้นฟีอาห์ก็จดทะเบียนสมรสและย้ายเข้ามาอยู่กับเคียนในฐานะภรรยา จวบจนกระทั่งปัจจุบัน ที่เธอกำลังไถ่ถามชายหนุ่มที่กลับมาจากสตูดิโอด้วยความห่วงใย
“วันนี้กลับไวจังเลยนะคะ”
“ไม่ดีเหรอ พรุ่งนี้ผมจะได้ไม่มีข่าวกับผู้หญิงคนอื่นบนโลกโซเชียล”เสียงแหบทุ้มนั้นยังประชดประชันเหมือนเคย
ฟีอาห์ถอนหายใจกับคำตอบ เขาพูดถึงการนอกใจอย่างไม่ปิดบังซึ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัด และไม่รู้ว่าจะทนอยู่แบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน...