" ผมจะไม่ยอมให้มันตายหรอกถึงแม้จะเอาชีวิตแลกชีวิตก็ตาม..."

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร - ตอนที่1 กูกำลังจะตาย โดย โอมเพี้ยง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,อาชญากรรม,ลึกลับ,เลือดสาด,ลึกลับ,สยองขวัญ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,อาชญากรรม,ลึกลับ,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,สยองขวัญ,ระทึกขวัญ

รายละเอียด

" ผมจะไม่ยอมให้มันตายหรอกถึงแม้จะเอาชีวิตแลกชีวิตก็ตาม..."

ผู้แต่ง

โอมเพี้ยง

เรื่องย่อ

กลุ่มนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกไล่ล่าจากความตายที่คาดไม่ถึง​ หลังจากที่ได้การ์ดสีดำจากคุณ​ครู​ที่ได้ฆ่าตัวตายอย่างปริศนา​ ในความโชคร้ายนั้น​ก็ยังมีโชคดีอยู่ เมื่อหนึ่งในนักเรียนกลุ่มนี้มีคนหนึ่งที่สามารถเห็นเหตุการณ์​ล่วงหน้าและคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ​ แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสยองระทึก​ เกินคาดเดา

สารบัญ

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่1 กูกำลังจะตาย,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่2 ลางสังหรณ์,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่3 การ์ดสีดำ,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่4 แอบมอง,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่5 ชายปริศนา,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่​6 เสียง,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่7 ช่วยกูด้วย,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่8 จู่โจม​

เนื้อหา

ตอนที่1 กูกำลังจะตาย


     

     สามวันผ่านมาแล้ว ที่เกิดอุบัติเหตุกับมิ้นเพื่อนร่วมชั้นของผมที่จากไปโดยไม่มีวันกลับ บรรยากาศภายในโรงเรียนก็ยังคงดูอึมครึมหดหู่เหมือนเดิม ต่างพูดถึงการตายของมิ้นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ยังคงจับกลุ่มคุยกันไม่จบสิ้นสักที กิจกรรมหน้าเสาธงก็ดูกร่อยๆ ​ แม้แต่เพื่อนในห้องเรียนก็ไม่มีกะจิตกะใจอยากจะเรียนกัน ครูก็คงไม่อยากที่จะสอน​ แจกชีทสั่งงานเสร็จก็เดินออกจากห้องไป จนค่อนวันแล้วทุกอย่างก็ไม่กลับไปเป็นปกติเลย อาหารกลางวันก็ดูจืดชืด เป็นอะไรกันไปหมดก็ไม่รู้​ ผมก็เข้าใจนะว่าการที่มีนักเรียนตาย ก็ย่อมเศร้าและหดหู่เป็นธรรมดา ผมก็เป็น แต่ผมคิดว่าผ่านมาหลายวันแล้วบรรยากาศมันไม่น่าจะเศร้าขนาดนี้ คนที่เป็นไปกับเขาด้วยก็คือไอ้นิล​ เพื่อนสนิทผมที่วันนี้ดู แปลกไปกว่าวันอื่นๆ ผมสังเกตุดูมันตั้งแต่เช้าแล้ว​ มันดูมีอาการหวาดระแวง ทำตัวปิดปากเงียบไม่คุยกับใครแม้กระทั่งผม​ที่เป็นเพื่อนสนิทมัน ผมพยายามเดินเข้าไปหา พยายามทักทายพูดคุย แต่มันกลับหลบหน้าเดินหนีตลอด แม้แต่จะกินข้าวเที่ยง ก็ยังนั่งแยกโต๊ะออกไปนั่งคนเดียวเลย ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก  เสียงออดหมดเวลาพักกลางวันดังขึ้น นักเรียนต่างทยอยกันกลับเข้าชั้นเรียน​ ผมคอยสังเกตอาการของมันขณะที่มันนั้นยังนั่งเหม่อลอยที่โรงอาหารอยู่ 




"นี่ไอ้นิล ! เป็นห่าอะไรของมึง ไม่รีบกลับเข้าห้องล่ะ" 



ผมตะโกนเรียก แต่เหมือนเดิมไม่ได้คำตอบอะไรจากมันเลย มันยังคงเหม่อลอยถือช้อนส้อมคาไว้ในมือ ข้าวก็เหลือเต็มจาน ราวกับว่าไม่ได้กินเลยสักคำด้วยซ้ำ



 "ช่างแม่ง" 



ผมสบถเบาๆแล้วเดินหันกลับด้วยความรำคาญ ทันใดนั้นเสียงวิ่งจากไกลๆ ใกล้เข้ามาจากด้านหลังผม ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ไอ้นิลก็วิ่งมายืนขวางด้านหน้าผมแล้ว มันกางมือออกด้านข้าง แล้วเปลี่ยนมายันมือไว้ตรงหัวเข่า ก้มหัวลง หายใจหอบเหนื่อย ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองผม แล้วค่อยๆยืดตัวตรง หายใจเฮือกใหญ่เอามือถูกันไปมา ด้วยความประหม่า​ เหมือนกำลังจะรวบรวมสติ 



"ไอ้นิลมึงเป็นไบโพล่าเหรอ?" 



ผมถามด้วยความงงกับอาการที่มันเป็น แล้วเดินเข้าไปหามัน ยื่นหน้าเข้าใกล้ จนสังเกตุเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าตาของมัน เหมือนว่ากำลังจะร้องไห้



"เฮ้ย! ไอ้นิล..มึงเป็นเหี้ย..อะไรของมึงวะ"



ผมพูดเสียงดังทำให้มันหลบหน้าก้มลงมองพื้น



"ไอ้แก๊ป คือกูทนไม่ไหวแล้ว...กูต้องบอกมึงแล้วว่ะ"



มันเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม



 "เฮ้ย! พูดได้ด้วยว่ะ กูก็นึกว่าใบ้แดกไปซะละ"



ผมพูดกวนมันแต่ดูมันไม่ตลกเอาเสียเลย



"เออๆ...มึงมีอะไรจะบอกกูเหรอ?"



ผมรอฟังคำตอบ จะได้รู้เสียทีว่ามันเป็นบ้าอะไรของมันกันแน่



"เอ่อคือ...กระดาษสีดำนั่น..."



 มันพูดเสียงต่ำอยู่ในลำคอ



"ฮะ!...อะไรนะ​ กระดาษสีดำอะไรของมึง" 



ผมทวนคำพูดมัน​ แต่มันเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมพูดต่อ



"กระดาษนั่นน่ะคือมัน...เอ่อ..โธ่เว้ย! กูไม่รู้จะบอกมึงยังไง..มึงต้องว่ากูบ้าแน่ๆ..." 



มันหยุดพูดแล้วเอามือกุมหัว 



"เชี้ย...มึงอย่าหยุดพูดดิ กูคาใจนะ คือกูไม่ว่ามึงบ้าหรอก...ทุกวันนี้มึงก็บ้าอยู่แล้ว...ฮ่าๆๆ"



ผมพูดติดตลกแล้วหัวเราะกลบบรรยากาศตึงเครียดที่มันสร้างขึ้น​ แต่พอมองหน้ามัน​ เหมือนเดิม มันไม่ขำด้วยเลย​ ผมจึงหยุดหัวเราะและหุบยิ้มทันที 



"ตกลงมึงจะบอกกูไหมฮะ!" 



ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก อยากรู้ว่ามันจะบอกอะไรกันแน่ เอาแต่ก้มหน้าก้มตา คราวนี้ผมเห็นน้ำตามันหยดลงพื้​น​ มันเอามือขยุ่มผมแล้วทึ้งไปมา ผมจึงรีบแกะมือมันออกจากหัว เพราะมันเริ่มทำร้ายตัวเองแล้ว 



"เฮ้ย! หยุดไอ้นิลมึงเป็นอะไรของมึงวะ​ ไม่ต้องบอกกูก็ได้... อึก!..."



 พูดไม่ทันจบมันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดจนหน้าอกกระแทกกัน มันร้องไห้ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง ทำเอาคนรอบข้างหันมามอง​ ผมพยายามแกะมือมันออกแต่มันยิ่งรัดตัวผมแน่นกว่าเดิม​ จึงปล่อยเลยตามเลยให้มันร้องไห้ให้เต็มที่ คราวนี้รอบกายไม่ได้หยุดมองกันธรรมดา มีเอามือป้องปากกระซิบนินทากันเป็นกลุ่มๆ​แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ​ ในตอนนี้ผมสนแต่สิ่งที่มันเป็นอยู่มากกว่า ผมจึงกอดมันตอบ สักพักมันก็ปล่อยมือออก



"มึงมีอะไรบอกกูได้เลย กูเป็นเพื่อนมึงนะ ถ้าช่วยได้กูก็จะช่วย"



ผมตบไหล่มันเบาๆเป็นการปลอบแม้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร



"มึงช่วยกูไม่ได้หรอก.."



มันตะคอกใส่หน้าผม​ พลางเอามือเช็ดน้ำตาตัวเองที่ไหลอาบแก้ม



"ทำไมวะ!" 



ผมจับไหล่มันเขย่า



 "พรุ่งนี้กูจะตาย!" 



พอมันพูดจบก็ปัดมือผมออก​ เมื่อได้ยินสิ่งที่มันพูดผมก็อึ้งไปสามวิ



 "เวรแล้วไง...มึงอย่าทำอะไรบ้าๆนะ​ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษากูได้​ อย่าคิดอะไรแบบนั้นดิ ยังมีคนรักคนห่วงใยมึงอยู่นะอย่างน้อยมึงก็มี..."



"กูไม่ได้จะทำแบบที่มึงคิด"



มันพูดแทรกผมขึ้นมา



"แล้วที่มึงพูดมามันหมายความว่ายังไง?"



" ไอ้แก๊ป...มึงตั้งใจฟังกูนะ กูจะตายตอนสิบโมงตรง วันเสาร์ที่สิบแปด ก็คือวันพรุ่งนี้​ ไอ้กระดาษนั่นมันบอก กระดาษสีดำที่ครูมานะชัยให้มา มึงจำได้ไหมอาทิตย์ก่อนที่มิ้นจับสลากได้กระดาษนั่น​ ตอนแรกกูไม่เชื่อหรอก แต่สามวันก่อนกูแอบได้ยินมิ้นกับโบคุยกัน มิ้นมันบอกกับโบว่าข้อความในกระดาษ​สีดำนั่นบอกว่ามันจะตายในวันนั้นตอนเย็น ดูเหมือนโบไม่ค่อยเชื่อกูได้ยินยังหลุดขำเลย พอตอนเย็นมันก็โดนรถชนจริงๆ มึงเข้าใจยัง ไอ้กระดาษเฮงซวยมันบอกว่ากูจะตายตอนสิบโมงของวันพรุ่งนี้..."



มันพูดเบาลงในประโยคสุดท้าย



" นี่มึงหมายถึงการ์ดที่ครูมานะชัยแจก​ ก่อนที่ครูจะฆ่าตัวตายเหรอ มึงเชื่อไอ้การ์ดบ้าบออะไรนั่นถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ มันอาจจะบังเอิญก็ได้ มึงนี่ก็อย่าคิดมากไป"



ไม่รู้ผมพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง​ ทั้งที่ในหัวมีแต่ความสงสัย ทั้งเรื่องคุณครูมานะชัย เรื่องการตายของมิ้นหรือแม้กระทั้งเรื่องการ์ดสีดำอะไรนั่น 



" กูคิดแล้วล่ะ มึงต้องพูดแบบนี้....กูไม่น่าบอกเรื่องนี้กับมึงเลย เสียเวลาเปล่า พูดไปมึงก็ไม่เชื่อกู..."



 มันพูดขึ้นมาขณะที่ผมกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดเรื่องที่มันเล่าให้ฟังอยู่​ แล้วมันก็เดินกลับเข้าไปห้องเรียนอย่างรวดเร็ว ผมจึงรีบวิ่งตามไปแล้วดึงแขนมันจับไหล่ให้หันหน้ามา



" เอางี้แล้วกัน พรุ่งนี้กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึง โอเคมั้ย! "



ผมพูดหนักแน่นแล้วจ้องตารอคำตอบจากมัน แต่มันจับมือผมออกจากไหล่แล้วเดินไป ผมจึงรีบกอดคอมันล็อคเข้ามา​ แล้วเดินไปด้วยกัน



" มึงไม่ต้องกลัวนะ... กูจะปกป้องมึงเอง​ เพราะมึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู "



ผมแอบเลี่ยนในคำพูดของตัวเอง​ แต่อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของมัน



" ใบ้แดกอีกแล้ว ไอ้นิล​ ตกลงจะให้กูไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ยพรุ่งนี้...ฮะ! "



ผมพับแขนเข้ามาล็อคคอมันแน่น



" เชี้ย! กูหายใจไม่ออก...ก็นี่แหล่ะไอ้เเก๊ป ที่กูต้องการได้ยินจากปากมึง กูต้องการให้มึงเชื่อและช่วยกู " 



พูดจบมันก็ดึงมือผมออก ฟังจากน้ำเสียงและท่าทางมันแล้วดูจริงจังมาก 



" มึงเข้าห้องไปก่อนเลยนะเดี๋ยวกูไปห้องน้ำ" 



มันผลักผมเข้าห้องแล้วก็เดินแยกไปห้องน้ำ ผมมองตามหลังมันไป และมีความรู้สึกว่ามันอุ่นใจขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว 

                                                                                       💀