" ผมจะไม่ยอมให้มันตายหรอกถึงแม้จะเอาชีวิตแลกชีวิตก็ตาม..."

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร - ตอนที่3 การ์ดสีดำ โดย โอมเพี้ยง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,อาชญากรรม,ลึกลับ,เลือดสาด,ลึกลับ,สยองขวัญ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,อาชญากรรม,ลึกลับ,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,สยองขวัญ,ระทึกขวัญ

รายละเอียด

" ผมจะไม่ยอมให้มันตายหรอกถึงแม้จะเอาชีวิตแลกชีวิตก็ตาม..."

ผู้แต่ง

โอมเพี้ยง

เรื่องย่อ

กลุ่มนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกไล่ล่าจากความตายที่คาดไม่ถึง​ หลังจากที่ได้การ์ดสีดำจากคุณ​ครู​ที่ได้ฆ่าตัวตายอย่างปริศนา​ ในความโชคร้ายนั้น​ก็ยังมีโชคดีอยู่ เมื่อหนึ่งในนักเรียนกลุ่มนี้มีคนหนึ่งที่สามารถเห็นเหตุการณ์​ล่วงหน้าและคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ​ แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสยองระทึก​ เกินคาดเดา

สารบัญ

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่1 กูกำลังจะตาย,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่2 ลางสังหรณ์,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่3 การ์ดสีดำ,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่4 แอบมอง,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่5 ชายปริศนา,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่​6 เสียง,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่7 ช่วยกูด้วย,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่8 จู่โจม​

เนื้อหา

ตอนที่3 การ์ดสีดำ

       



        มันกระฉากแขนผมแทบหลุด




"มึงจะรีบไปไหนวะ!​ อ้าวสวัสดีครับพี่แวว"



ผมยกมือไหว้ทักทายพี่แววแม่บ้านของไอ้นิลมัน แกพยักหน้ายิ้มรับ มาครั้งนี้บ้านมันใหญ่กว่าเดิมอีก ครั้งล่าสุดผมมาก็เมื่อสองเดือนที่แล้ว ช่วงไหนที่พ่อแม่มันอยู่บ้าน ผมรู้สึกเกรงใจแบบไม่เป็นตัวเอง​เลยไม่ค่อยได้มาหามันบ่อยๆส่วนใหญ่มันจะมาหาผมที่บ้านมากกว่า



" พ่อแม่มึงไม่อยู่หรอ แล้วมึงต่อเติมหน้าบ้านตั้งแต่ตอนไหนวะ"



ผมกวาดสายตามองรอบบ้านมัน



" ไปดูแลงานที่ต่างจังหวัด กลับอาทิตย์หน้านู้นทิ้งเงินไว้ให้กูกองหนึ่ง แล้วหายเข้ากลีบเมฆ แม่งไม่สนใจกูสักคนทั้งพ่อและแม่ ขึ้นข้างบนกันเถอะเดี๋ยวกูเอากระดาษให้มึงดู" 



มันพูดเชิงน้อยใจ แล้วไม่ลืมที่จะดึงแขนผมเข้าไปในห้องอีกตามเคยโดยที่ไม่ปล่อยให้ผมเดินเข้าไปเอง



" เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวเป็นคนจนสักที​วะ ดูห้องมึงดิ แค่ห้องน้ำก็กว้างกว่าห้องนอนกูอีก"



"เออ...ถ้าไม่รังเกียจมึงก็มานอนในห้องน้ำกูบ้างก็ได้นะฮะฮ่ะฮา...ที่กูทำตัวแบบนี้ก็เป็นตัวกูแหล่ะการไม่มีเพื่อนที่คบกูที่เงินมันก็ดีนะ อย่างน้อยกูก็มีมึงเป็นเพื่อนที่เข้าใจกู​ ไม่ได้คบกูที่ฐานะ ขนาดพ่อแม่ยังไม่เข้าใจกูเลย...มาๆจุ๊บทีซิ"



มันอ้าแขนทำท่าทำทางใส่ผม



"มาๆ มาจุ๊บส้นตีนกูนี่..."



ผมยกเท้าขึ้น​ แต่ผิดคาดมันก้มลงจุ๊บส้นเท้าผมจริงๆ



"เห็นมั้ย...ว่ากูรักมึงมากแค่ไหนไอ้เพื่อนสนิทฮ่าๆๆ"



"บ้าไปแล้วมึงอะ​ เออๆ เอากระดาษมาดูเร็ว"



ผมคิดว่ามันจะกลับมาเป็นปรกติแล้วซะอีก​ แต่พอมันเอาการ์ดออกมา​ มันก็มีท่าทีเหมือนสามวันก่อนทันที



"มันก็กระดาษสีดำธรรมดาๆหนิ"



ผมพลิกไปมา​ ไม่เห็นตัวหนังสือเห็นแต่ลายไทยสีเงินอยู่รอบมุมกระดาษคล้ายการ์ดงานศพ



"มึงดูดีๆ"



พูดจบมันก็ปิดไฟทำให้ตัวหนังสือเรืองแสงปรากฎขึ้นมา



[ขอแสดงความเสียใจ...คุณคือผู้โชคร้ายจะตายในวันเสาร์ที่18เดือนxxปีxxxxเวลา10:00น.​ผู้กำหนดชะตาBB15 ]​



" นี่มันอะไรกัน​ แล้วไอ้บีบีสิบห้านี่คืออะไร? "



ผมหันไปถามมัน



"กูก็ไม่เข้าใจกูถึงอยากให้มึงช่วยไง ไม่แน่ถ้าเรารู้ความหมายของมันกูอาจรอดก็ได้"



มันพูดก่อนเปิดไฟ​



"ใครมันมาเล่นตลกแบบนี้วะ​"



ผมรู้สึกไม่โอเคกับสิ่งที่ได้รับรู้



“ที่แน่ๆกูรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องตลกหรอก ทั้งครูมานะชัย และทั้งมิ้น ต่างก็ตายอย่างมีเงื่อนงำ มึงไม่แปลกใจเหรอ ทำไมครูมานะชัยต้องมาแขวนคอที่ใต้อัฒจันทร์ของสนามวอลเลย์บอล ทั้งๆที่ทำที่บ้านก็ได้ มันไม่ใช่การฆ่าตัวตายกูคิดว่างั้นนะ"



ไอ้นิลใช้นิ้วชี้ลูบคางตัวเองไปมาพร้อมพูด



" แต่กูคิดว่าคนถ้าเขา อยากจะตายที่ไหนเขาก็ไม่เลือกหรอก แล้วมึงคิดว่าใครเป็นคนทำครู? "



" กูจะไปรู้เหรอ​ แค่สงสัยน่ะ"



พูดจบมันก็ไปหยิบปากกากับสมุดที่โต๊ะเขียนหนังสือ​ แล้วเดินมานั่งที่พื้นปลายเตียง ผมจึงลุกจากเตียงแล้วนั่งลงพื้นเอาหลังพิงปลายเตียง​ ขยับไปอยู่ข้างๆมัน​



"มึงเอาสมุดกับปากกามาทำไม"



ผมถามด้วยความสงสัย



"กูจะเอามาจดรายชื่อคนที่ได้การ์ดสีดำ มึงช่วยกูคิดด้วยนะ มึงจำได้ไหมว่ามีใครบ้าง"



"กูจำได้นะว่ามีห้าคน​ ถ้าตัดมิ้นออกไปก็เหลือสี่ มีมึงอีกคนก็เหลือสาม"



ผมคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เราทั้งคู่พยายามที่จะเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดเท่าที่จะจำได้

บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดทันที เมื่อผมกับมันได้แต่คิดย้อนกลับไปในวันที่เพื่อนนักเรียนได้รับการ์ดสีดำ โดยไม่พูดกันสักคำ



" กูจำได้แล้ว!"



ไอ้นิล พูดเสียงดังขึ้นมา​ กลบความเงียบทำให้ผมตกใจจนสะดุ้งโหยง



“ สัตว์! กูตกใจหมด มึงจำอะไรได้วะเล่ามาซิ "



ผมพูดพร้อมเอาไหล่กระแทกไหล่มัน



"กูพอจะจำได้บางส่วน ครูมานะชัยมาในคาบสุดท้ายของวันนั้น มึงสังเกตไหม สีหน้าของครูดูวิตกกังวลตลอดเวลาไม่พูดไม่จากับใครเลย"



มันพูดก่อนกัดหัวปากกาไปมาจนเสียงดังต๊อกแต๊กๆ



" จำได้สิ ทุกคนก็พูดกันในห้อง จากนั้นต่างก็พากันคิดว่าครูต้องเจอเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ถึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยที่ไม่มีใครสงสัยแบบเราเลยนะ"



"ไอ้แก๊ป​ ใครเป็นคนเจอศพครูคนแรกนะ"



มันหันควับมาถามผม



"ลุงภารโรงมาเห็นตอนเช้าไง พอเห็นก็รีบแจ้งตำรวจทันที​"



"อ๋อ...แกน่าจะผูกคอตายของเย็นวันแจกการ์ดเลยแน่นอน​ ข่าวก็บอกว่าเย็นวันนั้นครูโทรไปบอกเมียแกว่าจะไม่กลับบ้านจะทำงานต่อให้เสร็จ​ แล้วที่คุณครูตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะปัญหาหนี้สินแถมยังคงทำใจไม่ได้กับการตายของลูกสาว​ ทางเมียครู ก็ไม่ได้ติดใจอะไร​คิดว่าเป็นการฆ่าตัวตายธรรมดา​"



ไอ้นิลพูดพลางจับปากกาเขียนลงกระดาษวนไปมา



"วันนั้นครูบอกว่า จะมีบททดสอบให้นักเรียนห้องห้าทับสี่ทำ​ และสุ่มเอาจากเลขที่ประจำตัว เพียงแค่ห้าคน​ คนที่ทำแบบทดสอบได้ก็จะได้รับคะแนนสะสมพิเศษ​ มึงจำบรรยากาศในห้องวันนั้นได้ไหม มีทั้งคนอยากได้แล้วก็มีทั้งคนไม่อยากทำ​ หนึ่งในนั้นคือกูที่ไม่ได้อยากทำเลย​"



ผมพูดตามภาพของดีเทลที่จำได้ในตอนนั้น



"คนแรกที่ครูจับสลากได้จากเลขที่ประจำตัวนักเรียนห้าสิบคน​ ก็คือมิ้น คนที่สองคือมึง

แล้วคนที่สามใครวะ? "



ผมคิดไม่ออก



"อ๋อกูจำได้แล้ว​ คนที่สามแพรไหม​ คนที่สี่ไอ้เคน​ คนสุดท้ายไอ้นัท​ไง"



ไอ้นิลมีท่าทางตื่นเต้นที่จำได้ทั้งหมด



"มิ้นโดนรถชนตอนนั่งกินก๋วยเตี๋ยวริมถนน หลังเลิกเรียน แต่กูก็แปลกใจเมื่อมันรู้ว่ามันจะตายแต่ทำไมมัน ถึงไม่มาถามพวกกูคนที่ได้การ์ดเหมือนกันวะ​ หรือไม่ก็ขังตัวเองไว้ในห้องไม่ออกไปไหนจนเลยเวลาที่ถูกกำหนดไว้"



มันยังคงเกิดคำถามขึ้นมากมายทำให้ผมตอนนี้เริ่มสับสนไปหมดแล้วว่ามันคืออะไรกันแน่



"ก็โบไง​ เห็นมันบอกว่า มันก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ที่บอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมิ้นหรอก มันเลยพาไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวปลอบใจไงจนเกิดเหตุการณ์ขึ้น​"



"ดีนะที่มึงเชื่อกู กูรู้สึกโคตรรักมึงเลยมา​ๆ... เออว่าแต่พรุ่งนี้เราจะบอกคุณครู ยังไงวะเรื่องไปงานศพมิ้น "



มันพูดพลางทำท่าอ้าแขนใส่ผม ผมจึงทำท่าง้างหมัดใส่​ มันเลยเปลี่ยนเรื่องคุยทันที



"ก็บอกไปสิว่ามึงไม่สบาย"



"แล้วมึงล่ะจะบอกครูยังไง"



มันชี้นิ้วมาที่ผมแล้วถาม



"กูก็บอกว่า หมาไม่สบายเลยเฝ้าหมา"



ผมพูดแหย่มัน



"กูยอมเป็นหมาก็ได้ถ้ามีเจ้านายดีๆแบบมึง"



พูดจบมันก็ทำท่าแลบลิ้นเลียนแบบหมาทันที



"มึงนี่ก็เน่าได้ตลอดเวลาเนาะ​ แต่ก็ยังดี ที่มึงอะกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว"



ผมยิ้มแล้วลูบหัวมัน​ที่ตอนนี้กำลังทำท่าหมาอยู่



แต่ก็อดสงสารมันไม่ได้ ที่เหมือนมันมีผมเป็นเพื่อนมันเพียงแค่คนเดียว​ มีครอบครัวก็เหมือนไม่มี​ ผมก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่มันเจอเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น และเรื่องบังเอิญ พรุ่งนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมันอย่างแน่นอน ขอให้เป็นอย่างที่ผมคิดเถอะ​



"เออไอ้แก๊ป เราโทรไปเตือนทุกคนดีไหม ที่ได้การ์ดไง​ บางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าการ์ดเขียนว่าอะไร"



มันหยุดทำท่าหมาแล้วพูดขึ้นมาทันที



"กูว่าอย่าเพิ่งเลย รอพรุ่งนี้ดีกว่า เพราะรายต่อไปก็คือมึง หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรืออาจเป็นเรื่องแกล้งเล่นตลกของใครบางคน​ ไม่อยากให้เป็นเรื่องตื่นตระหนกใหญ่โต ดีไม่ดีมันอาจจะเป็นงานแบบทดสอบ ที่สะสมคะแนนพิเศษก็ได้นะมึงว่ามะ "



พูดจบผมก็ดูอาการมัน ที่ตอนนี้นิ่งเงียบจ้องมองหน้าผม



"ถึงขนาดนี้แล้วมึงยังคิดว่าเป็นเรื่องแกล้งเรื่องล้อเล่นอะไรอยู่หรอ​ หรือว่ามึงยังคงไม่เชื่อกู หรือต้องรอให้เกิดขึ้นกับกูก่อนถึงจะเตือนพวกมัน"



เอาอีกแล้วมันดึงดราม่าอีกแล้ว​ ผมไม่รู้จะพูดยังไงละนะ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดอีกครั้ง



"แต่...ก็เอาตามที่มึงบอกแหละ ยังไงกูก็ต้องไม่ตายพรุ่งนี้ ปะ เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน แล้วค่อยกลับมาอาบน้ำเล่นเกมต่อยาวๆเลย"



" อะไรของมึงวะ มึงเป็นไบโพล่าเหรอ กูตามอารมณ์มึงไม่ทันแล้วนะเว้ย"



ผมตามมันไม่ทันจริงๆ แต่ถึงยังไงผมก็แอบเป็นห่วงเรื่องที่จะเกิดกับมันอยู่ดี

                    💀💀💀