" ผมจะไม่ยอมให้มันตายหรอกถึงแม้จะเอาชีวิตแลกชีวิตก็ตาม..."

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร - ตอนที่4 แอบมอง โดย โอมเพี้ยง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,อาชญากรรม,ลึกลับ,เลือดสาด,ลึกลับ,สยองขวัญ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,อาชญากรรม,ลึกลับ,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,สยองขวัญ,ระทึกขวัญ

รายละเอียด

" ผมจะไม่ยอมให้มันตายหรอกถึงแม้จะเอาชีวิตแลกชีวิตก็ตาม..."

ผู้แต่ง

โอมเพี้ยง

เรื่องย่อ

กลุ่มนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกไล่ล่าจากความตายที่คาดไม่ถึง​ หลังจากที่ได้การ์ดสีดำจากคุณ​ครู​ที่ได้ฆ่าตัวตายอย่างปริศนา​ ในความโชคร้ายนั้น​ก็ยังมีโชคดีอยู่ เมื่อหนึ่งในนักเรียนกลุ่มนี้มีคนหนึ่งที่สามารถเห็นเหตุการณ์​ล่วงหน้าและคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ​ แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสยองระทึก​ เกินคาดเดา

สารบัญ

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่1 กูกำลังจะตาย,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่2 ลางสังหรณ์,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่3 การ์ดสีดำ,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่4 แอบมอง,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่5 ชายปริศนา,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่​6 เสียง,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่7 ช่วยกูด้วย,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่8 จู่โจม​

เนื้อหา

ตอนที่4 แอบมอง

     

     

      ผมเดินลงมาชั้นล่าง นั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์รอมันลงมา ดวงอาทิตย์เริ่มลับ​ลา แสงโพล้เพล้สีส้มอ่อน​สะท้อนระยิบระยับในบ่อน้ำพุ​ ทำให้ผมยากที่จะละสายตา ความรู้สึกหดหู่กรูเข้ามาในจิตใจ​




"จะ...อะ​ ออก​ ปะ​ ปะ​ ไป​ ขะ​ ข้างนอกกันเหรอคะ คุณแก๊ป"



ผมหันไปมองตามเสียงที่พูดติดอ่างของพี่แวว



"ใช่ครับผมจะออกไปกินข้าวข้างนอกกับไอ้นิลมัน แต่ก็ไปไม่นานหรอกครับกินเสร็จเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว​"



" ว้า... พี่แวว​กะ​ วะ​ ว่า​ จะ​ จะ​ ทะ​ ทำ

อา​หาร​ ยะ​ ยะ​ เย็น​ ให้สักหน่อย​ "



ผมพยายามฟังลุ้นว่าพี่แววแกจะพูดอะไรแบบเผลอกลั้นหายใจไปด้วย​



"อ๋อไม่เป็นไรหรอกครับพี่แวว ลำพังดูแลบ้านดูแลไอ้นิลคนเดียวแบบนี้คงจะเหนื่อยมากอยู่แล้ว​ ไว้ถ้าพี่จะทำให้กินจริงๆก็ พรุ่งนี้ละกันเนาะ"



พี่แววพยักหน้ายิ้มรับ​ ก่อนเดินกลับเข้าไปในบ้าน



ผมพูดรักษาน้ำใจ​แก​ และก็รู้สึกสงสารที่ทำงานบ้านคนเดียว​ ผมเคยถามไอ้นิลว่าทำไมไม่จ้างคนเพิ่ม มันบอกว่าประหยัดเงิน แล้วก็ไม่ชอบให้คนเยอะด้วย แต่ผมว่ามันก็โอเคตรงที่มันทำความสะอาดบ้านด้วยตัวเองนะ​ ไม่รอให้แต่แม่บ้านทำ ชอบมันก็ตรงนี้แหละติดดินดี



"ปะไป​กัน​ แดกไรดี"



มันเดินมาตบไหล่ผม กลิ่นน้ำหอมของมันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ​



“ โอ้โหไอ้นี่​ แค่ออกไปกินข้าวแค่เนี้ย​ ถึงขั้นแต่งเต็มขนาดนี้เลย​​ แล้วน้ำอาบหรือยังเนี่ย กลิ่นน้ำหอมฟุ้งเชียว "



มันใส่ชุดการ์ดบิ๊กไบค์เต็มยศ​ ทำให้ผมแปลกใจหรือว่ามันจะเสียเส้นไปแล้วจากการที่กลัวตายครั้งนี้ แต่ความรู้สึกที่แปลกไปกว่านั้นคือ ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่มันใส่ชุดแบบนี้เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์เดจาวู อะไรแบบนั้น



"อื่อ...ยังไม่ได้อาบกลับมาค่อยอาบ​ อะกูขี่เอง"



มันยื่นหมวกกันน็อคให้ผม ก่อนสวมหมวกกันน็อคของมันเอง​ ผมยืนงงกับการกระทำ​ จะอะไรกันของมันขนาดนั้น​



" แล้วมึงก็ไม่ดูกูเลยเนาะ ใส่ชุดนักเรียนอยู่เนี่ย แล้วดูมึงดิ "



ผมรู้สึกไม่พอใจที่มันไม่มีชุดให้ผมใส่



" เออน่าไปกินข้าวข้างนอกแป๊บเดียวเอง จะอะไรนักหนา เดี๋ยวกูให้ยืมชุดนอนของกูแล้วไง​ ใส่ชุดเดียวก็พอมึงอ่ะ​เปลือง"



มันย้อนประโยคที่ผมพูดกับมัน​ โคตรกวนเลย



ไม่นานนักผมกับมันก็มาที่ร้านอาหารตามสั่งริมฟุตบาท​ จากการบิดแบบสปีดเร็วกว่านรก

ของมัน​



" กูคิดว่ากูจะไม่ได้แดกข้าวเย็นละ​ ขี่เร็วขนาดนั้นคงไม่ได้ตายพรุ่งนี้แน่"



" เออกูรู้แล้ว กูกลัวไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน

มึงจะกินอะไรสั่งเลย แต่ต้องสั่งใส่กล่องนะ"



ผมคงไม่ใช่เพื่อนสนิทของมันจริงๆแล้วล่ะ เพราะเดาอารมณ์มันไม่ถูกเลย เมื่อกี้ก็บอกว่าจะมากินข้าวข้างนอกบ้าน แต่ตอนนี้ก็บอกให้สั่งกลับบ้านแล้ว แต่ผมก็ไม่เถียงมัน และไม่ถามเหตุผลมันด้วย ปล่อยให้ทำอะไรตามใจมันอยากทำเลย



" เอากระเพราหมูกรอบไข่ดาวสองกล่องครับป้า"



ไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากสั่งอาหาร มันก็สั่งตัดหน้าผมไปแล้ว แต่ก็ยังดีที่เป็นกระเพราหมูกรอบที่ผมกำลังจะสั่งอยู่พอดี



" เป็นไงล่ะมึงกูรู้ว่ามึงต้องสั่งกระเพราหมูกรอบ แค่นี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่ากูสนิทมึงขนาดไหน"



มันยิ้มอย่างภูมิใจ



" เออกูรู้แล้ว มึงจะเอาโล่รางวัลคนสนิทอันดับหนึ่งจากกูเหรอ​ ไม่มีใครแข่งกับมึงหรอกเพราะกูก็ไม่มีใครเป็นเพื่อนเหมือนกัน มีแค่มึงคนเดียวนั่นแหละ"



ผมพูดประชดมัน​ แต่มันก็คือความจริงนั่นแหละ ผมก็ไม่มีใครที่จะสนิทไปมากกว่ามันแล้ว



"ไอ้แก๊ป กูรู้สึกว่ามีคนคอยมองดูเราอยู่"



มันมองไปที่ข้างหลังผม ทำให้ผมหันไปมองตามสายตามัน



"ใครวะ แต่ก็ไม่น่าแปลกหรอกมึงแต่งตัวซะขนาดนี้ กูเห็นกูก็มอง เหมือนกันกับทุกคนแหละ"



" มันไม่ใช่แบบที่มึงคิด กูเห็นมาสักพักแล้ว ผู้ชายตัวสูงมาก ใส่แจ็คเก็ตมีฮู้ด ยืนอยู่มุมตรงนั้น มึงอย่ารีบหันไปมองนะ​ ทำตัวตามปกติ​มันกำลังจ้องเราอยู่​ อย่าให้มันรู้ว่าเรารู้"



ไอ้นิลพูดเบาๆในลำคอ โดยไม่มองหน้าผม



"ได้แล้วจ้า"



แม่ค้ายื่นถุงใส่ข้าวกล่องให้กับไอ้นิล​



"เก้าสิบบาทจ้าหนุ่ม​ "



มันจ่ายเงินเสร็จแล้วก็รับถุงข้าวกล่อง

จากป้าแม่ค้า



"ขอบคุณ​นะจ๊ะ​ พรุ่งนี้ก็ตายแล้วสิเนาะวันเสาร์"



แม่ค้าพูดพลางยิ้ม



เมื่อได้ยินประโยคนั่นผมถึงกับ พูดไม่ออก และกำลังจะลุกต่อว่าป้าแม่ค้าที่ปากพล่อย​ แต่ไอ้นิลกับยิ้มแล้วพยักหน้าตอบรับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น​



" ไอ้นิลเมื่อกี้แม่ค้าว่ายังไงนะ"



ผมดึงแขนมันมากระซิบถาม



"ก็แกแค่ขอบคุณแล้วก็บอกว่าพรุ่งนี้ก็ได้หยุดกันแล้วเนาะวันเสาร์ อะไรทำไมเหรอ?"



"เปล่าไม่มีอะไรหรอกกูแค่หูฝาด"



ผมคิดในใจว่าขออย่าให้เป็นลางสังหรณ์ที่ผมได้รับรู้แบบนั้นอีก​



"ว่าแต่ไอ้ผู้ชายตัวสูงคนนั้นไปไหนละ"



มันพูดพร้อมกวาดสายตามองหา ก่อนขึ้นควบบิ๊กไบค์



“ ช่างเหอะอย่าไปสนใจเลย รีบๆกลับกูหิวข้าวแล้ว แล้วมึงก็มาแค่เนี้ย มึงออกมาซื้อเองแล้วให้กูรออยู่บ้านมันก็จบ "



ผมบ่นอยู่ข้างหลังมัน



" อะไรของมึงวะ ไม่เป็นห่วงกูเลยเหรอ มึงก็ต้องอยู่ติด​กับกูตลอด​เวลาจนถึงเส้นตายของกู

กูจะจ้างมึงเป็นบอดี้การ์ด จ่ายค่าจ้างเป็นเลี้ยงข้าวกระเพราหมูกรอบ ทุกมื้อเย็นดีมั้ย"



" มึงอยากให้กูอ้วนตายหรือไง​ แล้วดูคำพูดมึงพูดอย่างกับหนังแอ็คชั่นบู้ล้างพลาญ เส้นตงเส้นตายอะไรของมึง​ ไปรีบไปกูหิวแล้วโว้ย! "



พูดจบผมก็ใช้ฝ่ามือตบไปกลางหลังมันทีนึง ให้มันรีบออกรถไป แล้วหันไปมองข้างหลัง มีผู้ชายใส่ฮู้ดร่างสูงยืนอยู่ที่มุมตรงนั้นจริงๆด้วย​ ผมแอบตกใจเล็กน้อย​ แต่ก็ไม่พูดให้มันฟัง อยากให้มันมีสมาธิในการขี่​ พูดง่ายๆคือผมก็กลัวตายนั่นแหละ

                  💀💀💀💀