" ผมจะไม่ยอมให้มันตายหรอกถึงแม้จะเอาชีวิตแลกชีวิตก็ตาม..."

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร - ตอนที่5 ชายปริศนา โดย โอมเพี้ยง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,อาชญากรรม,ลึกลับ,เลือดสาด,ลึกลับ,สยองขวัญ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,อาชญากรรม,ลึกลับ,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,สยองขวัญ,ระทึกขวัญ

รายละเอียด

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร โดย โอมเพี้ยง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

" ผมจะไม่ยอมให้มันตายหรอกถึงแม้จะเอาชีวิตแลกชีวิตก็ตาม..."

ผู้แต่ง

โอมเพี้ยง

เรื่องย่อ

กลุ่มนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกไล่ล่าจากความตายที่คาดไม่ถึง​ หลังจากที่ได้การ์ดสีดำจากคุณ​ครู​ที่ได้ฆ่าตัวตายอย่างปริศนา​ ในความโชคร้ายนั้น​ก็ยังมีโชคดีอยู่ เมื่อหนึ่งในนักเรียนกลุ่มนี้มีคนหนึ่งที่สามารถเห็นเหตุการณ์​ล่วงหน้าและคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ​ แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสยองระทึก​ เกินคาดเดา

สารบัญ

I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่1 กูกำลังจะตาย,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่2 ลางสังหรณ์,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่3 การ์ดสีดำ,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่4 แอบมอง,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่5 ชายปริศนา,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่​6 เสียง,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่7 ช่วยกูด้วย,I saw you Die เกมล่าลางสังหาร-ตอนที่8 จู่โจม​

เนื้อหา

ตอนที่5 ชายปริศนา

 


   ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นมันกลับไม่ไปตามเส้นทางที่ควรจะไป



"อ้าวเฮ้ย! มึงจะไปไหนอีกละ ทำไมไม่ยูเทิร์น เป็นเอามากนะมึง​ไอ้นิลแล้วเมื่อไรกูจะได้แดกข้าววะ!"



ผมตะโกนผ่านหมวกกันน็อค มันคงไม่ได้ยินแต่มันต้องรู้ถึงการกระทำของผมจากการใช้ฝ่ามือฟาดหลังมันไปหลายที ผมสังเกตุเห็นหัวไหล่มันยกขึ้นยกลงตามจังหวะหัวเราะของมัน​ แต่ก็ปล่อยไปตามเคย ขี้เกียจขัดใจมัน เอาให้มันเต็มที่ไปเลย มันจะทำอะไรก็ปล่อยให้มันทำ ผมเหนื่อยแล้ว ที่สำคัญท้องผมก็ร้องไม่หยุด ผมนั่งเงียบสุดทาง คอยดูว่ามันจะไปจอดตรงไหน ใกล้มืดแล้วด้วย​ สักพักรถก็เข้ามาจอดอยู่ที่หัวสะพานข้ามแม่น้ำ​



"ปะมาแดกข้าวกัน​ ตรงนี้มันโคตรโรแมนติก​ มึงยังไม่เคยมาใช่ไหมนี่คือที่โปรดของกูเลยล่ะ กูชอบมานั่งมองดูพระอาทิตย์ตกตรงนี้"



"สรุปแล้วมึงพากูมากินข้าวที่กลางสะพานหรอ?"



ผมชี้นิ้วไปที่สะพานก่อนถามมัน



"ก็ใช่ไง ที่กูพามึงมาที่นี่นะมันเป็นที่ๆกูเวลามีปัญหากับพ่อแม่กูชอบมานั่งมองดูพระอาทิตย์ตกหรือมองวิวทิวทัศน์แถวนี้ทำให้จิตใจสงบ แล้วก็ไม่เคยบอกใครเลยว่ามาหลบอยู่ตรงนี้ เงียบสงบดีคนก็ไม่ค่อยมีอะ​ มาๆมานั่งห้อยขาแดกข้าวกัน"



"โอเคเอาที่มึงสบายใจแล้วกัน ตอนนี้กูหิวไม่สนห่าเหวอะไรละ"



ผมนั่งลงห้อยขาตามมัน รีบแกะกล่องข้าวแล้วกินอย่างมูมมาม แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



" กูไม่ยักรู้มาก่อนว่ามึงชอบมาตรงนี้ งั้นกูขอหักคะแนนความเป็นเพื่อนสนิทของมึงลงสิบคะแนน"



ผมพูดโดยที่มีข้าวอยู่เต็มปาก



" ถึงมึงจะหักคะแนนกู ตอนนี้เดี๋ยวกูเล่าอะไรให้มึงฟัง​ มึงก็เพิ่มคะแนนเหมือนเดิมแหละเพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องหัก​ เข้าใจปะ"



" เออตามใจมึง เล่ามาเลยเดี๋ยวจะมืดค่ำแล้ว"



ความหิวทำให้ผัดกระเพราหมูกรอบของโปรดผมมีความอร่อยมากเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกหลายร้อยเท่า​ จึงทำให้ผมลืมไปว่า​ มันยังไม่ได้ถอดหมวกกันน็อคออก แต่ที่สำคัญมันก็ยังไม่ได้กินข้าวเลยด้วยซ้ำ



" แล้วทำไมมึงยังไม่กินล่ะ เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะตายหรอก​ "



ผมวางข้าวกล่องลง และรีบดึงหมวกมันออก เห็นน้ำตามันไหลอาบสองแก้ม



"เป็นเหี้ยอะไรของมึงอีกแล้ว​ หยุดดราม่า แล้วแดกข้าว​ ไม่งั้นกูจะกลับแล้วนะ"



ผมพูดขู่มัน



"ถ้ากูตายมึงเอากระดูกกูมาลอยตรงนี้ด้วยนะ"



มันพูดพลางเหม่อลอยมองแสงสะท้อนของพระอาทิตย์ที่อยู่กลางแม่น้ำ



"ถ้ามึงยังพูดเรื่องตายกับกูอีกกูจะไม่อยู่กับมึงแล้วนะไม่งั้นกูก็จะกระโดดลงไปตายตรงนี้แหละ จะได้ตายตายกันไปทั้งคู่ เบื่อโลกเหมือนกันว่ะ"



ผมเผลอหลุดพูดแรงไปเพราะความโมโห



" โอเคกูไม่พูดละ กูจะบอกให้มึงนะ กูกะว่าจะพาผู้หญิงสักคนนึง​ มาสารภาพรักตรงนี้​ คงโรแมนติกน่าดู แต่กูคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว กูเลยคิดว่าพามึงมาดีกว่า"



พูดจบมันก็ปาดน้ำตาแล้วแกะข้าวออกมาตักกินทำให้ผมโล่งใจมาหน่อย



" นั่นๆๆ​ อย่านะ​ ไม่เอานะ​ มึงจะพากูมาที่นี้เพื่อสารภาพรักไม่ได้นะโว้ย!"



ผมพูดกวนมันพร้อมทำท่าผงะออกไป



" ควX... อย่างมึงไม่ต้องให้กูสารภาพหรอกมึงก็รู้อยู่ละว่าเพราะยังไงเราก็รักกันเนาะฮาๆ"



มันหัวเราะชอบใจ​ มันคงจะเป็นไบโพล่าอย่างที่ผมคิดจริงๆ คนอะไรเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้



" พอเลยมึง​ ผัดกระเพรากูหวานไปหมดแล้ว เลี่ยนมากจะอ๊วก"



พูดจบผมก็ตักข้าวคำสุดท้ายเข้าไปเต็มปากก่อนพับกล่องยัดใส่ถุงพลาสติกแล้วยืนขึ้น​ รอมันกินจนเสร็จ แล้วก็ยื่นมือไปให้มันจับเพื่อจะดึงมันลุกขึ้น



" มึงว่าจะมีฉากกูล้มทับมึงไหมวะตอนที่มึงดึงมือกูขึ้นเนี่ย ฮ่าๆๆ"



มันกระชากมือผมเบาๆแล้วหัวเราะ



" ไม่เอาไม่วายนะมึงฮ่าๆ"



ผมพูดพร้อมยื่นเปิดปากถุงพลาสติกให้มันเอากล่องข้าวเปล่าใส่ลงไป



"เรามาถ่ายรูปคู่กันตรงนี้ เป็นอนุสรณ์เพื่อนสนิท กลับสถานที่ที่กูชอบ เก็บไว้เป็นที่ระทึกเอ๊ย! ทะรึกเอ๊ย! ระลึก​ ถูกแล้ว"



มันเล่นมุกชงเองตบเอง ก่อนดึงแขนผมไปใกล้ตัวมันเอียงหน้าเอาหัวชนหัวผม แล้วหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูป



" โคตรเหี้ยมากไอ้นิลมืดตึ๊ดตื๋อ แต่ก็สวยดีนะ เห็นเป็นเงา ฉากหลังเป็นแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกโอเคได้อยู่อาร์ต​อยู่​ ส่งมาให้กูด้วย "



ผมกับมันเดินไปเกือบจะถึงหัวสะพาน แต่ก็มาสะดุดตาอยู่กับร่างเงาปริศนาร่างใหญ่ที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้า​



"มึงเห็นอย่างที่กูเห็นหรือเปล่า?"



ผมหยุดถามมัน



" เออกูก็เห็นเหมือนกัน ไอ้คนนั้นไงคนที่ยืนจ้องเราตรงที่เราซื้อกับข้าว ไม่ผิดแน่มันแน่นอน "



ผมทำตัวไม่ถูกยืนเกาะกับมันอยู่ ในขณะที่ร่างสูงโปร่งใส่ฮู้ดคนนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้ทีละนิด ทีละนิด



" เอายังไงดีล่ะทีนี้"



มันถามผม ในขณะที่เราทั้งคู่เดินถอยหลังกันไปทีละก้าว



" มันใกล้เข้ามาแล้ว เอาไงดีวะ วิ่งฝ่ามันไปเลยดีไหม"



มันออกความเห็นด้วยความตื่นเต้น​



"กูจะนับหนึ่งถึงสามนะแล้วเราวิ่งฝ่ามันไปเลย"



ผมกำมือมันแน่น



" เดี๋ยวนะ ทำไมเราไม่วิ่งไปข้างหลังล่ะ"



มันขัดผมขึ้น



" จะเอายังไงกันแน่จะเดินหน้าหรือถอยหลัง มึงเลือกมาสักอย่างสิมันใกล้เข้ามาแล้วนะเร็วๆ! "



ผมกับมันกำลังจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ในใจผมคิดว่าจะตะโกนให้คนช่วย แต่หากเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดล่ะ แต่คนอะไรนะ​ จะต้องมาทำตัวลึกลับขนาดนั้น​ แต่ถ้าวิ่งกลับไปข้างหลัง มันก็มืดไปหมด แล้วตอนนี้ ไฟตรงนั้นก็เสีย รถเราก็จอดอยู่ข้างหน้า​ ในขณะที่กำลังลุกลี้ลุกลนกันอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จากชายตัวสูงที่อยู่ข้างหน้า ผมเห็นมันยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

ก่อนทำท่าหุนหันแบบไม่พอใจ ชี้หน้ามาที่ผมกับไอ้นิล​ ก่อนจะหันหลังเดินกลับจนลับตาไป



"เฮ้อ...! สงสัยจะคนบ้าแถวนี้มั้ง... มันไปละ"



ผมกับไอ้นิล ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนรีบพากันบิดรถกลับบ้านอย่างไม่สนโลก

             💀💀💀💀💀