คิดจะเขียนชื่อใครด้วยปากกาแดง แปลว่าต้องการให้คนๆนั้นตาย

ปากกาแดงเขียนตาย - บทที่ 2 หาคนหรือศพ โดย พีจีญา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,ฆาตกรรม,หักมุม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ปากกาแดงเขียนตาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฆาตกรรม,หักมุม

รายละเอียด

คิดจะเขียนชื่อใครด้วยปากกาแดง แปลว่าต้องการให้คนๆนั้นตาย

ผู้แต่ง

พีจีญา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ปากกาแดงเขียนตาย-บทที่ 1 กลิ่นหอมจากอะไร,ปากกาแดงเขียนตาย-บทที่ 2 หาคนหรือศพ,ปากกาแดงเขียนตาย-บทที่ 3 ความเชื่อหรือความแค้น,ปากกาแดงเขียนตาย-บทที่ 4 ใครฆ่าผอ.สุขอนันต์,ปากกาแดงเขียนตาย-บทที่ 5 เธอที่เหมือนเธอคนนั้น,ปากกาแดงเขียนตาย-บทที่ 6 ผลชันสูตร/หลักฐาน/โดนจับ

เนื้อหา

บทที่ 2 หาคนหรือศพ

กล่าวถึงเด็กผู้หญิงอายุ14ปี ชื่อจินนี่

"เรียนได้แค่เกรด1 แกต้องไปเรียนพิเศษ ฉันติดต่อครูไว้แล้ว"

"หนูไม่ไป"

ในวัยที่ต้องเรียนให้ได้เกรด4/เรียนพิเศษ เธอถึงต้องตายเชียวหรือ

จะเรียกว่าน่าสงสารหรือน่าอนาถใจ ที่จนร่างเธอกำลังจะเหลือแต่โครงกระดูก ก็ยังไม่มีใครพานพบเจอ

"แว่วเสียงลม ผ่านพัดไป คล้ายคอยหา

เสียงเรียกชื่อ ดังเข้ามา ตัวบุคคล"

"จินนี่"

เสียงใครที่มาเรียกเธอ ?

บุคคลหนึ่งเดินแหวกพงหญ้าที่ขึ้นรกชันออกเพื่อให้ตัวเขาเดินสะดวก แต่ภายใต้พกหญ้าคือศพของเด็กผู้หญิงที่ลักษณะขึ้นอืดเต็มที

เขาบังเอิญหรือตั้งใจมาหา ?

ร่างที่เป็นคนมองร่างที่เป็นศพอยู่พักหนึ่งเขาก็เดินออกไปและไม่มีการหันหลังกลับไปมองอีก

ชีวิตคนเราจะตายอย่างง่าย แล้วไม่มีผู้คนค้นหาเลยหรือ !

เสียงของโทรศัพท์ดังขึ้นในยามเช้าผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ดูเหมือนกำลังอาบน้ำอยู่ เมื่อออกมาจากห้องน้ำโดยนุ่งผ้าขนหนูออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินตรงไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ตรงเตียงนอนเพื่อเช็คเวลาดูก่อนจะเห็นว่ามีสายโทรเข้ามาหลายสิบกว่าครั้ง แล้วผู้โทรมาคือไผ่เพื่อนรักนั้นเอง

สิบกว่าสายที่ไผ่โทรเข้ามาหาต๊ะ เขามีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า !

แต่ก็ไม่มีการคิดจะโทรกลับไปเขาตั้งใจจะเช็คเวลาจริงๆแม้จะเห็นการโทรเข้ามาของเพื่อน

หลังจากเช็คเวลาเห็นว่าเป็นเวลา7โมง เขาก็วางโทรศัพท์ไว้คืนที่เดิมบนเตียงนอนก่อนที่จะเดินไปอย่างตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดนักเรียนออกมาสวมใส่ พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเขาก็ไปหยิบโทรศัพท์พร้อมกับกระเป๋านักเรียนแล้วเดินออกมาจากห้องนอนแต่ก็ไม่ลืมที่จะล็อคกลอน เขาเดินลงบรรไดจากชั้น2จนลงมาถึงด้านล่างกลางห้องโถงบ้านก่อนจะเดินตรงออกไปที่ประตูบ้านแล้วเปิดออกก่อนจะหันมาปิดใส่กลอนล็อคเรียบร้อยแล้วเดินออกไปตามถนนเพื่อมุ่งหน้าไปโรงเรียน

"ต๊ะ"

"เฮ่ยต๊ะ"

เสียงเรียกชื่อของคนที่อยู่ข้างหลังเขากำลังเดินสลับกับสาวเท้าวิ่งมาหาเขาเหมือนมีเรื่องบางอย่างจะพูดด้วย !

ไผ่สาวเท้าจ่ำอ้าวมาถึงตัวต๊ะเขาหอบถอนหายใจก่อนจะหยุดวิ่งแล้วเดินไปพร้อมกับต๊ะ

"หายเป็นไข้แล้วหรอว่ะ"

ไผ่ยิงคำถามใส่ต๊ะในทันทีโดยไม่พูดสิ่งที่เขาเหมือนมีเรื่องจะพูดในตอนแรก 

ขาที่กำลังก้าวเดินก็ได้หยุดสะงักนิ่งเงียบไปพร้อมกันทั้งสองคน ตัวต๊ะเขายืนนิ่งแต่แววตากลับเฉยชาเขาไม่ตอบกลับคำถามของไผ่

มันผ่านไปนานเท่าไหร่กับความเงียบที่ทั้งสองคนกำลังเผชิญ

"นี่พวกเธอมัวทำอะไรอยู่"

เสียงพูดที่คุ้นหูคือเสียงของครูประจำชั้นของทั้งสอง 'ครูกวิตา' เจ้าของเสียงกล่าวทักทำให้ทั้งสองมีสติกลับคืนมาหันขวับไปมองอย่างที่มาของเสียงเธอ

"เดี่ยวก็สายไม่รีบเข้าเรียน มาติดรถครูเร็วพวกเธอทั้งสองคน"

ครูกวิตาพูดคำเสริมอีกทีเป็นชักชวนให้เด็กนักเรียนที่ตัวเธอสอนอยู่ให้มาขึ้นรถติดไปกับเธอดีกว่าจะเดินไปคงไม่ทันการเสียเปล่า เเม้จะอยู่ภายในรถยนต์ของตัวเองแต่เธอก็ลดกระจกลงเพื่อพูดคุยกับนักเรียนสองคนของเธอบอกให้รีบเร่งขึ้นรถมา ทั้งสองคนจึงเปิดประตูด้านหลังเพื่อเข้าไปนั่งก่อนจะปิดประตูแล้วพากันคาดเข็มขัด เธอหันไปมองด้านหลังตรวจดูความเรียบร้อยแล้วจึงหันกลับไปข้างหน้าดั่งเดิมก่อนจะใส่เกียร์ขับออกตัวไปทันที

07:55น.

"เอ่าพวกเธอรีบไปเข้าแถว"

รถของครูกวิตาขับเข้ามาจอดภายในโรงเรียน เธอจึงหันไปพูดกับลูกศิษย์ที่นั่งอยู่เบาะหลังให้ไปเข้าแถวในทันทีที่รถเธอจอดนิ่งสนิท ทั้งต๊ะและไผ่จึงรีบปลดเข็มขัดออกแล้วเปิดประตูลงจากรถก่อนจะรีบวิ่งตรงไปทางสนามหญ้าทันทีเพื่อรวมตัวเข้าแถวเหมือนกับคนอื่นๆที่อยู่ที่สนามหญ้ากันเต็ม เธอมองดูลูกศิษย์อยู่ภายในรถสักพักก็ออกมาจากรถเช่นกัน

โดยหารู้ไหมว่ามีใครสักคนแอบถ่ายรูปเอาไว้ ?

ภายในห้องเรียน ชั้นม.2/1

ในขณะที่ครูกวิตากำลังทำการสอนลูกศิษย์ตัวเองอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าของคนๆหนึ่งเดินตรงมาทางห้องที่ครูกวิตาสอน เสียงฝีเท้าได้หยุดลงหน้าประตูห้องปรากฎเป็น 'ผอ.สุขอนันต์'

"ครูกวิตา ถ้าสอนเสร็จไปพบผมที่ห้องผู้อำนวยการด้วย"

"ค่ะผอ."

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ที่มาของการมาเรียกเธอของผอ.แต่เธอก็ตอบกลับไปก่อนจะหันไปสอนลูกศิษย์ต่อ เพราะผอ.ก็ได้เดินออกไปแล้วหลังได้ยินเสียงเธอตอบกลับ

"กูว่าผอ.กับครูกวิตามีส่ำติ๋งกัน"

น้ำเสียงกระซิบกระซาบหลุดออกมาคือน้ำเสียงของ 'เทมป์' ที่หันไปคุยกับ 'ไนซ์' ที่นั่งข้างๆกัน

"ครูครับ เทมป์กับไนซ์คุยกัน"

เสียงพูดกล่าวคำฟ้องออกมาให้ครูกวิตาที่กำลังหันหลังเขียนการสอนในกระดานได้ยิน ครูกวิตาเมื่อคำเสียงดั่งกล่าวผ่านเข้าหูของเธอ เธอจึงหันหน้าไปอย่างตำแหน่งที่นั่งของลูกศิษย์ชื่อเทมป์กับไนซ์ทันที

"นายเทมป์นายไนซ์ พวกเธอไปยืนกระต่ายขาเดียวคาบไม้บรรทัดหน้าห้องเดี่ยวนี้"

"ครับๆ"

การลงโทษสร้างความไม่พอใจให้ทั้งเทมป์และไนซ์เขาทั้งสองรู้สึกอับอายที่ดูเป็นตัวตลกของเพื่อนๆทั้งห้อง สายตาของเพื่อนทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขาทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว แต่ก็ต้องยอมรับบทลงโทษพวกเขาจึงเดินออกไปพร้อมกับถือไม้บรรทัดไปด้วย แต่ก่อนหน้านั้นทั้งเทมป์กับไนซ์ได้จ้องไปอย่างคนที่พูดฟ้องครูกวิตา เขาคนนั้นไม่ใช่ใครเลยเป็นไผ่นั้นเอง และไผ่เขาเองก็จ้องตากลับทั้งสองคนไปเหมือนกันแบบไม่มีใครยอมใคร ครูกวิตาเธอมองเห็นสถานการณ์เธอจึงโยนช็อคไปให้โดนโต๊ะเพื่อเรียกสติลูกศิษย์ทั้งสามคน

"เอ้าเร็วๆ"

เธอเร่งให้ลูกศิษย์ทั้งสองคนออกไปรับบทลงโทษ เทมป์และไนซ์จึงละสายตาจากไผ่หันมามองจ้องครูกวิตาเสี้ยววิก่อนจะเดินออกไป พอมาอยู่หน้าห้องทั้งยืนท่ากระต่ายขาเดียวคาบไม้บรรทัดตามบทลงโทษที่พวกเขาได้รับ ครูกวิตาหันไปมองเห็นลูกศิษย์ทั้งสองทำตามบทลงโทษเธอแล้วเธอจึงหันกลับมาสอนลูกศิษย์คนอื่นๆต่อ ระหว่างที่เธอสอนลูกศิษย์อยู่เธอก็หันมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองเห็นได้ว่ากำลังจะหมดคาบการสอนของเธอแล้ว เวลาที่กำลังใกล้เที่ยงเข้ามาในไม่กี่นาที เธอจึงบอกให้นักเรียนไปทบทวนและทำการบ้านที่เธอได้ให้ไว้มาส่งในวันถัดไปด้วย ก่อนที่จะมีเสียงนาฬิกาดังบอกถึงเวลาพักเที่ยงพอดี เธอจึงปล่อยลูกศิษย์ให้ไปรับประทานอาหารที่โรงอาหาร ส่วนตัวเธอนั่งจัดระเบียบวิชางานสักพักหนึ่งได้ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องเรียนเช่นกัน เธอเดินมุ่งหน้าไปอย่างห้องผู้อำนวยการ ภายใน10นาทีก็มาถึงหน้าห้องผู้อำนวยการ

ก๊อก ก๊อก...

"ดิฉันมาแล้วค่ะผอ."

เสียงเคาะประตูเบาๆสองครั้งแต่ก็พอทำให้ได้ยิน มาพร้อมกับน้ำเสียงพูดของครูกวิตาที่เอ่ยกล่าวให้คนด้านในได้รู้

"เชิญเข้ามาครูกวิตา"

"ขออนุญาตค่ะ"

เมื่อเธอได้รับคำเชิญให้เข้ามาแล้วจึงตอบรับคำก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง แต่เมื่อเข้ามาเธอกลับเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดปรากฎอยู่ที่ใบหน้าของผอ.สุขอนันต์ คิ้วที่ขม้วดเข้าหากันมือที่ถูกกุมผสานเข้าด้วยกันก่อนจะแยกออกจากกันแล้วหงายผ่ายมือออกชี้ไปทางเก้าอี้

"เชิญนั่งก่อนสิ"

"ขออนุญาตค่ะ ผอ.มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ถึงเรียกดิฉันเข้าพบ"

ยามพลบค่ำที่หน้าบ้านของครูกวิตามีเสียงของการเหยียบเบรกรถแล้วตามด้วยเสียงเปิดประตูรถที่ดังสนั่น ขาก้าวออกมาจากรถด้วยสองเท้าเปล่า เหมือนค่อยๆเขยิบการเดินไปอย่างช้าๆ เธอเดินยิ่งกว่าเต่าก็ว่าได้ เหมือนดั่งกับอาการคนเหม่อลอย จนกระทั่งมีเสียงลายลมพัดพลิ้วเข้ามาพร้อมกระดาษที่ดูคล้ายใบปลิวถูกแรงลมพัดพลิ้วไหวมาแปะนาบเข้าใบหน้าของเธอจนได้สติกลับคืนมา เธอจึงหยุดเดินแล้วหยิบแผ่นกระดาษออกจากใบหน้า

"จู่ๆเล่า แผ่นกระดาษ ปลิวนาบหน้า

บ่งชี้ว่า อยากให้รู้ อยากให้หา

ว่าอยู่ไหน แต่จะพบ หรือสิ้นเพิ่ม"

"ประกาศตามหาเด็กหาย"

แผ่นกระดาษที่กำลังถูกน้ำเสียงของครูกวิตาอ่านไปเรื่อยๆ เธอก้มหัวอ่านหน้าบ้านของเธอเองมันจะผิดแปลกไปอย่างไร จนกระทั้งเธอมีความคิดที่จะโทรศัพท์ไปหาตำรวจ  ก่อนที่เธอจะได้หยิบโทรศัพท์ออกมาอยู่ๆก็มีร่างๆหนึ่งโผล่มายืนอยู่ต่อหน้าเธอพร้อมกับยกมือขึ้นมาจู่ปากบ่งบอกถึงว่าให้เธอเงียบ

ในอีกทางด้านหนึ่งมีเสียงเดินของผู้คนจำนวนมาก

"เจอแล้วครับ"

เสียงพูดหนึ่งดังขึ้นคือเสียงของ 'สัปเหร่อ' ที่เอ่ยปากออกไปให้คนอื่นๆได้ยินเพราะสิ่งที่เขาพบเจอนั้นก็คือศพเด็กผู้หญิงปริศนาที่มานอนเสียชีวิตกลางป่า ผู้คนต่างมามุ่งดูกันเป็นจำนวนมากบ้างก็เริกเสื้อขึ้นมาปิดจมูกไว้เพราะกลิ่นเหม็นส่งออกมาคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ แม้ว่าจะเกิดความเหม็นกันแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนั้นมีมากกว่า

"น่าสงสารจังเนอะ"

"ลูกเต้าเหล่าใครกันมาเสียชีวิตตรงนี้"