…กานตาแปลว่าผู้เป็นที่รัก แต่กลับไร้ความรัก…

ธันวากานตา - chapter 1 การเริ่มต้นใหม่ โดย ผันพลอย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,รักโรแมนติก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,นิยายชายหญิง,ดราม่า,ผันพลอย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ธันวากานตา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,นิยายชายหญิง,ดราม่า,ผันพลอย

รายละเอียด

…กานตาแปลว่าผู้เป็นที่รัก แต่กลับไร้ความรัก…

ผู้แต่ง

ผันพลอย

เรื่องย่อ

กานตา มีความหมายว่าผู้เป็นที่รัก


แต่ทำไมเธอที่มีชื่อว่ากานตากลับไม่เคยได้เป็นที่รักของใครเลย

พ่อและแม่หย่าร้างกันตอนที่เธออายุแค่ 5ขวบ หลังจากนั้นเธอผู้เป็นพ่อก็ไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของเธออีกเลย หลงลืมไปแล้วว่าเคยมีเธอเป็นลูกสาว

ส่วนผู้เป็นแม่หลังแต่งงานใหม่ก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับสามีใหม่ ถึงแม้จะยังติดต่อกันแต่กลับมีระยะบางเกิดขึ้นระหว่างแม่และลูกสาว

กานตาได้รู้จักความรู้สึกรักครั้งแรกตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเข้ามามอบความรักและความอบอุ่นจนเธอรู้สึกวาบหวาม แต่ความรู้สึกทั้งหมดกลับเป็นแค่เกมสนุกของเขาและเพื่อน ๆ ของเขา เธอก็เป็นได้แค่หมากในเกมที่มีเขาเป็นคนเล่น

แต่เพราะความสัมพันธ์อันแสนเจ็บปวดในครั้งทำให้เธอได้ความรักที่เป็นของเธอมาครอบครอง

สารบัญ

ธันวากานตา-chapter 1 การเริ่มต้นใหม่,ธันวากานตา-chapter 2 ธันวา,ธันวากานตา-chapter 3 ชั่วโมงทำงานที่เลยออกมา,ธันวากานตา-chapter 4 สิ่งสำคัญ,ธันวากานตา-chapter 5 จูบฉันสิ,ธันวากานตา-chapter 6 ลูกชายของใคร?,ธันวากานตา-chapter 7 เรื่องราวเมื่อแปดปีก่อน,ธันวากานตา-chapter 8 คำพูดสิ้นคิด,ธันวากานตา-chapter 9 อดีตของกานตา,ธันวากานตา-chapter 10 เด็กไม่มีพ่อ,ธันวากานตา-chapter 11 หุ่นยนต์และรถบังคับ,ธันวากานตา-chapter 12 จรรยาบรรณความเป็นครู,ธันวากานตา-chapter 13 คืนแรกบนเตียงของกานตา,ธันวากานตา-chapter 14 สัมผัสใหม่ที่คุ้นเคย,ธันวากานตา-chapter 15 หลานชาย,ธันวากานตา-chapter 16 การตัดสินใจของกานตา,ธันวากานตา-chapter 17 ความรักของกานตา

เนื้อหา

chapter 1 การเริ่มต้นใหม่

บ้านเดี่ยวหลังเล็ก ขนาดกำลังพอเหมาะพอดีสำหรับครอบครัวเล็กๆ ที่มีแม่และลูกชายอยู่ด้วยกันตามลำพัง เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบเดินไปมาอยู่ภายในบ้านอย่างตื่นเต้นกับวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนประถม เด็กชายคาดหวังที่จะได้ไปสถานที่ใหม่ ๆ เจอเพื่อนใหม่และคุณครูคนใหม่


“น้องเติร์ดเสร็จหรือยังครับ? ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายนะครับ” เสียงของผู้เป็นแม่เรียกหาลูกชายตัวน้อยที่ตอนนี้ยังไม่ยอมออกมาจากบ้านทั้งที่ได้เวลาออกจากบ้านแล้วก็ตาม


เมื่อเด็กชายได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกับชุดนักเรียนตัวใหม่ เสื้อเชิ้ตสีขาวปักชื่อด้วยไหมสีแดง กางเกงสีเทาสายสก็อตดูเข้ากันได้ดีกับ…


ดนัยกานต์ แก้วมาลา เด็กชายวัย 7ขวบ ผิวขาวเหลืองตามฉบับคนเอเชีย ดวงตาสองชั้นกลมโตแพขนตายาวเด่น แถมยังมีลักยิ้มที่ได้รับสืบถอดไปจากเธอยิ่งทำให้เด็กชายตัวน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู


เด็กชายวิ่งเข้าหาผู้เป็นแม่พร้อมกับกระเป๋าเป้ที่ดูจะใหญ่ไปหน่อยสำหรับเขา


“พร้อมแล้วใช่ไหมครับน้องเติร์ด?”


“พร้อมแล้วครับแม่ น้องเติร์ดอยากไปโรงเรียนแล้วครับ” เด็กชายตัวน้อยตอบรับด้วยน้ำเสียงร่าเริงเสียงดังฟังชัด


กานตา แก้วมาลา คุณแม่ยังสาววัยยี่สิบเจ็ดปี กานตาเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมยาวหยักศกตามธรรมชาติ ผิวขาวแบบครอบครัวชาวจีน และต้นฉบับลักยิ้ม กานตามีลูกชายกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตอนยังสาว ถึงแม้ว่าจะมีคนเข้าหาเธออยู่บ้างแต่กานตาก็ไม่เคยเปิดให้ใครเข้ามาภายในพื้นที่ส่วนตัวของเธอเลยสักครั้ง เธอต้องการทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับลูกชายตัวน้อยไม่อยากเสียเวลาให้กับชายคนอื่นอีกแล้ว


รถยนต์กลางใหม่กลางเก่าของกานตาค่อย ๆ เคลื่อนตัวขับออกจากบ้านตรงไปยังโรงเรียนใหม่ของลูกชายตัวน้อย รถของกานตาเข้ามาจอดในลานจอดรถของโรงเรียน


“มาเถอะค่ะน้องเติร์ด แม่จะเดินไปส่งที่ห้องเรียนนะคะ” กานตาจับมือน้อย ๆ ของลูกชายเดินตรงไปยังห้องเรียน เด็กชายตื่นเต้นจนหลงลืมผู้เป็นแม่โบกมือลาผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้ม ดนัยกานต์ไม่เคยร้องไห้งอแงผิดกับเด็กคนอื่น ๆ ที่มักจะร้องไห้งอแงในวันแรกของการเปิดเทอม


หลังส่งลูกชายตัวน้อยเข้าโรงเรียนเรียบร้อย กานตาก็ขับรถตรงมายังบริษัทแห่งใหม่ของเธอ ก่อนหน้านี้หญิงสาวทำงานในบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง กานตาไม่ได้มีปัญหาอะไรจนถึงขั้นต้องลาออกแต่พอลูกชายเข้าวัยประถม กานตาเลือกโรงเรียนสองภาษาเพื่ออนาคตของลูก เงินเดือนที่บริษัทเก่าก็ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น


กานตาเลือกที่จะลาออกจากงานที่เก่าเพื่อหางานใหม่ที่เงินเดือนสูงขึ้นให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น


ในบรรดาบริษัทที่กานตาส่งใบสมัครไป มีบริษัทแห่งหนึ่งที่ไม่ได้เรียกเธอเข้าสัมภาษณ์แต่กลับเสนอเงินเดือนมากกว่าที่เธอขอไป แถมยังบอกอีกว่าถ้าเกิดเธอโอเคสามารถเข้ามาทำสัญญาว่าจ้างได้เลยทันที แล้วยิ่งบริษัทแห่งนั้นยังเปบริษัทขั้นนำมีชื่อเสียงยิ่งทำให้กานตามีความมั่นใจมากขึ้น


กานตาเข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาให้กับท่านประธานของบริษัทแห่งนี้


“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อกานตา แก้วมาลายินดีที่ได้รู้จักค่ะ แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” หญิงสาวแนะนำตัวกับเลขาคนก่อน


เธอบอกกับกานตาว่าที่จริงแล้ว เธอยื่นใบลาออกไปแล้วแต่เธอยังคงเลือกที่จะมาทำงานจนกว่าท่านประธานของเธอจะหาเลขาคนใหม่ได้


“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อวาริน จะเรียกพี่ว่าพี่น้ำก็ได้” เลขาสาวแนะนำตัวกลับตามมารยาท


วารินเดินนำกานตาพาเธอไปดูสถานที่ต่างๆ แนะนำหัวหน้าแผนกต่าง ๆ ของบริษัทให้เธอได้ทำความรู้จัก เพราะเธอเป็นเลขาจะต้องติดต่องานกับฝ่ายต่าง ๆ แทนท่านประธาน ก่อนจะมาจบที่ห้องทำงานของประธานบริษัท


“ส่วนโต๊ะตัวนี้จะเป็นโต๊ะทำงานของน้องตานะคะ”


“น่าเสียดายจังเลย วันนี้ท่านประธานก็ไม่เข้าบริษัทซะด้วย”


“มีงานหรือธุระข้างนอกงั้นเหรอคะ?” กานตาเอ่ยถามถึงท่านประธาน


“ก็ประมาณนั้นล่ะ พอดีเมื่อวานท่านประธานเพิ่งขึ้นเครื่องไปดูงานที่เชียงใหม่ กว่าจะกลับก็น่าจะอีก 2-3วันล่ะมั้ง ที่จริงพี่ก็ต้องไปด้วยแต่ท่านประธานก็สั่งให้พี่อยู่ที่นี่ช่วยสอนงานให้กับน้องตา พอท่านประธานกลับมาจะได้พร้อมทำงาน”


“งั้นวันที่ท่านประธานกลับมาจากเชียงใหม่ พี่น้ำก็จะไม่มาทำงานแล้วงั้นเหรอคะ?”


“น้องตาไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ พี่จะมาทำงานวันนั้นเป็นวันสุดท้าย” คำพูดของวารินช่วยคลายความกังวลภายในใจของกานตา


“มาเถอะน้องตา เดี๋ยวพี่จะสอนงานที่น้องตาต้องรู้สำหรับงานเลขา”


กานตาเป็นคนหัวไวไม่ว่าเลขาสาวจะสอนอะไรเข้าไปก็สามารถจดจำได้หมดทุกอย่าง ในเวลาสั้น ๆ กานตาก็พร้อมที่จะทำงานแทนวารินได้ทันที


เลขาสาวนึกถึงช่วงก่อนหน้านี้ที่ท่านประธานของเธอดูใบสมัครหลายใบที่ถูกส่งเข้ามาเพื่อพิจารณาเข้าสัมภาษณ์แต่ท่านประธานกลับชี้นิ้วเลือกกานตาเข้าทำงานโดยไม่เรียกเข้าสัมภาษณ์เลยด้วยซ้ำ ทั้งยังเสนอเงินเดือนที่มากกว่าตอนที่เธอทำอยู่มาตั้งเท่าหนึ่ง


หลังเลิกงานกานตาก็ตรงมายังโรงเรียนของลูกชายทันที เด็กชายนั่งรออยู่ภายในห้องพักครูเพราะเวลาเลิกงานของกานตาช้ากว่าเวลาเลิกเรียนของดนัยกานต์ถึงสองชั่วโมง หญิงสาวจำเป็นต้องฝากดนัยกานต์ให้ครูประจำชั้นค่อยดูแลระหว่างที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของเธอ


“แม่!!!” เด็กชายวิ่งเข้ากอดเอวบางของกานตาทันทีที่เห็นผู้เป็นแม่เดินเข้ามาภายในห้องพัก กานตาเอ่ยทักทายและบอกลาคุณครูก่อนจะพาลูกชายตัวน้อยของเธอกลับบ้าน


“เป็นไงบ้างครับน้องเติร์ด? วันนี้มีเรื่องอะไรจะเล่าให้แม่ฟังหรือเปล่าครับ?” กานตาเอ่ยถามถึงเรื่องในโรงเรียนใหม่ของทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากรั่วโรงเรียน


“น้องเติร์ดสนุกมากเลยครับ คุณครูก็ใจดีมาก ๆ น้องเติร์ดอยากไปโรงเรียนอีก”


“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวคืนนี้นอนหลับแล้วก็ตื่นมาน้องเติร์ดก็จะได้ไปโรงเรียนแล้ว รอหน่อยนะคะ” เด็กชายพยักหน้ารับก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ เส้นทางกลับบ้าน


“แล้วน้องเติร์ดได้เพื่อนใหม่บ้างหรือยังครับ?”


“เพื่อน ๆ เหรอครับ อืม...มีออกัสแล้วก็เจ้าขาครับ”


“เจ้าขานั่งข้าง ๆ กับน้องเติร์ด ส่วนออกัสก็ช่วยพาน้องเติร์ดไปห้องน้ำด้วย ออกัสใจดีมาก ๆ เลยน้องเติร์ดชอบออกัส” ดนัยกานต์พูดถึงเพื่อนใหม่อย่างตื่นเต้นและดีใจที่ได้มีเพื่อนใหม่


“อย่างนั้นเหรอครับ? ดีใจด้วยนะครับน้องเติร์ด”


“แล้วแม่ล่ะครับ ที่ทำงานใหม่เป็นไงบ้าง? เจ้านายของแม่ใจร้ายหรือเปล่าครับ?” ดนัยกานต์ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง


“ไม่รู้สิครับ แม่ยังไม่เจอเจ้านายใหม่ของแม่เลยวันนี้เขาไม่ได้เข้ามาทำงาน บางทีพรุ่งนี้แม่อาจจะเจอเขาก็ได้นะครับ แล้วเดี๋ยวแม่จะกลับมาเล่าให้ฟังนะครับ” กานตาเล่าเรื่องในบริษัทให้ลูกชายฟังมีทั้งเรื่องที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง


“คุณเจ้านายของแม่เขาไม่ต้องมาทำงานงั้นเหรอครับ? แล้วแบบนี้เขาจะเอาเงินที่ไหนมาให้แม่ล่ะครับ?” ดนัยกานต์ถามออกมาด้วยความไม่รู้


“อือ...จะอธิบายยังไงดีให้น้องเติร์ดเข้าใจนะครับ”


“คนที่เขาเป็นเจ้านายเขาไม่จำเป็นต้องเข้ามาทำงานที่บริษัททุกวันหรอกนะครับ มีบางวันที่สามารถทำงานที่บ้านได้หรือบางครั้งก็ต้องออกไปทำงานข้างนอก”


“น้องเติร์ดพอเข้าใจไหมครับ?” ดนัยกานต์ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่เป็นเจ้านายถึงไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวัน


“แล้วแบบนั้นเขาหาเงินมาจากไหนล่ะครับ? น้องเติร์ดเห็นแม่ต้องไปทำงานทุกวันเลยนี่ครับ”


“นั่นคือข้อแตกต่างระหว่างเจ้านายกับลูกจ้างไงคะ แล้วก็ที่น้องเติร์ดถามว่าเจ้านายเขาจะหาเงินมาได้ยังไง”


“เพราะมีลูกจ้างในบริษัทที่เหมือนกับแม่อีกหลาย ๆ คนทำงานให้เขา เจ้านายจะเป็นคนที่ทำงานเป็นขั้นตอนสุดท้ายดูทุกอย่างที่ทุกคนในบริษัททำมาแล้วจะบอกว่ามันผ่านหรือไม่ผ่าน”


“เจ้านายเนี่ยเหมือนคุณครูเลยนะครับ”


“อืม...ใช่ครับเหมือนคุณครูเลยนะครับน้องเติร์ด แล้วเย็นนี้น้องเติร์ดอยากจะกินอะไรเป็นมื้อเย็นล่ะครับ?” กานตาเอ่ยถามถึงเมนูอาหารสำหรับมื้อเย็นวันนี้


“อืม...” ดนัยกานต์วาดนิ้วไว้ใต้คางพลางใช้สมองคิดว่าเย็นนี้เขาอยากได้อะไรเป็นมื้อเย็น


“น้องเติร์ดอยากกินไข่ผัดมะเขือเทศครับ” เด็กชายพูดถึงเมนูอาหารโปรดของทั้งเขาและแม่


“โอเคครับ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วน้องเติร์ดก็รีบอาบน้ำนะครับ แม่จะรีบทำไข่ผัดมะเขือเทศไว้รอน้องเติร์ดนะครับ”


“เย้!!! ดีเลยครับน้องเติร์ดจะกินข้าวเยอะ ๆ เลย”


“โอเคครับ เดี๋ยวแม่จะเตรียมเอาไว้ให้นะครับ แล้ววันนี้มีการบ้านมาหรือยังครับ”


“น้องเติร์ดทำไปแล้วตอนที่อยู่กับครูมินท์”


“ครูมินท์ช่วยสอนการบ้านให้น้องเติร์ดด้วย” เด็กชายบอกว่าเขาจัดการการบ้านของวันนี้ไปเสร็จเรียบร้อยแล้วระหว่างที่นั่งรออยู่ที่ห้องพักครู


“ดีมากครับ เก่งมากเลย”


รถยนต์ของกานตาจอดเทียบท่าที่ลาดจอดรถภายในบ้าน ส่งดนัยกานต์ไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว ส่วนตัวเธอก็เข้าครัวเตรียมมื้อเย็นไว้รอเด็กชาย


มื้ออาหารเย็นของบ้านแก้วมาลาก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข ถึงแม้จะเรียบง่ายและหาได้ตามพื้นฐานครอบครัวทั่วไปแต่สำหรับกานตาแล้วมันช่างวิเศษมากสำหรับเธอที่โหยหาความรักมาตลอดชีวิต