รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,รักโรแมนติก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,นิยายชายหญิง,ดราม่า,ผันพลอย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
…กานตาแปลว่าผู้เป็นที่รัก แต่กลับไร้ความรัก…
ผู้แต่ง
ผันพลอย
เรื่องย่อ
กานตา มีความหมายว่าผู้เป็นที่รัก
แต่ทำไมเธอที่มีชื่อว่ากานตากลับไม่เคยได้เป็นที่รักของใครเลย
พ่อและแม่หย่าร้างกันตอนที่เธออายุแค่ 5ขวบ หลังจากนั้นเธอผู้เป็นพ่อก็ไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของเธออีกเลย หลงลืมไปแล้วว่าเคยมีเธอเป็นลูกสาว
ส่วนผู้เป็นแม่หลังแต่งงานใหม่ก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับสามีใหม่ ถึงแม้จะยังติดต่อกันแต่กลับมีระยะบางเกิดขึ้นระหว่างแม่และลูกสาว
กานตาได้รู้จักความรู้สึกรักครั้งแรกตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเข้ามามอบความรักและความอบอุ่นจนเธอรู้สึกวาบหวาม แต่ความรู้สึกทั้งหมดกลับเป็นแค่เกมสนุกของเขาและเพื่อน ๆ ของเขา เธอก็เป็นได้แค่หมากในเกมที่มีเขาเป็นคนเล่น
แต่เพราะความสัมพันธ์อันแสนเจ็บปวดในครั้งทำให้เธอได้ความรักที่เป็นของเธอมาครอบครอง
กานตาเดินทางมาถึงบริษัทก็เห็นวารินกำลังเก็บของของเธอลงกล่องกระดาษ เลขาสาวบอกกับเธอว่าท่านประธานให้เธอกลับได้เลยไม่จำเป็นต้องอยู่สอนงานให้กานตาอีกแล้ว
กานตารู้สึกประหม่านิดหน่อยพอมารู้ว่าเธอต้องเข้าไปเจอท่านประธานเพียงลำพัง กานตาเดินมาส่งวารินที่หน้าประตูลิฟต์ ถึงแม้จะรู้จักกันเพียงแค่ไม่กี่วันแต่วารินก็ใจดีและเป็นกันเองกับกานตามาก คอยดูแลทุกเรื่องที่กานตาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ
หลังวารินกลับไปแล้ว กานตาก็เดินกลับมาถึงหน้าห้องทำงานของท่านประธาน โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเธอกำลังแผดเสียงดังก้องไปทั่วห้องโถง กานตารีบรับสายอย่างร้อนรน
(ทำอะไรอยู่ทำไมถึงเพิ่งรับสาย มาทำงานไม่ทันไรก็เป็นแบบนี้ซะแล้ว มันน่าจะพิจารณาสัญญาจ้างใหม่จริง ๆ เชียวคุณกานตา) เสียงทุ้มของประธานบริษัทดังมาตามสาย น้ำเสียงและวิธีการพูดของเขาฟังดูคุ้นเคยเหลือเกิน
“ขอประทานโทษค่ะท่านประธาน พอดีดิฉันออกไปส่งพี่น้ำเลยไม่ได้อยู่ประจำที่โต๊ะทำงานค่ะ ขอประทานโทษจริง ๆ นะคะ”
(อืม...)
(รบกวนชงกาแฟให้ผมหน่อยนะครับคุณเลขา ขอบคุณ)
“เอ่อ...คือ...” ไม่ทันที่กานตาจะได้ถามรายละเอียดอะไรต่อ ปลายสายก็ตัดไปซะก่อน กานตามองหูโทรศัพท์สลับกับบานประตูที่ขวางกั้นระหว่างเธอและคนในห้องเอาไว้
กานตาเดินไปยังโซนสวัสดิการของบริษัท จัดการเตรียมกาแฟสูตรพื้นฐานตามคำถามของท่านประธาน กานตาจัดแก้วกาแฟลงบนถาดก่อนจะหาขนมที่น่าจะเข้ากันได้ดีกับกาแฟ วางลงไปด้วย
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ มือบางเคาะประตูห้องทำงานของท่านประธานตามมารยาท
“เข้ามาได้!” เสียงของท่านประธานดังออกมาจากภายในห้อง
กานตาค่อย ๆ เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงาน เก้าอี้ตัวสวยหันหลังให้กับประตู หันมองวิวบรรยากาศเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องตั้งเรียงรายจนแน่นขนัด รวมถึงการจราจรที่ติดขัดยิ่งทำให้บรรยากาศภายนอกดูอึดอัดเข้าไปอีก
“นี่ค่ะ กาแฟของท่านประธาน ดิฉันไม่รู้ว่าท่านประธานทานอะไรมาหรือยังเลยเอาคุกกี้มาเป็นของว่างให้ท่านประธานทานรองท้องก่อนดื่มกาแฟค่ะ”
“เธอนี่ยังเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ เป็นห่วงเอาใจใส่ตลอดเลยทั้งที่ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วแท้ ๆ รู้สึกดีจริง ๆ เลยเชียว” เสียงที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์พอมาได้ยินกับหูของตัวเอง กานตาถึงได้นึกออกว่าน้ำเสียงที่เธอฟัง แล้วรู้สึกคุ้นเคยมันคือเสียงของใคร
เก้าอี้ค่อย ๆ หันกลับมาช้า ๆ เผยให้เห็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าคุ้นเคย ใบหน้าที่กานตาพยายามลืมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่าเธอต้องจะมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้
“ไง กานตาไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า?” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยปากถามด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาท
หญิงสาวมองตรงไปยังใบหน้าของชายหนุ่มที่เธอเคยหลงรัก คนที่เธอคิดว่าเขาจะมอบความรักที่เป็นของจริงให้กับเธอ ชายที่หลบซ่อนอยู่ภายในใจของกานตามานานหลายปี จนถึงตอนนี้ก็ยังคงหลบซ่อนไม่ยอมออกไปจากใจของเธอ
ธันวา ปรีดาอัครกุล ชายหนุ่มหน้าตาดีผิวสีขาวเหลืองตามแบบฉบับคนเอเชีย ตาสองชั้นกลมโตแพขนตาที่รับเข้ากับความเรียวยาวของดวงตาทำให้ดวงตาของเขาดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลเป็นจุดเด่นบนเครื่องหน้าของธันวา เมื่อก่อนดูมีเสน่ห์อย่างไงตอนนี้ก็ยังมีเสน่ห์เหมือนเดิม
กานตารู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงเข้าไปในภวังค์แห่งความทรงจำไปชั่วขณะหนึ่ง ความทรงในอดีตค่อย ๆ เด่นชัดในสมองของกานตา ช่วงเวลาที่เคยเข้าใจว่ามีความสุขกับหลั่งไหลออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถูกชายหนุ่มเอ่ยขัดจังหวะ
“เป็นอะไรไปกานตา? หรือว่าตะลึงไปเลยที่ได้เจอหน้าฉันอีกครั้ง” ธันวาพูดไปพลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม รสชาติของกาแฟยังคงเหมือนเดิมกับที่กานตาเคยชงให้เขาดื่มเมื่อนานมาแล้ว
“นายรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าฉันจะมาเป็นเลขาคนใหม่ของนาย นายถึงได้ให้พี่น้ำกลับไปก่อน” พอกานตาพูดจบ เสียงหัวเราะของธันวาก็ดังขึ้นมาทันที เสียงหัวเราะของเขาเหมือนลูกศรที่พุ่งเข้ามาปักตรงกลางอก
“เซอร์ไพรส์ไหมล่ะ ได้เจอผู้ชายคนแรกของเธอ” ชายหนุ่มลุกเดินเข้าหากานตาที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“จะว่าไปเธอก็สวยขึ้นกว่าแต่ก่อน แถม...ยังดูเต็มไม้เต็มมือกว่าแต่ก่อนด้วยนะ ว่าไงอยากจะทบทวนความจำด้วยร่างกายของฉันหน่อยไหมกานตา”
‘เพี๊ยะ!!!’ แก้มสากของชายหนุ่มถูกฝ่ามือบางของกานตาตวัดตบอย่างเต็มแรง รสชาติของเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งโพลงปาก
“แรงตบใช่ได้นี่” กานตามองใบหน้าของธันวาที่มีรอยประทับอยู่เต็มห้านิ้ว
“ฉันจะลาออก”
“เธอนี่ไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาสักเลยนะ แค่เจอหน้าแฟนเก่าก็ไม่สามารถทำงานร่วมกัน เธอจะไปหางานที่ไหนที่จะได้เงินดีขนาดนี้กัน” ธันวาพูดขึ้นทันทีที่กานตาลั่นวาจาจะยื่นใบลาออก
“มาทำงานได้แค่ไม่กี่วันก็จะลาออกแล้ว บริษัทที่อื่นคงจะไม่ชอบใจแน่? พนักงานที่แค่เจอปัญหาเล็ก ๆ ก็เลือกที่จะหนีปัญหาไม่มีความเป็นมืออาชีพ ใครจะอยากร่วมงานด้วย”
“คิดว่างั้นไหมครับคุณกานตา” คำพูดของธันวาชวนให้กานตาคิด มันก็เป็นอย่างที่ชายหนุ่มพูดไม่มีใครอยากร่วมงานกับคนที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ
“ถ้างั้นท่านประธานก็ช่วยมีความเป็นมืออาชีพด้วยนะคะ ไม่พูดถึงเรื่องในอดีตหรือเรื่องส่วนตัว เราจะคุยกันเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น” สายตาที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็งของหญิงสาวทำให้ธันวารู้ว่ากานตาที่เขาเคยรู้จักในวันวานไม่ใช่คนคนเดียวกับกานตาที่เขาได้เจอในวันนี้
“ขอตัวนะคะท่านประธาน ดิฉันยังมีเอกสารที่ต้องจัดการอีกเยอะ และรบกวนเรียกใช้ดิฉันเฉพาะเรื่องงานเท่านั้นนะคะ” พูดจบกานตาก็เดินออกไปจากห้องทำงานของธันวาทันที
ธันวามองแผ่นหลังเล็กๆ ของกานตาที่ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้อง แผ่นหลังของกานตาที่เคยมีแต่ความเศร้าและความอ่อนแอเกาะกุม ณ วันนี้มีแต่ความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เขาเคยสัมผัสได้จากเธออีกแล้ว มือหนาลูบแก้มสากที่ยังคงเจ็บแสบไม่หาย
กานตานั่งลงประจำที่นั่งหน้าห้อง ดวงตาเอ่อร้อนจนน้ำตาแทบจะไหลหลั่งออกมาอาบแก้มแต่หญิงสาวพยายามอัดกลั้นเอาไว้ หญิงสาวไม่อยากแสดงด้านที่อ่อนแอให้ใครเห็นอีกแล้ว เธอต้องเข้มแข็งเพื่อลูกชายของเธอและเพื่อตัวเธอเอง
“ต้องเข้มแข็งสิกานตา เธออ่อนแอไม่ได้แล้วนะ ต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้กานตา” เสียงย้ำเตือนสติให้รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเธอเองควรจะทำอะไร พยายามลืมทุกอย่างแล้วสนใจแค่เรื่องงานตรงหน้าเท่านั้น