รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,รักโรแมนติก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,นิยายชายหญิง,ดราม่า,ผันพลอย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กานตานั่งรอธันวาอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธออย่างกระวนกระวายใจไม่รู้ว่าบทลงโทษที่ธันวาจะให้เธอมันจะหนักเบาแค่ไหนกัน จนป่านนี้แล้วธันวาก็ยังไม่เข้ามาที่บริษัททั้ง ๆ ที่เลยเวลาเข้างานมาสักพักแล้วก็ตาม
“ทำไมถึงยังไม่เข้าบริษัทนะ” กานตาเอ่ยปากบ่นอย่างหงุดหงิดใจ มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหมายจะโทรหาธันวาถามไถ่ว่าวันนี้เขาจะเข้ามาที่บริษัทหรือเปล่า
“อะไรกัน เข้าบริษัทสายนิดหน่อยก็คิดถึงกันแล้วงั้นเหรอ? รู้สึกดีใจจังเลยนะ” เสียงของธันวาดังมาจากด้านหลังของกานตา ชายหนุ่มในชุดสูทดีไซน์เรียบหรูที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดียิ่งมาอยู่บนร่างกายของธันวาแล้วยิ่งส่งให้ธันวาดูดียิ่งขึ้น
“ดิฉันเห็นว่าเลยเวลาเข้างานมามากแล้ว แต่ท่านประธานยังไม่เข้าบริษัทแถมท่านประธานก็ไม่ได้แจ้งเข้ามาว่าจะเข้าสายหรือจะไม่เข้ามา ดิฉันที่ทำหน้าที่เลขาก็ต้องติดต่อท่านประธานเพื่อจะได้รับรู้และจัดการงานต่าง ๆ ให้เรียบร้อย”
“โทษทีละกันที่มาทำงานช้า พอดีฉันมีธุระนิดหน่อย” ธันวาบอกถึงสาเหตุที่เขามาถึงบริษัทช้ากว่าปกติ
“จริงสิ เธอมีเรื่องที่ต้องรับโทษจากฉันอยู่นี่ เชิญครับคุณเลขาคุยตรงนี้คงจะไม่เหมาะเท่าไร” ธันวาที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องทำงานก็หยุดชะงักซะก่อน คิดขึ้นได้ว่ากานตามีเรื่องที่ต้องได้รับโทษอยู่
กานตาเดินตามหลังของธันวาไปอย่างว่าง่าย หยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม ส่วนธันวานั่งทิ้งตะโพกเข้ากับโต๊ะทำงานมองตรงมายังร่างบางที่ยืนก้มหน้าอยู่กลางห้องทำงาน
“รู้หรือเปล่าว่าเรื่องที่เธอทำเมื่อวาน ฉันสามารถไล่เธอออกได้เลยแถมมันยังเป็นประวัติในการทำงานที่แย่มาก เธอคงไม่สามารถไปสมัครอ่านที่อื่นได้อีกแน่”
“ดิฉันทราบดีค่ะ”
“แต่ดิฉันมีความจำเป็นที่ต้องออกไปข้างนอก คนในครอบครัวของดิฉันเกิดอุบัติเหตุ ดิฉันจำเป็นต้องไปอยู่ดูแลเขาค่ะ” กานตาบอกถึงเหตุที่เธอหายไปจากบริษัทในช่วงบ่าย
“ถึงเธอจะมีเหตุผลมากขนาดไหนแต่สุดท้ายเธอก็ทำเรื่องที่ผิดอยู่ดี ออกไปจากบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน”
“แล้วไอ้คนในครอบครัวของเธอมันเป็นอะไรเจ็บหนักถึงขนาดที่ต้องให้เธอไปดูแลเลยงั้นเหรอ? เป็นผู้ชายแบบไหนกัน” ชายหนุ่มพูดประชดประชันในคนในครอบครัวของกานตา
“ไม่มากเหรอคะ? แต่ฉันเป็นห่วงเขามากก็เขาเป็นคนในครอบครัวของฉันนี่ค่ะ ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรไปฉันคงเสียใจมาก”
“ดูเหมือนเธอจะรักมันมากเลยนะ ไอ้ผู้ชายคนนั้นนะ”
“อย่ามาพูดจาแบบนี้กับคนที่คุณไม่ได้รู้จักสิคะ มันดูไม่มีมารยาทนะคะท่านประธาน” กานตาพูดจิกกัดชายหนุ่มที่พูดจาแย่ ๆ ใส่ลูกชายของเธอ
“รักมันมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ? ถึงได้โกรธแทนมันขนาดนี้แค่เพราะฉันพูดจาแย่ ๆ ใส่ผู้ชายของเธอ”
“ใช่ค่ะ ดิฉันรักเขามากจนหมดหัวใจ ไม่เหลือที่ให้ใครอื่นแล้วด้วย” กานตาตอบกลับคำถามของธันวาทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบประโยค
ธันวามองใบหน้าของกานตาที่พูดคำว่ารักชายอื่นต่อหน้าเขา สายตาของหญิงสาวไม่มีแววของคำโกหกแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย จนความรู้สึกของเขาสั่นไหวไปชั่วครู่ ลุกขึ้นหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากานตา
“เมื่อวานเธอบอกกับฉันซินะว่าจะลงโทษอะไรก็ได้ขอแค่อย่าไล่เธอออก ถ้างั้นก็…” ชายหนุ่มเว้นจังหวะพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดประโยคถัดมาที่ทำให้กานตาถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก
“จูบฉันสิ ทำให้ฉันพอใจซะ ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจไม่ได้กับจูบของเธอ ก็อย่าหวังว่าจะได้นั่งหน้าห้องฉันต่อไป” กานตาแทบหาเสียงของตัวเองไม่เจอ คำพูดของเขามันเหมือนมีดกรีดลงแผลเก่าที่ยังไม่สมาน
“คะ…คุณพูดจริง ๆ งั้นเหรอ? แบบนั้นมัน…มากเกินไป ฉันคงทำไม่ได้” กานตาเอ่ยปฏิเสธบทลงโทษของธันวาเลยน้ำเสียงที่สั่นเทา
“แน่ใจงั้นเหรอว่าจะไม่ทำ? คิดดีแล้วงั้นเหรอ? คุณกานตา”
“เอาเถอะ เธอจะไม่ทำก็ได้ฉันไม่บังคับหรอก แต่ฉันคงต้องลงโทษเธอที่ถือวิสาสะออกจากบริษัทก่อนเวลาเลิกงานตามที่สมควร”
“มันคงไม่ใช่เรื่อง ถ้าเกิดฉันประนีประนอมบทลงโทษสำหรับคนที่เพิ่งเข้าทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงเดือนอย่างเธอ แล้วแบบนี้ใครจะนับถือฉันกันล่ะ” ชายหนุ่มยกเหตุผลเรื่องหน้าที่งานให้กานตารู้สึกอดจนหมดหนทาง
“กานตา เธอคิดว่าบทลงโทษแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับเรื่องที่เธอทำกันล่ะ ตัดเงินเดือนงั้นเหรอ? แต่สำหรับฉันเรื่องนี้มันค่อนข้างร้ายแรงแค่ตัดเงินเดือนมันคงไม่พอหรอกว่าไหมกานตา” ชายหนุ่มมองคิ้วมนของกานตาที่กำลังขมวดผูกเป็นปม หญิงสาวกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
“แค่!!! แค่จูบเดียวใช่ไหมคะ?”
“ฉันไม่เคยพูดนะว่าแค่จูบเดียว บอกแค่เธอต้องทำให้ฉันพอใจกับจูบของเธอแลกกับการที่เธอจะได้นั่งเป็นเลขาของฉันต่อไป”
“ค่ะ ฉันจะทำจนกว่าคุณจะพอใจ” กานตาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแค่นแค้น อยากจะร้องไห้แต่ก็ทำออกมาไม่ได้
“ดี!!!”
ธันวาขยับท่าทางของตัวเอง ให้ใบหน้าของเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับส่วนสูงของกานตา หญิงสาวเดินเข้าหาชายหนุ่มช้า ๆ มือบางค่อย ๆ ประคองใบหน้าของชายหนุ่มขึ้นเล็กน้อย
สายตาของธันวาช่างเหมือนกับเมื่อแปดก่อนซะเหลือเกิน ดวงตาคู่นี้ จมูกอันนี้ และริมฝีปากนี้ที่เธอเคยลิ้มชิมรสมันอยู่บ่อย ๆ อย่างนึกชอบ ในวันนี้กานตากำลังจะได้ชิมรสมันอีกครั้งแต่ไม่ใช่เพราะความนึกชอบแต่เป็นเพราะความจำยอม
กานตาหลับตาลงพยายามไม่มองนัยน์ตาของชายหนุ่ม ขยับริมฝีปากประทับลงสัมผัสริมฝีปากของธันวาด้วยความแผ่วเบา ขยับจูบช้า ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อน ใบหน้าที่เธอเคยชอบอยู่ใกล้มาก ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจที่เริ่มถี่แรงขึ้นเรื่อย ๆ ของชายหนุ่มราวกับเฝ้ารอสิ่งนี้มาเนิ่นนาน
รสจูบของกานตาคือสิ่งมัวเมาที่ธันวาชื่นชอบที่สุด ยิ่งได้กลับมาชิมรสอีกครั้งก็ยิ่งลุ่มหลงยิ่งกว่าเก่า ริมฝีปากของธันวาเริ่มขยับริมฝีปากตามจังหวะของหญิงสาว สอดปลายลิ้นเข้าหาความหวานจากโพรงปากของหญิงสาวอย่างเอาแต่ใจ
ธันวาโอบเอวบางของหญิงสาวเอาไว้ด้วยมือหนา มือที่เคยสัมผัสร่างกายของกานตาจนคุ้นมือ ออกแรงบีบเอวบางเขย่าอารมณ์ของหญิงสาวตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น คนทั้งคู่เริ่มเผลอไผลไปกับอารมณ์และรสจูบ
แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดลงพร้อมกับร่างของหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาภายในห้อง คนทั้งคู่ผลักออกจากกันทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูแต่มันก็ไม่ทันไปซะแล้ว ภาพที่คนทั้งคู่จูบปากแลกลิ้นคงจะติดตาหล่อนไปอีกหลายวัน
“แม่!!!”
“แม่?” สรรพนามที่ธันวาเรียกขานทำเอากานตาไม่กล้าสู้หน้าหญิงวัยกลางพยายามก้มหน้าหลบลงมองพื้น ไม่รู้ว่าถ้าเธอเดินออกไปจะดูน่าเกลียดมากกว่ายืนอยู่ตรงนี้หรือเปล่า
“แกกำลังทำอะไรอยู่น่ะตาธัน แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? แฟนของแกงั้นเหรอ?” แม่ของธันวาเดินเข้าอยู่ระหว่างคนทั้งสอง เอ่ยถามถึงสถานะของหญิงสาวแปลกหน้าที่ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในบริษัทของเธอ
“นี่กานตา เธอเป็นเลขาคนใหม่ที่ผมเพิ่งรับเข้ามาทำงานแทนคุณวาริน”
“เลขางั้นเหรอ?” ผู้เป็นแม่ค่อย ๆ ไล่สายตามองเลขาสาว
“แม่หนู ทำงานเลขาท่าไหนงั้นเหรอจ๊ะหนู? ถึงได้มายืนแลกน้ำลายกับลูกชายของฉันอยู่ในที่ลับตาแบบนี้ล่ะ” คำพูดของหญิงวัยกลางคนทำเอาหน้าของกานตารู้สึกชาไปสี่ส่วนแปดส่วน
“นี่!!! จะอายอะไรตอนนี้แม่หนู ทำไปแล้วก็ต้องยอมรับความจริงหน่อยสิ เงยหน้าขึ้นมาให้ฉันดูหน่อยสิ!!!” น้ำเสียงปลายประโยคที่ดังขึ้น แสดงถึงอารมณ์หงุดหงิดของหญิงวัยกลางคน
“แม่!!” ธันวาเอ่ยปากห้ามผู้เป็นแม่
“กานตาเธอออกไปก่อน ฉันขอคุยกับแม่ของฉันก่อน”
กานตาเลือกที่จะทำตามคำสั่งของธันวาพยายามเลี่ยงแม่ของเขา แต่หญิงวัยกลางดูท่าจะไม่ยอม คว้าแขนบางของกานตาดึงกระชากให้หญิงสาวหันกลับไปเผชิญหน้ากับหญิงวัยกลางคน กานตาได้เห็นใบหน้าของหญิงที่ธันวาเรียกว่าแม่ชัด ๆ เป็นครั้งแรก
สายตาของเธอคือที่มาของสายตาที่เธอเคยชอบ แต่สายตาคู่นี้กับแฝงความดุดันยิ่งกว่าของธันวาจนหญิงสาวรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง
“หน้าตาเธอดูคุ้น ๆ นะ แม่หนูเคยเจอฉันที่ไหนหรือเปล่า?” คราแรกกานตาคิดว่าหญิงวัยกลางคนจะเอ่ยปากด่าทอเธอแต่กลับกัน กลับถามคำถามที่ชวนให้สงสัยว่าทำไมแม่ของธันวารู้สึกคุ้นหน้าตาของกานตาทั้งที่ไม่รู้จักกัน
“ปะ…เปล่านะคะ ดิฉันไม่เคยเจอท่านมาก่อน” กานตาเอ่ยตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจหนัก
“แม่!!! ปล่อยกานตาซะ แล้วอยากจะรู้อะไรผมจะตอบคำถามแม่ทุกอย่าง”
“ดี ถ้างั้นเชิญค่ะคุณเลขา ขอเวลาส่วนตัวระหว่างแม่ลูกสักนิดสักหน่อยนะคะ แล้วก็ไม่ว่าใครจะมาก็ตามฉันขอไม่รับแขก” แม่ของธันวาลั่นคำสั่งให้กับกานตาก่อนจะปล่อยให้กานตาออกไปจากห้อง
ปิยาพรยังคงยืนมองแผ่นหลังของกานตาที่ค่อย ๆ เดินออกจากไปจากห้องทำงานของธันวา ก่อนที่เธอจะนึกอะไรขึ้นได้ หันมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายก่อนจะเดินเข้าไปจับใบหน้านั้นสำรวจไปมาราวกับหาจุดผิดปกติ
“แม่ทำอะไรเนี่ย!!! ผมเจ็บนะ” ธันวาดึงมือของผู้เป็นแม่ออกจากใบหน้าของเขา
“ฉันนึกออกแล้วว่าเคยเจอแม่หนูคนนั้นที่ไหน?”
“เมื่อวานฉันเจอแม่หนูคนนั้นที่โรงพยาบาลแล้วแม่หนูคนนั้นก็มากับ…”
“ผู้ชายของเธอ”
“เมื่อวานกานตาถือวิสาสะออกไปจากบริษัทก่อนเวลาเลิกงาน เพราะไอ้บ้านั้นเกิดอุบัติเหตุ”
“พูดอะไรของแก แม่เลขาของแกเขาไม่ได้ไปโรงพยาบาลกับผู้ชายที่ไหนสักหน่อย แม่เห็นเขาพาลูกไปหาหมอแถมเด็กคนนั้นยังหน้าตาเหมือนแกตอนเด็ก ๆ มาก จนแม่แอบคิดว่าแกอาจจะแอบไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า?”
“แม่มั่นใจเหรอครับว่าไม่ได้จำผิด ก็กานตาเป็นคนบอกเองว่าเธอพาคะ…” ประโยคที่ธันวาตั้งใจจะพูดก็ถูกกลืนหายลงไปในลำคอ ชายหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากานตาไม่เคยพูดออกมาสักคนว่าคนในครอบครัวที่เธอหมายถึงคือคนรัก
“แม่ครับเด็กคนนั้นอายุเท่าไรงั้นเหรอครับ?”
“เด็กคนนั้น? ลูกของแม่เลขาของลูกงั้นเหรอ?”
“ถ้าแม่เดาไม่ผิดก็น่าจะราว ๆ 6-7ขวบได้ล่ะมั้ง มีอะไรงั้นเหรอตาธัน?” ปิยาพรเอ่ยถามอย่างสงสัย
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของผู้เป็นแม่ หยิบโทรศัพท์มือถือต่อสายหาใครบางคน ออกคำสั่งที่ทำให้ผู้เป็นแม่นึกสงสัย ชายหนุ่มไม่ได้ไขข้อสงสัยของปิยาพรให้กระจ่างชัดบอกเพียงขอเวลาให้เขาอีกหน่อย เขาอยากได้ความมั่นใจอีกหน่อยในความคิดของเขา