รัก,ชาย-หญิง,ไทย,รักโรแมนติก,รักมหาลัย,ผันพลอย,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นศูนย์รวมผู้คนจากหลากหลายพื้นที่ นักศึกษาหลายพันคนเดินขวักไขว่ไปมาจนละลานตา แต่ในบรรดาผู้คนมากมายกลับมีคนคนหนึ่งโดดเด่นขึ้นมาจากสายตาของแพรวา
แพรวา นันทพินิจ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวารสารศาสตร์ปี2 แพรวาเป็นหญิงสาวผิวขาวเหลืองตามแบบฉบับสาวเอเชีย ส่วนสูงตามมาตรฐานแต่กลับส่วนทางกับน้ำหนัก ไม่รู้ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะการใช้ชีวิตหรือว่าเพราะโรคหัวใจที่เป็นมาตั้งแต่เกิดถึงทำให้เธอผอมบางจนแทบจะลอยปลิวไปทุกครั้งเมื่อสายลมพัดผ่าน
พ่อแม่คอยมอบความรักและการดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี แต่เวลาแห่งความสุขของครอบครัวกลับสั้นเหลือเกินเพราะคนมักง่ายทำให้พ่อและแม่ของเธอต้องจากไปก่อนวัยอันควร ล็อกเกตรูปหัวใจภายในมีรูปครอบครัวเก็บซ่อนเอาไว้สิ่งของชิ้นนี้เหมือนกับของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวที่ยังเหลืออยู่ หญิงสาวใส่ติดคอมาทั้งแต่จำความได้
แพรวาที่เหลือตัวคนเดียวถูกส่งให้มาอยู่ในการดูแลของ ธนิธิดา พันธ์วรา ญาติจากฝั่งแม่เพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ แม้ว่าธนิธิดาจะเลี้ยงดูเด็กน้อยมาไม่ค่อยดีนักแต่ถ้าไม่มีธนิธิดา แพรวาก็คงถูกส่งไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าที่ไหนสักแห่งและมันคงจะแย่กว่านี้แน่
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของแพรวายังคงถูกตอกตรึงติด ชายหนุ่มคนนั้นมักจะโดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายเสมอ อาจจะเพราะผิวขาวเหลืองของชายหนุ่มหรืออาจจะเป็นนัยน์ตาโฉบเฉี่ยวดุจดั่งนัยน์ตาของหมาป่าภายใต้แว่นตากรอบเหลี่ยม หรืออาจจะเป็นเพราะเรือนผมสีดำสนิทยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากแพรวาแล้ว คนอื่น ๆ ก็มักจะถูกความโดดเด่นนั้นดึงดูดให้สนใจเสมอ แต่ความโดดเด่นนั้นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้แพรวาสนใจในตัวของชายหนุ่ม แต่มันมีเหตุผลที่มากไปกว่านั้น มันเป็นความทรงจำที่เธอคงไม่มีวันลืม
เรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเธอและเขามันเป็นความทรงจำที่ไม่ว่าจะนึกย้อนกลับไปเมื่อไรก็ชวนให้หัวใจของเธอทำงานอย่างหนักจนเหนื่อยหอบ
…เขาน่ะเป็นภัยต่อหัวใจที่อ่อนแอของเธอซะเหลือเกิน…
“แพรยืนเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้ แล้วกินข้าวหรือยัง?” เสียงหวาน ๆ ของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลังของแพรวา หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลและใบหน้าที่แตกต่างออกไปจากคนอื่น ๆ
“มะลิ?!”
มะลิ หรือ มารียา ทอมสัน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของแพรวา มารียาเป็นหญิงสาวลูกครึ่งจากตระกูลผู้ดีเก่า พ่อของมารียาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ส่วนผู้เป็นแม่เปิดร้านดอกไม้
วันแรกของการรับน้องทั้งสองอยู่ในกลุ่มเดียวกันเลยได้ทำความรู้จักและสนิทกันมาจนถึงตอนนี้แม้ว่าทั้งสองจะเรียนกันคนละคณะ
มารียาเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีรูปลักษณะภายนอกบอกชัดเจนว่าเธอเป็นสาวลูกครึ่งมีเส้นผมและนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ส่วนสูงน่ารักรูปร่างผอมบางแต่กลับเป็นนักกินจุอย่างไม่น่าเชื่อ เธอสามารถเอาทุกอย่างเข้าปากได้โดยไม่ต้องแคร์ว่าน้ำหนักจะขึ้น
“เป็นอะไรทำไมถึงได้ดูเหม่อขนาดนั้น ไม่สบายงั้นเหรอ? หรือว่ารู้สึกเหนื่อยไปนั่งพักตรงนั้นก่อนไหม” คำถามที่มักจะได้ยินจากมารียาเสมอ อาจจะเป็นเพราะโรคประจำตัวที่เธอเป็นหรืออาจจะเพราะร่างกายที่ดูเหมือนจะแตกหักได้ทุกเมื่อที่ลมพัดผ่าน
“เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“หัวใจของฉันแข็งแรงดีไม่ต้องห่วงหรอกนะมะลิ”
“จริง ๆ นะ” มารียาถามย้ำเพื่อความมั่นใจของตัวเธอเองด้วยความเป็นห่วงและสัญชาตญาณของนักศึกษาพยาบาล
“จริงสิ”
“ฉันว่าเราไปกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันเอาแกมีเรียนเช้าด้วยไม่ใช่หรือยังไง” แพรวาเดินคล้องแขนมารียาเดินไปยังโรงอาหารที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยกัน
ทิศทางที่แพรวากำลังเดินไปเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับคนที่มักจะดึงความสนใจของเธออยู่เสมอ ระยะห่างที่ค่อย ๆ แคบลงเรื่อย ๆ มันทำให้แพรวารู้สึกใจสั่นราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนมา
คนสองคนที่กำลังเดินสวนทางกันไปดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ภายในหัวใจกลับมีความสุขบาง ๆ เกิดขึ้นท่ามกลางหัวใจที่อ่อนแอของแพรวาและหวังว่าเขาจะเป็นความสุขของเธอต่อไปเรื่อย ๆ
GR Pub
แพรวากำลังเดินไปมาระหว่างโซนVIPและบาร์เครื่องดื่มตามออร์เดอร์ลูกค้าแต่ละโต๊ะ แพรวาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟของที่นี่มาตั้งแต่เริ่มเข้ามหา’ ลัยปีแรก ถึงแม้ว่าอายุของเธอจะยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าสถานบันเทิง แต่ด้วยความสงสารของเจ้านายเขาเลยรับเธอเข้ามาทำงานแถมยังค่อยดูแลความปลอดภัยทุกอย่างเป็นอย่างดี จัดการให้แพรวาทำงานเฉพาะโซนVIPที่ปลอดภัยที่สุด มีทั้งคนตรวจตราและกล้องวงจรปิดครอบคลุมทั่วพื้นที่
“แพรอันนี้ออร์เดอร์ของห้องVIP7 ฝากด้วยนะ”
“ค่ะ” แพรวายกถาดเครื่องดื่มเดินตรงไปยังโซนVIP ห้องที่7 ตามออร์เดอร์เครื่องดื่ม หญิงสาวใช้แผ่นหลังเล็ก ๆ ดันบานประตูเพื่อเข้าไปภายใน ลูกค้าของห้องนี้ก็ไม่ใช้ใครอื่นไกลแต่เป็นชายที่ดึงความสนใจจากเธออยู่เสมอ
จิรเมธ นักศึกษาวิชาแพทย์ปี 2 ชายหนุ่มหน้าตาดี เค้าโครงของใบหน้าเป็นตามแบบฉบับลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเล ส่วนสูงเกือบ 190ซม. นิ้วมือเรียวยาว เรือนผมสีดำสนิทรับเข้ากับดวงตาเรียวยาวฉายแววดุดันดั่งหมาป่าภายใต้แว่นสายตากำลังมองตรงมายังเธอผู้มาใหม่
แพรวารู้สึกประหม่านิดหน่อยที่ถูกจิรเมธจ้องมองแบบนั้น หญิงสาวพยายามไม่สนใจสายตาของชายหนุ่มทำหน้าที่ของเธอต่อไป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายชนิดถูกวางเรียงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะขอตัวออกไปจากห้อง
“พนักงานคนเมื่อกี้ ถ้าจับไม่ผิดคือแพรวาจากคณะนิเทศใช่หรือเปล่า?” เพื่อนคนหนึ่งของจิรเมธเอ่ยปากขึ้นทันทีหลังจากแพรวาเดินออกไปจากห้อง
“แพรวา?”
“ใช่คนที่เขาลือกันหรือเปล่า?” เพื่อนอีกคนเปิดประเด็นเรื่องของหญิงสาวร่างเล็ก
“คนที่ชอบเป็นลมบ่อย ๆ จนโดนเพื่อนในคณะลือว่าที่เป็นลมบ่อย ๆ ไม่ใช่เพราะบ่อยอะไรหรอก แต่เพราะอยากเรียกร้องความสนใจจากพวกผู้ชาย”
“อย่างงั้นเหรอวะ?”
“แต่หน้าตาก็สวยดีออก ไม่เห็นจำเป็นต้องแกล้งเป็นลมเพื่อเรียกร้องความสนใจอะไรแบบนั้นเลย” ว่าไปพลางกระดกแก้วเหล้าเข้าปากไปพลาง
“หรือไม่ บางที่ผู้หญิงคนนั้นอาจจะป่วยจริง ๆ ก็ได้ ไม่รู้อะไรก็อย่าไปพูดอะไรเสีย ๆ หาย ๆ แบบนั้น” จิรเมธเป็นคนเอ่ยขัดประโยค
“และอีกอย่างพวกเรากำลังเรียนหมอ ไม่ควรเอาเรื่องอาการป่วยของคนอื่นมาพูดเล่นแบบนี้”
“กูไม่ได้เป็นคนพูดเองซะหน่อย พวกคนจากคณะนิเทศต่างหากที่พูดจะจริงจังไปทำไมว่ะ ไอ้เมฆ” คนที่ถูกตักเตือนพยายามพูดแก้ต่าง
จิรเมธไม่ได้สนใจคำพูดแก้ตัวของเพื่อนร่วมคณะสักเท่าไร นั่งดื่มเงียบ ๆ โดยที่ไม่สนใจบทสนทนาของกลุ่มสักเท่าไร
เวลาเกือบ ๆ เที่ยงคืนจิรเมธแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน รถยนต์ของจิรเมธกำลังแล่นไปตามถนน ไม่รู้ว่าเพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหรือเปล่าถึงทำให้สมองเขารู้สึกโล่งว่างเปล่าได้ขนาดนี้ ไม่ได้อยากจะกลับคอนโดแล้วซุกตัวนอนใต้ผ้าห่มผืนหน้าทั้งที่ตามปกติเวลาแบบนี้ถ้าไม่ได้อ่านหนังสือก็คงหลับไปแล้ว
ร่างหนาขับรถออกนอกเส้นทางปกติ เปิดหน้าต่างให้ผิวกายสัมผัสกับสายลมเย็น ๆ ยามเปลี่ยนวันใหม่ รถยนต์ขับไปข้างหน้าอย่างไรจุดหมาย
สายตาเรียวยาวหันมองรอบ ๆ ก่อนจะไปสบเข้ากับร่างเล็กของใครบางคนที่กำลังนั่งฟุบอยู่ในป้ายรถเมล์อยู่เพียงลำพัง ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันเลยแท้ ๆ แต่ไม่รู้ทำไมพอรู้สึกตัวอีกทีก็มายืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่เพิ่งกลายเป็นประเด็นในวงเหล้า วงสนทนาเมื่อครู่
ร่างบางมีท่าทางเหนื่อยล้าไม่รับรู้เลยสักนิดถึงการมีอยู่ของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย จิรเมธย่อตัวนั่งลงมองใบหน้าอันแสนบอบบางของร่างบางที่กำลังหลับ มือหนาค่อย ๆ เอื้อมนิ้วเรียวยาวเกลี่ยแก้มใสของเธอเบา ๆ ราวกับกลับว่าเธอจะแตกสลายไปจากสัมผัสจากเขา
“อือ…อื้มมม…หยุดนะ” น้ำเสียงติดรำคาญของคนที่ถูกกวนจากห้วงแห่งความฝัน
จิรเมธลอบมองท่าทางนั้นของแพรวาด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนมองเด็กเล็ก ๆ รอยยิ้มที่ไม่เคยส่งมอบมันให้กับใครแต่กลับปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาในยามที่ได้มองหญิงสาวตรงหน้า
มือหนาออกแรงเขย่าไหล่บางเบา ๆ พอให้หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นจากห้วงแห่งความฝัน แรงสั่นสะเทือนเบา ๆ ทำให้แพรวารู้สึกตัวตื่น ก่อนจะหันมองตัวต้นเหตุที่ปลุกเธอจากห้วงแห่งความฝัน
ดวงตาเรียวยาวดุจดั่งหมาป่าไร้ซึ่งการขวางกั้นจากแว่นสายตาที่ชายหนุ่มมักจะใส่ติดเป็นนิสัย ชายหนุ่มกำลังมองหญิงสาวด้วยสายตาที่ช่างแสนอบอุ่นหัวใจเหมือนกับวันนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าชวนให้หัวใจเต้นระรัวเร็วกว่าอัตราปกติจนรู้สึกเหนื่อยหอบ
“มะ…เมฆ” ชื่อเล่นของชายหนุ่มที่ถูกเอ่ยออกจากปากของคนที่ไม่เคยแม้แต่จะแนะนำตัวทำความรู้จักกัน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอยู่หน่อย ๆ
“เธอรู้ชื่อเล่นของฉันด้วยงั้นเหรอ? เราไม่ได้รู้จักกันไม่ใช่หรือไง?” ชายหนุ่มถามออกมาด้วยความสงสัย
“คือ…เอ่อ…เอ่อคือว่า…” แพรวาเอ่ยเรียกชื่อเล่นของชายหนุ่มออกไปด้วยความไม่รู้ตัว
“นะ…นาย ก็นายดังออก ไม่ว่าใครก็รู้จักกันทั้งนั้น เดือนของคณะแพทย์ที่ทั้งหล่อทั้งฉลาด” แพรวาอ้างเหตุผลที่ดูจะเป็นไปได้ที่สุด เมื่อปีก่อนชายหนุ่มถูกรุ่นพี่ในคณะแพทย์ขอร้องแกมบังคับให้ช่วยเดินประกวดดาวเดือน ชายหนุ่มทำเพราะความจำยอมแต่สุดท้ายก็ได้ตำแหน่งเดือนมา
“งั้นหรอกเหรอ”
“เรื่องนั้นพวกรุ่นพี่มัดมือชกฉันต่างหาก ส่งชื่อของฉันไปโดยที่ไม่ได้บอกอะไรฉันสักคำ ที่ฉันยอมเดินเพราะรำคาญคำพูดขอร้องอ้อนวอนพวกนั้นต่างหาก ไร้สาระแถมยังเสียเวลาอีกต่างหาก”
“แต่นายก็เปล่งประกายมากกว่าใคร ๆ เลยนะ ทั้งที่อยู่ในกลุ่มคนเป็นร้อย ๆ คนแต่กลับสามารถโดดเด่นจนสามารถมองเห็นได้ทันทีที่กวาดสายตามองหา”
“เธอคงมองหาฉันอยู่ตลอดเลยสินะ”
“เปล่านะ!!!”
“คะ…คือฉัน…” สายตาที่จิรเมธมองมามันช่างดูอ่อนโยนเหลือเกิน จนรู้สึกว่าเวลาถูกหน่วงเอาไว้ให้เดินช้าลง
“ฉันไม่ใช่สตอล์คเกอร์นะ…”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเธอเป็นสตอล์คเกอร์สักหน่อย”
“เธอกำลังจะกลับบ้านใช่ไหม?”
“อะ…อืม”
“เวลาแบบนี้จะกลับยังไง ไม่มีรถใช้งั้นเหรอ?”
“ฉันขับรถไม่เป็น แล้วปกติฉันก็นั่งรถเมล์กลางคืนกลับตลอดอยู่แล้ว”
“มันอันตรายนะ ผู้หญิงแบบเธอกลับบ้านคนเดียวตอนดึก ๆ”
“ที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรเลยเกิดขึ้นสักหน่อย”
“มันไม่เคยเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่เกิดหรือต้องให้มันเกิดขึ้นมาก่อนหรือยังไงถึงจะเริ่มระวังตัว” เสียงเอ็ดของจิรเมธชวนให้แพรวาคิดตาม
“ขอโทษ” น้ำเสียงอ่อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดจนจิรเมธรู้สึกผิดที่ไปสั่งสอนเธอ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักเธอเลยสักนิด
“โทษทีที่ไปว่าเธอแบบนั้น ทั้งที่ฉันไม่ได้รู้จักเธอเลยสักนิด”
“ตอนนี้ดึกมาแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งเธอจะได้ไม่ต้องนั่งรอรถเมล์อะไรนั้น” มือหนาถือวิสาสะดึงแขนเล็ก ๆ ของหญิงสาวให้เดินตามไปยังรถของเขาที่จอดอยู่
“มะ…ไม่เป็นไรหรอก รออีกแค่เดี๋ยวเดียวรถเมล์ก็มาแล้ว ฉันไม่อยากรบกวนต้องให้นายขับรถไปส่งหรอก”
สีหน้าของชายหนุ่มนิ่งเงียบหันกลับมามองใบหน้าของหญิงสาว สายตาของจิรเมธทำให้แพรวายอมเดินตามไปขึ้นรถของเขาเงียบ ๆ อย่างว่าง่าย รถยนต์ของชายหนุ่มออกตัวขับตรงไปทิศทางที่แพรวาบอก
แพรวารู้สึกอยากให้ระยะทางจากป้ายรถเมล์ถึงบ้านของเธอยาวกว่านี้อีกสักหน่อย อยากจะนั่งอยู่ใกล้ ๆ เขาให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย อยากจะคุยกับเขาให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย