รัก,ชาย-หญิง,ไทย,รักโรแมนติก,รักมหาลัย,ผันพลอย,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เวลา 01:27 AM
ผิวขาวเนียนรู้สึกเย็นวูบจากผลเย็นที่พัดเข้ามาภายในห้อง ร่างบางหยิบสมุดเล่มโปรดขึ้นมาเปิดหน้าที่ยังคงว่างเปล่าขาวโพลน ก่อนจะจรดปากกาเส้นสีดำลงบนหน้ากระดาษบันทึกความทรงจำที่เกิดขึ้น
การเขียนไดอารี่ช่วยให้เธอไม่หลงลืมเรื่องราวดี ๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่หลงลืมอะไรได้ง่าย ๆ แต่เธอก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเธอจะสามารถจดจำเรื่องราวต่างได้ด้วยตัวเธอเอง เรื่องราวของจิรเมธก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำดี ๆ ที่หญิงสาวอยากจะจดจำเอาไว้ไปตลอด
เช้าวันใหม่อันแสนสดใสสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่คงไม่ใช่กับหญิงสาวอย่างแพรวา ทั้งที่ต้องออกไปทำงานพิเศษเลิกงานดึก ๆ ดื่น ๆ แล้วยังต้องมาทำงานบ้านให้กับทุกคนอีก
แพรวาต้องมาแต่เช้าเพื่อตระเตรียมอาหารสำหรับทุกคนภายในบ้าน จัดการงานบ้านในช่วงเช้าก่อนไปเรียน บางครั้งก็อาจจะมีคำตำหนิติเตียนจากธนิธิดาอยู่บ้างเวลาที่หญิงสาวทำอะไรให้รู้สึกไม่พอใจ
“ยัยแพร! แกไม่คิดจะทำอย่างอื่นเลยงั้นเหรอ? เอาแต่ทำแค่ไข่ดาวกับขนมปังปิ้ง หน้าของฉันจะกลายเป็นไข่ดาวอยู่แล้วนะ” เสียงของชวิศามีน้ำเสียงที่ติดหงุดหงิดหน่อย ๆ เพราะอาหารเช้าแบบเดิม ๆ ที่แพรวาเป็นคนทำ
ชวิศา พันธ์วรามีศักดิ์เป็นพี่สาวของแพรวาตามลำดับญาติ เจ้าหล่อนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของธนิธิดา ญาติผู้พี่เป็นผู้หญิงตัวสูง เจ้าหล่อนมีส่วนสูงมากถึง 167ซม. น้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์ที่สมส่วน หน้าอกไซซ์ใหญ่กลมคลึงไร้การเสริมเติมแต่งยิ่งบวกรวมกับเอวบางคอดกิ่วความหนากว้างน่าจะราว ๆ 23นิ้ว ถือได้ว่ารูปร่างของเจ้าหล่อนเป็นส่วนสัดทองคำที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันถึง แม้แต่แพรวาเองยังรู้สึกอิจฉาในรูปร่างของญาติผู้พี่
“ก็แพรมีเวลาไม่มากนี่ค่ะ ไว้วันไหนแพรพอมีเวลาจะทำอย่างอื่นให้นะคะพี่ศา”
“แล้วแม่ของฉันหายไปไหนตื่นมาฉันยังไม่เห็นเลย แกเห็นหรือเปล่า?” ชวิศาเอ่ยถามถึงผู้เป็นแม่
“ไม่รู้สิคะ แพรเองก็ไม่เห็นมาตั้งแต่เช้าแล้ว คงจะออกไปทำงานแล้วล่ะมั้งคะ”
“เอ้อ..หายไปไหนของเขานะ”
“แกมีเรียนไม่หรือยังไง ไปได้แล้วไป๊!!!” ชวิศาออกปากไล่อย่างนึกรำคาญจากเรื่องก่อนหน้านี้
แพรวาได้แต่จัดการงานบ้านช่วงเช้าให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะออกจากบ้านเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย เสื้อนักศึกษาไซซ์ใหญ่กว่าตัว สีขาวสะอาดตา กระโปรงนักศึกษาทรงเทนนิสคือเครื่องแบบนักศึกษาที่เธอใส่เป็นประจำ ร่างบางออกจากบ้านก่อนเวลาเจ็ดโมงเช้าเพื่อไปให้ทันเวลาเข้าเรียน
มหาวิทยาลัย xxx
แพรวาเดินผ่านประตูของมหาวิทยาลัยไม่ทันไร โทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าคร่ำครึที่ได้ใช้ต่อจากชวิศากำลังแผดเสียงดังออกมาจากกระเป๋าผ้าใบใหญ่ มือบางควานหาอยู่ชั่วครู่ปลายสายไม่ใช่ใครอื่นแต่คือธนิธิดาป้าแท้ ๆ ของเธอ
“ค่ะป้า มีอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมถึงได้โทรมาหาหนูตอนนี้ล่ะคะ?” แพรวาเอ่ยถาม
(ยัยแพร! ตอนนี้แกมีเงินติดธนาคารอยู่เท่าไร?) คำถามจากปลายสายทำเอาแพรวารู้สึกใจสั่นรัว
ร่างบางเดินหลีกจุดที่คนพลุกพล่านไปยังหลังตึกย่อยที่สองคือจุดที่ไม่ค่อยมีใครแวะเวียนมาเท่าไรนัก
“ป้าถามไปทำไมคะ? ป้าจะขอเงินแพรอีกแล้วงั้นเหรอคะ?”
(อะไรยัยแพร!!! เงินแค่ไม่กี่บาทจะอะไรหนักหนาแกอย่าลืมนะว่าฉันเลี้ยงดูแกมาต้องกี่ปีแล้ว ฉันเดือดร้อนแกก็ควรจะให้การช่วยเหลือโดยที่ไม่ต้องถามอะไรสิ)
“แพรไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคะ แต่เงินที่ป้าพูดถึงมันก็จำเป็นสำหรับแพรเหมือนกันนะคะ”
“ถ้าแพรให้เงินนั้นกับป้าไปแล้วแพรจะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะคะ?” แพรวาพยายามอธิบายความจำเป็นของเงินที่มีต่อเธอยังไง
(อย่าพูดมากความได้ไหมยัยแพร!!! ตกลงแกมีเงินอยู่เท่าไร?!!)
(รีบ ๆ บอกมาได้แล้ว อย่ามาประวิงเวลาได้ไหม? มันเสียเวลาของฉันนะ!!!) เสียงตวาดจากปลายสั่นสะเทือนเข้าโสตประสาทอย่างชัดเจน
“แพรมีเงินอยู่ประมาณหมื่นหนึ่งค่ะ แต่ว่าแพร…”
(ดี!!! ถ้างั้นก็รีบ ๆ โอนมาให้ฉันได้แล้ว!!!)
“แต่ป้าคะ…”
(อย่าพูดให้มากความได้ไหม? ฉันต้องรีบใช้เงินนั้น)
(เร็ว ๆ ฉันให้เวลาแกห้านาที ถ้าเลยห้านาทีแล้วแกยังไม่โอนเงินมา แกเจอดีแน่!!) ก่อนที่ปลายสายจะตัดไปทั้งอย่างนั้น
หญิงสาวมองหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างท้อใจ ไร้ซึ่งทางเลือกทำได้เพียงแค่กดโอนเงินทั้งหมดที่มีอยู่ให้กับธนิธิดาไป ร่างบางค่อย ๆ ทรุดตัวลงซุกใบหน้าลงกับหน้าขาก่อนจะปลดปล่อยน้ำตาออกมา
สัมผัสบางเบาจากสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ กำลังถูไถเข้ากับข้อเท้าและเอวบางอย่างออดอ้อนขอความสนใจจากร่างบางหรือไม่ก็อาจจะกำลังปลอบเธอที่กำลังร้องไห้
ลายสลิดสีเทาให้ความรู้สึกอันแสนอบอุ่น หญิงสาวมองตามความเคลื่อนไหวของตัวน้อยนั้นช้า ๆ ก่อนที่มาจะหยุดนั่งลงตรงหน้าของแพรวาก่อนที่จะ…
“เหมียว~~~” เสียงร้องเล็กแหลมของลูกแมวลายสลิดสีเทา ดูจากสายตากะเกณฑ์ดูแล้วคงจะอายุประมาณสามสี่เดือนได้ล่ะมั้ง มือบางลูบเจ้าก้อนขนไปมาด้วยความเอ็นดู
“แกคงจะเหมือนฉันสินะ กำพร้าพ่อกำพร้าแม่เหมือนกันสินะ เรา…มาเป็นเพื่อนกันไหม”
“อืม…ฉันควรจะเรียกแกว่าอะไรดีนะ…อืม…” แพรวามองเจ้าลูกแมวตัวน้อยเพื่อลองหาจุดเด่นบนร่างกายของมัน ลายสลิดสีเทาอันแสนอบอุ่น…สีเทา…
“สีเทา~~”
“ชื่อนี้ดีไหม? สีเทา” แพรวาเอ่ยถามความคิดเห็นจากเจ้าลูกแมวตัวน้อยราวกับว่ามันจะตอบคำมาอย่างไงอย่างนั้น
ดวงตาสีฟ้ามองตรงมายังใบหน้าของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตะเกียกตะกายออกจากมือบางของแพรวาและหนีหายไปตามรอยแตกของกำแพง หญิงสาวได้แต่มองตามอย่างเศร้าใจ น้ำตาที่เหือดแห้งไปก่อนหน้านี้เริ่มกลับมาเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง
ความเศร้าที่เข้าแทรกซึมภายในหัวใจช้า ๆ ก่อนที่มันจะหยุดชะงักเพราะเสียงเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แพรวารู้สึกอายที่มีคนเข้ามาเห็นเธอตอนที่กำลังร้องไห้ มือบางพยายามปาดรอยน้ำตาบนใบหน้าหวานทิ้ง
ร่างบางค่อย ๆ หันหลังกลับไปช้า ๆ ลอบมองคนที่เดินเข้ามา ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยเดินเข้ามาพร้อมกับกลิ่นของบุหรี่อ่อน ๆ ที่ลอยมาตามลม
…ชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจของเธอมาตลอด…
…ชายหนุ่มที่เป็นอันตรายต่อหัวใจของเธอ…
…ชายหนุ่มที่เธอแอบมองอยู่ตลอด…
…ชายหนุ่มคนที่เธอแอบชอบ…
…จิรเมธ…
“…เมฆ…” น้ำเสียงสั่นเครือที่เจือปนไปด้วยความเศร้า หญิงสาวพยายามเช็ดน้ำตา ก่อนจะยืนขึ้นแต่แข้งขากลับอ่อนปวกเปียกจนจะล้มแหล่มิล้มแหล่ แต่ก็ได้แขนแกร่งเข้ามารับเอาไว้ก่อนจะล้มหน้ากระแทกพื้น
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ขาชางั้นเหรอ?” จิรเมธเอ่ยถาม
“ขอโทษนะ ขอโทษ” จิรเมธค่อย ๆ ประคองแพรวาให้พอยืนทรงตัวได้ ก่อนที่จะใช้นิ้วเรียวยาวปาดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ตรงหางตา
“โทษทีฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังเรื่องของเธอ แต่ถ้าเธออยากระบายความอัดอั้นตันใจอะไรก็มาระบายกับฉันก็ได้ ฉันจะรับฟังเธอเอง แพรวา”
คำพูดของชายหนุ่มเหมือนการปลดล็อกความรู้สึกมากมาย นอกจากมารียาแล้วแพรวาก็ไม่มีใครอื่นที่สามารถจะระบายความในใจออกมาได้ หลายต่อหลายครั้งที่แพรวาต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้เพียงคนเดียว แต่วันนี้กลับมีคนเดินเข้ามารับฟังคำรู้สึกภายในใจของเธอ
ร่างบางไม่ได้ระบายอะไรออกมาทำเพียงแค่ทิ้งตัวลงซบกับอกแกร่ง ปลดปล่อยน้ำตาจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งหมดออกมา มือหนาลูบปลอบแผ่นหลังบางที่สั่นเทาจากการร้องไห้ ทำหน้าที่เป็นที่พักพิงที่ดีไม่ได้พูดอะไรมากความ มันเป็นเพียงแค่การกระทำเบา ๆ ที่ใส่ใจ
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ ชายหนุ่มกอดร่างบางของหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างนึกห่วง หลังจากการร้องไห้อย่างนึกแพรวาก็ผล็อยหลับทั้งอย่างนั้น
ลมหายใจคงที่หลับสบายราวกับนอนอยู่บนฟูกนอนหนานุ่มของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เธอกำลังนอนอยู่บนตักของเขาและใช้อกแกร่งของเขาเป็นหมอนหนุนนอน อาจารย์เจ้าของคลาสเรียนคงจะเริ่มคลาสไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ชายหนุ่มโดดเรียนชายหนุ่มเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนมาเป็นอันดับแรก แต่ในครั้งนี้กลับไม่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแย่เลยแม้แต่น้อย
จิรเมธใช้เวลาพินิจมองใบหน้าอันแสนบอบบางของหญิงสาวในอ้อมกอด องค์ประกอบต่าง ๆ บนใบหน้าหวานถูกผสมอย่างลงตัว ทั้งดวงตากลมโตนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มรับเข้ากับคิ้วทรงตรงที่ถูกขีดเขียนขึ้นมาด้วยดินสอเขียนคิ้ว จมูกรั้นและริมฝีปากบาง เส้นผมสีน้ำตาลธรรมชาติยาวสลวยที่เคยถูกมัดเก็บเอาไว้อย่างเรียบร้อย ถูกปล่อยให้เป็นอิสระจากมือของจิรเมธเองด้วยความที่กลัวว่าหญิงสาวจะหลับไม่สบาย
“คงจะเหนื่อยสิท่า ถึงได้หลับอย่างสบายใจอยู่บนตัวของคนอื่นแบบนี้” ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มบาง ๆ ของแพรวาไปมาด้วยความเอ็นดู แต่ดูเหมือนนั่นจะเป็นการรบกวนหญิงสาวซะมากกว่า
ร่างบางเริ่มขยับตัวไปมาพยายามหลบหลีกสิ่งที่เข้ามารบกวนการนอนของเธอ ท่าทางสะลึมสะลือของแพรวาสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง
“ตื่นแล้วงั้นเหรอ?”
“หือ?” หญิงสาวยังตื่นไม่เต็มตาหันมองไปมาเพื่อหาที่มาของเสียง
“เมฆงั้นเหรอ?”
“หลับไปแป๊บเดียว ตื่นมาก็ลืมหน้าของฉันไปแล้วงั้นเหรอ?” แพรวามองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลับใส่นายแต่…แต่มันเหนื่อยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำด้วย”
“เธอโอเคแล้วใช่ไหม?”
“รู้ไหมตอนที่เธอหลับไปทำเอาหัวใจฉันตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยนะ ไม่รู้ว่าเธอหลับไปเพราะอะไรกันแน่หรือว่าป่วยเป็นโรคอะไรหรือเปล่า”
“ทำไมละก็แค่ผล็อยหลับไปแค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ? มันก็เหมือนกับทุก ๆ ที”
“ถ้าเป็นคนธรรมดาก็จะมองว่ามันไม่แปลก แต่ถ้ามองในทางการแพทย์มันมีอะไรที่มากไปกว่านั้นนะ”
“แม้ว่าอาการมันจะไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่ถ้าเกิดในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงอาจอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะรู้ไหม”
“งั้นเหรอ? น่ากลัวจังเลยนะถ้าเกิดหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นอีกเลย มันจะเกิดขึ้นกับฉันไหมนะ” ใบหน้าหวานก้มลงเล็กน้อยพยายามซ่อนใบหน้าที่เศร้าสร้อยของตัวเธอเอง
มือหนาช้อนใบหน้าขึ้นให้เธอมองตาของเขา สายตาของเขามันอย่างอ่อนโยนจนหัวใจของแพรวารู้สึกอ่อนยวบ “ทำไมถึงได้คิดแบบนั้นล่ะ”
“นาย นายก็ได้ยินมาใช่ไหม? ข่าวลือที่พวกเขา…พูดถึงฉันนะ ที่จริงมันเป็นเพราะโรคประจำตัวของฉันนะ”
“ฉันเป็นโรคหัวใจ ถึงมันจะเป็นแค่แบบที่ไม่ค่อยรุนแรงเท่าแบบอื่น ๆ แต่มันก็ทำให้ชีวิตของมีข้อจำกัดมากมาย”
“ไม่มีใครรู้เลยงั้นเหรอ?”
“มีเพื่อนสนิทของฉันคนหนึ่ง แต่พวกเพื่อนในคณะไม่มีใครรู้หรอก ถึงอยากจะอธิบายให้ฟังแต่ไม่มีใครอยากจะฟังหรอก พูดไปก็เหมือนคำแก้ตัวที่เอาอาการป่วยมาเป็นข้ออ้างเปล่า ๆ”
“แล้วเธอมีความสุขงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้สนใจคนที่ไม่คิดจะรับฟังคำพูดของฉันหรอก ฉันอยากจะให้ความสำคัญกับคนที่รับฟังฉันและคนที่ฉันอยากให้ความสำคัญเท่านั้น”
“หนึ่งในจำนวนนั้นมีฉันรวมอยู่ด้วยหรือเปล่า? แพรวา” สายตาของคนทั้งคู่เหมือนถูกตรอกตรึงให้หยุดอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน แต่แพรวาอยากจะให้มันนานกว่านี้อีกหน่อย
“ไอ้เมฆ!!!” เสียงของใครบางคนเอ่ยเรียกจิรเมธด้วยชื่อเล่นกำลังเดินเข้ามา แพรวาพยายามลุกจากตักของชายหนุ่ม ท่าทีลนลานจนทำอะไรไม่ถูก แต่กลับดูน่ารักในสายตาของจิรเมธ
“ฉะ…ฉันไปก่อนนะ ขอบคุณที่คอยอยู่เป็นเพื่อน”
“ลาก่อน…” หลังจากบอกลาจิรเมธ แพรวาก็เก็บข้าวของของเธอเดินไปอีกทิศทางกับต้นเสียงก่อนหน้านี้
จิรเมธมองตามแผ่นหลังของแพรวาไปจนลับสายตา พร้อม ๆ กับที่เพื่อนสนิทของเขาทั้งสองคนเดินเข้ามาพอดี
“อยู่นี่เอง” รังสิมันต์เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเอ่ยพูดขึ้นเป็นคนแรก
“มึงรู้ไหมว่าตอนที่ไอ้ตะวันโทรมาบอก กูแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างมึงจะโดดเรียนมาอยู่นี่ แค่ออกมาเติมไม่ใช่หรือยังไง”
“กูแค่ขี้เกียจ มันจะอะไรกันนักกันหนากะอีแค่โดดเรียนไปคาบหนึ่ง ทำอย่างกับว่ามึงไม่เคยโดดเรียนไปได้” จิรเมธลุกขึ้นเดินเข้าหาเพื่อนของเขาทั้งคู่
“ถ้าคนที่โดดเรียนมันคือกู มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก แต่กลับคนที่ไม่ทำอะไรนอกจากเรียนหนังสืออย่างมึงแล้ว มันน่าสงสัยนะ ว่าไหม?” รังสิมันต์เอ่ยปากพูดด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาท
“มึงมีแฟนใช่ไหม ไอ้เมฆ?” ธนัทตะวันเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพื่อนสนิทคนนี้มีนิสัยที่คล้ายคลึงกับจิรเมธแต่เหมือนจะนิ่งเงียบเสียกว่า
“มึงรู้ได้ยังไงไอ้ตะวัน หรือว่ามึงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไอ้เมฆมันแอบมาเจอผู้หญิงที่นี่” รังสิมันต์เอ่ยถามอย่างสงสัย หันมองเพื่อสนิททั้งสองคนสลับไปมา
“เปล่า แต่ยางรัดผมนั้นต่างหาก”
“ยางรัดผมของผู้หญิง?” ธนัทตะวันชี้ปลายนิ้วตรงไปยังยางรัดผมตรงข้อมือของจิรเมธ ทำให้จิรเมธรู้ว่าเขาลืมคืนมันกับตัวเจ้าของ
“ยังไง ยังไง แอบซุกสาวเอาไว้ไม่ยอมบอกเพื่อนเลยนะมึง” รังสิมันต์ยังคงมีความสุขกับการเอ่ยปากแซวจิรเมธ
“พูดมากไอ้เจมส์”
จิรเมธเดินเลี่ยงออกจากวงสนทนาทิ้งเพื่อนสนิททั้งสองเอาไว้ข้างหลัง ข้อมือของเขาคงต้องเป็นที่พักพิงของยางรัดผมเส้นนี้ไปอีกสักระยะก่อนจะส่งมันคืนให้เจ้าของของมันในวันหลัง