รัก,ชาย-หญิง,ไทย,รักโรแมนติก,รักมหาลัย,ผันพลอย,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลังจากที่ได้รับการปลอบโยนจากจิรเมธก็ผ่านมาได้ราว ๆ สองอาทิตย์กว่าแล้ว แพรวาก็ยังคงอยู่ในชีวิตแบบเดิม ๆ แบบที่เป็นผ่านมาตลอด เงินที่ธนิธิดาเอาไปก็ไม่ต้องคิดหวังว่าจะได้คืนมา แพรวาต้องประหยัดทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีเงินเหลือพอสำหรับการเดินทางไปมหาวิทยาลัยในแต่ละวัน
หญิงสาวพยายามทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหาเงินมาทดแทนเงินที่ผู้เป็นป้าเอาไป ตอนนี้รายได้ที่พอประทังชีวิตเธอคงเป็นรายได้จากการขายนิยายในเว็บไซต์
ตามปกติวันหยุดของแพรวาไม่มีอะไรให้ทำมากมายสักเท่าไรนัก นอกจากการทำงานบ้านทุกอย่าง
“ยัยแพร! ยัยแพร!” เสียงตะโกนเรียกของชวิศาดังมาจากชั้นสองของบ้าน เจ้าหล่อนในชุดทำงานสุภาพเป็นทางการเดินลงมาพร้อมกับตะกร้าเสื้อผ้ากองโต
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ศา?”
“ฉันฝากแกซักเสื้อผ้าพวกนี้ด้วยนะ ฉันรีบ!!” ชวิศาวางตะกร้าผ้าทิ้งเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน
“…ค่ะ…” แพรวาตอบรับคำสั่งของชวิศาที่เดินออกไปจากบ้านแล้ว
แต่หลังจากที่ชวิศาออกไปจากบ้านได้ไม่นาน ธนิธิดาก็เดินเข้ามาภายในบ้านด้วยท่าทีรีบเร่ง เดินรุดเข้าหาแพรวาทันที
“อยู่นี้เองเหรอยัยแพร!!!” มืออวบกระชากท่อนแขนผอมบางเข้าหาตัวจนแพรวารู้สึกเจ็บ
“มะ…มีอะไรหรือเปล่าคะป้า?” แพรวาเอ่ยถาม
“แกมีเงินใช่ไหม? เอามันมาให้ฉันเลย เร็ว ๆ !!!”
“ป้าพูดเรื่องอะไร แพรเพิ่งโอนเงินที่แพรมีทั้งหมดให้ป้าไปแล้ว ป้าจะมาเอาอะไรจากแพรอีก”
“โกหก!!!”
“แกจะไม่มีเงินได้ยังไง ออกไปทำงานทุกวันไม่ใช่หรือยังไง ผับที่แกทำงานอยู่ได้เงินดีไม่ใช่หรือยังไง”
“ป้า! เงินที่แพรให้ป้ามันเป็นเงินที่แพรเก็บออมมาป้าก็เอาไปหมดแล้ว ที่แพรมีเหลืออยู่ตอนนี้ก็มีแค่เงินที่พอใช้ในแต่ละวันเท่านั้นนะคะ”
“ทำไมป้าไม่ไปขอจากพี่ศาบ้างล่ะคะ? พี่ศาเขาเริ่มทำงานแล้ว มีเงินเดือนเหลือพอให้ใช้ได้มากกว่าแพรซะอีก แถมเงินที่ป้าจะได้คงจะมากกว่าด้วยซ้ำ”
“นังเด็กเนรคุณ!!! ไม่เคยนึกคิดถึงบุญคุณที่ฉันเอาแกมาเลี้ยงดูเลยใช่ไหม?”
“ห๊ะ!!!” ปลายนิ้วกดจิ้มลงบนหน้าผากมน ธนิธิดาอยากให้แพรวารู้สึกว่าตัวเองอยู่ในจุดที่ไม่ควรพูดหรือเถียงประโยคอะไรออกมา
“พะ…แพร…แพรไม่ได้เนรคุณนะคะ แต่แพรแค่พูดความจริงต่างหาก ป้าก็รู้นี่คะว่าแพรไม่ได้มีรายได้แน่นอน แต่ป้าก็ยังมาขอเงินจากแพร หรือว่าเพราะป้าไม่เคยมองแพรเป็นหลานเลยคิดจะกดขี่แพรยังไงก็ได้!”
‘เพี๊ยะ!!!’ เสียงของเนื้อแก้มที่ถูกตบกระทบเข้ากับฝ่ามืออวบหนา กลิ่นของเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปาก รอยแดงช้ำเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ
“อย่าลืมนะว่าแกอาศัยบ้านของฉันซุกหัวนอนอยู่และอย่าลืมสำนึกบุญคุณเรื่องที่ฉันรับแกมาเลี้ยงด้วย!!! นังแพร!!!” ธนิธิดาเอ่ยเสียงดังลั่นบ้านก่อนจะออกไปจากบ้านทิ้งแพรวาที่หน้าช้ำเลือดเอาไว้
แพรวาทรุดตัวลงกับพื้น ล็อกเกตสีทองถูกใส่ติดคอของแพรวามาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวกำมันเอาไว้จนแน่น แม้ว่าธนิธิดาจะพูดทำร้ายจิตใจหรือทำร้ายตบตีแพรวาแค่ไหนแต่สิ่งที่ธนิธิดาพูดมันก็จริงอย่างที่ว่า…ถ้าเกิดไม่มีธนิธิดาหญิงสาวก็อาจจะมีชีวิตที่แย่ไปยิ่งกว่านี้
“ใจเย็น ๆ มะ…ไม่มีอะไรแล้ว ใจเย็น ๆ” ร่างบางสั่นเทาพยายามพูดปลอบตัวเอง พยายามผ่อนลมหายใจของตัวเองให้คงที่
“เมฆ…” แวบหนึ่งของจิตใจก็คิดถึงอ้อมกอดของจิรเมธที่เคยปลอบเธออย่างอ่อนโยนก่อนหน้านี้
“พ่อจ๋า แม่จ๋า หนูอยากมีความสุขมากกว่าจังเลยค่ะ”
“หนูไม่ได้เห็นแก่ตัวไปใช่ไหมคะ?”
ร่างบางนั่งกำสร้อยล็อกเกตไว้จนแน่น สร้อยเส้นนี้ผู้เป็นแม่เตรียมเอาไว้ให้ตั้งแต่ที่รู้ว่ากำลังจะมีลูกสาว ภายในล็อกเกตมีรูปถ่ายของพ่อและแม่ใส่อยู่ ล็อกเกตที่เป็นเหมือนของดูต่างหน้าพ่อและแม่ผู้ล่วงลับ มีเพียงแค่สร้อยเส้นนี้ที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนยังมีพ่อและแม่คอยโอบกอดและปลอบโยน
รถยนต์คันหรูค่อย ๆ ถอยจอดด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะดับเครื่องยนต์ ชายหนุ่มหยิบหนังสือและของจำเป็นอื่น ๆ สำหรับคาบเรียนลงจากรถ ชายหนุ่มเดินตรงไปยังที่นั่งประจำของเขาและกลุ่มเพื่อนมักจะใช้เป็นจุดนัดพบ ธนัทตะวันกำลังอ่านหนังสือเหมือนกับทุก ๆ วัน แต่ที่แปลกออกไปคือรังสิมันต์ที่นั่งอยู่ด้วยกัน เพื่อนคนนี้ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ในเวลาแบบนี้
“ไงตะวัน ขยันแต่เช้าเลยนะมึง” จิรเมธเอ่ยปากทักทายเพื่อนสนิท ก่อนจะปรายตามองเพื่อนสนิทอีกคนด้วยความรู้สึกหงุดหงิดหน่อย ๆ
“อะไรวะ!! ทักแต่ไอ้ตะวันแล้วกูล่ะ กูก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกันแท้ ๆ มึงไม่เห็นก็หรือไงวะ” รังสิมันต์ออกด้วยน้ำเสียงที่อยากให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเขากำลังน้อยใจ แต่สีหน้ากับยียวนกวนประสาทจนเพื่อนสนิททั้งสองคนอยากจะโยนรังสิมันต์ออกไปนอกโลก
“มึงมาทำอะไรที่นี่ คณะมึงอยู่อีกฝั่งหนึ่งไม่ใช่หรือยังไง?”
“กูมานั่งเล่นหน่อยไม่ได้หรือยังไง ก็ตอนเช้ากูไม่มีเรียนเลยแวะมาคุยกับพวกมึงสักนิดสักหน่อย”
“กูเป็นเพื่อนพวกมึงสองคนนะ” รังสิมันต์พูดพลางทำหน้าตาน้อยใจไปพลาง
แต่เพื่อนสนิททั้งสองดูไม่ได้สนใจในท่าทีน้อยใจแบบนั้นเลยสักนิด รังสิมันต์เลยยอมแพ้ความพยายามที่จะอ้อนขอความเห็นใจจากเพื่อนสนิททั้งสองคน ตัวของรังสิมันต์เองยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้มาสนิทกับจิรเมธและธนัทตะวันทั้งที่ลักษณะนิสัยต่างกับเขาราวฟ้ากับเหว
“เออจะว่าไปพวกมึงได้ยินเรื่องที่คนในมหา’ ลัยคุยกันไหมว่ะ?” รังสิมันต์เอ่ยปากพูดถึงประเด็นหนึ่งที่กำลังเป็นที่พูดถึงในรั้วมหาวิทยาลัย
“เรื่องไร้สาระแบบนั้นถ้ามึงไม่ไปสนใจมัน กูว่าผลการเรียนของมึงคงจะดีขึ้นแน่ ๆ ไอ้เจมส์” จิรเมธเอ่ยขัดประโยคของรังสิมันต์
“มึงอย่าพึ่งขัดสิวะ”
“วันนี้กูได้ยินคนจากคณะนิเทศพูดกันว่ามีคนที่มาเรียนทั้งที่หน้าช้ำปากแตก พวกนิเทศสงสัยกันว่าเธอคนนั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องผู้ชายหรือไม่ก็คงเป็นปัญหาเรื่องคนที่บ้าน”
“แล้วยังไง? พวกกูจำเป็นต้องรู้ไหม?” ธนัทตะวันเอ่ยถามถึงความจำเป็นของเรื่องที่รังสิมันต์กำลังพูดถึง
“ไอ้ตะวัน มึงช่วยสนใจเรื่องรอบตัวนอกจากหนังสือหน่อยเถอะ หน้ามึงจะเป็นปกหนังสืออยู่แล้ว”
“ช่างกูเถอะ มึงนั่นแหละหัดอ่านหนังสือซะบ้าง” รังสิมันต์และธนัทตะวันเริ่มออกปากเถียงกันเหมือนอย่างที่เคยเป็นตามปกติ
“ไอ้เจมส์ มึงรู้ไหมว่าผู้หญิงที่เขาพูดถึงชื่ออะไร?” จิรเมธเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
“ไม่รู้สิวะ พวกที่เอาเรื่องนี้มาพูดกับกูก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักแค่นั้นเอง” หลังจบประโยค จิรเมธก็ลุกเดินออกไปจากโต๊ะตัวประจำทันที
“เดี๋ยว!!! ไอ้เมฆมึงจะไปไหน? ไอ้เมฆ!!!” จิรเมธเดินออกจากตึกคณะแพทย์มุ่งตรงไปยังตึกที่ชายหนุ่มคิดว่าอาจจะได้เจอกับเธอคนนั้น คนที่เขากำลังคิดถึง
ถ้าเกิดผู้หญิงที่คนพวกนั้นพูดถึงกันเป็นเธอ ตอนนี้เธอคงจะอยู่ที่นั่นแน่ ๆ
ระยะทางจากตึกคณะแพทย์และตึกย่อยที่สองค่อนข้างห่างกัน กว่าจิรเมธจะมาถึงก็ใช้เวลาไปเกือบยี่สิบนาที ความชื้นของเหงื่อช่างเหนียวเหนอะหนะจนน่ารำคาญ ขาเรียวก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังด้านหลังตึกย่อยที่สอง
“อร่อยไหมสีเทา ฉันไม่ค่อยมีเงินเลยซื้อมาได้แค่นี้” ร่างบางของหญิงสาวที่จิรเมธกำลังคิดถึง ร่างบางนั่งอยู่กับพื้นให้อาหารกับลูกแมวตัวน้อยที่เคยปลอบโยนเธอก่อนหน้านั้น
เจ้าลูกแมวสายสลิดออกตัววิ่งเมื่อได้กลิ่นของคนที่เพิ่งเดินเข้ามา เอาตัวไปคลอเคลียพันแข้งพันขา
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจท่าทางออดอ้อนของเจ้าลูกแมวตัวน้อยแต่สิ่งที่เขาสนใจคือรอยช้ำบนใบหน้าหวานของแพรวาที่เด่นชัดจนสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ถ้าคาดคะเนจากรอยช้ำนั้นแล้วแรงที่ตบกระทบคงไม่ใช่แรงน้อย ๆ ตอนนั้นหญิงสายจะรู้สึกเจ็บแค่ไหนกัน
จิรเมธเดินตรงเข้าหา มือหนาพยายามแตะสัมผัสแก้มที่มีช้ำนั้นเบา ๆ อย่างหวาดกลัวว่าจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บ
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่รอยช้ำนิดเดียว เดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว ไม่เจ็บแล้วด้วย” หญิงสาวผลักมือหนาของจิรเมธออกจากแก้มของเธอ หันไปสนใจเจ้าลูกแมวตัวน้อย
“จะไม่มีอะไรได้ยังไง แก้มเธอช้ำขนาดนี้”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่เป็นไร้”
“แล้วก็…ไม่อยากพูดถึงมันแล้วด้วย อย่าพูดถึงมันได้ไหม” ใบหน้าของแพรวาไม่ได้ฉายแววเศร้าโศกอะไร แต่กลับเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก และในเมื่อร่างบางไม่อยากพูดเรื่องรอยช้ำบนหน้าแก้ม ชายหนุ่มเองก็ไม่อยากตอกย้ำเรื่องราวนั้นให้เธอรู้สึกช้ำใจอีกรอบ
ชายหนุ่มมองแพรวาทีเอาแต่สนใจเจ้าลูกแมวลายสลิด สายตาที่แพรวามองมันมีแต่ความรักและความห่วงใยออกมา หญิงสาวคงจะชอบเจ้าลูกแมวตัวนี้มากถึงได้แอบแวะมาที่นี่บ่อย ชายหนุ่มมักมาแอบมาสูบบุหรี่ที่นี่และในหลาย ๆ ครั้งก็มันเห็นแพรวาเดินแวะมาที่นี่และเล่นกับสัตว์หลาย ๆ ตัวที่แอบลอดรอยแตกของกำแพงเข้ามา
“ถ้าชอบมันขนาดนี้ทำไมไม่รับมันไปเลี้ยงล่ะ” จิรเมธเอ่ยถามถึงเจ้าลูกแมวลายสลิดสีเทาที่ดึงความสนใจของเธอไปจากเขา
“ทำไม่ได้หรอก ถ้าเกิดเอาไปเลี้ยงก็คงโดนไล่ตะเพิดออกมาแน่ ๆ แบบนี้น่ะดีแล้วสำหรับฉันและก็สีเทาด้วย”
“ขอโทษนะฉันมีเรียนคงต้องไปแล้ว ขอบคุณนะที่เป็นห่วง” คำเอ่ยลาพูดเอ่ยออกมาหลังจากที่เจ้าลูกแมวตัวน้อยกินอิ่มและเดินกลับออกไปตามรอยแยกของกำแพง
“มีอะไรงั้นเหรอ?” ข้อมือบางถูกรั้งเอาก่อนที่จะได้ก้าวเท้าเดินไปไหน
“ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ทั้งเรื่องที่สบายและทุกข์ใจเธอสามารถคุยกับฉันได้ทุกเรื่องเลย” คำพูดอันแสนอบอุ่นถูกเอ่ยออกมาจากปากของจิรเมธ มือหนากวาดรอบเส้นผมที่ถูกปล่อยสลายมัดรอบด้วยยางรัดผมเส้นเดิมที่เป็นของเธอ ระยะห่างระหว่างจิรเมธและแพรวาห่างกันแค่เพียงหนึ่งลมหายใจ
ความอ่อนโยนของชายหนุ่มสร้างรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าหวานที่มีรอยช้ำ ก่อนที่แพรวาจะเอ่ยคำว่า… “ขอบคุณนะ เมฆ”
แผ่นหลังบางเดินหายออกไปจากสายตาของจิรเมธ แต่ชายหนุ่มยังคงคิดถึงเรื่องรอยช้ำที่น่าเป็นห่วงนั้น ไม่ต้องเป็นหมอดูก็รู้ว่าแรงตบคงไม่ใช่น้อย ๆ
‘RRR… RRR… RRR…’ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขาสักก่อน
“ว่า…”
“เออ!!! รู้แล้วกำลังไป อย่าถามมากได้ไหมวะ?”
“แค่นี้แหละ!!!” พูดตัดสายโดยที่ไม่สนใจว่าปลายสายกำลังพูดอะไรอยู่ ก่อนจะเดินกลับไปยังตึกคณะแพทย์
ส่วนเรื่องของแพรวาคงไปยุ่งมาไม่ได้ ระหว่างเขาและมันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าแค่คนรู้จักกัน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าสำหรับเธอเขาเป็นเพื่อนของเธอได้หรือเปล่า