รัก,ชาย-หญิง,ไทย,รักโรแมนติก,รักมหาลัย,ผันพลอย,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กลิ่นของยาคือสิ่งแรกที่เข้าปะทะโสตประสาท แสงจากหลอดไฟสว่างจ้าจนแสบตา เสียงเท้าหลายคู่เดินไปสวนมาใกล้ ๆ กับเตียงที่เธอนอนอยู่ ความทรงจำสุดท้ายคืออาการที่ร้อนและภาพที่พร่ามัว แพรวาเลยอนุมานได้ว่าเธอคงถูกส่งมาที่โรงพยาบาลหลังจากที่หมดสติ
“ตื่นแล้วงั้นเหรอแพรวา?” เสียงนุ่มทุ้มของใครสักคน เอ่ยเรียกเธออย่างสนิทสนม น้ำเสียงฟังดูช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
แพรวาพยายามปรับสายตาให้มองเห็นอะไร ๆ ให้ชัดยิ่งขึ้น พยายามหันมองไปรอบ ๆ ทิศทางเพื่อหาที่มาของเสียงนุ่มทุ้มนั้นว่ามันเป็นเสียงของใคร
ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยยิ่งกว่าเนื้อเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ ดวงตาเรียวยาวดุจดั่งดวงตาของหมาป่าที่หลบซ่อนภายใต้กรอบแว่นสายตา ใบหน้าที่ชวนให้คิดถึงซะเหลือเกินทั้งห่างหายไปจากสายตาของเธอนานถึงเจ็ดปีแต่เธอยังคงจุดจำทุกองค์ประกอบบนใบหน้าได้อย่างดี
…ชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจของเธอมาตลอด…
…ชายหนุ่มที่เป็นอันตรายต่อหัวใจของเธอ…
…ชายหนุ่มที่เธอแอบมองอยู่ตลอด…
…ชายหนุ่มคนที่เธอแอบชอบ…
…จิรเมธ แก้วมาลา…
ชายตรงหน้าคือผู้ชายเพียงคนเดียวที่จับจองพื้นที่ภายในหัวใจของแพรวาจนไม่เหลือที่ว่างให้ใคร หญิงสาวมองชายหนุ่มตรงหน้ามองไปตามกรอบแว่นค่อย ๆ ไล่สายตาไปจนถึงชุดกาวน์สีขาวบริสุทธิ์ ดูเหมาะกับเขาเหลือเกิน
“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงมองฉันแบบนั้น”
“ปะ…เปล่า ขอโทษนะ” หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธ พยายามลุกขึ้นนั่งโดยได้จิรเมธช่วยประคอง
“ระวังหน่อย ฝ่ามือเธอถูกบาดเป็นรอยแผลใหญ่เชียว ตอนที่เธอล้มเหมือนจะล้มไปตรงที่มีเศษแก้วตกอยู่พอดี” จิรเมธยกมือข้างขวาให้แพรวาเห็นผ้าพันแผลที่ถูกพันไว้อย่างประณีต
“รถฉุกเฉินบอกว่าเธอน่าจะเป็นลมเพราะอากาศร้อนเกินไปจนเกิดอาการฮีทสโตรกแถมยังไปอยู่ในที่ที่มีคนอยู่เยอะ ๆ อากาศคงไม่พอ”
“น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ” แพรวาตอบกลับคำถามของจิรเมธ ทั้งที่เอาแต่ก้มหน้ามองมือของตัวเอง
“ถ้างั้นก็คงไม่มีอะไรที่น่าห่วง เดี๋ยวไปรับยาและจ่ายเงินก็กลับบ้านได้แล้ว”
“มาสิเดี๋ยวฉันพาไป”
“มะ…ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปเองได้ ฉันรู้จักทางในโรงพยาบาลดี ไม่ต้องรบกวนนายหรอก”
“ฉันออกเวรแล้ว ยังไงก็จะกลับบ้านอยู่แล้วเดี๋ยวฉันไปส่งเธอด้วยเลย”
แพรวาถูกจิรเมธพามายังแผนกการเงินจัดการเรื่องการรักษาพยาบาลให้เสร็จเรียบร้อยเสร็จสับ รู้ตัวอีกทีก็มานั่งบนรถยนต์คันหรูของเขาสักแล้ว เส้นทางมุ่งตรงไปยังบ้านของเธอโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องบอกเส้นทางเลย แปลได้ว่าชายหนุ่มจดจำเส้นทางบ้านของเธอได้ตั้งแต่เมื่อเก้าปีก่อน
“ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? สบายดีหรือเปล่า?”
“ก็ถ้าไม่นับที่เป็นลมวันนี้ก็ดีนะ” คำตอบที่ดูแสนที่เย็นช้าของแพรวาทำเอาจิรเมธคิดคำถามอื่น ๆ ไม่ออก
จวบจนรถยนต์คันหรูของจิรเมธแล่นชะลอเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านที่แพรวาอยู่อาศัยในตอนนี้ บ้านหลังเดิมแต่กลับดูเก่ากว่าที่เคยเห็นเมื่อครั้งก่อน
“ขอบคุณนะที่มาส่ง” หญิงสาวเอ่ยปากขอบคุณ ก่อนจะเปิดประตูเพื่อลงจากรถแต่มือหนาของจิรเมธก็รั้งเธอเอาไว้สักก่อน
“ไหน ๆ เราก็ได้กลับมาเจอกัน ไว้วันไหนว่าง ๆ เราออกไปหาอะไรกินด้วยกันไหม? เราจะได้คุยกันมากกว่านี้”
“โทษทีนะฉันไม่ค่อยมีเวลา งานที่ฉันทำอยู่มันต้องทำงานแทบจะตลอดเวลา”
“ยังไงก็ขอบคุณที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งนะเมฆ” พูดจบหญิงสาวก็ลงจากรถไปทันที ไม่ได้สนใจสีหน้าของชายหนุ่มที่ถูกเธอปฏิเสธ
บ้านหลังเล็กที่เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ดูเก่าลงไปถนัดตาตามกาลเวลา บ้านหลังน้อย ๆ ที่หาความสุขอะไรไม่ได้ทั้งที่เป็นแบบนั้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทนอยู่มาได้จนถึงตอนนี้
“วันนี้แกได้เงินค่าหนังสือมาแล้วใช่ไหม?” สิ่งแรกที่ผู้เป็นป้าเอ่ยถามถึงกลับเป็นเรื่องเงิน แทนที่จะถามถึงบาดแผลบนมือของเธอซะด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมทั้งที่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งแต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่ดี
“ค่ะ”
“ดี!!! ถ้างั้นก็รีบ ๆ โอนเงินมาให้ฉันเร็ว ๆ ฉันมีเรื่องต้องรีบใช้เงิน”
“เท่าไรงั้นเหรอคะ?”
“ห้าหมื่น!”
“ห้าหมื่น!!! ป้าจะเอาไปทำอะไรตั้งห้าหมื่น”
“แพรเพิ่งจะให้เงินป้าไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนไม่ใช่เหรอคะ? แล้วมันหายไปไหนหมด”
“เอ๊ะ! อะไรของแกนังแพร!!!”
“ฉันก็ต้องเข้าสังคมกันบ้างจะให้อยู่ติดบ้านเป็นคนแก่กะโหลกกะลาได้ยังไง” ธนิธิดาเอ่ยพูดอย่างหงุดหงิด
“ตกลงยังไง แกจะให้ไม่ให้!?!” ธนิธิดาถามซ้ำ
“ค่ะ เดี๋ยวแพรโอนให้” แพรวาจำใจยอมแพ้กับผู้เป็นป้า
ผู้เป็นป้าตรวจเช็กยอดเงินเข้าในแอปพลิเคชัน ยกยิ้มอย่างพอใจกับยอดเงินที่ถูกโอนเข้ามาในธนาคาร ทั้งเงินที่ได้มาจากลูกสาวและเงินจากแพรวา
“แล้วนั่นมือแกไปโดนอะไรมาถึงได้พันผ้าพันแผลแบบนั้น” ธนิธิดาเอ่ยถามหลังจากสังเกตเห็นผ้าพันแผลบนมือบาง
“แพรเป็นลมแล้วดันล้มไปโดนเศษแก้วแถว ๆ นั้นบาดเข้านะคะ”
“งั้นเหรอ? ถ้างั้นแกก็ระวัง ๆ หน่อย อย่าเป็นแบบนั้นอีก”
“ค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ใช่ถูก ๆ น่าเสียดายเงินพวกนั้น เอามาให้ฉันใช้ยังจะดีกว่าซะอีก”
“แกว่าจริงไหมยัยแพร?” เป็นประโยคคำถามที่คงไม่ต้องการคำถาม พูดจบธนิธิดาก็หอบกระเป๋าราคาแพงเดินตัวปลิวออกจากบ้าน
บ้านหลังน้อยเหลือผู้อาศัยอยู่เพียงแค่สองคนคือแพรวาและธนิธิดา ส่วนชวิศาหลังเริ่มทำงานได้สักพักก็ย้ายออกไปอยู่คอนโดใกล้กับที่ทำงานของเจ้าหล่อน
พื้นที่เซฟโซนแห่งเดียวในบ้านหลังนี้มีเพียงแค่ห้องนอนของตัวเธอเอง อย่างน้อยก็ไม่มีใครเข้ามายุ่งในพื้นที่แห่งนี้ อาจจะเพราะกองหนังสือมากมายที่วางเรียงรายในหลาย ๆ จุดภายในห้องจนดูรกตาจนผิดนิสัยรักสะอาดของหญิงสาว แต่เพราะสภาพห้องแบบนี้ทำเธอสามารถสร้างสรรค์นิยายได้หลากหลายเรื่อง ขอแค่มีพื้นที่นี่อยู่เธอก็ยังสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุขได้บ้าง
1 เดือนหลังจากนั้น
หลังจากที่ได้พบเจอกันอย่างบังเอิญที่โรงพยาบาลเมื่อเดือนก่อน ชายหนุ่มก็พยายามชวนแพรวาออกไปทานข้าวด้วยกันทุกครั้งที่เขามีเวลาว่างจากตารางงาน แต่กลับเป็นแพรวาเองที่ปฏิเสธคำเอ่ยชวนของชายหนุ่มทุกครั้ง โดยอ้างเหตุผลเรื่องงานที่ยุ่งจนปลีกตัวออกไปเจอไม่ได้
หญิงสาวไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรทำไมชายหนุ่มถึงได้เอาแต่ชวนเธอออกไปเจออยู่เรื่อย ถึงมันจะดูใจร้ายไปบ้างที่เอาแต่ปฏิเสธคำเอ่ยชวนจากชายหนุ่ม สาเหตุเป็นเพราะเมื่อเจ็ดปีก่อนหญิงสาวได้สารภาพความในใจกับจิรเมธ หญิงสาวเลยไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
ราตรีกำลังคืบคลานเข้าครอบครองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ พวกนกน้อยใหญ่เริ่มบินกลับรังเพื่อการพักผ่อนจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน แต่สำหรับผีเสื้อกลางคืนมันคือช่วงเวลาในการออกหาความสุข ไม่ว่าจะเป็นการดื่มสังสรรค์เข้าสังคมหรือหาความสนุกทางกาย
แพรวาเดินตรงเข้ามาในสถานบันเทิง เพราะเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างมารียาที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ แม้ว่าแพรวาจะดื่มเหล้าไม่ได้แต่การมานั่งเล่นฟังเพลงก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดีในการหาแรงบันดาลใจในการทำงาน
“ยัยแพรทางนี้!!!” มือบางโบกไปมาเพื่อให้แพรวาสังเกตเห็นได้ชัด
“ไงมะลิ”
“เป็นไงบ้าง? ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ที่เมืองนอกเป็นยังไงดีกว่าประเทศไทยหรือเปล่า?”
“เมืองนอกก็ดีนะ แต่ยังไงบ้านเราก็ดีกว่านั่นแหละ” มารียาว่าพลางยื่นแก้วน้ำส้มให้กับแพรวา
“ว่าแต่แกเถอะ ได้ยินว่านิยายของแกขายดีใช่เล่นเลยนี่ ตอนที่ฉันไปนิยายของแกก็เพิ่งตีตลาดได้แต่ตอนนี้กลายเป็นนิยายขายดีติดลมบนไปซะแล้ว”
“ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปก็ดีอยู่หรอก แต่นักอ่านก็โตขึ้นทุกวัน ไม่นานก็ช้านักอ่านที่รักของฉันอาจจะเปลี่ยนแนวนิยายไปอ่านนิยายแนวอื่น ๆ ก็ได้”
“ตอนนี้ฉันเองก็เริ่มเขียนนิยายแนวอื่นบ้างแล้วด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะเขียนออกมาได้ดีหรือเปล่า”
“ระดับแกแล้วฉันเชื่อว่าแกทำได้ เชื่อมั่นในตัวเองหน่อยสิยัยแพร”
“ขอบใจนะมะลิ”
“แล้วน้องอัทธ์ล่ะอยู่กับใคร? ติดแกแจไม่ใช่หรือยังไง? ออกมาแบบนี้จะไม่ร้องไห้หาแกหรือยังไง?”
“ตอนนี้เหรอ? คงสนุกอยู่กับคุณตาคุณยายขี้สปอยนั่นแหละ สองคนนั้นทั้งของเล่น ขนม กาตูนพร้อมประเคนให้จนฉันห้ามไม่ทันเลยล่ะ”
“แล้วแกไม่คิดเรื่องที่จะ…”
“ไม่คิด”
“แล้วก็ไม่ต้องไปคิดถึงไอ้บ้านั้นด้วย น่ารำคาญจะตายชัก ฉันกำลังอารมณ์ดี ๆ เลย”
“นี่ยัยแพร แกรู้อะไรไหมว่าวันแรกที่ฉันกลับมาถึงก็เจอไอ้บ้านั้นที่สนามบินแทบจะทันทีที่เหยียบแผ่นดินประเทศไทย แทนที่จะเดินผ่านไปเหมือนคนไม่รู้จักกัน แต่กลับเดินเข้ามาทักฉันเฉยเลย”
“โอเค โอเค ฉันรู้แล้วว่าแกไม่อยากพูดถึงผู้ชายคนนั้น เราไม่ต้องพูดถึงคนอื่นแล้ว มาสนุกกันแบบสาวโสดดีกว่านะ” แพรวาพยายามดึงอารมณ์หงุดหงิดออกจากเพื่อนสนิท
“สาวโสด?” มารียาเหล่มองแพรวาด้วยสายตามีเลศนัย
“นักเขียนสาวสวยแบบแกไม่มีหนุ่ม ๆ คนไหนเข้ามาขายขนมจีบบ้างเลยหรือไง?” มารียาทำหน้าตาทะเล้นล้อเลียนเพื่อนสนิท
“ไม่มีหรอก แกก็รู้ว่าฉันเป็นพวกติดบ้าน นาน ๆ ทีถึงจะได้ออกจากบ้าน”
“วันนี้ก็เหมือนกันถ้าไม่ใช่เพราะแกเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศฉันคงไม่ออกมาจากบ้านหรอก”
“แล้วแกไม่อยากมีแฟนงั้นเหรอ?” มารียาเอ่ยถาม
“ถ้าถามว่าอยากมีไหม มันก็ต้องอยากมีอยู่แล้ว แต่ฉันยัง…”
“แกยังไม่ลืมรักแรกของแกใช่ไหม?” สีหน้าของแพรวาแสดงถึงคำตอบขอคำถามที่มารียาเอ่ยถาม
“นี่มันเจ็ดปีแล้วนะ”
“ทำไมตอนนั้นแกถึงไม่ฟังคำตอบของเขาหน่อยล่ะ อุตส่าห์ทำใจกล้าสารภาพรักกับเขาไปแล้วน่าจะฟังคำตอบของเขาสักหน่อย”
“มันไม่น่าเสียดายงั้นเหรอ? ถ้าเกิดเขามีความรู้สึกแบบเดียวกันกับแก”
“แล้วถ้าเขาไม่ชอบฉันล่ะ!”
“ถ้าเขาไม่ชอบแก มันน่าจะเป็นตัวที่ช่วยให้แกตัดใจจากเขาไม่ใช่หรือไง แกจะแอบรักเขาต่อไปแบบนี้งั้นเหรอ?”
ความเงียบที่สามารถกลบเสียงดังกระหึ่มภายในสถานบันเทิงแห่งนี้ได้ โสตประสาทของแพรวาแทบไม่ได้ยินเสียงเพลงในตอนนี้เลยแม้แต่นิด
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้ไหม? แกอยากมาสนุกไม่ใช่หรือไง”
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยากให้แกรู้สึกแย่นะ” แพรวาพยักหน้ารับ เธอเองก็ไม่อยากทำให้บรรยากาศของการพบกันอีกครั้งต้องมีอะไรมาทำให้ผิดใจกัน
หลังนั่งพูดคุยกันไปสักระยะหนึ่งคนทั้งสองก็ตัดสินใจกลับ โดยที่มารียาจะเป็นคนขับรถไปส่งแพรวา สองเพื่อนสนิทเดินเคียงคู่กอดเกี่ยวควงแขนกันออกจากสถานบันเทิงมาด้วยกัน ระหว่างที่เดินไปยังรถของมารียา ก็มีเสียงนุ่มทุ้มดังมาจากด้านหลังของคนทั้งสอง
“เธอดื่มไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
จิรเมธยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวทั้งสองคน ท่าทางหงุดหงิดจนน่ากลัว แพรวารู้สึกละอายเรื่องที่เธอเอาแต่ปฏิเสธคำชวนของเขารวมถึงเรื่องเมื่อเจ็ดปีก่อนด้วย พยายามหลบซ่อนใช้แผ่นหลังของมารียาเป็นป้อมปราการ
“รักแรกของแกนี่ยัยแพร ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?” แพรวาไม่ได้สนใจคำถามของมารียา บทสนทนาก่อนนี้ยังก้องอยู่ในหัวของเธอ
“แล้วแกเป็นอะไรยัยแพรจะมาหลบหลังฉันทำไม?”
“เธอเป็นเพื่อนของแพรวาสินะ พอดีฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับแพรวาขอเวลาสักหน่อยได้ไหม?” จิรเมธเดินเข้าใกล้หญิงสาวทั้งสอง
“งั้นก็ดีเลยสิ ถ้างั้นฝากไปส่งยัยแพรที่บ้านด้วยนะ พอดีฉันเองก็ดื่มมาด้วยแอบมึน ๆ คงขับรถไปส่งยัยแพรไม่ไหว”
“ส่งยัยแพรให้ถึงบ้านด้วยนะ ไปล่ะ” ป้อมปราการที่คิดว่าจะยืนอยู่ข้างเธอกลับทิ้งเธอเอาไว้กับจิรเมธ
“มะลิ!!! เดี๋ยวก่อนสิ!! มะลิ!!!” แพรวาพยายามเรียกหาคนทรยศที่ทิ้งเธอเอาไว้กับจิรเมธ
‘ยัยคนทรยศ’
“แพรวา…” น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่เคยเอ่ยเรียกชื่อของเธอเหมือนอย่างทุกครั้ง
“เธอเกลียดอะไรฉันหรือเปล่าแพรวา ทำไมถึงได้เอาแต่หนีหน้าฉันอยู่ตลอดแบบนี้”
“ไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือไง ฉันอยากคุยกับเธอนะ” จิรเมธระบายความอัดอั้นภายในใจที่ถูกแพรวาเมินมาตลอดหนึ่งเดือน
“เปล่านะ ฉันไม่ได้เกลียดอะไรนาย”
“ถ้างั้นแล้วทำไมเธอถึงเอาแต่หลบหน้าฉันอยู่ตลอด”
“ฉันบอกแล้วไงว่างานของฉันค่อนข้างยุ่ง”
“งั้นคืนนี้เธอก็ว่างสินะถึงได้มาเที่ยวกับเพื่อนของเธอ ถ้างั้นเวลาที่เหลือในคืนนี้ฉันขอ” จิรเมธพูดจบก็มือแพรวาพาเดินตรงไปยังรถยนต์คันหรูของเขา
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีแพรวาก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องของจิรเมธแล้ว ชายหนุ่มพาร่างบางเดินเข้าห้องของเขา ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นโซฟาตัวยาวกลางห้อง ทางด้านขวามีครัวขนาดกลางเครื่องมืออุปกรณ์ครบครัน ทางซ้ายมีประตูหลายบานที่เชื่อมไปยังห้องอื่น ๆ แต่สิ่งที่แพรวาสนใจกลับเป็นสิ่งมีชีวิตตัวอ้วนกลมที่กำลังเดินเข้ามาทักทาย
“สีเทา!!!” หญิงสาวมุ่งตรงไปหาเจ้าแมวลายสลิดตัวอ้วนกลม มือบางลูบไปตามขนหนาของเจ้าแมวอ้วนอย่างเอ็นดู
“กับมันล่ะรักเหลือเกิน แต่กลับฉันกลับเอาแต่หลบหน้า” แพรวามองใบหน้าของชายที่ยืนซ้อนหลังเธอด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
“ขอโทษ”
“นายเป็นคนเอามันมาสินะ มิน่าล่ะฉันถึงไม่เจอมันตอนที่กลับไปมหา’ ลัย”
“หลังจากวันรับปริญญา ฉันก็ค่อยแวะไปให้อาหารมันแทนเธออยู่บ่อย แต่อยู่ ๆ วันหนึ่งมันก็นอนโชกเลือดเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ฉันเลยพามันไปรักษาหลังจากนั้นมันก็เข้ามาอยู่ในบ้านของฉัน”
“ดีจังเลยนะสีเทามีทาสดี ๆ ค่อยดูแลแบบนี้คงจะกินอิ่มหลับสบายบนเบาะนุ่ม ๆ สินะ” แพรวายังเอาแต่สนใจเจ้าแมวอ้วนกลม
“อร๊ายย!!!”
“เดี๋ยวสิ!!! จะทำอะไร! อุ้มฉันทำไม?” ร่างบางถูกแขนแกร่งอุ้มตัวลอยเดินตรงมายังโซฟาตัวยาวกลางห้อง
“ปล่อยฉันลงนะ เมฆ!” แพรวาพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม ร่างบางถูกล็อกเอาไว้บนตักแกร่ง
“ฉันขอเวลาคืนนี้ของเธอ พาเธอมาที่นี่ไม่ได้เพื่อให้เธอมาสนใจแมวที่ไม่ได้เจอมานานนะ”
“ขอแค่เธอคุยกับฉันสักหน่อยแล้ว หลังจากนั้นเธอจะคุยหรือเล่นกับสีเทานานแค่ไหนก็ได้เท่าที่เธอต้องการ” คำขอร้องจากชายหนุ่มทำเอาหัวใจอ่อนแออ่อนยวบ รู้สึกผิดที่เอาแต่ปฏิเสธคำเอ่ยชวนของเขาตลอดมา
“ฉันขอโทษ”
“ทำไมเธอถึงเอาแต่หลบหน้าฉันอยู่ตลอด ฉันรู้ว่างานเธอมันไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น แต่เธอเลือกที่จะเมินคำชวนของฉันตลอด”
“ฉัน…คือว่า…ฉัน…”
“เธอเกลียดฉันจริง ๆ สินะ”
“เปล่านะ!!! ฉัน…ฉันแค่ทำตัวไม่ถูก”
“นายลืมไปแล้วหรือยังไงว่าวันรับปริญญาฉันสารภาพรักกับนาย ใครจะไปเมินเฉยแล้วคุยเรื่องความหลังกับคนที่เคยสารภาพรักได้ละ”
“ถ้างั้นทำไมตอนนั้นเธอถึงไม่รอฟังคำตอบของฉันล่ะ ทำไมถึงเมินคำตอบและความรู้สึกของฉัน”
“เธอไม่อยากรู้เลยเหรอว่าฉันคิดกับเธอยังไง”
“มะ…ไม่ ฉันไม่อยากรู้”
“ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะทนรับความผิดหวังได้มากแค่ไหน”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าจะผิดหวัง”
“ฉัน…อุ๊บ!!!”
สัมผัสนุ่มจากชายหนุ่ม ค่อย ๆ ละเมียดลิ้มชิมหวานจากริมฝีปากบาง ลิ้นเรียวพันเกี่ยวไปมาอยู่ภายในโพรงปาก ร่างบางถูกผลักลงนอนกับโซฟาหนานุ่ม จากความอ่อนโยนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงที่เกินกว่าแพรวาจะรับไหว มือบางออกแรงผลักไหล่หนาเบา ๆ ให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอเริ่มไม่ไหวกับสัมผัสของเขา
‘…พลั่ก…พลั่ก…พลั่ก…’
ชายหนุ่มยอมละจากริมฝีปากหวานอย่างหักห้ามใจ แต่ยังคงใช้จมูกถูไถแก้มบางของแพรวาไม่ห่าง หญิงสาวลอบมองสิ่งที่เขาทำอย่างไม่เข้าใจ คิ้วมนขมวดเข้าหากัน
“นาย…”
“ฉันชอบเธอ ฉันชอบเธอตั้งแต่วันที่เราได้คุยกันครั้งแรก”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสจูบหรือคำตอบจากคำสารภาพเมื่อเจ็ดปีก่อนกันแน่ ที่กำลังทำให้หัวใจของเธอทำงานอย่างหนัก
แขนผอมบางถูกยกขึ้นคล้องคอหนา ริมฝีปากสอดประสานแนบสัมผัสได้ถึงความรักใคร่ที่เอ่อล้นออกมาจากหัวใจของคนทั้งคู่ ชายหนุ่มมอบรสจูบแสนเร่าร้อนให้กับแพรวา มือหนาสัมผัสร่างกายไปตามส่วนต่าง ๆ ตามความต้องการของตัวเขา
‘อุ่นจังเลย~~~’