รัก,ชาย-หญิง,ไทย,นิยายรัก,นิยายรัก ,นิยายรักชายหญิง,ผันพลอย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กระดิ่งสีทองสั่นไหวไปตามการเคลื่อนไหว เสียงของมันดังก้องไปตามความใหญ่ของพื้น ใบหน้าของชายหนุ่มในชุดนักเรียนกำลังขยับเข้ามาใกล้ชิดจนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจแต่ทว่าลมหายใจของเขาไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกสะอิดสะเอียนชวนคลื่นไส้เหมือนกับก่อนหน้านี้
แขนแกร่งยกขึ้นคั่นหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมแขนราวกับป้อมปราการ ใบหน้าของเขาก้มลงมาจนเส้นผมชื้นเหงื่อสัมผัสโดนเข้ากับปลายจมูกของหญิงสาว กลิ่นเหงื่อผสมเข้ากับกลิ่นของหญ้าอ่อน ๆ กลิ่นของมันทำให้คิดถึงทุ่งหญ้ากว้างขวางท่ามกลางแสงแดดของพระอาทิตย์ ทุกสิ่งอย่างรอบตัวชายหนุ่มแปลกหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจนไม่อยากให้เวลาเดินต่อไปข้างหน้า
ใบหน้าของเขาค่อย ๆ เงยขึ้นมองตรงมาที่เธอ สายตาสอดประสานอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ชายหนุ่มจะละความสนใจจากเธอและหันหลังกลับไปมองชายอีกคนที่ยืนทำหน้าตาเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกกับการถูกขัดจังหวะก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มในชุดนักเรียนกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับผู้ชายคนนั้น หน้าตาของเขาดูตื่นตระหนกและทันทีที่บานประตูรถไฟฟ้าเปิดออก ผู้ชายคนนั้นก็รีบเร่งเท้าเดินแทรกคนอื่น ๆ ออกไปทันที
“เธอบ้าหรือเปล่า?” อยู่ ๆ หญิงสาวก็ถูกชายหนุ่มในชุดนักเรียนตักเตือนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คะ?! วะ…ว่ายังไงนะ?” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างนึกสงสัยในคำตักเตือนของเขา เธอไม่ได้รู้จักกับเขาสักหน่อยทำไมอยู่ ๆ เขาถึงมาต่อว่าเธอแบบนั้น
“แต่คงจะบ้าจริง ๆ นั่นแหละ เพราะคงไม่มีผู้หญิงปกติที่ไหนยืนให้โรคจิตลวนลามอยู่แบบนี้หรอก” หญิงสาวมองใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“หรือว่าเธอมีรสนิยมแบบนั้น ไอ้รสนิยมที่ชอบการถูกลวนลามจากผู้ชายแปลกหน้า ถ้าเกิดฉันเข้ามาขัดจังหวะก็โทษทีละกัน”
“ฉะ…ฉันเปล่านะ! ฉะ…ฉันไม่ได้!…ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ” หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธออกมาอย่างเสียงดัง ก่อนจะค่อย ๆ ลดเสียงลงเพราะสายตาของคนรอบข้าง
“ถ้างั้นแล้วทำไมถึงได้ยืนให้มันทำเรื่องแบบนั้นอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ไม่รู้หรือยังไงว่าควรจะทำยังไงตอนที่ถูกลวนลาม” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ฉะ…ฉันกลัวเนี่ย นายก็พูดได้เพราะนายไม่ได้เป็นคนที่ถูกกระทำ นายรู้หรือเปล่าว่าตอนที่ถูกกระทำมันรู้สึกยังไง” หญิงสาวระบายความอัดอั้นออกมา
“ถ้าเธอกลัว เธอก็ควรที่จะร้องออกมาเสียงดัง ๆ ร้องขอให้คนช่วยสิ ต่อให้ไม่มีใครช่วยก็ต้องร้องออกมาดัง ๆ อย่างน้อยโรคจิตพวกนั้น หน้าก็หนาไม่มากพอที่ยืนลวนลามใครท่ามกลางสายตานับสิบหรอก”
“เธอต้องไม่ปล่อยให้มันทำแบบ ยิ่งเธอปล่อยให้มันทำเรื่องแบบนี้ต่อไปมันก็ยิ่งได้ใจ แล้วมันก็จะทำเรื่องแบบนี้กับคนอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ”
“เธอต้องหันช่วยเหลือตัวเองซะบ้าง” คำพูดตักเตือนของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้หญิงสาวฉุกคิด
“เข้าใจหรือเปล่า?” หญิงสาวพยักหน้ารับ
“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่เข้ามาช่วยฉัน” หญิงสาวเอื้อมมือมาจับปลายชายเสื้อของชายหนุ่มที่หลุดลุ่ยออกมาจากกางเกงนักเรียนสีดำสนิท
“อืม แล้ว…เธอจะลงที่ไหนเดี๋ยวฉันไปส่ง” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
ระหว่างยืนรอคำถามจากฝ่ายตรงข้ามอยู่นั้นเสียงตามสายก็ดังขึ้นมาบอกถึงจุดหมายปลายทางต่อไปที่กำลังจะเทียบท่าชานชาลา ท่าทางของหญิงสาวที่หันไปสนใจเสียงตามสายนั้นบอกชายหนุ่มเข้าใจในทันทีว่าสถานีต่อไปคือจุดหมายปลายทางของหญิงสาวตรงหน้า
ชายหนุ่มถือวิสาสะจับมือบางของหญิงสาวเดินออกจากตัวขบวนรถไฟฟ้า ฝ่ามือที่ประกบติดกันหัวใจกำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอก นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าหัวใจเต้นได้แรงมากได้ถึงขนาดนี้ หญิงสาวไม่แน่ใจว่ามันคือความรู้สึกแบบไหนแต่มันคงจะเป็นความรู้ในทางที่ดี
“ต่อจากนี้ต้องไปยังไง ต่อนั่งแท็กซี่หรือ…”
“ไม่!…คะ…แค่นี้พอแล้ว ขอบคุณที่อุตส่าห์ออกมาส่ง พ่อของฉันน่าจะมารออยู่แล้ว”
“ขอบคุณจริง ๆ นะที่ช่วยฉันแล้วยังให้น้ำใจออกมาส่งฉันอีก” หญิงสาวแสดงความซึ้งใจเอ่ยคำขอบคุณออกมา
“ถ้างั้น…ลาก่อนนะ…เอ่อ…”
“เจมส์”
“เจมส์?”
“ฉันเบลล์…เบลล์ที่มีตัวE”
“ถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีกก็คงจะดีนะ งั้นฉันไปก่อนนะ นายเองก็กลับบ้านระวังด้วยละ” หญิงสาวโบกมือลงหันหลังเดินออกมาชายหนุ่มที่ช่วยเธอ ก่อนจะจังหวะหนึ่งหญิงสาวจะแอบเหลียวหลังกลับไปมองชายหนุ่มอีกครั้งแต่ชายหนุ่มก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
หญิงสาวพยายามหันมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาชายหนุ่มแต่ก็ไม่เห็นเงาแผ่นหลังของใครที่ดูคล้ายชายคนนั้นเลย หญิงสาวยอมตัดใจก่อนหันหลังกลับเดินไปยังจุดนัดหมายที่ผู้เป็นพ่อกำลังรออยู่
เสียงออดบอกเวลาหมดชั่วโมงเรียนคาบสุดท้ายของวันดังขึ้น คุณครูประจำวิชาสั่งงานและกล่าวคำร่ำลาก่อนเดินออกไปจากห้องเรียน ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กของเพื่อนร่วมห้องที่กำลังเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน จับกลุ่มเดินออกไปจากห้องเรียนไปทีละคู่ ทีละกลุ่มจนสุดท้ายในห้องเรียนก็เหลือเพียงเธอคนเดียวในห้องเรียน
หญิงสาวไม่ได้ถูกเพื่อนร่วมห้องรุมเกลียดจนไม่มีใครคบหา แค่เพียงเธอไม่ได้สนิทกับเพื่อนร่วมห้องคนไหนเป็นพิเศษ หญิงสาวรู้จักทุกคนเพียงแค่ผิวเผิน หากไม่จำเป็นเธอก็แทบจะไม่คุยกับใครเกินความจำเป็น แต่ครั้งนี้หญิงสาวกลับรู้สึกอยากจะสนิทกับผู้ชายที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น
หญิงสาวกำลังคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ใบหน้าของเขารวมทั้งกลิ่นเหงื่อที่ผสมเคล้ากับกลิ่นหญ้าทุกอย่างที่สัมผัสได้จากชายหนุ่มยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของเธอ เป็นครั้งแรกเลยที่หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรงเกินกว่าอัตราการเต้นของหัวใจ
เหตุการณ์ในคืนนั้นจะผ่านมาเกือบจะหนึ่งเดือนแล้วแต่หญิงสาวกลับยังเอาแต่คิดถึงผู้ชายคนนั้นอยู่ตลอด ถึงแม้เธอจะรู้จักชื่อของเขาแต่มันก็มีเพียงแค่นั้น ชื่อจริงนามสกุล เบอร์โทรศัพท์มือถือหรือช่องทางโซเชียลอื่น ๆ ก็ไม่มี
สรุปคือหญิงสาวไม่มีช่องทางติดต่อหาชายหนุ่มเลย แค่คิดก็รู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ในตอนนี้ไม่คิดที่จะขอเบอร์โทรศัพท์มือถือหรือไม่ก็บัญชีโซเชียลของเขาเอาไว้เพื่อติดต่อกลับไป
“เลิกคิดเรื่องของเขาได้แล้ว แกยังมีเรื่องต้องทำนะ” ว่าอย่างนั้นหญิงสาวก็หยิบกระเป๋านักเรียนเดินออกจากห้องเรียน
ใจกลางศูนย์การค้าสถานที่ซึ่งรวบรวมร้านค้าที่เหมาะสำหรับวัยรุ่นอีกทั้งยังมีโรงเรียนกวดวิชามากมายหลากหลายแขนงรวมอยู่ในที่เดียวทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่มีแต่นักเรียนวัยมัธยม
หญิงสาวเดินแทรกผ่านผู้คนมากมายเพื่อไปให้ทันชั่วโมงเรียนพิเศษที่กำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ จากความรีบเร่งก่อนหน้านี้กลับค่อย ๆ ช้าลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหยุดนิ่งราวกับถูกตอกตรึงให้อยู่กับที่ เมื่อสายตาสบเข้ากับร่างสูงของชายหนุ่มที่เธอคิดถึงมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
หญิงสาวมองใบหน้าที่เปื่อยไปด้วยรอยยิ้มของเขา กว่าจะรู้ตัวหญิงสาวก็เปลี่ยนทิศเดินตรงเขาไปหาชายหนุ่ม แต่ปลายเท้าก็หยุดชะงักเมื่อเห็นว่าข้างกายของเขามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ข้างกายท่าทางของคนทั้งคู่ดูสนิทกันจนเดาสถานะระหว่างคนทั้งคู่ไม่ออก
หญิงสาวหยุดยืนอยู่กับมองคนสองคนที่กำลังเดินร่นระยะเข้ามาเรื่อย ๆ และเดินสวนกันโดนที่ชายหนุ่มไม่ได้หันมาสนใจเธอแม้แต่น้อย ร่างบางหันหลังมองตามแผ่นหลังของเขาที่ค่อย ๆ เดินออกจากไปเรื่อย ๆ จนแผ่นหลังของเขากลืนหายไปกับกลุ่มฝูงชน
หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ไหลออกมาจากตา ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันแค่เพียงครั้งเดียวแต่ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงได้บอบบางรู้สึกเสียใจกับการถูกเขาเมินเฉยแบบนี้ ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกแบบนี้
สองปีถัดมาหญิงสาวอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากนักเรียนวัยมัธยมปลายเข้าสู่นักศึกษาวัยมหาวิทยาลัย หญิงสาวจับสายกระเป๋าเดินเข้าไปภายในงานต้อนรับนักศึกษาใหม่ที่ถูกจัดขึ้นโดยพวกรุ่นพี่
ร่างบางได้รับริสแบนด์กระดาษที่ถูกเขียนรหัสเลขคู่หูบัดดี้ที่รุ่นน้องต้องตามหาให้เจอก่อนบ่ายของวัน หญิงสาวที่เดิมทีก็เข้าสังคมไม่เก่งอยู่แล้วการที่จะต้องเข้าหาคนอื่นถามไถ่เลขรหัสบัดดี้มันเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับเธอ สายตามองไปยังคนอื่น ๆ ที่เริ่มต้นตามหาบัดดี้ของตัวเองอย่างนึกอิจฉา
“โทษทีนะ รหัสบัดดี้ของเธอคือเลยอะไรงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มหน้าดีเค้าโครงของใบหน้าเป็นไปตามแบบฉบับลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเล ตัวเธอเองค่อนข้างมั่นใจในส่วนสูงของตัวเองแต่พอมีเขามายืนข้าง ๆ เธอกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กไปถนัดตา
“เอ่อคือ…244367” หญิงสาวบอกเลขรหัสที่เขียนติดอยู่บนริสแบนด์ของเธอให้กับชายหนุ่มตรงหน้า
“ดีจริงที่หาเจอตั้งแต่คนแรก” ชายหนุ่มพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา
“ยินดีที่ได้รู้จักฉันเมฆ จิรเมธ”
“เรียนอยู่คณะแพทย์ ยังไงก็หลังจากนี้จนจบงานรับน้องก็ของฝากตัวด้วยนะ” ชายหนุ่มตรงหน้าแนะนำตัว
“เบลล์ ฉันเรียนคณะศิลปกรรมสาขานาฏศิลป์สากล ยินดีที่ได้รู้จักนะและก็ขอฝากตัวด้วยนะ” ร่างบางทักทายและแนะตัวกลับไป
“งั้นไว้เจอกันตอนรับน้องละกัน ฉัน…จริงสิขอเบอร์ของเธอเอาไว้หน่อยสิเผื่อเอาไว้ติดต่อกัน” ชายหนุ่มเอ่ยของเบอร์โทรศัพท์มือถือของหญิงสาว
คนสองคนแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือกันก่อนที่ชายหนุ่มจะแยกตัวออกไป หญิงสาวเลือกที่จะเดินสำรวจมหาวิทยาลัยเดินดูตามอาคารส่วนต่าง ๆ ก่อนจะเดินไปยังตึกคณะของเธอที่กลายเป็นตึกที่เธอจะต้องเดินเข้าออกหลังจากนี้อีกสี่ปี
กิจกรรมรับน้องเริ่มต้นขึ้นในช่วงบ่ายของวันโดยที่พวกรุ่นพี่จัดให้นั่งกันเป็นคู่บัดดี้ กิจกรรมรับน้องจัดต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันหลายคนอาจจะสนุกกับกิจกรรมที่พวกรุ่นพี่จัดให้แต่สำหรับเธอมันเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อ สัมผัสไม่ถึงความสนุกอย่างที่คนอื่น ๆ สัมผัสได้
“เบื่องั้นเหรอ?” จิรเมธเอ่ยถาม
“ก็นิดหน่อยนะ พอดีฉันไม่ค่อยชินกับการทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น ๆ เท่าไร” ร่างบางส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับคู่บัดดี้
“ฉันถามอะไรหน่อยสิ เธอ…ไม่มีเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกันเลยงั้นเหรอหรือไม่ก็เพื่อนใหม่บ้างเหรอ?” ร่างบางส่ายหน้าไปมาตอบคำถามของชายหนุ่ม
“นายถามแบบนั้นทำไม?”
“เปล่าหรอก ฉันเห็นเธอนั่งกินข้าวคนเดียวมาตั้งแต่วันรับน้องวันแรกเลยสงสัยนิดหน่อย”
“ไม่เหงางั้นเหรอ?”
“ไม่นี่ อาจจะเพราะฉันอยู่แบบนี้จนชินแล้วละมั้ง นายไม่ต้องสงสารหรือเห็นใจฉันหรอก ฉันไม่เป็นไร” ร่างบางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่ม
“เที่ยงนี้เธอไปกินข้าวกับฉันสิ ถึงเธอจะบอกว่าไม่เหงาแต่กินข้าวกับคนอื่นมันก็ดีกว่ากินข้าวคนเดียวอยู่แล้ว”
“อืมม์..ขอบคุณนะเมฆ” ร่างบางตอบรับคำเชิญชวนจากจิรเมธ
กิจกรรมรับน้องดำเนินไปจนถึงช่วงเที่ยงของวัน จิรเมธเดินนำคู่บัดดี้ไปยังสถานที่นัดหมายกับกลุ่มเพื่อนของเขา หญิงสาวเริ่มรู้สึกตื่นเต้นประหม่าไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง เพื่อนของจิรเมธจะยินดีต้อนรับเธอหรือเปล่าและถ้าเกิดเพื่อนของจิรเมธไม่ต้อนรับแล้วเธอควรจะทำตัวยังไง
“เบลล์ นี่เพื่อนของฉันเองชื่อตะวัน ธนัทตะวัน” จิรเมธแนะเพื่อนของเขาให้เธอรู้จัก ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้แสดงท่าทางอะไรเพียงแค่ละสายตาจากหนังสือที่กำลังอ่านผงกหัวลงเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสนใจหนังสือของเขาอีกครั้ง
“หวัด…ดี”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกเบลล์ ตะวันมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ค่อยสนใจอะไรนอกจากหนังสือมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว” จิรเมธอธิบายถึงท่าทางเมินเฉยของธนัทตะวัน
หญิงสาวเลือกที่จะนั่งลงข้าง ๆ จิรเมธแทนที่จะนั่งกับธนัทตะวันที่เธอเพิ่งจะรู้จัก
“ที่จริงฉันยังมีอีกคนนะ แต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะสนุกกับชีวิตใหม่ในรั้วมหา’ ลัย” จิรเมธพูดขึ้นปลายสายไปยังเพื่อนสนิทอีกคนที่ยืนอยู่กลางวงนักศึกษาหญิงหลายคน ด้วยความสูงของเขาทำให้หญิงสาวเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าของเขาเหมือนกับใบหน้าของชายที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของเธอเมื่อสองปีก่อน ชายหนุ่มดูยังเหมือนเดิมแต่ก็ดูแตกต่าง ใบหน้าของเขาดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจนแทบไม่เหลือเค้าของความเป็นเด็ก ส่วนสูงก็เพิ่มมากขึ้นจากที่เคยเห็น หญิงสาวไม่รู้ว่าเผลอมองชายหนุ่มนานแค่ไหนรู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“เปิดเทอมไม่กี่วันก็มีสาวตามมานั่งแล้วงั้นเหรอ? ร้ายไม่เบา” ชายหนุ่มเอ่ยพูดขึ้นทันทีที่เห็นว่ามีหญิงสาวแปลกหน้านั่งร่วมโต๊ะ
“เบลล์เป็นคู่บัดดี้ของกู แล้วเบลล์เขาก็ยังไม่ค่อยสนิทกับใครกูเลยชวนให้อยู่กับเรา” จิรเมธอธิบาย
“งั้น…เหรอ? หวัดดีฉันชื่อเจมส์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ชายหนุ่มแนะนำตัวกับหญิงสาว คำทายของเขาทำให้หญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มจำเธอไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ทำไมเธอกลับจำเขาได้ไหมลืม
หญิงสาวพัฒนาความสัมพันธ์กับจิรเมธและธนัทตะวันในระยะที่เท่า ๆ กัน แต่กับชายหนุ่มในความทรงจำกลับกลายเป็นเครื่องยืนยันความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาว่ามันแตกต่างจากที่เธอรู้สึกกับคนอื่นยังไง
…เธอชอบเขา...