รัก,ชาย-หญิง,ไทย,นิยายรัก,นิยายรัก ,นิยายรักชายหญิง,ผันพลอย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
เมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมายจากหลากหลายประเทศ ด้วยความพลุกพล่านและแสงสียามค่ำคืนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพราะสาเหตุนั้นทำให้มันได้ถูกขนานนามเปรียบเปรยถึงนิวยอร์กว่าเป็น นครที่ไม่เคยหลับใหล ร่วมถึงชื่อเล่นอื่น ๆ อย่างกอร์ทเทมและบิ๊กแอปเปิล
นครนิวยอร์กเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการย้ายถิ่นฐานสู่สหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฎหมาย มีภาษามากกว่าแปดร้อยภาษาที่ถูกใช้สื่อสารกันในนครนิวยอร์ก และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีหญิงสาวชาวเอเชียอาศัยและทำงานอยู่ในนครนิวยอร์กแห่งนี้
พัชรียา วงศ์สุรวัฒนาหรือเบลล์ หญิงสาวจากประเทศไทยลูกสาวเพียงคนเดียวของนายภคพงษ์และนางจีรนันท์ วงศ์สุรวัฒนา เด็กสาวถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักและความอบอุ่นจากฐานะทางการเงินของครอบครัวที่อยู่ขั้นที่ว่าดีเลิศ ไม่ว่าพัชรียาอยากจะเรียนหรือลองทำอะไรทั้งพ่อและแม่ต่างค่อยสนับสนุนทุกอย่างอย่างเต็มที่ ตั้งแต่เด็กพัชรียาได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่อยากทำทั้งการเรียนร้องเพลง เรียนเต้น เรียนดนตรีหลาย ๆ ชนิด รวมไปจนถึงการเรียนทำอาหารและขนม
แต่สุดท้ายสิ่งที่พัชรียาได้ลองทำค่อย ๆ หายไปทีละอย่าง หลังจากที่ได้ลองทำและรู้ซึ้งแล้วว่าตัวเองไม่ได้สนใจสิ่งนั้น ๆ ขนาดนั้น แต่สิ่งที่พัชรียายังคงสนใจอยู่ก็คือระบำปลายเท้าหรือที่เรียนในอีกชื่อว่าบัลเลต์
ศิลปะการแสดงที่มีจุดกำเนิดเกิดขึ้นในประเทศอิตาลีในยุคที่เรียกว่ายุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการหรือยุคเรอเนซองส์ บัลเลต์ในยุคนั้นค่อนข้างแตกต่างจากที่รู้จักกันในยุคปัจจุบัน
พัชรียาหลงใหลในการเต้นบัลเลต์มาก ๆ หลังจากที่ได้เห็นอย่างผ่าน ๆ ในแอนิเมชันเรื่องหนึ่งที่ผู้เป็นแม่เปิดให้ดู ความสวยงามและอ่อนช้อยในท่วงท่าการวางจังหวะปลายเท้า
หญิงสาวเริ่มเรียนบัลเลต์ตั้งแต่อายุได้เพียงแค่สี่ขวบเศษจนถึงปัจจุบันที่เธอเริ่มทำงานเป็นนักบัลเลต์ให้กับคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก
หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยจากคณะศิลปกรรมสาขาวิชานาฏยศิลป์ตะวันตก พัชรียาใช้เวลากว่าสองปีในการเข้าคัดตัวในหลาย ๆ คณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียง จนในที่สุดก็สามารถเข้ามาเป็นหนึ่งในนักบัลเลต์หญิงของที่นี่ แม้ว่าเธอจะต้องเดินทางมาไกลกว่าครึ่งค่อนโลกเพื่อทำตามความฝันของเธอก็ตาม
พ่อและแม่ต่างก็ส่งยิ้มด้วยความยินดีและให้กำลังใจอย่างเหลือล้นในวันที่ต้องส่งลูกสาวเพียงคนเดียวออกเดินทางทำตามความฝันของตัวเธอเอง แม้ว่าใจหนึ่งจะไม่อยากให้ลูกสาวออกห่างไปจากอกและต้องอยู่ไกลถึงขนาดนั้น แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่ได้อยากจะกีดกั้นความฝันของลูกสาว สุดท้ายพ่อและก็ทำได้เพียงปล่อยให้ลูกสาวเดินหน้าต่อไปเพียงลำพัง
พัชรียาอาศัยอยู่ในเขตบรูคลินที่เป็นที่รู้จักในทางด้านความหลากหลายทางด้านผู้คน สังคม วัฒนธรรม รวมถึงเรื่องราวอันเกี่ยวเนื่องกับศิลปะและเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมยุคเก่าที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน
อะพาร์ตเมนต์ที่พัชรียาพักอาศัยอยู่ในย่านศิลปะการแสดงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง หนึ่งในนั้นคือคณะบัลเลต์ที่เธอทำงานอยู่ หญิงสาวทำงานเป็นหนึ่งในนักแสดงฝ่ายหญิง ถึงแม้ว่าบทบาทที่เธอมักจะได้รับจะเป็นแค่บทสมทบไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากมายแต่เธอเชื่อมั่นว่าความพยายามในตอนนี้จะค่อย ๆ ส่งผลในอนาคตที่เธอใฝ่ฝัน
ในปีที่สามของการมาอยู่ในสหรัฐอเมริกา ความโดดเดี่ยวและความอ้างว้างเริ่มกัดกินจิตใจ แม้ว่ามันจะห่างหายไปบางเมื่อยามใส่รองเท้าบัลเลต์เต้นไปตามจังหวะเพลงแต่สุดท้ายความรู้สึกโดดเดี่ยวนั้นก็กลับเข้ามาแทนที่อีกครั้ง ความพลุกพล่านและแสงสีเสียงจากนครที่ไม่เคยหลับใหลก็ยิ่งสะท้อนถึงความโดดเดี่ยวภายในใจของเธอ
ร่างบางไม่รู้ว่าเธอควรจะทำยังไงถึงจะกำจัดความโดดเดี่ยวและความอ้างว้างนี้ออกไปจากใจของเธอได้ หลังได้เข้ารับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ พัชรียาก็เลือกที่จะโทรศัพท์พูดกับครอบครัวมากขึ้น หญิงสาวเลือกที่จะไม่เล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับพ่อและแม่ฟังเพราะกลัวว่าพ่อและแม่จะเป็นห่วง จนถึงตอนนี้ก็กำลังจะเข้าสู่ปีที่ห้าในสหรัฐอเมริกาของพัชรียาแล้ว
(เบลล์ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก? หน้าตาหนูดูเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?) เสียงของผู้เป็นแม่ดังสะท้อนผ่านโทรศัพท์มือถือราคาแพง ใบหน้าของผู้เป็นแม่แสดงออกถึงความเป็นห่วง
“เปล่าค่ะแม่ หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” พัชรียานอนเอาแก้มข้างหนึ่งแนบลงกับหมอนหนานุ่มใบโปรด นิสัยส่วนตัวที่แสดงออกถึงการอยากอ้อนที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังเล็ก นอกจากพ่อและแม่แล้วก็ไม่เคยมีใครได้เห็นอีกเลย
(ถ้างั้นหนูก็อย่าหักโหมเกินไปนะลูก กินข้าวให้ตรงเวลา พักผ่อนให้เยอะ ๆ แล้วพยายามอย่าป่วยนะลูก) ประโยคความเป็นห่วงจากคนเป็นแม่ช่วยทำให้ลูกสาวรู้สึกถึงความอบอุ่น
“หนูคิดถึงพ่อกับแม่จังเลยค่ะ อยากกลับบ้านไปเจอหน้าพ่อกับแม่อยากได้กอดอุ่น ๆ ด้วยค่ะ”
(ตายแล้วลูกคนนี้ อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วมาทำให้แม่รู้สึกอย่างกับมีลูกเล็ก ๆ ไม่ได้นะ ถ้าเกิดแม่เหลิงขึ้นมาจะทำยังไง) ใบหน้าของผู้เป็นแม่แสดงท่าทีเขินอาย
(ถ้าเกิดว่าหนูอยากกลับบ้านก็กลับมาสิลูก พ่อกับแม่เองก็อยากจะกอดอยากจะหอมแก้มนุ่ม ๆ ของหนูเหมือนกัน มันนานมากแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน นอกจากโทรเฟซไทม์หากันแบบนี้)
“หนู…อย่างน้อยหนูอยากกลับไปพร้อมความสำเร็จที่สามารถทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวของหนู” พัชรียาพูดถึงเรื่องที่เธอเคยเอ่ยพูดกับพ่อและแม่ในวันที่ตัดสินใจจะเดินทางมาทำตามความฝันในอีกครึ่งโลกที่เธอไม่รู้จักเพียงลำพัง
(พ่อกับแม่รู้ลูก ทั้งพ่อกับแม่ก็คอยเฝ้ามองหนูอยู่ตลอด รู้ว่าหนูกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อให้ความฝันของหนูกลายเป็นความจริง) รอยยิ้มของแม่ลูกถูกส่งถึงกันผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
(ใกล้จะถึงวันเกิดของหนูแล้ว อีกเดี๋ยวหนูก็จะไม่ใช่เด็กหญิงวัยยี่สิบเจ็ดแต่จะกลายเป็นเด็กหญิงวัยยี่สิบแปดแล้วนะ)
“เด็กหญิงวัยยี่สิบแปดงั้นเหรอคะ? แม่ไม่ได้กำลังจะแซวเรื่องอายุกับหนูใช่ไหมคะ?” พัชรียาแกล้งทำหน้าไม่พอใจ
(ตายแล้วลูกคนนี้ แม่จะไปกล้าแซวเรื่องนั้นได้ยังไง)
“แล้วตอนนี้คุณพ่อไปไหนงั้นเหรอคะ? ปกติต้องเข้ามาบอกคิดถึงหนูตลอดไม่ใช่เหรอคะ?” พัชรียาเอ่ยถามถึงผู้เป็นพ่อ
(พ่อเขางั้นเหรอ? ตอนนี้คงกำลังออกรอบตีกอล์ฟอยู่กับประธานจากบริษัทไหนสักบริษัทอยู่ละมั้ง คงกำลังสนุกสุดเหวี่ยงจนลืมแม่ไปแล้วละมั้ง) น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้ลูกสาวรู้ได้ทันทีว่าผู้เป็นแม่กำลังโกรธ
“อ่า~ ตอนนี้ที่นู่นใกล้เที่ยงแล้วนี่คะ หนูว่าแม่ไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานหน่อยดูไหมคะ อย่างสลัดผักปลาแซลมอนหรือไม่ก็สเกียร์ดีไหมคะ?” พัชรียาพยายามเปลี่ยนประเด็นเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่
(นั่นสินะ แม่ควรจะหาของอร่อยลงท้องแทนที่จะไปสนใจเรื่องที่เขาคนนั้นโกหกแม่ แล้วหนีออกไปข้างนอก) ผู้เป็นแม่ยังคงพูดประชดประชันถึงชายผู้เป็นสามีที่โกหกเธอและหนีหายไป
“อย่าโกรธคุณพ่อเขาเลยนะคะ”
(อืมม์ แม่รู้)
(ตายแล้ว ถ้าที่นี่ใกล้เที่ยงงั้นที่นั่นก็ใกล้เที่ยงคืนแล้วสิ) ผู้เป็นแม่เพิ่งจะนึกได้ถึงความแตกต่างของช่วงเวลา
(หนูควรจะพักผ่อนได้แล้วนะลูก โทษทีนะลูกที่ชวนหนูคุยไปเรื่อย ๆ จนเลยเวลาพักผ่อนของหนู)
“ไม่หรอกค่ะ หนูเองก็สนุกที่ได้คุยกับแม่”
“ถ้างั้นหนูวางเลยนะคะ ไว้ว่างอีกเมื่อไรหนูจะโทรไปกวนเวลาของแม่อีกนะคะ”
(ได้เสมอลูก นอนหลับฝันดีนะลูกแล้วค่อยคุยกันใหม่)
หลังจบสายของผู้เป็นแม่ พัชรียากำลังเตรียมตัวเข้านอนตามปกติแต่อยู่ ๆ กลับรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่เข้ามาแทรกซึมภายในจิตใจ
ความโดดเดี่ยวและความเหงา ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพราะอุณหภูมิอากาศรอบข้างหรือเปล่า แขนบางโอบกอดรัดหมอนใบหนาหวังว่ามันจะช่วยคลายความหนาวที่กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ ก่อนที่ความเหนื่อยล้าจะพาเธอเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด
ยามเช้าของเมืองที่ไม่เคยหลับใหลเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความครึกครื้นเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในทุกวัน พัชรียาเหม่อมองออกไปจากหน้าต่างของห้องผู้คนเริ่มออกมาใช้ชีวิต บนทางเท้าเริ่มอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ยิ่งกับวันหยุดแบบนี้ยิ่งดูหนาตามากกว่าวันปกติเป็นพิเศษและสำหรับพัชรียาที่ไม่ได้อยากพบเจอกับความวุ่นวายแบบนั้น พัชรียาจึงเลือกที่ทำงานอดิเรกอยู่ภายในอะพาร์ตเมนต์ของเธอ
พัชรียาละสายตาเดินกลับเข้ามาภายในห้อง และเดินตรงเข้าห้องน้ำจัดการล้างหน้าและแปรงฟัน ความเย็นสะท้านจากอากาศหนาวติดลบทำให้เป็นเรื่องที่ยากสำหรับการสลัดเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำ
หลังจัดการล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พัชรียาก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์วัตถุดิบสำหรับทำขนมปังเบเกอรี และนี่ก็เป็นกิจกรรมยามว่างที่หลงเหลือมาจากความอยากลองทำโน่นทำนี่ในวัยเด็ก แม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้อยากจะเป็นปาติซีแยร์แต่เธอก็ยังคงชอบทำขนมอยู่ บางครั้งหญิงสาวก็มักจะใช้เวลาว่างทำกิจกรรมนี้รวมกับผู้เป็นแม่
ขนมปังที่พัชรียาชอบทำคือครัวซองต์ ขนมปังฝรั่งเศสที่มีต้นกำเนิดมาจากกรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย สัญลักษณ์แห่งชัยชนะหลังจบสงครามระหว่างจักรดิออตโตมันและกรุงเวียนนา ขนมปังที่อัดแน่นไปด้วยเนยจำนวนมหาศาล
แม้ว่าสำหรับนักบัลเลต์อย่างเธอที่จำเป็นต้องควบคุมน้ำหนักและรูปร่างให้อยู่ในมาตรฐานแต่นาน ๆ ครั้งนาน ๆ ทีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยิ่งพัชรียาทำขนมปังด้วยตัวเองแล้วเธอสามารถควบคุมปริมาณของเนยให้อยู่ปริมาณที่เธอรับไว้
ส่วนผสมทุกอย่างถูกตวงตามสัดส่วนตามสูตรที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้วตามแบบฉบับของพัชรียา หลังตัดแต่งครัวซองต์ให้เป็นรูปทรงที่ต้องการเรียบร้อยจัดการทาครีมอัลมอนด์ที่ถูกตีผสมเตรียมเอาไว้ก่อนหน้าก่อนจะค่อย ๆ ม้วนครัวซองต์ให้เป็นรูปทรงไดมอนด์ตามแบบที่นิยมกันในปัจจุบัน
พัชรียาใช้เวลาอบขนมราว ๆ 15นาที ก่อนจะปิดจบโดยการโรยหน้าด้วยอัลมอนด์สไลซ์แล้วอบต่ออีกราว ๆ 5-7 นาที หญิงสาวจัดวางครัวซองต์ลงบนจานรูปทรงสวยงามตกแต่งอย่างสวยงาม ก่อนจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ลงในโซเชียลส่วนตัวที่เป็นเหมือนแฟ้มเก็บสะสมผลงานของเธอ
อะพาร์ตเมนต์ที่พัชรียาอาศัยอยู่มีระเบียงเล็ก ๆ ที่สามารถออกไปนั่งดื่มชาหรือกาแฟพร้อมกับชื่นชมบรรยากาศความวุ่นวายของนครนิวยอร์ก
แม้ว่ารอบข้างจะมีความวุ่นวายขนาดนั้นแต่กลับไม่ได้ช่วยขจัดความโดดเดี่ยวของหญิงสาวออกไปได้เลยแม้แต่น้อย