รัก,ชาย-หญิง,ไทย,นิยายรัก,นิยายรัก ,นิยายรักชายหญิง,ผันพลอย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ชายหนุ่มร่างสูงภายใต้ชุดสูทราคาแพงที่ถูกสั่งตัดเย็บมาอย่างประณีต เรือนผมสีดำธรรมชาติที่ถูกเซ็ทเปิดข้างทิ้งปลายผมส่วนหนึ่งลงมาตามความชอบของเจ้าตัว รูปทรงหน้าตาที่สื่อชัดเจนว่าตัวเขาเป็นคนเอเชีย ชายหนุ่มร่างสูงเพิ่งย้ายมาจากออสเตรียหลังจากใช้ชีวิตมาอย่างสุดเหวี่ยงหลังเรียนจบปริญญาเอกเมื่อสองปีก่อน ชายหนุ่มได้รับการทาบทามให้เข้ามาทำงานในสำนักงานแห่งนี้
รังสิมันต์ ธนเกียรติโกศล ลูกชายเพียงคนเดียวของทนายความชื่อดังของประเทศไทยอย่างรังสิตและผู้หญิงจากตระกูลผู้ดีเก่าอย่างกรองทองและเพราะผู้เป็นพ่อค่อนข้างเจ้าระเบียบรังสิมันต์เลยถูกเลี้ยงดูมาโดยอยู่ในกฎระเบียบมาตั้งแต่เด็ก ๆ
แต่ในช่วงที่ชายหนุ่มเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นรังสิมันต์ก็เริ่มที่จะใช่ชีวิตในแบบของตัวเองทั้งการเที่ยวเล่นเพลิดเพลินไปกับสุราและนารีอย่างที่ใจต้องการ ยิ่งหลังเรียนจบปริญญาตรีรังสิมันต์ตัดสินใจเลือกที่จะเรียนต่อต่างประเทศ ชายหนุ่มก็ยิ่งมีอิสระในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น
รังสิมันต์เดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกาเมื่อราว ๆ สองอาทิตย์ก่อนหน้านี้เพื่อจัดการเรื่องที่อยู่และจิปาถะอื่น ๆ ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มเข้าทำงานอย่างจริงจัง
“โอ้! คุณคือทนายความที่เพิ่งเข้ามาใหม่ใช่ไหมครับ?” ชายวัยกลางนั่งทำงานอยู่กลางห้องลุกขึ้นเดินเข้าหาชายหนุ่มทันที ยื่นมือจับทักทายตามวัฒนธรรมของที่นี่
“สวัสดีครับ ผมเจมส์ครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองด้วยชื่อเล่นเพื่อความสะดวกในการสื่อสาร
“ยินดีที่ได้รู้จักครับผมชื่อแอนโทนี่ วินเทอร์” ชายตรงหน้าแนะนำตัวเองกับรังสิมันต์
“ผมคือหัวหน้าของคุณ…เอ่อ…อีกเดี๋ยวคนที่จะทำหน้าที่เป็นเลขาให้คุณก็น่าจะ…โอ้! มาพอดีเลย”
บานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม ลักษณะท่าทางของชายหนุ่มคนนั้นดูเหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่ถูกจับใส่ชุดสูทมากกว่าที่จะเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงาน
“มิสเตอร์แจ็คสันช่วยรักษามารยาทหน่อยนะครับ ก่อนที่จะเข้ามาก็ควรจะเคาะประตูสักหน่อยนะครับ” แอนโทนี่เอ่ยปากตักเตือนเรื่องที่ชายหนุ่มคนนั้นเปิดประตูเข้ามาภายในห้องทำงานของเขาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
“ขอโทษครับ….แบบนี้โอเคไหมครับ” ชายหนุ่มคนนั้นกลับออกไปจากห้องก่อนจะเคาะประตูห้องและเปิดประตูกลับเข้ามาอีกครั้ง
“เห่อ…ช่างเถอะมานี่สิมิสเตอร์แจ็คสัน”
“นี่คือมิสเตอร์เจมส์ ทนายความคนใหม่ที่จะมาเป็นเจ้านายของคุณ มิสเตอร์เจมส์มาจากประเทศไทยแถมตอนที่เป็นนักเรียนกฎหมายยังเป็นคนที่เก่งมาก ๆ คนหนึ่ง” ชายหนุ่มตรงหน้าโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย
“มิสเตอร์เจมส์ นี่คือมิสเตอร์แจ็คสันคนที่จะทำหน้าที่เป็นเลขาให้กับคุณต่อจากนี้ ผมหวังว่าพวกคนสองคนจะสนิทกันระหว่างที่ทำงานอยู่ด้วยกันนะครับ” แอนโทนี่แนะนำแจ็คสันให้กับตัวรังสิมันต์
“จริงสิ มิสเตอร์แจ็คสันช่วยนำทางไปยังห้องทำงานของมิสเตอร์เจมส์หน่อยสิ ห้องที่เพิ่งรีโนเวทใหม่เมื่อต้นเดือนนะ” แอนโทนี่ฝากให้แจ็คสันช่วยแนะนำและนำทางให้กับรังสิมันต์
คนทั้งสองเดินออกมาจากห้องทำงานของแอนโทนี่ ชายหนุ่มเดินนำหน้ารังสิมันต์ระหว่างเส้นทางจนถึงห้องทำงานของรังสิมันต์ แจ็คสันเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียวทั้งการแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ในสำนักงานและเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่น ๆ รวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขาเองโดยที่รังสิมันต์ไม่ต้องเอ่ยถาม
ห้องทำงานของรังสิมันต์ถูกจัดออกมาด้วยความเรียบง่ายไม่ได้หวือหวา ออกจะอยู่ในแบบมินิมอลง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงไปตามการตกแต่งในสไตล์ที่เจ้าของห้องชื่นชอบ แจ็คสันคอยแนะนำระบบการทำงานของที่นี่และเรื่องเอกสารจนไปถึงคดีที่ถูกส่งมาให้ทนายความหน้าใหม่ได้ลองชิมลางทำดู
ถึงจะเป็นการเริ่มทำงานในสถานที่ใหม่และเพื่อนร่วมงานคนใหม่แต่รังสิมันต์ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแตกต่างจากที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้ การทำงานยังคงเหมือนเดิม รังสิมันต์ได้แต่คาดหวังว่าชีวิตใหม่ในเมืองใหญ่จะมีอะไรที่ดีกว่าที่ผ่าน ๆ มา
ตึกคณะบัลเลต์นิวยอร์กตั้งอยู่ใจกลางเขตบรูคลินซึ่งอยู่ไม่ไกลนักกับอะพาร์ตเมนต์ของพัชรียา หญิงสาวใช้เวลาเดินทางด้วยการเดินเท้าแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็สามารถเดินทางมาถึงตึกแห่งนี้ได้ ชั้นใต้ดินจนถึงชั้นหนึ่งของตึกถูกทุบรวมกันให้กลายเป็นโรงละครสำหรับการจัดการแสดงในแต่ละโอกาสของคณะบัลเลต์และนับตั้งแต่ชั้นสามจนถึงชั้นห้า ถูกทำให้เป็นห้องซ้อมเต้นที่มีทั้งห้องซ้อมขนาดใหญ่ ห้องซ้อมขนาดกลางและห้องซ้อมขนาดเล็กสำหรับใช้ซ้อมการแสดงเดียว
นักบัลเลต์ราวครึ่งร้อยกำลังเตรียมตัววอร์มอัพร่างกายอยู่ในห้องซ้อมขนาดใหญ่เพื่อให้พร้อมสำหรับการซ้อมเพื่อดูภาพรวมจากคนที่เป็นทั้งครูควบคุมการแสดงและยังเป็นคนที่คอยคิดการแสดงชุดใหม่ ๆ อยู่ตลอด
มาร์ธา ทาคาฮาชิ อดีตนักบัลเลต์ชื่อดังที่ผันตัวมาทำงานเป็นผู้ควบคุมการแสดงให้กับคณะบัลเลต์นิวยอร์ก ตัวของมาร์ธาเป็นลูกครึ่งที่มีพ่อเป็นชาวญี่ปุ่นและแม่ที่เป็นชาวอเมริกัน ถึงแม้ว่าตัวมาร์ธาจะเคร่งเครียดและจริงจังจนทำให้คนรอบข้างรู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลาแต่นั่นก็เป็นเพราะเธออยากให้การแสดงออกมาดีที่สุด
ระหว่างที่กำลังอยู่ในช่วงวอร์มอัพ อยู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาในห้องซ้อมก่อนที่ไปนั่งประจำอยู่ด้านหลังสุดของห้องซ้อม ถ้าสายตาของพัชรียาไม่ฝาดไปหนึ่งในสองคนนั้นคือ อันนา พาโลนา ผู้เป็นเจ้าของคณะบัลเลต์แห่งนี้ ส่วนชายหนุ่มอีกคนก็น่าจะเป็นลูกชายของเธอที่ชื่อว่า วิลเลียม พาโลนา
การมาถึงของอันนาไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไรเพราะเธอมักจะมาดูภาพรวมการแสดงก่อนที่จะเริ่มการแสดงอยู่เสมอแต่ที่น่าแปลกคือการที่ลูกชายผู้ไม่เอาไหนของเธอติดสอยห้อยตามมาด้วย
ไม่นานนักหลังจากนั้น การซ้อมครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้นและดำเนินไปตามลำดับจนจบการแสดง แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่ทุกคนก็ทำในส่วนของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่
หลังจากที่มาร์ธาอธิบายและแนะนำในจุดที่ยังบกพร่องให้กับแต่ละคนอย่างใส่ใจ ก่อนที่อันนาจะเดินเข้ามาและพูดให้กำลังใจกับนักบัลเลต์ทุกคนเหมือนอย่างปกติที่ทำประจำทุกครั้ง แต่ผิดกับวิลเลียมที่ดูไม่ได้สนใจอะไรกับการแสดงในครั้งนี้ สิ่งที่เขาสนใจเป็นพิเศษคือการใช้สายตาสอดส่องมองรูปร่างของนักบัลเลต์หญิงหลายคนอย่างพึงพอใจ วิลเลียมเดินเข้าหาและแนะนำตัวกับนักบัลเลต์หญิงหลาย ๆ คนรวมถึงพัชรียา
“ไฮ!! สาวเอเชีย เธอมาจากที่ไหนงั้นเหรอ? มาจากจีนหรือเปล่า? หนี่ฮ่าว! หนี่ฮ่าว!” คำพูดน่ารังเกียจออกมาจากปากของวิลเลียมทำให้หญิงสาวแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าคำพูดของเขามีผลต่อความรู้สึกของเธอ
“ว่าไงสาวเอเชีย ไม่พูดอะไรหน่อยหรือยังไงหรือว่าสำเนียงของฉันฟังยากไปงั้นเหรอ?” วิลเลียมพยายามปรับสำเนียง แต่การพูดของเขามันไม่ต่างอะไรกับการเหยียดสำเนียงของคนที่ไม่ได้มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่
“เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร” วิลเลียมยังคงเอ่ยพูดประโยคด้วยสำเนียงล้อเลียน
“ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นใคร ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณวิลเลียม” พัชรียายอมเอ่ยปากทักทายชายหนุ่มตรงหน้า
“ฉันชื่อเบลล์ค่ะ” พัชรียาแนะนำตัวแม้ว่าจะไม่ได้อยากทำก็ตามที
“โอ้~ เพิ่งเคยเจอคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษเก่งขนาดนี้เลยนะเนี่ย คิดว่าพวกคนจีนจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ซะอีก”
“อย่างนั้นเหรอคะ ยังไงก็ขอเสียมารยาทขอตัวไปก่อนนะคะพอดีฉันอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับบ้านแล้วน่ะค่ะ” พัชรียากำลังจะเดินออกไปจากห้องซ้อม แต่ที่ก่อนเธอจะเดินออกไปเธอก็หันหลังกลับมาพูดประโยคทิ้งท้ายเอาไว้…
“คุณวิลเลียมคะ ที่จริงฉันเป็นคนไทยนะคะ ฉันไม่รู้ว่าคุณมีความคิดยังไงเกี่ยวกับคนเอเชีย แต่คนเอเชียมีความสามารถมากกว่าที่คุณคิดนะคะ”
พัชรียาเดินเข้ามาภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับนักบัลเลต์ฝ่ายหญิง นักบัลเลต์หลายคนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน หนึ่งในนั้นคือ…
ลีแอนน์ จอห์นสัน นักแสดงหลักฝ่ายหญิงที่ครอบครองตำแหน่งนี้มายาวนานตั้งแต่ที่เธอย้ายมาที่นี่ แต่ที่ทำให้พัชรียารู้สึกลำบากใจที่สุดคือตัวของลีแอนน์เป็นคนที่ค่อนข้างหยิ่งยโสและชอบมองเหยียดคนอื่นให้อยู่ต่ำกว่าตัวเองเสมอ
สายตาของลีแอนน์มองตรงมายังตัวเธอที่เพิ่งเดินเข้ามา พัชรียาไม่ได้สนใจสายตาของลีแอนน์เดินตรงไปยังตู้ล็อกเกอร์ของตัวเอง
“ที่เขาบอกว่าผู้หญิงไทยมันร่านคงจะจริงสินะ” คำพูดของลีแอนน์ที่พูดขึ้นมาลอย ๆ แต่เจาะจงอย่างชัดเจนว่ากำลังพูดถึงใครอยู่
“นอกจากจะร่านแล้วคงอยากจะหาเส้นสายเพื่อทำให้ตัวเองมีโอกาสได้รับบทดี ๆ แทนที่จะพยายามคว้าบทดี ๆ มาด้วยความสามารถของตัวเอง”
พัชรียาไม่ได้สนใจคำพูดของลีแอนน์ปล่อยให้เธอพูดไปอย่างปากเธออยากจะพูดแทนที่หญิงสาวจะเข้าไปยุ่งทำให้ชีวิตของเธอต้องยุ่งวุ่นวายเข้าไปอีก หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินออกไปจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ใช่คนที่จะทนต่อคำพูดดูถูกพวกนั้นแต่การอยู่เฉย ๆ ไม่ตอบโต้อะไรก็เป็นการรับมือที่เธอคิดว่าดีที่สุด
พัชรียานัดเจอกับมีอาตรงหน้าตึกคณะบัลเลต์ คนทั้งสองมีนัดทำอาหารเย็นด้วยกันในคืนนี้ร่วมถึงมีอาที่จะนอนค้างคืนที่อะพาร์ตเมนต์ของพัชรียาด้วย หญิงสาวรู้สึกดีที่ในคืนนี้เธอจะไม่ต้องอยู่ตามลำพังกับความโดดเดี่ยวและความอ้างว้าง อย่างน้อยก็คืนนี้…
เสียงเพลงดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ แสงไฟสลัวชวนให้บรรยากาศค่อนข้างชวนมัวเมา แม้ว่าจะไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ตาม รังสิมันต์กำลังมีความสุขกับบรรยากาศแบบนี้ บรรยากาศที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกถึงความผ่อนคลายได้มากทีเดียวหลังจากเคร่งเครียดมากับการทำงาน
รอบข้างมีหญิงสาวหลากหลายสัญชาติที่พร้อมจะหาความสุขในค่ำคืนนี้และตัวเขาเองก็เช่นกัน รังสิมันต์รักชีวิตโสดของตัวเองยิ่งกว่าอะไรดีและนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ตัวเขาไม่มีความคิดที่จะเอาชีวิตโสดของตัวเองไปผูกมัดเอาไว้กับคนอื่น
หลังจากที่พูดคุยกับหญิงสาวชาวอเมริกันหน้าตาสะสวยและรูปร่างอวบอิ่มอย่างที่ไม่ค่อยได้เจอกันในหญิงสาวชาวเอเชีย คนทั้งสองต่างช่วยกันเติมเต็มอารมณ์และความต้องการให้กันและกันอย่างเต็มอัตรา หลังเสร็จสิ้นธุระต่อกันต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
รังสิมันต์ตรวจเช็กข้อความระหว่างที่กำลังเติมความสุขนั้นมีใครส่งข้อความเข้ามาบ้างหรือเปล่า ในบรรดาข้อความหลาย ๆ ข้อความที่ถูกส่งเข้ามามีข้อความหนึ่งจากเพื่อนสนิทส่งเข้ามาแสดงความยินดีกับการเข้าทำงานในที่ใหม่ แม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อหากันบ่อยนักแต่ความสัมพันธ์ก็ยังคงเหนียวแน่นที่ก่อตัวกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย ชายหนุ่มต่อสายหาผู้เป็นเพื่อนระหว่างที่เดินทางกลับเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของตัวเขาเอง