จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ
ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,ดราม่า,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ
'ไม่ต้องมอบหัวใจให้ฉันก็ได้ แต่อย่ายกหัวใจนายให้ใคร
ตอนที่ 3
...โอเมก้าในอุ้งมือ...
อัลฟ่าเจ้าของเรือนร่างสูงตระหง่านยืนพิงกรอบหน้าต่างจ้องมองรถประจำตระกูลคาร์ไมน์อย่างไม่ละสายตา มันแล่นผ่านประตูใหญ่ มุ่งตรงมาทางคฤหาสน์แอชเดลด้วยความเร็วที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนที่นั่งโดยสารมามีความรุ่มร้อนใจเพียงใด เสียงเครื่องยนต์ดังก้องท่ามกลางความเงียบสงัดในยามราตรีและยังเล็ดลอดเข้ามาในห้องนอนบนชั้นสองของคฤหาสน์หลังนี้อีกด้วย
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งเอสเทลล์ยกยิ้มมุมปาก ดวงตาสีฟ้าอมเทาทอประกายในความมืดสลัวที่มีเพียงแสงโคมไฟข้างเตียงให้ความสว่าง
“ตรงเวลาดีจริง” อัลฟ่าหนุ่มพึมพำพลางผละจากหน้าต่าง ก้าวโหย่ง ๆ มาที่โซฟาบุผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้มซึ่งอยู่ปลายเตียง หย่อนกายลงนั่งเอนหลังพิงพนัก สองแขนพาดบนที่วางแขนของโซฟาด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย ทว่าดวงตาคู่คมที่จับจ้องไปที่ประตูนั้นกลับดูคาดหวังและตื่นเต้นกว่าเคย
เมลวิน คาร์ไมน์ไม่ใช่คนแรกที่ถูกส่งตัวมายังคฤหาสน์หลังนี้ มีหลายต่อหลายคนที่เข้ามาปรนเปรอให้ความสุขสมแก่เขา คนแล้วคนเล่า ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่เคยมีใครทำให้นายพลวาดิม มิลฟอร์ดผู้นี้ผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งจนขาดไม่ได้แม้แต่คนเดียว
เขาได้ลิ้มลองความหวานมาเกือบทุกรูปแบบ ทั้งคนที่หวานหยดย้อย ทั้งคนที่เซ็กซี่เย้ายวน บางคนก็ห้าวเป้งชนิดที่ทำให้เลือดตกยางออก บางคนก็ใสซื่อไร้เดียงสา แต่สำหรับเมลวินกลับต่างออกไป เขารู้สึกสนใจหนุ่มน้อยผู้นี้เป็นพิเศษ อาจเพราะอีกฝ่ายเป็นอัลฟ่ากลายพันธุ์ที่หาได้ยาก ซ้ำยังกลายมาเป็นโอเมก้าที่มีความบกพร่องทางร่างกายเนื่องเพราะไม่มีกลิ่นฟีโรโมนเสึยด้วย
ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากของฟาเบียส เขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เหตุผลของความสนใจที่ผุดขึ้นมาอย่างกระทันหันนั้น ยากจะบอกให้แน่ชัด อาจเป็นช่วงเวลาของความเบื่อหน่าย หรืออาจเพราะเขาเว้นว่างจากเรื่องกามารมณ์มานานพอควรแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเอสเทลล์พูดว่าจะยกลูกชายคนเล็กให้เขา จึงบังเกิดความสนอกสนใจและอยากรู้อยากลองขึ้นมาทันที
'คุณว่ายังไงนะ'
ทีแรก วาดิมนึกว่าตัวเองหูฝาดไป แต่ที่ไหนได้สิ่งที่เขาได้ยินนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย
'ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมจะยกลูกชายให้คุณจริง ๆ' ฟาเบียสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงความเสียใจ กดดันหรือขมขื่นแม้แต่น้อยนิด 'กลายพันธุ์เป็นโอเมก้า ผมพอเข้าใจได้ แต่เป็นโอเมก้าพิการ ผมรับไม่ไหว ถ้าเรื่องนี้ลือออกไป ไม่ใช่แค่มันที่โดนดูถูก แต่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของผมที่สั่งสมมาคงย่อยยับป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี'
'คุณกำลังจะบอกว่าคุณรักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมากกว่าลูกชาย?'
'ใช่...ผมยอมรับ แต่ผมก็ไม่ได้ไม่ห่วงมันนะครับท่านจอมพล ก็เพราะห่วงนี่แหละผมถึงอยากให้คุณช่วยดูแล โอเมก้าพิการอย่างมันคงไม่มีใครเอา หนำซ้ำจะโดนเหยียบย่ำซ้ำเติมเอาเสียอีก อย่างน้อยๆ ถ้าได้เป็นคนของคุณก็คงไม่มีใครกล้าดูถูกดูแคลนมัน'
จอมพลวาดิมผู้มีเชื้อสายกษัตริย์ เป็นพระญาติห่าง ๆ ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ทว่ามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นราวกับพี่น้องคลานตามกันมา นอกจากความยิ่งใหญ่ทางสายเลือดแล้ว อัลฟ่าหนุ่มวัยสามสิบสามปีผู้นี้ยังเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของทั้งสามเหล่าทัพ เป็นจอมพลผู้เก่งกาจมากล้นด้วยอำนาจ เมื่อคราวโจรสลัดอาละวาดทางทะเลตอนใต้ วาดิมเป็นผู้นำเหล่าทหารเรือ ปราบปรามโจรสลัดเหล่านั้นจนสำเร็จภายในเวลาไม่กี่เดือน ยังมีกบฏทางตอนเหนือ ก็เป็นคนผู้นี้อีกเช่นกันที่จัดการเหล่ากบฏจนสิ้นซาก ชื่อเสียงอำนาจของวาดิมจึงมากล้น มีแต่คนให้ความเคารพยกย่อง และมีอีกไม่น้อยที่อยากเกี่ยวดองผูกสัมพันธ์ถึงขั้นยกลูกสาวลูกชายใส่พานถวายด้วยความเต็มใจ แต่ยังคงไม่มีใครเป็นผู้ถูกเลือก หนึ่งในคนเหล่านั้น บางคนได้คบหาออกหน้าออกตา บางคนเป็นได้แค่นางหรือนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราว ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนอยากเป็นคุณนายมิลฟอร์ดมากมายจนนับไม่ถ้วน เพราะหากโชคดีได้ปรองดองกัน ตระกูลฝ่ายภรรยาก็จะได้รับการยกย่องเชิดหน้าชูตา ได้ยกระดับตัวเองไปโดยปริยาย
'ลูกชายของคุณน่าสนใจดีนะครับ แต่ผมไม่เคยเจอหน้าเขาแม้แต่ครั้งเดียว ผมคงให้คำตอบในทันทีไม่ได้ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่คุณน่าจะเข้าใจผิด การที่จะมาเป็นคนของผมไม่ได้หมายความว่าผมจะยกย่องให้เป็นภรรยานะครับ'
'ครับ ผมทราบ'
'แล้วคุณยังยอม...'
'ผมมั่นใจว่าคุณจะต้องชอบลูกชายของผม'
คำพูดของฟาเบียสทำให้วาดิมทั้งขมวดคิ้วและทั้งหัวเราะอย่างเห็นขัน
'คุณดูมั่นใจเหลือเกินนะคุณคาร์ไมน์'
'มาพนันกันดีไหมครับ'
'พนัน?' คิ้วเข้มเลิกสูง ประกายตาสีฟ้าอมเทาสว่างวาบขึ้นมาด้วยความท้าทาย 'คุณมีสิทธิ์อะไรมาพนันกับผม'
'ไม่มีสิทธิ์หรอกครับ' ฟาเบียสยิ้มมุมปาก 'ผมแค่หาทางรอดให้ลูกชาย'
'คณคิดว่าสิ่งที่คุณทำดีสำหรับลูกชายของคุณ?'
'อย่างน้อยก็เป็นทางรอดทางหนึ่ง'
'ถ้าล้มเหลวล่ะครับ'
'ผมก็แค่ส่งเขาไปอยู่ที่ไหนสักที่ ให้ไกลจากอาร์เดนก็พอ'
อาร์เดนคือเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเอสเทลล์ ยิ่งอยู่ไกลจากเมืองหลวงเท่าไร ความฟุ้งเฟ้อรุ่มรวยก็ยิ่งลดน้อยถอยลงเท่านั้น ชาวบ้านธรรมดาไม่มีทางมาสนใจว่าเมลวินเป็นใครมาจากไหน ไม่ถามไถ่ความเป็นมา ไม่สนใจว่าเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลหรือทายาทมหาเศรษฐีตระกูลใด
...การไปอยู่ในชนบทเป็นทางเลือกไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลย
'ทำไมคุณไม่ส่งเขาไปเสียตอนนี้เลยล่ะ'
'ผมยังหวังให้เขามีหน้ามีตาในสังคม ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าผมมีลูกสามคน ถ้าหายไปคนหนึ่ง' เจ้าตัวยักไหล่ ส่ายหน้าไปมา 'ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง'
'แล้วคุณหวังอะไรจากผม'
'หวังให้คุณเป็นลูกเขยของผม'
คำตอบตรงไปตรงมา แต่ดูน่าเหลือเชื่อเกินไป มีหลายตระกูลที่ต้องการให้วาดิมเป็นลูกเขย แต่ไม่เคยมีใครกล้าเสนออัลฟ่ากลายพันธุ์ที่กลายมาเป็นโอเมก้าพิการให้เขามาก่อน
...ช่างเป็นพ่อที่มีความกล้าและหน้าหนาเสียจริง ๆ!
'คุณกล้าพนันกับผมไหม'
วาดิมเป็นคนรักศักดิ์ศรี เย่อหยิ่ง และหลงใหลในชัยชนะ เมื่อได้รับคำท้าเช่นนี้ แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความเป็นคนอยากเอาชนะทำให้ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำปฏิเสธออกมา
สมองสั่งการอย่างหนึ่ง แต่ปากเจ้ากรรมกลับโพล่งออกไปว่า
'เอาสิครับ คุณกล้าพนัน ผมก็กล้ารับ' 'ได้!' เขารับคำท้าทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้าคนที่เอ่ยถึงมาก่อน แต่ก็ช่างเถอะ ...จากที่เคยเจอมาร์คัสพี่ชายของอีกฝ่ายสองหน หน้าตาหล่อเหลาเอาการ กับมิราเบลผู้เป็นพี่สาว เคยพบกันหนหนึ่ง หน้าตาสะสวยใช้ได้ คิดว่าพี่น้องคงไม่ต่างกันเท่าไรถึงจะคนละแม่ก็ตาม
'แต่บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่เคยแพ้พนันใคร'
'คราวนี้คุณต้องแพ้' ฟาเบียสท้าทายอยู่ในที
คนรับคำท้าส่งเสียงหึในลำคอ ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะขัดมันเงาวับอย่างใช้ความคิด
'ว่าแต่คุณจะพนันยังไง'
'แต่งงาน'
คนฟังผิวปากหวือ 'มากเกินไปมั้งครับคุณคาร์ไมน์'
'สำหรับลูกชายผม มันไม่มากเกินไปหรอกครับ'
'เงื่อนไขล่ะครับ'
'ภายในหนึ่งปี ถ้าคุณหลงรักลูกชายของผม คุณต้องแต่งงานกับเขา ยกย่องเขาเป็นภรรยาและต้องให้คำมั่นว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด'
'แล้วถ้าผมชนะล่ะ'
'ผมจะยกเหมืองพลอยที่เมืองคาร์ซานให้คุณ'
'น้อยไปหรือเปล่าครับ' อัลฟ่าหนุ่มทำสีหน้าไม่พอใจนัก แต่เพียงอึดใจเดียวก็พยักหน้า 'ตกลงครับ เรามาพนันกัน'
พนันนี้มีแต่ได้กับได้ วาดิมไม่คิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ แม้เศษเสี้ยวก็ไม่แวบเข้ามาในหัวเลยแม้แต่นิดเดียว
'ว่าแต่ผมจะเจอหน้าลูกชายของคุณได้ที่ไหน'
'พรุ่งนี้บ่าย ๆ คุณลองแวะไปที่บ้านผม แล้วคุณจะได้เจอ'
วันนั้นคือวันแรกที่วาดิมได้เจอกับเมลวิน หน้าตาของโอเมก้าหนุ่มมีความคลับคล้ายพี่สาวอยู่มาก เพียงแต่กรอบหน้ามีเหลี่ยมคมแบบบุรุษเพศ เสริมความโดดเด่นด้วยดวงตาคล้ายเมล็ดอัลมอนด์สีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่งทว่าดูเล็กน่ารักรับกับใบหน้าเรียว แก้มยุ้ย ๆ เหมือนเด็กแบเบาะมากกว่าจะเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปี
...รวม ๆ แล้วพอดูได้ ให้นั่งดูเพลิน ๆ ก็น่าจะได้อยู่ละมัง
ความคิดของนายพลวาดิมสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยอยู่หน้าห้อง เขาขยับตัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น ฉับพลันที่ได้ยินเสียงคนข้างนอกขออนุญาตเข้ามาก็รีบตะโกนตอบ
"เข้ามาสิ"
สิ้นเสียงนั้นประตูห้องก็เปิดออก ลอเรนก้าวเข้ามาเป็นคนแรกพร้อมรอยยิ้ม
"ดิฉันไม่ได้มาสายใช่ไหมคะ"
วาดิมลุกยืน ส่งยิ้มตอบพร้อมกับเอ่ยตอบอย่างสุภาพ "ไม่สายครับ"
ดวงตาคู่คมแลเลยไปทางด้านหลัง เห็นเมลวินนอนพาดอยู่บนบ่าของชายฉกรรจ์ร่างยักษ์คนหนึ่ง
"ให้วางตรงไหนดีคะท่าน"
"วางบนเตียงได้เลยครับ"
เมื่อได้ยินคำตอบ ชายร่างยักษ์จึงบรรจงวางเจ้านายของตนอย่างระมัดระวัง ประหนึ่งเป็นสินค้าแตกง่ายที่ต้องทะนุถนอมไม่ให้ตกแตกไปเสียก่อน
เมลวินขยับตัวส่งเสียงครางเบา ๆ ลอเรนเหลือบมองอย่างเกรง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะตื่น ครั้นเห็นเด็กหนุ่มยังคงหลับใหลไม่ได้สติจึงถอนหายใจเบา ๆ
"เรียบร้อยแล้วนะคะท่าน ดิฉันขอตัวกลับเลยะนะคะ"
ไม่รอช้า ลอเรนเอ่ยลาแล้วรีบรุดออกจากห้องโดยเร็ว ไม่นานนักเสียงล้อรถบดกับถนนก็ดังขึ้นอยู่อึดใจก่อนจะจางหายไป
คฤหาสน์แอชเดลตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครา วาดิมซึ่งยืนพิจารณาคนที่นอนอยู่บนเตียงพักหนึ่งค่อย ๆ ทรุดนั่งลงบนเตียง เอื้อมมือไปเขี่ยผมหน้าม้าที่ตกลงมาปิดบังส่วนหนึ่งของใบหน้าอ่อนเยาว์
นิ้วหยาบกร้านลากแผ่วเบาไปตามหน้าผากเกลี้ยงเกลา เลื่อนลงมาตามสันจมูก สะกิดเบา ๆ ที่แก้มนุ่ม ก่อนจะลากต่ำลงมาสัมผัสริมฝีปากนุ่มที่เผยอน้อย ๆ โอเมก้าหนุ่มพึมพำอะไรบางอย่างแผ่วเบา งับปลายนิ้วของเขาเบา ๆ สองสามหน ลมหายใจของอัลฟ่าสะดุดอย่างไม่มีเหตุผล หัวคิ้วของวาดิมแสดงถึงความสงสัย แค่ปากเล็ก ๆ จิ้มลิ้มของโอเมก้าพิการคนหนึ่งจะสร้างความปั่นป่วนในตัวเขาได้อย่างไร
ด้วยความโมโหเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...
ด้วยความที่เห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ...
ด้วยความที่ถือว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่า...
ชายหนุ่มจึงสั่งสอนโอเมก้าผู้หลับใหลด้วยจูบร้อนแรงจูบหนึ่ง
ริมฝีปากหยักหยาบประทับลงไป ในขณะที่มือใหญ่บีบแก้มยุ้ย ๆ เล็กน้อย บังคับให้คนตัวเล็กกว่าเผยอริมฝีปาก เปิดรับเรียวลิ้นที่จงใจรุกรานอย่างแน่วแน่
เมื่อปลายลิ้นสัมผัสกัน เสียงครางของอัลฟ่าตัวโตก็ดังแทรกขึ้นมาในความสงัด
พร้อมกับเสียงอุทานแผ่วเบาของคนที่เพิ่งตื่น
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเปิดออก กะพริบปริบ ๆ สองสามคราว ก่อนจะเบิกโพลงด้วยความตกใจ
...โอเมก้าในอุ้งมือ...
อัลฟ่าเจ้าของเรือนร่างสูงตระหง่านยืนพิงกรอบหน้าต่างจ้องมองรถประจำตระกูลคาร์ไมน์อย่างไม่ละสายตา มันแล่นผ่านประตูใหญ่ มุ่งตรงมาทางคฤหาสน์แอชเดลด้วยความเร็วที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนที่นั่งโดยสารมามีความรุ่มร้อนใจเพียงใด เสียงเครื่องยนต์ดังก้องท่ามกลางความเงียบสงัดในยามราตรีและยังเล็ดลอดเข้ามาในห้องนอนบนชั้นสองของคฤหาสน์หลังนี้อีกด้วย
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งเอสเทลล์ยกยิ้มมุมปาก ดวงตาสีฟ้าอมเทาทอประกายในความมืดสลัวที่มีเพียงแสงโคมไฟข้างเตียงให้ความสว่าง
“ตรงเวลาดีจริง” อัลฟ่าหนุ่มพึมพำพลางผละจากหน้าต่าง ก้าวโหย่ง ๆ มาที่โซฟาบุผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้มซึ่งอยู่ปลายเตียง หย่อนกายลงนั่งเอนหลังพิงพนัก สองแขนพาดบนที่วางแขนของโซฟาด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย ทว่าดวงตาคู่คมที่จับจ้องไปที่ประตูนั้นกลับดูคาดหวังและตื่นเต้นกว่าเคย
เมลวิน คาร์ไมน์ไม่ใช่คนแรกที่ถูกส่งตัวมายังคฤหาสน์หลังนี้ มีหลายต่อหลายคนที่เข้ามาปรนเปรอให้ความสุขสมแก่เขา คนแล้วคนเล่า ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่เคยมีใครทำให้นายพลวาดิม มิลฟอร์ดผู้นี้ผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งจนขาดไม่ได้แม้แต่คนเดียว
เขาได้ลิ้มลองความหวานมาเกือบทุกรูปแบบ ทั้งคนที่หวานหยดย้อย ทั้งคนที่เซ็กซี่เย้ายวน บางคนก็ห้าวเป้งชนิดที่ทำให้เลือดตกยางออก บางคนก็ใสซื่อไร้เดียงสา แต่สำหรับเมลวินกลับต่างออกไป เขารู้สึกสนใจหนุ่มน้อยผู้นี้เป็นพิเศษ อาจเพราะอีกฝ่ายเป็นอัลฟ่ากลายพันธุ์ที่หาได้ยาก ซ้ำยังกลายมาเป็นโอเมก้าที่มีความบกพร่องทางร่างกายเนื่องเพราะไม่มีกลิ่นฟีโรโมนเสึยด้วย
ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากของฟาเบียส เขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เหตุผลของความสนใจที่ผุดขึ้นมาอย่างกระทันหันนั้น ยากจะบอกให้แน่ชัด อาจเป็นช่วงเวลาของความเบื่อหน่าย หรืออาจเพราะเขาเว้นว่างจากเรื่องกามารมณ์มานานพอควรแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเอสเทลล์พูดว่าจะยกลูกชายคนเล็กให้เขา จึงบังเกิดความสนอกสนใจและอยากรู้อยากลองขึ้นมาทันที
'คุณว่ายังไงนะ'
ทีแรก วาดิมนึกว่าตัวเองหูฝาดไป แต่ที่ไหนได้สิ่งที่เขาได้ยินนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย
'ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมจะยกลูกชายให้คุณจริง ๆ' ฟาเบียสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงความเสียใจ กดดันหรือขมขื่นแม้แต่น้อยนิด 'กลายพันธุ์เป็นโอเมก้า ผมพอเข้าใจได้ แต่เป็นโอเมก้าพิการ ผมรับไม่ไหว ถ้าเรื่องนี้ลือออกไป ไม่ใช่แค่มันที่โดนดูถูก แต่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของผมที่สั่งสมมาคงย่อยยับป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี'
'คุณกำลังจะบอกว่าคุณรักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมากกว่าลูกชาย?'
'ใช่...ผมยอมรับ แต่ผมก็ไม่ได้ไม่ห่วงมันนะครับท่านจอมพล ก็เพราะห่วงนี่แหละผมถึงอยากให้คุณช่วยดูแล โอเมก้าพิการอย่างมันคงไม่มีใครเอา หนำซ้ำจะโดนเหยียบย่ำซ้ำเติมเอาเสียอีก อย่างน้อยๆ ถ้าได้เป็นคนของคุณก็คงไม่มีใครกล้าดูถูกดูแคลนมัน'
จอมพลวาดิมผู้มีเชื้อสายกษัตริย์ เป็นพระญาติห่าง ๆ ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ทว่ามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นราวกับพี่น้องคลานตามกันมา นอกจากความยิ่งใหญ่ทางสายเลือดแล้ว อัลฟ่าหนุ่มวัยสามสิบสามปีผู้นี้ยังเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของทั้งสามเหล่าทัพ เป็นจอมพลผู้เก่งกาจมากล้นด้วยอำนาจ เมื่อคราวโจรสลัดอาละวาดทางทะเลตอนใต้ วาดิมเป็นผู้นำเหล่าทหารเรือ ปราบปรามโจรสลัดเหล่านั้นจนสำเร็จภายในเวลาไม่กี่เดือน ยังมีกบฏทางตอนเหนือ ก็เป็นคนผู้นี้อีกเช่นกันที่จัดการเหล่ากบฏจนสิ้นซาก ชื่อเสียงอำนาจของวาดิมจึงมากล้น มีแต่คนให้ความเคารพยกย่อง และมีอีกไม่น้อยที่อยากเกี่ยวดองผูกสัมพันธ์ถึงขั้นยกลูกสาวลูกชายใส่พานถวายด้วยความเต็มใจ แต่ยังคงไม่มีใครเป็นผู้ถูกเลือก หนึ่งในคนเหล่านั้น บางคนได้คบหาออกหน้าออกตา บางคนเป็นได้แค่นางหรือนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราว ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนอยากเป็นคุณนายมิลฟอร์ดมากมายจนนับไม่ถ้วน เพราะหากโชคดีได้ปรองดองกัน ตระกูลฝ่ายภรรยาก็จะได้รับการยกย่องเชิดหน้าชูตา ได้ยกระดับตัวเองไปโดยปริยาย
'ลูกชายของคุณน่าสนใจดีนะครับ แต่ผมไม่เคยเจอหน้าเขาแม้แต่ครั้งเดียว ผมคงให้คำตอบในทันทีไม่ได้ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่คุณน่าจะเข้าใจผิด การที่จะมาเป็นคนของผมไม่ได้หมายความว่าผมจะยกย่องให้เป็นภรรยานะครับ'
'ครับ ผมทราบ'
'แล้วคุณยังยอม...'
'ผมมั่นใจว่าคุณจะต้องชอบลูกชายของผม'
คำพูดของฟาเบียสทำให้วาดิมทั้งขมวดคิ้วและทั้งหัวเราะอย่างเห็นขัน
'คุณดูมั่นใจเหลือเกินนะคุณคาร์ไมน์'
'มาพนันกันดีไหมครับ'
'พนัน?' คิ้วเข้มเลิกสูง ประกายตาสีฟ้าอมเทาสว่างวาบขึ้นมาด้วยความท้าทาย 'คุณมีสิทธิ์อะไรมาพนันกับผม'
'ไม่มีสิทธิ์หรอกครับ' ฟาเบียสยิ้มมุมปาก 'ผมแค่หาทางรอดให้ลูกชาย'
'คณคิดว่าสิ่งที่คุณทำดีสำหรับลูกชายของคุณ?'
'อย่างน้อยก็เป็นทางรอดทางหนึ่ง'
'ถ้าล้มเหลวล่ะครับ'
'ผมก็แค่ส่งเขาไปอยู่ที่ไหนสักที่ ให้ไกลจากอาร์เดนก็พอ'
อาร์เดนคือเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเอสเทลล์ ยิ่งอยู่ไกลจากเมืองหลวงเท่าไร ความฟุ้งเฟ้อรุ่มรวยก็ยิ่งลดน้อยถอยลงเท่านั้น ชาวบ้านธรรมดาไม่มีทางมาสนใจว่าเมลวินเป็นใครมาจากไหน ไม่ถามไถ่ความเป็นมา ไม่สนใจว่าเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลหรือทายาทมหาเศรษฐีตระกูลใด
...การไปอยู่ในชนบทเป็นทางเลือกไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลย
'ทำไมคุณไม่ส่งเขาไปเสียตอนนี้เลยล่ะ'
'ผมยังหวังให้เขามีหน้ามีตาในสังคม ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าผมมีลูกสามคน ถ้าหายไปคนหนึ่ง' เจ้าตัวยักไหล่ ส่ายหน้าไปมา 'ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง'
'แล้วคุณหวังอะไรจากผม'
'หวังให้คุณเป็นลูกเขยของผม'
คำตอบตรงไปตรงมา แต่ดูน่าเหลือเชื่อเกินไป มีหลายตระกูลที่ต้องการให้วาดิมเป็นลูกเขย แต่ไม่เคยมีใครกล้าเสนออัลฟ่ากลายพันธุ์ที่กลายมาเป็นโอเมก้าพิการให้เขามาก่อน
...ช่างเป็นพ่อที่มีความกล้าและหน้าหนาเสียจริง ๆ!
'คุณกล้าพนันกับผมไหม'
วาดิมเป็นคนรักศักดิ์ศรี เย่อหยิ่ง และหลงใหลในชัยชนะ เมื่อได้รับคำท้าเช่นนี้ แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความเป็นคนอยากเอาชนะทำให้ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำปฏิเสธออกมา
สมองสั่งการอย่างหนึ่ง แต่ปากเจ้ากรรมกลับโพล่งออกไปว่า
'เอาสิครับ คุณกล้าพนัน ผมก็กล้ารับ' 'ได้!' เขารับคำท้าทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้าคนที่เอ่ยถึงมาก่อน แต่ก็ช่างเถอะ ...จากที่เคยเจอมาร์คัสพี่ชายของอีกฝ่ายสองหน หน้าตาหล่อเหลาเอาการ กับมิราเบลผู้เป็นพี่สาว เคยพบกันหนหนึ่ง หน้าตาสะสวยใช้ได้ คิดว่าพี่น้องคงไม่ต่างกันเท่าไรถึงจะคนละแม่ก็ตาม
'แต่บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่เคยแพ้พนันใคร'
'คราวนี้คุณต้องแพ้' ฟาเบียสท้าทายอยู่ในที
คนรับคำท้าส่งเสียงหึในลำคอ ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะขัดมันเงาวับอย่างใช้ความคิด
'ว่าแต่คุณจะพนันยังไง'
'แต่งงาน'
คนฟังผิวปากหวือ 'มากเกินไปมั้งครับคุณคาร์ไมน์'
'สำหรับลูกชายผม มันไม่มากเกินไปหรอกครับ'
'เงื่อนไขล่ะครับ'
'ภายในหนึ่งปี ถ้าคุณหลงรักลูกชายของผม คุณต้องแต่งงานกับเขา ยกย่องเขาเป็นภรรยาและต้องให้คำมั่นว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด'
'แล้วถ้าผมชนะล่ะ'
'ผมจะยกเหมืองพลอยที่เมืองคาร์ซานให้คุณ'
'น้อยไปหรือเปล่าครับ' อัลฟ่าหนุ่มทำสีหน้าไม่พอใจนัก แต่เพียงอึดใจเดียวก็พยักหน้า 'ตกลงครับ เรามาพนันกัน'
พนันนี้มีแต่ได้กับได้ วาดิมไม่คิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ แม้เศษเสี้ยวก็ไม่แวบเข้ามาในหัวเลยแม้แต่นิดเดียว
'ว่าแต่ผมจะเจอหน้าลูกชายของคุณได้ที่ไหน'
'พรุ่งนี้บ่าย ๆ คุณลองแวะไปที่บ้านผม แล้วคุณจะได้เจอ'
วันนั้นคือวันแรกที่วาดิมได้เจอกับเมลวิน หน้าตาของโอเมก้าหนุ่มมีความคลับคล้ายพี่สาวอยู่มาก เพียงแต่กรอบหน้ามีเหลี่ยมคมแบบบุรุษเพศ เสริมความโดดเด่นด้วยดวงตาคล้ายเมล็ดอัลมอนด์สีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่งทว่าดูเล็กน่ารักรับกับใบหน้าเรียว แก้มยุ้ย ๆ เหมือนเด็กแบเบาะมากกว่าจะเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปี
...รวม ๆ แล้วพอดูได้ ให้นั่งดูเพลิน ๆ ก็น่าจะได้อยู่ละมัง
ความคิดของนายพลวาดิมสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยอยู่หน้าห้อง เขาขยับตัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น ฉับพลันที่ได้ยินเสียงคนข้างนอกขออนุญาตเข้ามาก็รีบตะโกนตอบ
"เข้ามาสิ"
สิ้นเสียงนั้นประตูห้องก็เปิดออก ลอเรนก้าวเข้ามาเป็นคนแรกพร้อมรอยยิ้ม
"ดิฉันไม่ได้มาสายใช่ไหมคะ"
วาดิมลุกยืน ส่งยิ้มตอบพร้อมกับเอ่ยตอบอย่างสุภาพ "ไม่สายครับ"
ดวงตาคู่คมแลเลยไปทางด้านหลัง เห็นเมลวินนอนพาดอยู่บนบ่าของชายฉกรรจ์ร่างยักษ์คนหนึ่ง
"ให้วางตรงไหนดีคะท่าน"
"วางบนเตียงได้เลยครับ"
เมื่อได้ยินคำตอบ ชายร่างยักษ์จึงบรรจงวางเจ้านายของตนอย่างระมัดระวัง ประหนึ่งเป็นสินค้าแตกง่ายที่ต้องทะนุถนอมไม่ให้ตกแตกไปเสียก่อน
เมลวินขยับตัวส่งเสียงครางเบา ๆ ลอเรนเหลือบมองอย่างเกรง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะตื่น ครั้นเห็นเด็กหนุ่มยังคงหลับใหลไม่ได้สติจึงถอนหายใจเบา ๆ
"เรียบร้อยแล้วนะคะท่าน ดิฉันขอตัวกลับเลยะนะคะ"
ไม่รอช้า ลอเรนเอ่ยลาแล้วรีบรุดออกจากห้องโดยเร็ว ไม่นานนักเสียงล้อรถบดกับถนนก็ดังขึ้นอยู่อึดใจก่อนจะจางหายไป
คฤหาสน์แอชเดลตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครา วาดิมซึ่งยืนพิจารณาคนที่นอนอยู่บนเตียงพักหนึ่งค่อย ๆ ทรุดนั่งลงบนเตียง เอื้อมมือไปเขี่ยผมหน้าม้าที่ตกลงมาปิดบังส่วนหนึ่งของใบหน้าอ่อนเยาว์
นิ้วหยาบกร้านลากแผ่วเบาไปตามหน้าผากเกลี้ยงเกลา เลื่อนลงมาตามสันจมูก สะกิดเบา ๆ ที่แก้มนุ่ม ก่อนจะลากต่ำลงมาสัมผัสริมฝีปากนุ่มที่เผยอน้อย ๆ โอเมก้าหนุ่มพึมพำอะไรบางอย่างแผ่วเบา งับปลายนิ้วของเขาเบา ๆ สองสามหน ลมหายใจของอัลฟ่าสะดุดอย่างไม่มีเหตุผล หัวคิ้วของวาดิมแสดงถึงความสงสัย แค่ปากเล็ก ๆ จิ้มลิ้มของโอเมก้าพิการคนหนึ่งจะสร้างความปั่นป่วนในตัวเขาได้อย่างไร
ด้วยความโมโหเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...
ด้วยความที่เห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ...
ด้วยความที่ถือว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่า...
ชายหนุ่มจึงสั่งสอนโอเมก้าผู้หลับใหลด้วยจูบร้อนแรงจูบหนึ่ง
ริมฝีปากหยักหยาบประทับลงไป ในขณะที่มือใหญ่บีบแก้มยุ้ย ๆ เล็กน้อย บังคับให้คนตัวเล็กกว่าเผยอริมฝีปาก เปิดรับเรียวลิ้นที่จงใจรุกรานอย่างแน่วแน่
เมื่อปลายลิ้นสัมผัสกัน เสียงครางของอัลฟ่าตัวโตก็ดังแทรกขึ้นมาในความสงัด
พร้อมกับเสียงอุทานแผ่วเบาของคนที่เพิ่งตื่น
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเปิดออก กะพริบปริบ ๆ สองสามคราว ก่อนจะเบิกโพลงด้วยความตกใจ
-----------------------
กรี๊ดดดดด หนูเมลลลลแย่แล้ววววลูกกกกกก >////<
อ่านตอนนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง ชอบกันมั้ยค้าบบบบ
อ่านแล้วส่งเม้นส่งใจให้ไรต์บ้างน้าาา
เจอกันตอนหน้างับ
ร้าาากกกกก
- earlymoon -