จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ

นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse) - ตอนที่ 3 โอเมก้าในอุ้งมือ โดย earlymoon @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,ดราม่า,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย

รายละเอียด

จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ

ผู้แต่ง

earlymoon

เรื่องย่อ

'ไม่ต้องมอบหัวใจให้ฉันก็ได้ แต่อย่ายกหัวใจนายให้ใคร


ส่วนหัวใจของฉัน ขอวางไว้บนมือนาย

ให้อยู่ในกำมือนาย แล้วแต่นายจะบัญชา'

 

 

✦ เมลวิน คาร์ไมน์ ✦

จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่น

เมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆ

จึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ

 

✦ วาดิม มิลฟอร์ด ✦

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งเอสเทลล์

อัลฟ่ากลิ่นไม้โอ๊กรับเมลวินมาไว้ในความดูแลเพียงเพราะผลประโยชน์

เขาไม่คิดจะยกย่องเทิดทูนอีกฝ่าย เห็นเป็นแค่นายบำเรอเท่านั้น

สารบัญ

นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 1 อัลฟ่าที่ไม่รู้จักชื่อ,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของโชคชะตา,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 3 โอเมก้าในอุ้งมือ,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 4 รสชาติของโอเมก้าพิการ,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 5 หน้าที่ของโอเมก้า,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 6 นอนลงบนเตียงซะดี ๆ

เนื้อหา

ตอนที่ 3 โอเมก้าในอุ้งมือ

ตอนที่ 3


...โอเมก้าในอุ้งมือ...


อัลฟ่าเจ้าของเรือนร่างสูงตระหง่านยืนพิงกรอบหน้าต่างจ้องมองรถประจำตระกูลคาร์ไมน์อย่างไม่ละสายตา มันแล่นผ่านประตูใหญ่ มุ่งตรงมาทางคฤหาสน์แอชเดลด้วยความเร็วที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนที่นั่งโดยสารมามีความรุ่มร้อนใจเพียงใด เสียงเครื่องยนต์ดังก้องท่ามกลางความเงียบสงัดในยามราตรีและยังเล็ดลอดเข้ามาในห้องนอนบนชั้นสองของคฤหาสน์หลังนี้อีกด้วย


ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งเอสเทลล์ยกยิ้มมุมปาก ดวงตาสีฟ้าอมเทาทอประกายในความมืดสลัวที่มีเพียงแสงโคมไฟข้างเตียงให้ความสว่าง


“ตรงเวลาดีจริง” อัลฟ่าหนุ่มพึมพำพลางผละจากหน้าต่าง ก้าวโหย่ง ๆ มาที่โซฟาบุผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้มซึ่งอยู่ปลายเตียง หย่อนกายลงนั่งเอนหลังพิงพนัก สองแขนพาดบนที่วางแขนของโซฟาด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย ทว่าดวงตาคู่คมที่จับจ้องไปที่ประตูนั้นกลับดูคาดหวังและตื่นเต้นกว่าเคย


เมลวิน คาร์ไมน์ไม่ใช่คนแรกที่ถูกส่งตัวมายังคฤหาสน์หลังนี้ มีหลายต่อหลายคนที่เข้ามาปรนเปรอให้ความสุขสมแก่เขา คนแล้วคนเล่า ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่เคยมีใครทำให้นายพลวาดิม มิลฟอร์ดผู้นี้ผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งจนขาดไม่ได้แม้แต่คนเดียว


เขาได้ลิ้มลองความหวานมาเกือบทุกรูปแบบ ทั้งคนที่หวานหยดย้อย ทั้งคนที่เซ็กซี่เย้ายวน บางคนก็ห้าวเป้งชนิดที่ทำให้เลือดตกยางออก บางคนก็ใสซื่อไร้เดียงสา แต่สำหรับเมลวินกลับต่างออกไป เขารู้สึกสนใจหนุ่มน้อยผู้นี้เป็นพิเศษ อาจเพราะอีกฝ่ายเป็นอัลฟ่ากลายพันธุ์ที่หาได้ยาก ซ้ำยังกลายมาเป็นโอเมก้าที่มีความบกพร่องทางร่างกายเนื่องเพราะไม่มีกลิ่นฟีโรโมนเสึยด้วย


ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากของฟาเบียส เขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


เหตุผลของความสนใจที่ผุดขึ้นมาอย่างกระทันหันนั้น ยากจะบอกให้แน่ชัด อาจเป็นช่วงเวลาของความเบื่อหน่าย หรืออาจเพราะเขาเว้นว่างจากเรื่องกามารมณ์มานานพอควรแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเอสเทลล์พูดว่าจะยกลูกชายคนเล็กให้เขา จึงบังเกิดความสนอกสนใจและอยากรู้อยากลองขึ้นมาทันที


'คุณว่ายังไงนะ' 


ทีแรก วาดิมนึกว่าตัวเองหูฝาดไป แต่ที่ไหนได้สิ่งที่เขาได้ยินนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย


'ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมจะยกลูกชายให้คุณจริง ๆ' ฟาเบียสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงความเสียใจ กดดันหรือขมขื่นแม้แต่น้อยนิด 'กลายพันธุ์เป็นโอเมก้า ผมพอเข้าใจได้ แต่เป็นโอเมก้าพิการ ผมรับไม่ไหว ถ้าเรื่องนี้ลือออกไป ไม่ใช่แค่มันที่โดนดูถูก แต่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของผมที่สั่งสมมาคงย่อยยับป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี'


'คุณกำลังจะบอกว่าคุณรักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมากกว่าลูกชาย?'


'ใช่...ผมยอมรับ แต่ผมก็ไม่ได้ไม่ห่วงมันนะครับท่านจอมพล ก็เพราะห่วงนี่แหละผมถึงอยากให้คุณช่วยดูแล โอเมก้าพิการอย่างมันคงไม่มีใครเอา หนำซ้ำจะโดนเหยียบย่ำซ้ำเติมเอาเสียอีก อย่างน้อยๆ ถ้าได้เป็นคนของคุณก็คงไม่มีใครกล้าดูถูกดูแคลนมัน'


จอมพลวาดิมผู้มีเชื้อสายกษัตริย์ เป็นพระญาติห่าง ๆ ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ทว่ามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นราวกับพี่น้องคลานตามกันมา นอกจากความยิ่งใหญ่ทางสายเลือดแล้ว อัลฟ่าหนุ่มวัยสามสิบสามปีผู้นี้ยังเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของทั้งสามเหล่าทัพ เป็นจอมพลผู้เก่งกาจมากล้นด้วยอำนาจ เมื่อคราวโจรสลัดอาละวาดทางทะเลตอนใต้ วาดิมเป็นผู้นำเหล่าทหารเรือ ปราบปรามโจรสลัดเหล่านั้นจนสำเร็จภายในเวลาไม่กี่เดือน ยังมีกบฏทางตอนเหนือ ก็เป็นคนผู้นี้อีกเช่นกันที่จัดการเหล่ากบฏจนสิ้นซาก ชื่อเสียงอำนาจของวาดิมจึงมากล้น มีแต่คนให้ความเคารพยกย่อง และมีอีกไม่น้อยที่อยากเกี่ยวดองผูกสัมพันธ์ถึงขั้นยกลูกสาวลูกชายใส่พานถวายด้วยความเต็มใจ แต่ยังคงไม่มีใครเป็นผู้ถูกเลือก หนึ่งในคนเหล่านั้น บางคนได้คบหาออกหน้าออกตา บางคนเป็นได้แค่นางหรือนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราว ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนอยากเป็นคุณนายมิลฟอร์ดมากมายจนนับไม่ถ้วน เพราะหากโชคดีได้ปรองดองกัน ตระกูลฝ่ายภรรยาก็จะได้รับการยกย่องเชิดหน้าชูตา ได้ยกระดับตัวเองไปโดยปริยาย


'ลูกชายของคุณน่าสนใจดีนะครับ แต่ผมไม่เคยเจอหน้าเขาแม้แต่ครั้งเดียว ผมคงให้คำตอบในทันทีไม่ได้ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่คุณน่าจะเข้าใจผิด การที่จะมาเป็นคนของผมไม่ได้หมายความว่าผมจะยกย่องให้เป็นภรรยานะครับ'


'ครับ ผมทราบ'


'แล้วคุณยังยอม...'


'ผมมั่นใจว่าคุณจะต้องชอบลูกชายของผม' 


คำพูดของฟาเบียสทำให้วาดิมทั้งขมวดคิ้วและทั้งหัวเราะอย่างเห็นขัน


'คุณดูมั่นใจเหลือเกินนะคุณคาร์ไมน์'


'มาพนันกันดีไหมครับ'


'พนัน?' คิ้วเข้มเลิกสูง ประกายตาสีฟ้าอมเทาสว่างวาบขึ้นมาด้วยความท้าทาย 'คุณมีสิทธิ์อะไรมาพนันกับผม'


'ไม่มีสิทธิ์หรอกครับ' ฟาเบียสยิ้มมุมปาก 'ผมแค่หาทางรอดให้ลูกชาย'


'คณคิดว่าสิ่งที่คุณทำดีสำหรับลูกชายของคุณ?'


'อย่างน้อยก็เป็นทางรอดทางหนึ่ง'


'ถ้าล้มเหลวล่ะครับ'


'ผมก็แค่ส่งเขาไปอยู่ที่ไหนสักที่ ให้ไกลจากอาร์เดนก็พอ'


อาร์เดนคือเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเอสเทลล์ ยิ่งอยู่ไกลจากเมืองหลวงเท่าไร ความฟุ้งเฟ้อรุ่มรวยก็ยิ่งลดน้อยถอยลงเท่านั้น ชาวบ้านธรรมดาไม่มีทางมาสนใจว่าเมลวินเป็นใครมาจากไหน ไม่ถามไถ่ความเป็นมา ไม่สนใจว่าเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลหรือทายาทมหาเศรษฐีตระกูลใด 


...การไปอยู่ในชนบทเป็นทางเลือกไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลย


'ทำไมคุณไม่ส่งเขาไปเสียตอนนี้เลยล่ะ'


'ผมยังหวังให้เขามีหน้ามีตาในสังคม ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าผมมีลูกสามคน ถ้าหายไปคนหนึ่ง' เจ้าตัวยักไหล่ ส่ายหน้าไปมา 'ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง'


'แล้วคุณหวังอะไรจากผม'


'หวังให้คุณเป็นลูกเขยของผม'


คำตอบตรงไปตรงมา แต่ดูน่าเหลือเชื่อเกินไป มีหลายตระกูลที่ต้องการให้วาดิมเป็นลูกเขย แต่ไม่เคยมีใครกล้าเสนออัลฟ่ากลายพันธุ์ที่กลายมาเป็นโอเมก้าพิการให้เขามาก่อน


...ช่างเป็นพ่อที่มีความกล้าและหน้าหนาเสียจริง ๆ!


'คุณกล้าพนันกับผมไหม'


วาดิมเป็นคนรักศักดิ์ศรี เย่อหยิ่ง และหลงใหลในชัยชนะ เมื่อได้รับคำท้าเช่นนี้ แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความเป็นคนอยากเอาชนะทำให้ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำปฏิเสธออกมา


สมองสั่งการอย่างหนึ่ง แต่ปากเจ้ากรรมกลับโพล่งออกไปว่า


'เอาสิครับ คุณกล้าพนัน ผมก็กล้ารับ' 'ได้!' เขารับคำท้าทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้าคนที่เอ่ยถึงมาก่อน แต่ก็ช่างเถอะ ...จากที่เคยเจอมาร์คัสพี่ชายของอีกฝ่ายสองหน หน้าตาหล่อเหลาเอาการ กับมิราเบลผู้เป็นพี่สาว เคยพบกันหนหนึ่ง หน้าตาสะสวยใช้ได้ คิดว่าพี่น้องคงไม่ต่างกันเท่าไรถึงจะคนละแม่ก็ตาม


'แต่บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่เคยแพ้พนันใคร'


'คราวนี้คุณต้องแพ้' ฟาเบียสท้าทายอยู่ในที 


คนรับคำท้าส่งเสียงหึในลำคอ ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะขัดมันเงาวับอย่างใช้ความคิด


'ว่าแต่คุณจะพนันยังไง'


'แต่งงาน'


คนฟังผิวปากหวือ 'มากเกินไปมั้งครับคุณคาร์ไมน์'


'สำหรับลูกชายผม มันไม่มากเกินไปหรอกครับ'


'เงื่อนไขล่ะครับ'


'ภายในหนึ่งปี ถ้าคุณหลงรักลูกชายของผม คุณต้องแต่งงานกับเขา ยกย่องเขาเป็นภรรยาและต้องให้คำมั่นว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด'


'แล้วถ้าผมชนะล่ะ'


'ผมจะยกเหมืองพลอยที่เมืองคาร์ซานให้คุณ'


'น้อยไปหรือเปล่าครับ' อัลฟ่าหนุ่มทำสีหน้าไม่พอใจนัก แต่เพียงอึดใจเดียวก็พยักหน้า 'ตกลงครับ เรามาพนันกัน'


พนันนี้มีแต่ได้กับได้ วาดิมไม่คิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ แม้เศษเสี้ยวก็ไม่แวบเข้ามาในหัวเลยแม้แต่นิดเดียว


'ว่าแต่ผมจะเจอหน้าลูกชายของคุณได้ที่ไหน'


'พรุ่งนี้บ่าย ๆ คุณลองแวะไปที่บ้านผม แล้วคุณจะได้เจอ'


วันนั้นคือวันแรกที่วาดิมได้เจอกับเมลวิน หน้าตาของโอเมก้าหนุ่มมีความคลับคล้ายพี่สาวอยู่มาก เพียงแต่กรอบหน้ามีเหลี่ยมคมแบบบุรุษเพศ เสริมความโดดเด่นด้วยดวงตาคล้ายเมล็ดอัลมอนด์สีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่งทว่าดูเล็กน่ารักรับกับใบหน้าเรียว แก้มยุ้ย ๆ เหมือนเด็กแบเบาะมากกว่าจะเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปี


...รวม ๆ แล้วพอดูได้ ให้นั่งดูเพลิน ๆ ก็น่าจะได้อยู่ละมัง


ความคิดของนายพลวาดิมสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยอยู่หน้าห้อง เขาขยับตัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น ฉับพลันที่ได้ยินเสียงคนข้างนอกขออนุญาตเข้ามาก็รีบตะโกนตอบ


"เข้ามาสิ"


สิ้นเสียงนั้นประตูห้องก็เปิดออก ลอเรนก้าวเข้ามาเป็นคนแรกพร้อมรอยยิ้ม


"ดิฉันไม่ได้มาสายใช่ไหมคะ"


วาดิมลุกยืน ส่งยิ้มตอบพร้อมกับเอ่ยตอบอย่างสุภาพ "ไม่สายครับ" 


ดวงตาคู่คมแลเลยไปทางด้านหลัง เห็นเมลวินนอนพาดอยู่บนบ่าของชายฉกรรจ์ร่างยักษ์คนหนึ่ง


"ให้วางตรงไหนดีคะท่าน"


"วางบนเตียงได้เลยครับ"


เมื่อได้ยินคำตอบ ชายร่างยักษ์จึงบรรจงวางเจ้านายของตนอย่างระมัดระวัง ประหนึ่งเป็นสินค้าแตกง่ายที่ต้องทะนุถนอมไม่ให้ตกแตกไปเสียก่อน


เมลวินขยับตัวส่งเสียงครางเบา ๆ ลอเรนเหลือบมองอย่างเกรง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะตื่น ครั้นเห็นเด็กหนุ่มยังคงหลับใหลไม่ได้สติจึงถอนหายใจเบา ๆ 


"เรียบร้อยแล้วนะคะท่าน ดิฉันขอตัวกลับเลยะนะคะ"


ไม่รอช้า ลอเรนเอ่ยลาแล้วรีบรุดออกจากห้องโดยเร็ว ไม่นานนักเสียงล้อรถบดกับถนนก็ดังขึ้นอยู่อึดใจก่อนจะจางหายไป


คฤหาสน์แอชเดลตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครา วาดิมซึ่งยืนพิจารณาคนที่นอนอยู่บนเตียงพักหนึ่งค่อย ๆ ทรุดนั่งลงบนเตียง เอื้อมมือไปเขี่ยผมหน้าม้าที่ตกลงมาปิดบังส่วนหนึ่งของใบหน้าอ่อนเยาว์ 


นิ้วหยาบกร้านลากแผ่วเบาไปตามหน้าผากเกลี้ยงเกลา เลื่อนลงมาตามสันจมูก สะกิดเบา ๆ ที่แก้มนุ่ม ก่อนจะลากต่ำลงมาสัมผัสริมฝีปากนุ่มที่เผยอน้อย ๆ โอเมก้าหนุ่มพึมพำอะไรบางอย่างแผ่วเบา งับปลายนิ้วของเขาเบา ๆ สองสามหน ลมหายใจของอัลฟ่าสะดุดอย่างไม่มีเหตุผล หัวคิ้วของวาดิมแสดงถึงความสงสัย แค่ปากเล็ก ๆ จิ้มลิ้มของโอเมก้าพิการคนหนึ่งจะสร้างความปั่นป่วนในตัวเขาได้อย่างไร 


ด้วยความโมโหเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...


ด้วยความที่เห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ...


ด้วยความที่ถือว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่า...


ชายหนุ่มจึงสั่งสอนโอเมก้าผู้หลับใหลด้วยจูบร้อนแรงจูบหนึ่ง


ริมฝีปากหยักหยาบประทับลงไป ในขณะที่มือใหญ่บีบแก้มยุ้ย ๆ เล็กน้อย บังคับให้คนตัวเล็กกว่าเผยอริมฝีปาก เปิดรับเรียวลิ้นที่จงใจรุกรานอย่างแน่วแน่


เมื่อปลายลิ้นสัมผัสกัน เสียงครางของอัลฟ่าตัวโตก็ดังแทรกขึ้นมาในความสงัด


พร้อมกับเสียงอุทานแผ่วเบาของคนที่เพิ่งตื่น


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเปิดออก กะพริบปริบ ๆ สองสามคราว ก่อนจะเบิกโพลงด้วยความตกใจ


...โอเมก้าในอุ้งมือ...


อัลฟ่าเจ้าของเรือนร่างสูงตระหง่านยืนพิงกรอบหน้าต่างจ้องมองรถประจำตระกูลคาร์ไมน์อย่างไม่ละสายตา มันแล่นผ่านประตูใหญ่ มุ่งตรงมาทางคฤหาสน์แอชเดลด้วยความเร็วที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนที่นั่งโดยสารมามีความรุ่มร้อนใจเพียงใด เสียงเครื่องยนต์ดังก้องท่ามกลางความเงียบสงัดในยามราตรีและยังเล็ดลอดเข้ามาในห้องนอนบนชั้นสองของคฤหาสน์หลังนี้อีกด้วย


ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งเอสเทลล์ยกยิ้มมุมปาก ดวงตาสีฟ้าอมเทาทอประกายในความมืดสลัวที่มีเพียงแสงโคมไฟข้างเตียงให้ความสว่าง


“ตรงเวลาดีจริง” อัลฟ่าหนุ่มพึมพำพลางผละจากหน้าต่าง ก้าวโหย่ง ๆ มาที่โซฟาบุผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้มซึ่งอยู่ปลายเตียง หย่อนกายลงนั่งเอนหลังพิงพนัก สองแขนพาดบนที่วางแขนของโซฟาด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย ทว่าดวงตาคู่คมที่จับจ้องไปที่ประตูนั้นกลับดูคาดหวังและตื่นเต้นกว่าเคย


เมลวิน คาร์ไมน์ไม่ใช่คนแรกที่ถูกส่งตัวมายังคฤหาสน์หลังนี้ มีหลายต่อหลายคนที่เข้ามาปรนเปรอให้ความสุขสมแก่เขา คนแล้วคนเล่า ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่เคยมีใครทำให้นายพลวาดิม มิลฟอร์ดผู้นี้ผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งจนขาดไม่ได้แม้แต่คนเดียว


เขาได้ลิ้มลองความหวานมาเกือบทุกรูปแบบ ทั้งคนที่หวานหยดย้อย ทั้งคนที่เซ็กซี่เย้ายวน บางคนก็ห้าวเป้งชนิดที่ทำให้เลือดตกยางออก บางคนก็ใสซื่อไร้เดียงสา แต่สำหรับเมลวินกลับต่างออกไป เขารู้สึกสนใจหนุ่มน้อยผู้นี้เป็นพิเศษ อาจเพราะอีกฝ่ายเป็นอัลฟ่ากลายพันธุ์ที่หาได้ยาก ซ้ำยังกลายมาเป็นโอเมก้าที่มีความบกพร่องทางร่างกายเนื่องเพราะไม่มีกลิ่นฟีโรโมนเสึยด้วย


ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากของฟาเบียส เขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


เหตุผลของความสนใจที่ผุดขึ้นมาอย่างกระทันหันนั้น ยากจะบอกให้แน่ชัด อาจเป็นช่วงเวลาของความเบื่อหน่าย หรืออาจเพราะเขาเว้นว่างจากเรื่องกามารมณ์มานานพอควรแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเอสเทลล์พูดว่าจะยกลูกชายคนเล็กให้เขา จึงบังเกิดความสนอกสนใจและอยากรู้อยากลองขึ้นมาทันที


'คุณว่ายังไงนะ' 


ทีแรก วาดิมนึกว่าตัวเองหูฝาดไป แต่ที่ไหนได้สิ่งที่เขาได้ยินนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย


'ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมจะยกลูกชายให้คุณจริง ๆ' ฟาเบียสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงความเสียใจ กดดันหรือขมขื่นแม้แต่น้อยนิด 'กลายพันธุ์เป็นโอเมก้า ผมพอเข้าใจได้ แต่เป็นโอเมก้าพิการ ผมรับไม่ไหว ถ้าเรื่องนี้ลือออกไป ไม่ใช่แค่มันที่โดนดูถูก แต่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของผมที่สั่งสมมาคงย่อยยับป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี'


'คุณกำลังจะบอกว่าคุณรักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมากกว่าลูกชาย?'


'ใช่...ผมยอมรับ แต่ผมก็ไม่ได้ไม่ห่วงมันนะครับท่านจอมพล ก็เพราะห่วงนี่แหละผมถึงอยากให้คุณช่วยดูแล โอเมก้าพิการอย่างมันคงไม่มีใครเอา หนำซ้ำจะโดนเหยียบย่ำซ้ำเติมเอาเสียอีก อย่างน้อยๆ ถ้าได้เป็นคนของคุณก็คงไม่มีใครกล้าดูถูกดูแคลนมัน'


จอมพลวาดิมผู้มีเชื้อสายกษัตริย์ เป็นพระญาติห่าง ๆ ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ทว่ามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นราวกับพี่น้องคลานตามกันมา นอกจากความยิ่งใหญ่ทางสายเลือดแล้ว อัลฟ่าหนุ่มวัยสามสิบสามปีผู้นี้ยังเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของทั้งสามเหล่าทัพ เป็นจอมพลผู้เก่งกาจมากล้นด้วยอำนาจ เมื่อคราวโจรสลัดอาละวาดทางทะเลตอนใต้ วาดิมเป็นผู้นำเหล่าทหารเรือ ปราบปรามโจรสลัดเหล่านั้นจนสำเร็จภายในเวลาไม่กี่เดือน ยังมีกบฏทางตอนเหนือ ก็เป็นคนผู้นี้อีกเช่นกันที่จัดการเหล่ากบฏจนสิ้นซาก ชื่อเสียงอำนาจของวาดิมจึงมากล้น มีแต่คนให้ความเคารพยกย่อง และมีอีกไม่น้อยที่อยากเกี่ยวดองผูกสัมพันธ์ถึงขั้นยกลูกสาวลูกชายใส่พานถวายด้วยความเต็มใจ แต่ยังคงไม่มีใครเป็นผู้ถูกเลือก หนึ่งในคนเหล่านั้น บางคนได้คบหาออกหน้าออกตา บางคนเป็นได้แค่นางหรือนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราว ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนอยากเป็นคุณนายมิลฟอร์ดมากมายจนนับไม่ถ้วน เพราะหากโชคดีได้ปรองดองกัน ตระกูลฝ่ายภรรยาก็จะได้รับการยกย่องเชิดหน้าชูตา ได้ยกระดับตัวเองไปโดยปริยาย


'ลูกชายของคุณน่าสนใจดีนะครับ แต่ผมไม่เคยเจอหน้าเขาแม้แต่ครั้งเดียว ผมคงให้คำตอบในทันทีไม่ได้ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่คุณน่าจะเข้าใจผิด การที่จะมาเป็นคนของผมไม่ได้หมายความว่าผมจะยกย่องให้เป็นภรรยานะครับ'


'ครับ ผมทราบ'


'แล้วคุณยังยอม...'


'ผมมั่นใจว่าคุณจะต้องชอบลูกชายของผม' 


คำพูดของฟาเบียสทำให้วาดิมทั้งขมวดคิ้วและทั้งหัวเราะอย่างเห็นขัน


'คุณดูมั่นใจเหลือเกินนะคุณคาร์ไมน์'


'มาพนันกันดีไหมครับ'


'พนัน?' คิ้วเข้มเลิกสูง ประกายตาสีฟ้าอมเทาสว่างวาบขึ้นมาด้วยความท้าทาย 'คุณมีสิทธิ์อะไรมาพนันกับผม'


'ไม่มีสิทธิ์หรอกครับ' ฟาเบียสยิ้มมุมปาก 'ผมแค่หาทางรอดให้ลูกชาย'


'คณคิดว่าสิ่งที่คุณทำดีสำหรับลูกชายของคุณ?'


'อย่างน้อยก็เป็นทางรอดทางหนึ่ง'


'ถ้าล้มเหลวล่ะครับ'


'ผมก็แค่ส่งเขาไปอยู่ที่ไหนสักที่ ให้ไกลจากอาร์เดนก็พอ'


อาร์เดนคือเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเอสเทลล์ ยิ่งอยู่ไกลจากเมืองหลวงเท่าไร ความฟุ้งเฟ้อรุ่มรวยก็ยิ่งลดน้อยถอยลงเท่านั้น ชาวบ้านธรรมดาไม่มีทางมาสนใจว่าเมลวินเป็นใครมาจากไหน ไม่ถามไถ่ความเป็นมา ไม่สนใจว่าเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลหรือทายาทมหาเศรษฐีตระกูลใด 


...การไปอยู่ในชนบทเป็นทางเลือกไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลย


'ทำไมคุณไม่ส่งเขาไปเสียตอนนี้เลยล่ะ'


'ผมยังหวังให้เขามีหน้ามีตาในสังคม ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าผมมีลูกสามคน ถ้าหายไปคนหนึ่ง' เจ้าตัวยักไหล่ ส่ายหน้าไปมา 'ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง'


'แล้วคุณหวังอะไรจากผม'


'หวังให้คุณเป็นลูกเขยของผม'


คำตอบตรงไปตรงมา แต่ดูน่าเหลือเชื่อเกินไป มีหลายตระกูลที่ต้องการให้วาดิมเป็นลูกเขย แต่ไม่เคยมีใครกล้าเสนออัลฟ่ากลายพันธุ์ที่กลายมาเป็นโอเมก้าพิการให้เขามาก่อน


...ช่างเป็นพ่อที่มีความกล้าและหน้าหนาเสียจริง ๆ!


'คุณกล้าพนันกับผมไหม'


วาดิมเป็นคนรักศักดิ์ศรี เย่อหยิ่ง และหลงใหลในชัยชนะ เมื่อได้รับคำท้าเช่นนี้ แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความเป็นคนอยากเอาชนะทำให้ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำปฏิเสธออกมา


สมองสั่งการอย่างหนึ่ง แต่ปากเจ้ากรรมกลับโพล่งออกไปว่า


'เอาสิครับ คุณกล้าพนัน ผมก็กล้ารับ' 'ได้!' เขารับคำท้าทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้าคนที่เอ่ยถึงมาก่อน แต่ก็ช่างเถอะ ...จากที่เคยเจอมาร์คัสพี่ชายของอีกฝ่ายสองหน หน้าตาหล่อเหลาเอาการ กับมิราเบลผู้เป็นพี่สาว เคยพบกันหนหนึ่ง หน้าตาสะสวยใช้ได้ คิดว่าพี่น้องคงไม่ต่างกันเท่าไรถึงจะคนละแม่ก็ตาม


'แต่บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่เคยแพ้พนันใคร'


'คราวนี้คุณต้องแพ้' ฟาเบียสท้าทายอยู่ในที 


คนรับคำท้าส่งเสียงหึในลำคอ ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะขัดมันเงาวับอย่างใช้ความคิด


'ว่าแต่คุณจะพนันยังไง'


'แต่งงาน'


คนฟังผิวปากหวือ 'มากเกินไปมั้งครับคุณคาร์ไมน์'


'สำหรับลูกชายผม มันไม่มากเกินไปหรอกครับ'


'เงื่อนไขล่ะครับ'


'ภายในหนึ่งปี ถ้าคุณหลงรักลูกชายของผม คุณต้องแต่งงานกับเขา ยกย่องเขาเป็นภรรยาและต้องให้คำมั่นว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด'


'แล้วถ้าผมชนะล่ะ'


'ผมจะยกเหมืองพลอยที่เมืองคาร์ซานให้คุณ'


'น้อยไปหรือเปล่าครับ' อัลฟ่าหนุ่มทำสีหน้าไม่พอใจนัก แต่เพียงอึดใจเดียวก็พยักหน้า 'ตกลงครับ เรามาพนันกัน'


พนันนี้มีแต่ได้กับได้ วาดิมไม่คิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ แม้เศษเสี้ยวก็ไม่แวบเข้ามาในหัวเลยแม้แต่นิดเดียว


'ว่าแต่ผมจะเจอหน้าลูกชายของคุณได้ที่ไหน'


'พรุ่งนี้บ่าย ๆ คุณลองแวะไปที่บ้านผม แล้วคุณจะได้เจอ'


วันนั้นคือวันแรกที่วาดิมได้เจอกับเมลวิน หน้าตาของโอเมก้าหนุ่มมีความคลับคล้ายพี่สาวอยู่มาก เพียงแต่กรอบหน้ามีเหลี่ยมคมแบบบุรุษเพศ เสริมความโดดเด่นด้วยดวงตาคล้ายเมล็ดอัลมอนด์สีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่งทว่าดูเล็กน่ารักรับกับใบหน้าเรียว แก้มยุ้ย ๆ เหมือนเด็กแบเบาะมากกว่าจะเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปี


...รวม ๆ แล้วพอดูได้ ให้นั่งดูเพลิน ๆ ก็น่าจะได้อยู่ละมัง


ความคิดของนายพลวาดิมสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยอยู่หน้าห้อง เขาขยับตัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น ฉับพลันที่ได้ยินเสียงคนข้างนอกขออนุญาตเข้ามาก็รีบตะโกนตอบ


"เข้ามาสิ"


สิ้นเสียงนั้นประตูห้องก็เปิดออก ลอเรนก้าวเข้ามาเป็นคนแรกพร้อมรอยยิ้ม


"ดิฉันไม่ได้มาสายใช่ไหมคะ"


วาดิมลุกยืน ส่งยิ้มตอบพร้อมกับเอ่ยตอบอย่างสุภาพ "ไม่สายครับ" 


ดวงตาคู่คมแลเลยไปทางด้านหลัง เห็นเมลวินนอนพาดอยู่บนบ่าของชายฉกรรจ์ร่างยักษ์คนหนึ่ง


"ให้วางตรงไหนดีคะท่าน"


"วางบนเตียงได้เลยครับ"


เมื่อได้ยินคำตอบ ชายร่างยักษ์จึงบรรจงวางเจ้านายของตนอย่างระมัดระวัง ประหนึ่งเป็นสินค้าแตกง่ายที่ต้องทะนุถนอมไม่ให้ตกแตกไปเสียก่อน


เมลวินขยับตัวส่งเสียงครางเบา ๆ ลอเรนเหลือบมองอย่างเกรง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะตื่น ครั้นเห็นเด็กหนุ่มยังคงหลับใหลไม่ได้สติจึงถอนหายใจเบา ๆ 


"เรียบร้อยแล้วนะคะท่าน ดิฉันขอตัวกลับเลยะนะคะ"


ไม่รอช้า ลอเรนเอ่ยลาแล้วรีบรุดออกจากห้องโดยเร็ว ไม่นานนักเสียงล้อรถบดกับถนนก็ดังขึ้นอยู่อึดใจก่อนจะจางหายไป


คฤหาสน์แอชเดลตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครา วาดิมซึ่งยืนพิจารณาคนที่นอนอยู่บนเตียงพักหนึ่งค่อย ๆ ทรุดนั่งลงบนเตียง เอื้อมมือไปเขี่ยผมหน้าม้าที่ตกลงมาปิดบังส่วนหนึ่งของใบหน้าอ่อนเยาว์ 


นิ้วหยาบกร้านลากแผ่วเบาไปตามหน้าผากเกลี้ยงเกลา เลื่อนลงมาตามสันจมูก สะกิดเบา ๆ ที่แก้มนุ่ม ก่อนจะลากต่ำลงมาสัมผัสริมฝีปากนุ่มที่เผยอน้อย ๆ โอเมก้าหนุ่มพึมพำอะไรบางอย่างแผ่วเบา งับปลายนิ้วของเขาเบา ๆ สองสามหน ลมหายใจของอัลฟ่าสะดุดอย่างไม่มีเหตุผล หัวคิ้วของวาดิมแสดงถึงความสงสัย แค่ปากเล็ก ๆ จิ้มลิ้มของโอเมก้าพิการคนหนึ่งจะสร้างความปั่นป่วนในตัวเขาได้อย่างไร 


ด้วยความโมโหเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...


ด้วยความที่เห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ...


ด้วยความที่ถือว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่า...


ชายหนุ่มจึงสั่งสอนโอเมก้าผู้หลับใหลด้วยจูบร้อนแรงจูบหนึ่ง


ริมฝีปากหยักหยาบประทับลงไป ในขณะที่มือใหญ่บีบแก้มยุ้ย ๆ เล็กน้อย บังคับให้คนตัวเล็กกว่าเผยอริมฝีปาก เปิดรับเรียวลิ้นที่จงใจรุกรานอย่างแน่วแน่


เมื่อปลายลิ้นสัมผัสกัน เสียงครางของอัลฟ่าตัวโตก็ดังแทรกขึ้นมาในความสงัด


พร้อมกับเสียงอุทานแผ่วเบาของคนที่เพิ่งตื่น


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเปิดออก กะพริบปริบ ๆ สองสามคราว ก่อนจะเบิกโพลงด้วยความตกใจ




-----------------------


กรี๊ดดดดด หนูเมลลลลแย่แล้ววววลูกกกกกก >////<




อ่านตอนนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง ชอบกันมั้ยค้าบบบบ


อ่านแล้วส่งเม้นส่งใจให้ไรต์บ้างน้าาา


เจอกันตอนหน้างับ 


ร้าาากกกกก


- earlymoon -