จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ
ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,ดราม่า,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ
'ไม่ต้องมอบหัวใจให้ฉันก็ได้ แต่อย่ายกหัวใจนายให้ใคร
เมลวินงัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อกลิ่นหอมหวานชนิดหนึ่งซึมซาบเข้ามาในโสตประสาท กลิ่นนั้นกระตุ้นร่างกายให้ตอบสนอง เขาจึงรู้ในทันทีว่านั่นคือกลิ่นของอัลฟ่า...เป็นกลิ่นไม้โอ๊กที่หอมหวานอบอุ่น ให้ความรู้สึกคล้ายกับถูกโอบกอดเอาไว้
เมลวินคิดอย่างเลื่อนลอย ดวงตายังปิดสนิทเพราะหนังอึ้งจนลืมแทบไม่ขึ้น ขณะนั้นมีบางอย่างกำลังรุกรานอยู่ตรงริมฝีปาก แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าคืออะไร มันทั้งขบเม้มดูดดึง รุกเร้าอารมณ์ให้ปั่นป่วน อะไรบางอย่างที่ฉ่ำชื้นลากไล้ไปบนกลีบปากของเขาก่อนจะค่อย ๆ ชำแรกผ่านรอยแยกของริมฝีปากเข้ามาด้านใน รุกล้ำเข้าสู่โพรงปากนุ่มอย่างเอาแต่ใจ โอเมก้าหนุ่มพยายามปิดริมฝีปากแต่มือผ่าวร้อนบีบแก้มของเขาเอาไว้ เป็นการบังคับกลาย ๆ ให้เขาเปิดริมฝีปากรับสิ่งนั้นเข้ามา
ชายหนุ่มส่งเสียงอื้ออย่างไม่ชอบใจ ในยามสติยังกลับคืนมาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์จึงได้แต่นึกรำคาญ อยากจะปัดสิ่งนั้นไปให้พ้น ๆ หรือหากนี่คือความฝัน เขาก็ปรารถนาจะตื่นจากฝันเสียที เจ้าตัวส่งเสียงประท้วงอยู่สองสามหนแต่ไม่ได้ช่วยให้ตื่นจากฝันแม้แต่น้อย กระทั่งปลายลิ้นของตนสัมผัสกับสิ่งที่รุกราน เมื่อนั้นความสะลึมสะลือกึ่งตื่นกึ่งฝันจึงหายเป็นปลิดทิ้ง
เมลวินลืมตา ประกายตาเลื่อนลอยในทีแรกก่อนดวงตาคู่นั้นจะเบิกโพลงด้วยความตื่นตกใจ
ใบหน้าของคนผู้หนึ่งลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะ ซีกหนึ่งอยู่ในเงามืด อีกซีกหนึ่งถูกแสงจากโคมไฟข้างเตียงส่องกระทบ รูปเงาในความสลัวรางดูหล่อเหลาสมบูรณ์แบบดุจเทพบุตรกรีก ดวงตาสีฟ้าอมเทาโดดเด่นในความสลัวราง มันไหวระริกล้อแสงไฟในทุกครั้งที่ผู้เป็นเจ้าของขยับตัว
“อื้อ!”
โอเมก้าไร้กลิ่นส่งเสียงเมื่อคนตรงหน้าขยับริมฝีปาก มือใหญ่ราวคีมเหล็กเพิ่มน้ำหนักมือ บังคับให้เขารับการรุกรานที่ล้ำลึกกว่าเดิม ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึง ทั้งหยอกล้อทั้งรุกเร้าสร้างความเสียวซ่าน เมลวินถูกความช่ำชองจู่โจมจนสับสน
ใครกัน...เกิดอะไรขึ้น...ที่นี่ที่ไหน ชายหนุ่มถามตัวเอง สองตากวาดมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อพบว่าไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคย ไม่ใช่คฤหาสน์คาร์ไมน์ ไม่ใช่เรือนหลังเล็กที่แสนเก่าโทรมและเงียบเชียบ ไม่ใช่สถานที่ที่เขาเคยคุ้น แล้วมันคือที่ใด
“หยุด” เมลวินอาศัยตอนที่คนแปลกหน้าเปลี่ยนอิริยาบถ เปล่งเสียงห้ามออกมา ทว่าโพล่งออกมาได้แค่คำเดียว คนตัวโตก็ประกบริมฝีปากลงมาอีก คราวนี้โถมทับลงมาทั้งตัว ท่อนล่างแนบชิดจนอึดอัด ร่างเล็กกว่าดิ้นขลุกขลักอย่างไม่ยิมยอม คนผู้นี้เป็นใคร ยังไม่ใช่เวลาหาคำตอบ ตอนนี้เขาต้องเอาชีวิตให้รอดเสียก่อน
เมลวินใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักอกคนตรงหน้าให้ออกห่าง แล้วจึงเหวี่ยงกำปั้นใส่ที่ปลายคางของอีกฝ่ายเต็มแรง ราวกับชกใส่กำแพง เจ็บจนต้องสะบัดมือเร่า ๆ ยังไม่ทันก้มมองมือของตนเองว่าถึงขั้นหักหรือไม่ เห็นคนตัวใหญ่ยักษ์ทำท่าว่าจะกระโจนเข้าใส่ เขาจึงกลิ้งหลบฉากอย่างว่องไว ลนลานวิ่งลงจากเตียง มือหนึ่งเอื้อมคว้าโคมไฟข้างเตียงอย่างว่องไว คิดจะใช้มันเป็นอาวุธต่อกรกับอีกฝ่าย
“คืนแรกก็ลงมือทำร้ายกันเลยหรือ” คนพูดจับปลายคางที่ถูกหมัดลุ่น ๆ กระแทกเข้าใส่ “หมัดหนักเหมือนกันนี่เรา” อัลฟ่าพึมพำพลางเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม รู้สึกถึงรสชาติขมขื่นของโลหิตที่ไหลซึม วาดิมเหยียดยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะแหบต่ำในลำคอแล้วจึงย่างสามขุมเข้าหาคนตัวเล็กกว่าพลางประหนึ่งหมาป่าตัวเขื่องกำลังจะขย้ำลูกกวางน้อยตัวหนึ่ง
“คุณเป็นใคร” เมลวินยื่นโคมไฟไปข้างหน้า ทำท่าราวกับว่าที่ถืออยู่นั้นคือปืนกระบอกหนึ่ง ส่วนเท้าทั้งสองกลับถอยร่นโดยไม่รู้ตัว ยิ่งอีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้เท่าใด ชายหนุ่มก็ยิ่งถอยมากขึ้นเท่านั้น “คุณจับตัวผมมาทำไม ต้องการอะไร ...เรียกค่าไถ่?”
“หน้าฉันเหมือนโจรขนาดนั้นเลยหรือไง”
เมื่อสายตาชินกับความมืด เมลวินจึงเห็นใบหน้าของคนลึกลับชัดเจนขึ้น โครงหน้าโดดเด่นมีเหลี่ยมมุมแบบบุรุษเพศ คิ้วเข้มโค้งได้รูปพาดอยู่เหนือดวงตาคมดุสีฟ้าอมเทา จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากหยักลึก เมื่อรวมกันแล้วจึงกลายเป็นความหล่อเหลาจนยากจะละสายตา
เมลวินขมวดคิ้วเมื่อคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยพบหน้ากันมาก่อน
“เธอคงจำฉันไม่ได้ล่ะมัง”
อัลฟ่าก้าวเท้ามาข้างหน้า ส่งกลิ่นฟีโรโมนฟุ้งกระจายไปทั้งห้อง ทำให้เขามึนเมาสับสน ในวินาทีที่ชายหนุ่มกำลังเหม่อลอย คนตัวโตก้าวพรวดเดียวประชิดตัว โคมไฟถูกกระชากออกก่อนโยนทิ้งลงพื้นพรมอย่างไม่ไยดี ในขณะที่วงแขนล่ำสันรวบเอวของโอเมก้าเอาไว้อย่างว่องไว กอดรัดแนบแน่นจนคนตัวเล็กกว่าดิ้นไม่หลุด
“เพิ่งเจอกันเมื่อบ่าย ไม่กี่ชั่วโมงก็ลืมกันแล้ว?”
บ่าย? โอเมก้าหนุ่มทบทวนความจำ ดวงตาทรงอัลมอนด์หรี่ลงอึดใจหนึ่งก่อนจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อระลึกได้
“นายพลวาดิม!” เขาอุทานออกมาอย่างตกใจ ยืนจ้องมองใบหน้าที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบด้วยความงุนงง กะพริบตาปริบ ๆ สองสามหน ก่อนถามออกไปราวกับคนโง่ว่า “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”
“ที่นี่เป็นบ้านของฉัน...เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายมาหาฉัน”
คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังยิ่งงวยงง “หมะ...หมายความว่ายังไงครับ ผมจำได้ว่าผมเข้านอนไปแล้ว...”
คำพูดท้าย ๆ แผ่วเบาลงเมื่อชายหนุ่มนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนนอนได้พบกับลอเรน และเจ้าหล่อนชงชาให้ดื่มแก้วหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็หลับเป็นตาย ตื่นอีกทีกลับกลายเป็นว่ามาอยู่ที่นี่แล้ว
เมลวินกัดริมฝีปาก ความคับแค้นเอ่อท้นเมื่อรู้ว่าตนเองพลาดท่าให้กับอีกฝ่าย
...ชานั่นมีปัญหา และตอนนี้เขาเองก็กำลังประสบกับปัญหาที่ยากจะแก้เสียด้วย
“ลอเรนตกลงอะไรกับคุณ”
อัลฟ่ายิ้มมุมปาก ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนเอ่ยคำที่ทำให้หัวใจของคนฟังร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ไม่ใช่กับลอเรน กับพ่อเธอต่างหาก”
ความจริงที่คาดไม่ถึงทำให้เมลวินพูดอะไรไม่ออก เขาเผยอริมฝีปากสั่นระริก คล้ายอยากจะพูดบางคำแต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาแม้แต่คำเดียว
“เธอคงอยากกลับบ้าน ใช่ไหม...แต่เสียใจด้วยนะเมล ตอนนี้เธอเป็นของฉันแล้ว”
ปลายนิ้วหยาบกร้านจับปลายคางมน ออกแรงเล็กน้อยให้ใบหน้าเล็ก ๆ แหงนเงย องศาของริมฝีปากช่างเหมาะเจาะ อัลฟ่าไม่รีรอทาบทับริมฝีปากลงไป ประทับกลิ่นอัลฟ่า สลักความรุ่มร้อนลงบนกลีบปากนุ่ม
รสชาติของโอเมก้าพิการหวานกว่าที่คิด ความนุ่มนิ่มก็แสนเย้ายวนชวนให้อยากลิ้มลองไม่รู้เบื่อ
ชั่วขณะที่เจ้าตัวกำลังเพลิดเพลินกับสัมผัสอันน่าค้นหา ฟันแหลมคมของโอเมก้าก็งับลงมาอย่างไม่ให้ตั้งตัว อัลฟ่าสะดุ้งเฮือก อุทานด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับผลักคนตัวเล็กกว่าอย่างแรงจนร่างนั้นล้มลงกระแทกพื้น
คนตัวโตใช้ปลายนิ้วเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนริมฝีปาก สองตาเพ่งมองคนที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยประกายตาวาวจ้า เจ้าตัวคุกเข่าลงบนพื้นพลางเอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปกุมลำคอของคนตรงหน้า
มือผ่าวร้อนที่วางอยู่บนลำคอพร้อมจะออกแรงบีบได้ทุกเมื่อ เมลวินตัวสั่นเมื่อถูกพลังกดข่มจากอัลฟ่าจู่โจม เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับประสบการณ์อันน่าตื่นตระหนกเช่นนี้จึงค่อนข้างหวาดกลัวมากกว่าปกติ
“พยศเหลือเกินนะเมล” วาดิมเค้นเสียงลอดไรฟันก่อนจะโฉบริมฝีปากลงมาที่ซอกคอของโอเมก้า อ้าปากงับเนื้อนุ่ม ใช้ฟันขบกัดเบา ๆ จนเลือดซิบ พอคนตัวเล็กกว่าอุทานด้วยความเจ็บ เขาจึงเงยหน้าขึ้น มองจ้องดวงตางดงามอย่างท้าทายพร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงแหบต่ำว่า
“ถือว่าเอาคืนก็แล้วกัน”
หลังจากทำให้อีกฝ่ายเลือดตกยางออกอย่างเท่าเทียม อัลฟ่าก็กลืนกินริมฝีปากนุ่มอีกครา ทั้ง ๆ ที่โลหิตยังไหลซึม รสชาติของจูบนี้จึงมีทั้งความหวานล้ำและขมปร่า
คนจูบอุ้มคนตัวเล็กกว่าวางบนเตียง จับสองมือล็อกไว้เหนือศีรษะ ส่วนล่างใช้น้ำหนักตัวโถมทับ โอเมก้าดิ้นเท่าไรก็ดิ้นไม่หลุด
“คุณ...ท่าน...นายพล...” เมลวินพูดปนหอบเพราะถูกจูบจนแทบไม่ได้หายใจ “ปล่อยผมก่อน”
“ไม่”
คนตัวโตพูดเอาแต่ใจและไม่คิดจะหยุดรุกรานคนใต้ร่างแม้สักวินาทีเดียว
“ผะ...ผมหายใจ...ไม่...ทัน จะ...จะตาย...อยู่แล้ว” เมลวินพูดด้วยเสียงขาดห้วงปนหอบ
“ฉันไม่ทำให้เธอตายหรอก” วาดิมกระซิบเสียงกระเส่า ท่อนล่างเหยียดขยายคับแน่นอยู่ใต้กางเกงนอน “จะทำให้เธอสุขสมต่างหากล่ะเมล”
อัลฟ่าหนุ่มถูไถส่วนนั้นกับใจกลางเรือนร่างของโอเมก้า ความเสียดเสียวทำให้คนใต้ร่างส่งเสียงครางออกมาโดยไม่รู้ตัว