จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ

นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse) - ตอนที่ 5 หน้าที่ของโอเมก้า โดย earlymoon @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,ดราม่า,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย

รายละเอียด

จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ

ผู้แต่ง

earlymoon

เรื่องย่อ

'ไม่ต้องมอบหัวใจให้ฉันก็ได้ แต่อย่ายกหัวใจนายให้ใคร


ส่วนหัวใจของฉัน ขอวางไว้บนมือนาย

ให้อยู่ในกำมือนาย แล้วแต่นายจะบัญชา'

 

 

✦ เมลวิน คาร์ไมน์ ✦

จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่น

เมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆ

จึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ

 

✦ วาดิม มิลฟอร์ด ✦

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งเอสเทลล์

อัลฟ่ากลิ่นไม้โอ๊กรับเมลวินมาไว้ในความดูแลเพียงเพราะผลประโยชน์

เขาไม่คิดจะยกย่องเทิดทูนอีกฝ่าย เห็นเป็นแค่นายบำเรอเท่านั้น

สารบัญ

นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 1 อัลฟ่าที่ไม่รู้จักชื่อ,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของโชคชะตา,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 3 โอเมก้าในอุ้งมือ,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 4 รสชาติของโอเมก้าพิการ,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 5 หน้าที่ของโอเมก้า,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 6 นอนลงบนเตียงซะดี ๆ

เนื้อหา

ตอนที่ 5 หน้าที่ของโอเมก้า

...หน้าที่ของโอเมก้า...


ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงัด เสียงครางปนสะอื้นดังเล็ดลอดออกมาจากห้องนอนบนชั้นสองของคฤหาสน์แอชเดล แผ่วเบาในทีแรกก่อนจะค่อย ๆ ดังขึ้นและถี่ขึ้นในทุก ๆ เวลาที่ล่วงผ่าน ผ้าม่านสีขาวพลิ้วไหวเมื่อสายลมยามราตรีพัดโชยผ่านรอยแยกของหน้าต่างเข้ามา แสงจากดวงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างกระทบร่างสองร่างบนเตียงใหญ่ ร่างหนึ่งบิดกายสะบัดศีรษะด้วยความทรมาน อีกร่างหนึ่งที่อยู่ด้านบนกำลังสาละวนกับการละเลียดชิมเม็ดบัวสีหวานที่กำลังชูชันตอบสนองเรียวลิ้นร้อนชื้น มืออีกข้างกำลังรูดรั้งท่อนเนื้อร้อนของคนตัวเล็กกว่าจนมันแข็งขึงเหยียดขยายเต็มไม้เต็มมือจึงเลื่อนไปทางด้านหลัง จดจ่อที่ปากทางรัก


อดีตอัลฟ่าสะดุ้งเฮือก กระถดหนีด้วยความตกใจ


“ไม่ได้นะ” เมลวินละล่ำละลักร้องห้าม “ผมไม่เอา”


เสียงของความหวาดกลัวทำให้ผู้รุกรานชะงักปลายนิ้วของตัวเองเอาไว้ครู่หนึ่ง คิ้วเข้มดกดำเลิกขึ้นน้อย ๆ พลางจ้องมองคนที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยด้วยความฉงน


“นายยังไม่เคย?”


คนถูกถามทำหน้าง้ำ สะบัดเท้าใส่อัลฟ่าไปหนึ่งหน


“ก็ไม่เคยน่ะสิ ผมจะเคยได้ยังไง!”


วาดิมไม่ทันระวังตัวจึงถูกประทุษร้ายไปอีกทีหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ใส่ใจกับความเจ็บปวดเล็ก ๆ นั้นเพราะให้ความสนใจกับอัลฟ่ากลายพันธุ์ตรงหน้ามากกว่า


“แล้วเคยทิ่มใครหรือยัง”


คำถามชวนให้แก้มเห่อร้อน ไม่นึกว่าจอมพลที่ทุกคนยกย่องจะพูดถึงเรื่องใต้เตียงได้อย่างไม่เขินอายเช่นนี้


...สำหรับคนมีประสบการณ์อย่างเขา คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรละมัง เมลวินคิดขณะกวาดตามองไปรอบ ๆ เพื่อหาลู่ทางหลบหนี


ไม่ว่าพ่อของเขาจะตกลงอะไรกับคนผู้นี้ ไม่ว่าผลประโยชน์จะมากมายมหาศาลเพียงใดก็ตาม เขาก็คงยอมให้ตัวเองถูกย่ำยีเช่นนี้ไม่ได้


“ผู้ชายหรือผู้หญิง”


วาดิมยังคงมุ่งมั่นต้องการคำตอบจึงคาดคั้นอยู่สองสามหนแล้ว เมลวินจึงต้องตอบอย่างเสียไม่ได้


“ไม่เคย”


“ไม่เคย?” น้ำเสียงขึ้นจมูกปนเสียงหัวเราะเบา ๆ ทำให้คนที่ไม่เคยมีอะไรกับใครรู้สึกหน้าบางขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล “นายจะยี่สิบแล้วไม่ใช่หรือ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคย”


“ผมไม่ได้หมกมุ่นเหมือนคุณ”


“รู้ได้ยังไงว่าฉันหมกมุ่น” คนตัวโตกว่าขยับตัวว่องไว ตวัดมือรวดเดียวก็เกือบจะคว้าตัวเขาเอาไว้ได้แล้ว โชคดีที่เมลวินระวังตัวอยู่ก่อนแล้วจึงเบี่ยงตัวหลบได้อย่างทันท่วงที เขากระโดดผลุงลงจากเตียงพลางดึงกางเกงที่เลื่อนหลุดลงไปเกาะอยู่ตรงสะโพกขึ้นมา ติดตะขออย่างรีบร้อนด้วยมืออันสั่นเทาพร้อมกับสาวเท้าไปที่ประตู สองตาเหล่มองกะระยะ พอถึงระยะที่เอื้อมมือถึงจึงรีบคว้าที่จับประตู กระชากอย่างแรงแล้วพุ่งตัวออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ก้มหน้าก้มตาวิ่งเท้าเปล่าไปข้างหน้า ค่ำมืดเช่นนี้ ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย จะหนีไปทางใด เขายังนึกไม่ออก ตอนนี้ขอเพียงแค่ไปให้พ้นเงื้อมมือของนายพลหื่นกามผู้นั้นก็พอ


เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมจนเกือบหมด เขาใช้มือที่สั่นระริกข้างหนึ่งรวบมันเอาไว้ ปิดบังแผ่นอกกำยำของตน ลมยามดึกค่อนข้างเย็นแม้จะเป็นฤดูร้อน ทำให้ขาของเขาแข็ง ความเร็วในการวิ่งจึงช้ากว่าเคย หรือเพราะนายพลวาดิมวิ่งเร็วกว่าเขาก็ไม่ทราบได้ เพราะยังไม่ทันก้าวลงบันได ตัวของเขาก็ถูกกอดจากทางด้านหลัง


จริง ๆ เรียกว่ากอดคงไม่ถูกต้องนัก ควรจะเรียกว่ากระชากมากกว่า


เมลวินเคยเป็นอัลฟ่ามาก่อน รูปร่างจึงไม่ได้แบบบางเหมือนโอเมก้าทั่วไป แต่เป็นอัลฟ่าที่มีขนาดตัวมาตรฐานไม่ได้เด่นด้อยกว่าใคร ทว่าคนที่กำลังกอดรัดตัวเขาในตอนนี้เป็นอัลฟ่าที่ตัวโตเกินกว่าคำว่ามาตรฐานไปมากทีเดียว ตัวใหญ่ยักษ์จนชายหนุ่มสู้แรงไม่ไหว เมื่อก่อนตอนเป็นอัลฟ่า เขามั่นใจว่าตัวเองมีเรี่ยวแรงมากกว่านี้ แต่เมื่อกลายมาเป็นโอเมก้าแล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ทั้งเรี่ยวแรง ผิวพรรณและน้ำเสียง


“คิดว่าขาเล็ก ๆ ของนายจะหนีพ้นหรือคุณคาร์ไมน์” วาดิมกระซิบเสียงดุดัน ริมฝีปากร้อนผ่าวแนบอยู่กับใบหูของเขา “ฉันยังไม่อนุญาตให้ไป นายก็ยังไปไหนไม่ได้”


คนตัวเล็กกว่าไม่ยอมจำนนง่าย ๆ ยังคงดิ้นรนด้วยเรี่ยวแรงที่มี ทว่าอัลฟ่ากับโอเมก้า ความแข็งแรงนั้นต่างกันเกินไป เมลวินสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ เมื่อดิ้นไม่หลุดจึงทำได้แต่จู่โจมทางอื่น ศิลปะการต่อสู้เบื้องต้นที่เคยร่ำเรียนมาถูกนำมาใช้ก็วันนี้เอง อดีตอัลฟ่าถองศอกใส่ท้องของคนข้างหลังเต็มแรง แต่กล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งแกร่งทำให้วาดิมรู้สึกราวกับถูกมดกัดเพียงเท่านั้น


อัลฟ่ากลิ่นไม้โอ๊กหัวเราะใส่หูของเขา สุ้มเสียงขบขันเช่นนั้นเหมือนดูถูกกันเสียเต็มประดา โอเมก้าไร้กลิ่นกัดฟันกรอด เปลี่ยนเป้าหมายเป็นเท้าข้างใดข้างหนึ่งของอีกฝ่าย ย่ำเหยียบมันไปเต็มแรง


นายพลหนุ่มมัวแต่วุ่นอยู่กับการมองคอขาว ๆ กับแก้มยุ้ย ๆ ของคนตัวเล็กกว่า ความเผลอไผลชั่วขณะทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกเหยียบเข้าเต็มรัก ความเจ็บทำให้คลายอ้อมแขนเปิดโอกาสให้โอเมก้าหลุดรอดเงื้อมมือไปได้


คนถูกประทุษร้ายสะบัดเท้าเร่า ๆ พรูลมออกจากปากทีหนึ่งขณะมองตามแผ่นหลังของโอเมก้าจนลับตา ชายหนุ่มไม่คิดวิ่งตาม ทำเพียงยืนกอดอกพิงผนังรอคอย เพียงไม่นานคนที่พยายามหนีหัวซุกหัวซุนก็ถูกนายทหารรเบต้าวัยฉกรรจ์สองคนหิ้วปีกกลับมา


เมลวินถูกจับยืนตรงหน้า อัลฟ่าแตะปลายนิ้วบนแผลที่ถูกกัดพลางกวาดตามองเสื้อผ้ายับย่นของคนตรงหน้า เลื่อนขึ้นมายังใบหน้าซีดเซียวและผมเผ้าอันยุ่งเหยิง สภาพเหมือนคนที่เพิ่งกลับมาจากสนามรบอย่างไรอย่างนั้น


“ที่นี่คือแอชเดล คืออาณาเขตของฉัน นายไม่มีทางหนีพ้น”


เมลวินรู้ดี...แต่เขาก็ยังอยากลอง เขาคิดแค่ว่าโชคชะตาอาจจะเข้าข้างเขาบ้าง แต่ในที่สุดเขาก็รู้ซึ้งแล้วว่าไม่มีทางเป็นไปได้


“ผมไม่อยากอยู่ที่นี่” โอเมก้าไร้กลิ่นพูดอย่างอัดอั้น


“ได้สิ ฉันมีบ้านอีกหลังที่เฮลมิช นายไปอยู่ที่นั่นก็ได้”


เฮลมิช...เมืองที่หนาวตลอดปี หิมะตกแบบไม่ลืมหูลืมตาแบบนั้น เขาอยู่ไม่ไหวจริง ๆ


“ไม่ใช่แค่ที่นี่ ผมหมายถึงคุณด้วย”


คนฟังเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงของคนที่มีอำนาจเหนือกว่า


“นายไม่มีสิทธิ์เลือก”


เมลวินเม้มปากจนห้อเลือด โมโหจนลมออกหู อยากจะตะบันหมัดใส่คนตรงหน้าแต่ก็เกรงว่าจะถูกเอาคืนจนสะบักสะบอมจึงได้แต่คิดแค้นเคืองอยู่ในใจ


มือใหญ่เอื้อมมาบีบแก้มของเขา ริมฝีปากจิ้มลิ้มห่อเป็นรูปตัวโอ ยามเมื่อมันขยับตามจังหวะการพูดของเจ้าของนั้นทั้งดูน่ารักและน่าชัง


“อีบแอ้มอ๋มอำไอ”


เจ้าตัวพูดเสียงอู้อี้แต่พอจับใจความได้ มือเรียวยาวตีเผียะบนแขนของเขาจนเป็นรอยแดง แต่อัลฟ่าไม่ใส่ใจ กลับเอาคืนแรงตีราวกับมดนั้นด้วยการก้มหน้าลงมาจูบหนัก ๆ ที่ปากนุ่มทีหนึ่ง


“นายชอบสะบัดหน้าหนีเลยต้องจับไว้แบบนี้จะได้จูบถนัด ๆ” วาดิมกระซิบหลังจากถอนริมฝีปากออก ดวงตาสีฟ้าอมเทากวาดมองใบหน้าผุดผ่องของคนตรงหน้า เพ่งมองทีละส่วนอย่างพินิจ


“เอ็บ...อ๋มเอ็บ!”


กระทั่งคนตัวเล็กกว่าโอดครวญจึงยอมปล่อยมือ วาดิมพยักพเยิดไปทางห้องนอนของตน กล่าวว่า


“กลับไปทำหน้าที่ของนายได้แล้ว”


คนฟังที่กำลังนวดแก้มของตัวเองชะงักค้าง ดวงตาคมซึ้งเบิกกว้างเล็กน้อย แววตาคู่นั้นบอกชัดว่าคาดไม่ถึง ไม่คิดว่านายพลมิลฟอร์ดผู้นี้จะยังมีอารมณ์ทำอะไร ๆ เขาอีก


“ดึก...ดึกแล้วนะครับ คุณไม่นอนเหรอครับ พรุ่งนี้คุณต้องตื่นเช้าไปทำงานนี่ครับ”


“ใช่ ฉันต้องตื่นเช้าจริง ๆ” อัลฟ่ากลางพลางหลุบตาลง แต่หลังจากนั้นเพียงพริบตาเดียว มือใหญ่หยาบก็คว้ามือโอเมก้า กระชากมาจับส่วนลับของตน


“อ๊ะ!” เมลวินทำหน้าตื่นตระหนก พยายามดึงมือกลับแต่สู้แรงไม่ไหว ฝ่ามือนุ่ม ๆ จึงสัมผัสกับความแข็งขึงอวบนูนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


“นายคิดว่าฉันจะนอนหลับได้หรือ” ร่างเล็กกว่าถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดร้อนรุ่ม ใบหน้าคมสันก้มลงมากระซิบชิดซอกคอ “นายต้องรับผิดชอบ”


อัลฟ่าขบเม้มสร้างรอยแดง ประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของก่อนช้อนตัวโอเมก้าไว้ในอ้อมแขน อุ้มคนตัวเล็กกว่าเดินดุ่มกลับเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจเสียงทัดทานอย่างร้อนรนของคนถูกอุ้มเลยแม้แต่น้อย