จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ

นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse) - ตอนที่ 6 นอนลงบนเตียงซะดี ๆ โดย earlymoon @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,ดราม่า,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย

รายละเอียด

จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ

ผู้แต่ง

earlymoon

เรื่องย่อ

'ไม่ต้องมอบหัวใจให้ฉันก็ได้ แต่อย่ายกหัวใจนายให้ใคร


ส่วนหัวใจของฉัน ขอวางไว้บนมือนาย

ให้อยู่ในกำมือนาย แล้วแต่นายจะบัญชา'

 

 

✦ เมลวิน คาร์ไมน์ ✦

จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่น

เมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆ

จึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ

 

✦ วาดิม มิลฟอร์ด ✦

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งเอสเทลล์

อัลฟ่ากลิ่นไม้โอ๊กรับเมลวินมาไว้ในความดูแลเพียงเพราะผลประโยชน์

เขาไม่คิดจะยกย่องเทิดทูนอีกฝ่าย เห็นเป็นแค่นายบำเรอเท่านั้น

สารบัญ

นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 1 อัลฟ่าที่ไม่รู้จักชื่อ,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของโชคชะตา,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 3 โอเมก้าในอุ้งมือ,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 4 รสชาติของโอเมก้าพิการ,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 5 หน้าที่ของโอเมก้า,นายบำเรอไร้กลิ่น (omegaverse)-ตอนที่ 6 นอนลงบนเตียงซะดี ๆ

เนื้อหา

ตอนที่ 6 นอนลงบนเตียงซะดี ๆ

โอเมก้าไร้กลิ่นถูกโยนลงบนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์อย่างไม่มีความทะนุถนอมเลยสักนิด เมลวินกระเด้งกระดอนราวกับนั่งรถที่กำลังขับผ่านทางขรุขระก็ไม่ปาน ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวไม่ต่างอะไรจากคนล้มป่วย ผมเผ้าพันกันราวกับรังนก เสื้อผ้ายับย่นหลุดลุ่ย ไม่เหลือร่องรอยของความเป็นทายาทตระกูลผู้ดีเก่าเลยแม้แต่นิดเดียว

เมลวินสะดุ้งเฮือกเมื่ออัลฟ่าตัวใหญ่ยักษ์คุกเข่าลงบนเตียง พลังกดข่มของอัลฟ่าทำให้เขาตัวสั่น สมองมึนเบลอ ร่างเล็กกว่ากระถดถอย คิดจะกระโดดหนีลงจากเตียงเหมือนคราวกร่อนแต่หนนี้อีกฝ่ายว่องไวกว่า ขาของเขาจึงถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน

“ฉันเบื่อที่จะวิ่งไล่จับกับนายแล้ว นอนลงบนเตียงซะดี ๆ”

อัลฟ่าออกคำสั่ง ทำเสียงดุดัน สีหน้าแววตาไร้ความปรานี

“ปล่อย...ปล่อยผมไปเถอะครับ ผม...ขอร้อง” โอเมก้าเปล่งเสียงแหบแห้งผ่านริมฝีปากแห้งผาก พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลกึ่งอ้อนวอน กลิ่นไม้โอ๊กอบอวลไปทั่วทั้งห้อง มันทำให้เขาสั่นประหม่าและหายใจไม่ทั่วท้อง “คุณอย่าทำอะไรผมเลย ผม...ผมไม่เคย คุณไม่น่าจะชอบ”

ประโยคท้ายดังเพียงกระซิบแต่ก็พอได้ยิน เนื่องจากภายในคฤหาสน์แห่งนี้นั้นเงียบสงัดราวกับไม่มีคนอาศัยอยู่

“ชอบไม่ชอบ ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง”

นายพลหนุ่มเจ้าของกลิ่นหอมเย้ายวนเอ่ยเสียงเครียดขรึม กรามที่ขบแน่นจนเป็นสันนูน และเส้นเลือดที่นูนขึ้นตรงขมับ บอกชัดว่าเจ้าตัวกำลังอดทนกับอะไรบางอย่าง

โอเมก้ากลืนน้ำลายหนืดเหนียว ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง อยากจะทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองหายไปจากตรงนี้โดยเร็ว แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ใครจะมาช่วยเขา ในเมื่อเขาถูกตระกูลทอดทิ้งแล้ว น้ำตาใสบริสุทธิ์เอ่อท้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมลวินไม่ชอบร้องไห้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันสร้างแรงกระทบต่อจิตใจจนทนไม่ไหวจริง ๆ

อัลฟ่าทำเสียงบางอย่างในลำคอ ฟังคล้ายไม่พอใจ

“ร้องไห้?” สุ้มเสียงแหบทุ้มกระแทกกระทั้น มือใหญ่หยาบคว้าข้อมือโอเมก้า กระชากอย่างแรงเข้าหาตัวเพื่อจะได้มองให้ชัด ๆ “ฉันจะฆ่าแกงนายหรือไง ทำไมต้องบีบน้ำตา”

เมลวินรู้สึกว่าน้ำตาใช้ไม่ได้กับคนคนนี้ นอกจากอีกฝ่ายจะไม่สงสารแล้วยังสุ่มเสี่ยงต่อการสุมไฟให้โทสะโหมแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก

จะว่าไปแล้ว เขาก็นึกสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน เติบโตมาจนถึงอายุ 19 ปี ไม่เคยมีวันไหนที่เขาอ่อนไหวถึงขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจและหาเหตุผลไม่ได้ เขารู้แค่ว่ามีสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงในตัวเขาก็คือการกลายพันธุ์จากอัลฟ่าเป็นโอเมก้า ทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาอ่อนแอจนน่าสมเพชเช่นนี้

มือใหญ่หยาบบีบแก้มของเขา...ดูเหมือนว่าวาดิมจะชอบแก้มของเขาจริง ๆ นับตั้งแต่รู้จักกัน นายพลผู้นี้เอาแต่บีบแก้มของเขาจนเจ็บ ไปหมด ป่านนี้มันคงแดงก่ำราวกับถูกตบสักสามสี่ทีแล้วละมัง

“นายร้องไห้ทำไม กลัว? โมโห? เจ็บแค้น? หรือเกลียดกัน?”

ถ้าเขาตอบว่าทั้งหมดนั่นจะเป็นอย่างไร เขาจะถูกนายพลผู้นี้ฆ่าหมกป่าหรือไม่

“เอาจริง ๆ ฉันไม่ชอบบังคับขืนใจใคร ถ้านายยังไม่พร้อมวันนี้ ฉันรอวันอื่นก็ได้ แต่ว่า...” คนตัวโตกว่าโน้มหน้าลงมา คลอเคลียริมฝีปากกับแก้มแดงระเรื่อ กระซิบเสียงแผ่ว “นายต้องช่วย...”

วาดิมหยุดพูดเพียงแค่นั้นเพื่อบอกเขาด้วยการกระทำแทน มือเรียวยาวนุ่มเนียนถูกกระชากสู่กลางเรือนร่างของอัลฟ่า สัมผัสความแข็งขึงอวบอูมที่พร้อมจะผงาดออกมาเต็มทีแล้ว

ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนอนหงาย จับตัวเมลวินให้นั่งคร่อมบนต้นขาที่หนั่นแน่นด้วยกล้ามเนื้อ ก่อนจะปลดกระดุมกางเกง ปลดปล่อยท่อนกายแกร่งร้อนของตนเองออกมา

โอเมก้าหนุ่มแม้คุ้นเคยกับส่วนสงวนของตัวเอง แต่เมื่อเป็นของคนอื่น เขาย่อมไม่คุ้นชิน ยิ่งสิ่งนั้นใหญ่โตกว่าที่คิด ดวงตาของเมลวินจึงเบิกกว้าง ปากเผยอน้อย ๆ ด้วยความทึ่ง

ความงดงามของมันทำให้เขาลืมตัวมองสำรวจด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ยังไม่ทันมองให้ชัด ๆ ศีรษะก็ถูกกดลงไป ริมฝีปากชนเข้ากับส่วนที่โดดเด้งนั้นเข้าเต็มรัก

“กลืนมัน” นายพลหนุ่มออกคำสั่ง น้ำเสียงสั่นพร่ากว่ายามปกติ ในขณะที่คนถูกสั่งเม้มปากแน่น พยายามเบือนหน้าหนี ทว่ามือใหญ่แข็งแรงกดเขาเอาไว้แบบที่ทำให้เขาไม่แทบขยับศีรษะไม่ได้

“ผมไม่...” เมลวินพยายามปฏิเสธ แต่เพียงแค่อ้าปาก อีกฝ่ายก็ยัดสิ่งนั้นเข้ามาอย่างว่องไว

เมื่อสิ่งใหญ่โตคับแน่นอยู่ในปาก ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะต่อต้านอีกต่อไป เพราะรู้ว่าสู้เรี่ยวแรงไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงรับท่อนกายแกร่งให้ลึกขึ้นกว่าเดิม มือนุ่มรูดรั้งสิ่งนั้นพร้อมกับใช้ลิ้นปาดเลียส่วนปลาย บำเรออีกฝ่ายให้สุขสมโดยเร็ว รีบทำให้มันจบ ๆ ไป...เขาคิดแค่นั้น

เสียงครางแหบต่ำดังขึ้นแผ่วเบา...เป็นเสียงที่แสดงถึงความพอใจอย่างปิดไม่มิด มันเปล่งออกมาพร้อมกับคำชม

“ดีมาก...เก่งมาก...ฉันชอบปากนุ่ม ๆ ของนายจริง ๆ”

ยิ่งนาน วาดิมก็ยิ่งต้องการมากกว่านั้น

“ลึกกว่านี้อีก...เร็วกว่านี้” เขาสั่ง

เมลวินทำตามอย่างไม่อิดออด เขาไม่คิดอะไรมากไปกว่าอยากจะพักผ่อนเต็มทีแล้ว เขาเหน็ดเหนื่อยถึงขนาดที่ว่าหากหัวถึงหมอนก็คงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงทำตามสิ่งที่วาดิมต้องการอย่างว่าง่าย ทำทุกอย่างให้อีกฝ่ายสุขสม ยอมแม้กระทั่งให้ของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งเข้ามาในปากของตัวเอง

เมลวินคายมันออกในตอนแรก แต่อัลฟ่ากลับคว้าตัวเขาไปจูบ ปิดกั้นริมฝีปากของเขา ทำให้เขาต้องกลืนกินมันไปโดยปริยาย

วาดิมจูบเขาอย่างกระหาย ปัดป่ายเรียวลิ้นสำรวจไปทั่วโพรงปากดุจดั่งคนหลงทางที่เพิ่งพบเจอแหล่งน้ำ โอเมก้าหนุ่มถูกมัวเมาจนลืมห้ามปราม ร่างเล็กนั่งอยู่ตรงหว่างขาของอัลฟ่า ถูกกักขังด้วยท่อนขาเปลือยเปล่า อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนราวกับเป็นเทียนไขที่ถูกหลอมละลายด้วยจูบนั้น

เมลวินสะท้าน พายุอารมณ์โหมกระหน่ำจนทำตัวไม่ถูก อยากจะห้ามปรามแต่ไร้เรี่ยวแรง อยากจะกระโดดหนีให้ไกลแต่ก็ถูกอีกฝ่ายล่อลวงด้วยฝ่ามือร้อนผ่าวที่ตะโบมลูบไปทั่วแผ่นหลัง หน้าท้องจนมาถึงยอดอกสีหวาน มันชูชันรับสัมผัสมือหยาบกร้านแทบจะในทันที

โอเมก้าไร้กลิ่นสะดุ้งเฮือก สติที่หลุดลอยหวนกลับคืนมาจึงคว้ามือใหญ่เอาไว้อย่างรวดเร็ว

“อย่า” เสียงห้ามปรามเบาหวิว นอกจากจะไม่ได้ช่วยห้ามปรามคนตรงหน้าแล้ว ยังทำให้อัลฟ่าได้ใจยิ่งกว่าเดิม

“ทำไมเสียงของนายถึงเป็นแบบนั้น ชอบใช่ไหมล่ะ”

วาดิมสะบัดมือออกจากมือเล็กนุ่ม ผลักโอเมก้าไร้กลิ่นลงบนเตียง เลิกชายเสื้อของเมลวินขึ้นมาถึงอก จากนั้นจึงก้มลงไปอ้าปากงับยอดอกชูชัน ใช้ลิ้นปาดเลียจนมันแข็งเป็นไต ส่งความเสียวซ่านไปสู่คนที่อยู่ใต้ร่าง

พอโอเมก้าบิดกายเร่าอย่างทรมาน อัลฟ่าจึงถอนริมฝีปากออกด้วยความสมใจ

“นายอยากให้ฉันทำมากกว่านี้หรือเปล่า”

นายพลแห่งเอสเทลล์เอ่ยด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า ขณะเลื่อนมือลงไปเบื้องล่าง กำลังจะสอดผ่านขอบกางเกง แต่ถูกเมลวินคว้ามือเอาไว้ก่อน

“ไม่ครับ ผมไม่ต้องการ”

คนตัวโตกว่ายกยิ้มมุมปาก กระตุกมือกลับ ก้าวลงจากเตียงพลางดึงกางเกงขึ้นมาสวม

“อย่าทำเป็นเล่นตัว นายน่าจะรู้ดีว่าคนอย่างนายไม่มีทางได้รับการยอมรับ”

รู้สิ...เมลวินรู้ดี สำหรับคนที่เป็นอัลฟ่าก็ไม่ใช่โอเมก้าก็ไม่เชิงอย่างเขาคือชนชั้นต่ำต้อยที่สุดในโลกใบนี้ คนที่เป็นแบบเขา บางคนต้องทนกับการดูถูกเหยียดหยาม ถูกขับไล่ออกจากตระกูลหรือไม่ก็ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตแบบไม่มีเหตุผล

“โชคดีแค่ไหนแล้วที่ฉันยอมรับนายมาอยู่ด้วย”

คนฟังสะอึก ขบริมฝีปากกล้ำกลืนน้ำตาที่รื้นขึ้นมา

“นายต้องรู้สถานะตัวเองแล้วก็ยอมรับความจริงได้แล้ว”
อัลฟ่าผู้ทรงอิทธิพลติดกระดุมกางเกง พลางทอดสายตามองคนบนเตียงที่ตอนนี้กำลังซุกตัวงลงไปใต้ผ้าห่ม ท่าทางเหมือนกระรอกน้อยที่กำลังตื่นกลัว จากนั้นก็กวาดมองความยับยุ่นของผ้าห่มและของเหลวสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนที่นอนจนเฉอะแฉะ

วาดิมไม่เคยปลดปล่อยมากมายขนาดนี้ เจ้าตัวจึงขมวดคิ้วเพ่งมองสภาพของเตียงด้วยความประหลาดใจ

ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด จนเมลวินได้ยินเสียงหัวใจของตนเองและเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายที่ยังคงหอบเบา ๆ

ครู่ใหญ่ต่อมา อัลฟ่าจึงเอื้อนเอ่ยว่า

“วันนี้ฉันจะปล่อยนายไปก่อน แต่วันหน้าฉันไม่ใจดีแบบนี้แน่”

ร่างสูงใหญ่เดินไปที่ประตู พูดโดยไม่หันมามองว่า “ฉันยกห้องนี้ให้ ถือว่าเป็นห้องของนายก็แล้วกัน”

ประตูเปิดออกและปิดลง เมลวินได้ยินฝีเท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอก่อนค่อย ๆ จางหายไป ชายหนุ่มทอดถอนใจ ทิ้งศีรษะลงบนหมอนแล้วหลับตา กลิ่นไม้โอ๊กที่อัลฟ่าทิ้งไว้ยังเข้มข้น มันอบอวลรอบกายราวกับว่าอัลฟ่าผู้นั้นกำลังโอบกอดเขาอยู่