ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง - ตอนที่ 1 อวดผลงานชั้นโบแดง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัว,จีน,ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ

รายละเอียด

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

เชื่อเรื่องเกิดใหม่หรือเปล่า? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ตายแล้วไปไหนหรือตายแล้วเกิดใหม่อะไรพวกนั้นแต่หลังจากที่เบญญาหมดอายุขัยของตัวเองลงไปตามเงื่อนไขธรรมชาติของมนุษย์สิ่งแรกที่เธอพบคือโลกหลังความตายที่วุ่นวายอีนุงตุงนัง


วุ่นไม่วุ่นก็หลังจากผ่านด่านคัดกรองวิญญาณเสร็จแล้วเธอที่ยืนเบียดเสียดกับวิญญาณนับร้อยนับพันบนสะพานอะไรสักอย่างยังไม่ทันจะได้ดื่มน้ำในชามที่คุณยายหน้าตาใจดีมอบให้ก็ถูกฝูงวิญญาณที่เหมือนจะรีบไปตายกันอีกรอบผลักดันผ่านประตูจนโผล่มาร้องอุแว้ อุแว้ในร่างของเด็กทารกโดยที่มีความทรงจำมากมายของชีวิตก่อนอยู่ในหัวและอีกเพียงเจ็ดปีต่อมาก็ได้เวลาที่ต้องงัดความรู้ที่มีทั้งหมดออกมาใช้เลี้ยงดูครอบครัวที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะว่าบิดาได้หายตัวไปในสนามรบ



หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 1 อวดผลงานชั้นโบแดง,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 2 เรือนสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 3 ม่านหนิงฮวาจอมวางแผน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 4 กิจกรรมระหว่างรอเวลา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 5 ทำปลาหมักเกลือรมควัน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 6 การเริ่มต้นทำการค้าของม่านหนิงฮวา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 7 ม่านหนิงฮวาผู้ไม่เคยหยุดพักเรื่องหาเงิน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 8 มีเงินทองมากมาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 9 เริ่มกิจการขายสบู่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 10 ผลพวงจากสงครามที่แสนโหดร้าย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 11 ช่วยเหลือผู้อพยพ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 12 การซื้อที่ดินขยายอาณาเขตสวนผัก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 13 เริ่มการทำนาทำสวน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 14 ไม่มีแม้แต่เงาของบิดา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 15 การเดินทางเข้าอำเภอเป็นครั้งแรก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 16 คุณหนูสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 17 ความทรงจำที่ขาดหาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 18 การเดินทางไปเยือนเมืองหลว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 19 เมืองหลวงช่างกว้างใหญ่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 20 ฝากตัวเป็นศิษย์,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 21 ซื้อของฝากกลับบ้าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 22 กลับมาดูแลกิจการ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 23 เส้นทางการเป็นนักรบช่างยากลำบาก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 24 ความทรงจำที่หยั่งรากลึกในจิตใจ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 25 บ้านและครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 26 ความสุขที่หวนคืน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 27 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 28 วิถีชีวิตแบบเดิมในสถานที่ใหม่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 29 ร้านค้าสกุลม่านสาขาเมืองหลวง (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 1 อวดผลงานชั้นโบแดง

“ท่านแม่เจ้าขา ท่านแม่ตามข้ามาทางนี้หน่อยเจ้าค่ะข้ามีอะไรจะอวด ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าขา” เสียงโหวกเหวกโวยวายเช่นนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากม่านหนิงฮวาบุตรสาวคนโตของครอบครัวสกุลม่านที่มีเรือนตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านชนบทที่อยู่ไม่ไกลจากตัวตำบลเท่าไรนัก

“หนิงหนิงอย่าเอะอะโวยวายเช่นนั้นหมิ่นเอ๋อร์ตกใจหมดแล้ว ไหนมีอะไรค่อยพูดค่อยจาบอกกับแม่มาดีๆ” มารดาอุ้มน้องคนเล็กวัยเพียงแค่สองหนาวออกมาทางประตูครัวหลังบ้านแล้วเอ่ยกับบุตรสาวคนโตด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแต่ก็เด็ดขาดอยู่ในที

“ท่านแม่เจ้าขา ข้ามีอะไรจะอวดเจ้าค่ะท่านแม่ตามข้ามาสักหน่อยได้ไหมเจ้าคะ” ม่านหนิงฮวาที่รู้ว่านางทำกิริยาไม่เหมาะสมไปเมื่อครู่ยืนสงบจิตสงบใจตัวเองด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วผ่อนออกมายาวๆ จากนั้นจึงกล่าวกับมารดาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงชัดถ้อยชัดคำ

“แล้วนี่เจ้าเอาน้องไปไว้ไหน เสี่ยวเหอเล่า” มารดาถามถึงบุตรสาวคนรองพร้อมกับอุ้มบุตรชายคนสุดท้องเดินตามม่านหนิงฮวามาอย่างว่าง่ายเพราะเรื่องที่นางจะอวดก็คงไม่พ้นเรื่องของสวนผักที่นางกำลังตั้งใจดูแลอยู่ในระยะนี้

“เสี่ยวเหอกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่ข้าเอาให้ดูนางจึงขอเฝ้าอยู่ตรงนั้นเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าบอกน้องแล้วว่าไม่ให้นางออกไปจากสวนท่านไม่ต้องห่วงน้องเชื่อฟังพี่สาวเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ” เมื่อคนเป็นแม่ได้ยินเช่นนั้นก็สบายใจเพราะถึงแม่ว่าเรือนของนางจะไม่ได้หลังใหญ่หรือมีพื้นที่กว้างขวางจนเดินไม่ทั่วแต่ก็ยังน่าเป็นห่วงเพราะเรือนนั้นตั้งอยู่ติดกับตีนเขาลูกๆ ทุกคนจึงถูกสอนสั่งเอาไว้เป็นอย่างดีว่าอย่าได้ออกไปซุกซนนอกเขตรั้วบ้านเป็นอันขาดหากพลัดหลงไปจะไม่สามารถกลับมายังเรือนหลังนี้ได้อีกซึ่งบุตรสาวทั้งสองคนโตจนรู้ความแล้วจึงเชื่อฟังสิ่งที่มารดาสอนสั่งเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

“ท่านแม่เจ้าคะ ท่านพี่ ท่านพี่เลี้ยงตัวไชดินได้จริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ” เดินเพียงไม่ถึงยี่สิบก้าวก็มาถึงสวนผักเล็กๆ ของบุตรสาวที่ตอนนี้มีต้นอ่อนของผักชนิดต่างๆ เติบโตขึ้นมามากมายแล้วแต่ส่วนมากก็ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะเก็บผลผลิตมากินหรือเก็บไปขายได้

“ตัวไชดินที่ว่ามันคือตัวอะไรกัน” ม่านหนิงอ้ายทำหน้าตาสงสัยเมื่อบุตรสาวทั้งพานางมายืนอยู่หน้าถังไม้ใบใหญ่ก้นรั่วที่ม่านหนิงฮวาเรียกมันว่าเป็นถึงหมักปุ๋ย

“ตัวไชดินที่น้องรองเรียกก็คือไส้เดือนเจ้าค่ะท่านแม่เจ้าตัวเล็กพวกนี้จะช่วยเราพรวนดินในแปลงผักอีกทั้งมูลของมันยังมีค่ามหาศาลสามารถใช้เป็นปุ๋ยชั้นดีได้ต่อไปนี้ผักในสวนของเราจะเติบโตได้เป็นอย่างดีเลยเจ้าค่ะ” ว่าแล้วม่านหนิงฮวาเด็กน้อยที่มีอายุเพียงเจ็ดหนาวก็ใช้ไม้พายเก่าๆ ที่ด้ามหักตักไส้เดือนตัวอ้วนๆ ในถังขึ้นมาให้มารดาได้ชมโดยในถังนี้นางใช้เวลาหมักปุ๋ยอยู่กว่าสามเดือนจนกระทั่งไส้เดือนตัวอ้วนโตเต็มถึงแล้วจึงกล้าอวดพวกมันให้มารดาและน้องๆ ได้เห็น

“เอาล่ะแม่เห็นแล้วว่าไส้เดือนของเจ้าตัวอวบอ้วนนักแต่พอมันอยู่รวมๆ กันเป็นก้อนใหญ่แม่ก็อดที่จะขนลุกไม่ได้อยู่ดี แล้วจากนี้เจ้าจะทำอย่างไรกับพวกมันต่อไปเล่าหนิงหนิง” แม้มารดาจะมิใช่สตรีที่ขวัญอ่อนก็ยังอดขนลุกไม่ได้กับกลุ่มก้อนไส้เดือนที่บุตรสาวคนโตนั้นตักขึ้นมาอวดโฉมให้นางเห็น

“ข้าจะแบ่งพวกมันไปใส่บนแปลงผักส่วนหนึ่งแล้วก็จะขยายพันธุ์พวกมันเพิ่มด้วยเจ้าค่ะเพราะปุ๋ยมูลไส้เดือนนั้นมีค่านักแต่ตอนนี้ต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสมให้ได้ก่อน” ในตอนนี้ถังไม้เก่าก็ไม่มีแล้วครั้นจะขุดหลุมเพื่อหมักปุ๋ยลำพังเด็กเพียงแค่เจ็ดหนาวกับมารดาร่างบอบบางดั่งกิ่งหลิวคงไม่อาจทำได้นางจึงต้องหาทางดัดแปลงเอาจากสิ่งต่างๆ ที่มีในครัวเรือนมาใช้ก่อน

“ถ้าเช่นนั้นมาจะสานตะกร้าไม้ไผ่ให้เจ้าดีหรือไม่จะได้เอาไว้หมักปุ๋ยและเลี้ยงเจ้าไส้เดือนพวกนี้ ถ้าพวกเจ้าดูมันจนพอใจแล้วก็กลับเข้าเรือนไปล้างเนื้อล้างตัวกันเสียเถิดจะได้กินข้าวเช้ากันเสียทีนี่ก็สายมากแล้ว” เมื่อมารดาบอกเช่นนั้นม่านหนิงฮวาก็จูงมือน้องสาวคนรองม่านหนิงเหอตามหลังมารดากลับเข้าเรือนโดยไม่ลืมที่จะช่วยจัดการพาน้องสาวล้างไม้ล้างมือฟอกสบู่ที่นางทำขึ้นใช้เองจนสะอาดจากนั้นก็มานั่งรับประทานอาหารเช้าฝีมือท่านแม่ด้วยกัน

“ท่านแม่เจ้าขาเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วข้าจะไปตัดไม้ไผ่ให้เองนะเจ้าคะ” ระหว่างที่กินข้าวกับมะเขือเทศผัดไข่แสนอร่อยกับน้ำแกงเต้าหู้ฝีมือมารดาม่านหนิงฮวาก็อาสาจะไปตัดไม้ไผ่ที่ขึ้นอยู่เยอะบริเวณหลังบ้านให้มารดาด้วยตัวเอง

“ไม้ไผ่หนามมันเยอะแม่จะไปตัดเองเดี๋ยวเจ้าดูแลน้องๆ อยู่ในเรือนนี่แหละเอาไว้แม่กลับมาแล้วเจ้าค่อยพาเสี่ยวเหอออกไปเล่นซนกันที่ในสวน” แม้จะรู้ดีอยู่เต็มอกว่าบุตรสาวคนโตนั้นเก่งกาจเกินอายุแต่เรื่องตัดไม้ใช้มีดนั้นอย่างไรเสียม่านหนิงอ้ายก็ยังไม่ไว้ใจเท่าไรนักหากได้ลงมือทำเองนางจะสบายใจมากกว่า

“เอาตามที่ท่านแม่ว่าเจ้าค่ะข้าจะดูแลเสี่ยวเหอกับหมิ่นเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ เจ้าตัวเล็กหม่ำๆ เร็วเข้าจะได้โตไวๆ พี่สาวยังต้องการแรงงานทำสวนผักอยู่นะ” พี่สาวคนโตหันไปป้อนข้าวให้น้องชายตัวน้อยที่นั่งตัวขาวเป็นก้อนแป้งซาลาเปาแถมยังบอกให้เขารีบกินและรีบโตไวๆ อีกด้วย

“โต โต ง่ำ” ม่านจางหมิ่นที่อยู่ในวัยช่างจดช่างจำและช่างเลียนแบบพูดตามพี่สาวก่อนจะงับข้าวคำใหญ่เข้าปากของตัวเอง

“หมิ่นเอ๋อร์เด็กดี” พี่สาวคนรองม่านหนิงเหอที่เป็นเด็กค่อนข้างจะขี้อายผิดกับพี่สาวคนโตเขี่ยแก้มน้องด้วยความรักโดยระหว่างที่กินข้าวไปนั้นทั้งพี่ใหญ่และพี่รองก็ทำหน้าที่สอดส่องน้องเล็กโดยปล่อยให้เขากินข้าวเองบ้างและป้อนบ้างจนกระทั่งข้าวที่ท่านแม่ตั้งใจปรุงให้เด็กน้อยวัยสองหนาวเป็นพิเศษนั้นเกลี้ยงชาม

“ถ้ามีคนมาเรียกอย่าเพิ่งไปเปิดประตูบ้านให้ใครให้รีบไปตามแม่ที่ป่าไผ่หลังบ้านนะหนิงหนิงแล้วก็ระวังอย่าให้น้องๆ เข้าไปเล่นใกล้เตาไฟโดยเด็ดขาด” ทุกครั้งที่ม่านหนิงอ้ายจะต้องปล่อยให้ลูกๆ อยู่กันตามลำพังในเรือนแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นานนางก็จะสอนสั่งคำเดิมๆ ทุกครั้งเพื่อย้ำเตือนถึงความปลอดภัยและให้เด็กๆ รู้จักระมัดระวังตัวไปในคราวเดียวกัน

“หนิงหนิงทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ข้าจะสอนน้องรองอ่านและคัดตัวอักษรรอและเมื่อท่านกลับมาข้าถึงจะพานางออกไปทำสวนเจ้าค่ะ” ม่านหนิงฮวารับปากอย่างขยันขันแข็งโดยในตอนนี้นางกำลังอุ้มน้องชายคนเล็กอยู่ส่วนน้องสาวนั้นกำลังไปหยิบกระดานดำและแท่งดินขาวที่นางปั้นเป็นแท่งตากแดดเอาไว้สำหรับใช้หัดเขียนอ่านกันภายในเรือน

“ท่านพี่เจ้าคะข้ามาแล้วเจ้าค่ะ” ม่านหนิงเหอเดินเข้ามาหาพี่สาวที่เล่นกับน้องชายอยู่ที่ห้องโถงของบ้านโดยเด็กหญิงตัวน้อยกลับมาพร้อมกระดานสีดำอันใหญ่กับแท่งดินขาวที่พี่สาวเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีเนื่องจากกระดานดำแผ่นนี้เป็นสิ่งที่บิดาทำให้ใช้เมื่อนานมาแล้ว

“เจ้าคัดอักษรที่พี่เคยสอนไว้ให้ดูหน่อยถ้าหากเจ้าจำพวกมันได้ทั้งหมดแล้วพี่จึงจะสอนอักษรตัวต่อไปให้” ม่านหนิงฮวาค่อยๆ สอนน้องสาวอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยที่นางจะให้ม่านหนิงเหอคัดตัวอักษรครั้งละห้าตัวไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ให้ผสมอักษรง่ายๆ สลับกับการเรียนรู้อักษรตัวใหม่และผสมคำใหม่ๆ ไป เป็นวิธีที่นางคิดขึ้นมาเองโดยดัดแปลงจากวิธีการที่ท่านพ่อและท่านแม่เคยสอนตัวเองมาก่อนหน้านี้

“ได้เจ้าค่ะพี่ใหญ่” น้องสาวรับคำอย่างว่าง่ายจากนั้นนางจึงค่อยๆ ใช้นิ้วมือเล็กๆ จับแท่งดินขาวคัดตัวอักษรออกมาเรื่อยๆ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยจะว่าไปแล้วลายมือของม่านหนิงเหอนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยและงดงามกว่าลายมือของนางมากนักซึ่งท่านแม่เคยกล่าวว่าหากจะคัดอักษรให้งดงามม่านหนิงฮวาก็ทำได้แต่นางห่วงแต่จะออกไปทำงานข้างนอกบ้านลายมือจึงออกมาเป็นลายมือไก่เขี่ยซึ่งมันก็เป็นจริงดังที่ท่านแม่ว่าทุกประการ

“ลายมือเจ้างดงามนักเสี่ยวเหอหากมีโอกาสพี่จะส่งเจ้าเข้าสำนักศึกษา อยากไปหรือไม่” ในยุคสมัยนี้ท่านแม่เคยเล่าให้ฟังว่าการศึกษาไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแค่เพศชายโดยมีสำนักศึกษาที่เปิดสอนวิชาของสตรีโดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นการคัดอักษร การเขียนโคลงกลอน เย็บปักถักร้อย งานบ้านงานเรือนไปจนถึงวิชาดนตรีก็มีทั้งหมดอย่างท่านแม่ของนางก่อนจะออกเรือนก็ได้ผ่านการเรียนจากสำนักศึกษาชั้นต้นของสตรีมาเหมือนกัน

“อยากเจ้าค่ะพี่ใหญ่ เสี่ยวเหอจะตั้งใจเจ้าค่ะ” เด็กน้อยยิ้มหวานอย่างเอียงอายให้พี่สาวซึ่งตัวนางเองแม้จะเล็กอยู่มากแต่ก็จำได้ถึงเรื่องเล่าที่มารดาชอบเล่าให้ฟังก่อนนอนใจดวงน้อยของม่านหนิงเหอก็แอบใฝ่ฝันถึงสำนักศึกษาที่ที่จะทำให้นางมีความรู้กลับมาดูแลครอบครัวอย่างที่พี่ใหญ่ของนางกำลังทำอยู่ในทุกวันนี้

“ถ้าอยากไปเจ้าก็จะได้ไปรวมทั้งเจ้าก้อนแป้งนี่ด้วยข้าจะส่งให้เจ้าทั้งสองคนเข้าสำนักศึกษาถ้าอยากเรียนอะไรพวกเจ้าก็จะได้เรียนทุกอย่างที่ต้องการเลย พี่ใหญ่สัญญานะ” ม่านหนิงฮวาให้คำสัญญากับน้องสาวแม้สิ่งเหล่านั้นออกจะเกินกำลังของเด็กน้อยวัยเพียงเจ็ดหนาวแต่นางก็มั่นใจว่านางจะต้องทำได้อย่างแน่นอนกว่าน้องสาวจะมีอายุถึงเกณฑ์ที่เข้าสำนักศึกษาสำหรับสตรีได้ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปีนางยังพอมีเวลาเตรียมความพร้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทองหรือสิ่งของต่างๆ

“แล้วพี่ใหญ่ล่ะเจ้าคะ ไม่อยากเข้าสำนักศึกษาบ้างเหรอ”

“พี่อยากให้เจ้าสองคนเรียนกันก่อนเอาไว้พี่ค่อยเรียนทีหลังก็ได้ทั้งท่านแม่และท่านพ่อต่างก็สอนสั่งพี่มามากพอสมควรแล้วไหนจะคัดอักษร การนับเลขหรือแม้แต่งานบ้านงานครัวพี่ว่ามันยังรอได้สำหรับการเข้าสำนักศึกษาของตัวเอง” พี่ใหญ่ตอบน้องสาวแต่ก็ไม่ได้เล่าถึงเหตุผลทั้งหมดออกมาเพราะถ้าหากนางไปเข้าสำนักศึกษาแล้วใครจะเป็นคนที่หาเงินส่งน้องๆ อีกสองคนกันเล่า

“แล้วเช่นนี้... ท่านพ่อจะกลับมาหาพวกเราหรือไม่เจ้าคะข้าอยากเรียนคัดอักษรกับท่านพ่อบ้าง” แม้ม่านหนิงเหอจะจำหน้าตาของบิดาไม่ค่อยได้เพราะเมื่อตอนที่ท่านจากไปสนามรบนั้นนางมีอายุยังไม่เต็มสี่หนาวดีด้วยซ้ำแต่จากที่ฟังคำที่พี่สาวและมารดาบอกเล่านางก็รู้สึกว่าท่านพ่อต้องเป็นบุรุษที่ใจดีมากแน่ๆ

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่เจ้าคัดอักษรไปถึงไหนแล้วล่ะเสี่ยวเหอขอพี่ดูหน่อยได้หรือไม่” เพราะม่านหนิงฮวายังคิดหาคำตอบดีๆ มาบอกกับน้องสาวไม่ได้เหตุเพราะตัวนางเองก็ไม่แน่ใจว่าบิดาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรในตอนนี้เนื่องจากบิดานั้นขาดการติดต่อมาถึงครึ่งปีแล้วจึงเบี่ยงเบนความสนใจของน้องมาที่ตัวอักษรที่นางกำลังคัดอยู่แทน