ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง - ตอนที่ 3 ม่านหนิงฮวาจอมวางแผน โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัว,จีน,ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ

รายละเอียด

ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

เชื่อเรื่องเกิดใหม่หรือเปล่า? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ตายแล้วไปไหนหรือตายแล้วเกิดใหม่อะไรพวกนั้นแต่หลังจากที่เบญญาหมดอายุขัยของตัวเองลงไปตามเงื่อนไขธรรมชาติของมนุษย์สิ่งแรกที่เธอพบคือโลกหลังความตายที่วุ่นวายอีนุงตุงนัง


วุ่นไม่วุ่นก็หลังจากผ่านด่านคัดกรองวิญญาณเสร็จแล้วเธอที่ยืนเบียดเสียดกับวิญญาณนับร้อยนับพันบนสะพานอะไรสักอย่างยังไม่ทันจะได้ดื่มน้ำในชามที่คุณยายหน้าตาใจดีมอบให้ก็ถูกฝูงวิญญาณที่เหมือนจะรีบไปตายกันอีกรอบผลักดันผ่านประตูจนโผล่มาร้องอุแว้ อุแว้ในร่างของเด็กทารกโดยที่มีความทรงจำมากมายของชีวิตก่อนอยู่ในหัวและอีกเพียงเจ็ดปีต่อมาก็ได้เวลาที่ต้องงัดความรู้ที่มีทั้งหมดออกมาใช้เลี้ยงดูครอบครัวที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะว่าบิดาได้หายตัวไปในสนามรบ



หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 1 อวดผลงานชั้นโบแดง,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 2 เรือนสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 3 ม่านหนิงฮวาจอมวางแผน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 4 กิจกรรมระหว่างรอเวลา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 5 ทำปลาหมักเกลือรมควัน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 6 การเริ่มต้นทำการค้าของม่านหนิงฮวา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 7 ม่านหนิงฮวาผู้ไม่เคยหยุดพักเรื่องหาเงิน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 8 มีเงินทองมากมาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 9 เริ่มกิจการขายสบู่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 10 ผลพวงจากสงครามที่แสนโหดร้าย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 11 ช่วยเหลือผู้อพยพ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 12 การซื้อที่ดินขยายอาณาเขตสวนผัก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 13 เริ่มการทำนาทำสวน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 14 ไม่มีแม้แต่เงาของบิดา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 15 การเดินทางเข้าอำเภอเป็นครั้งแรก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 16 คุณหนูสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 17 ความทรงจำที่ขาดหาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 18 การเดินทางไปเยือนเมืองหลว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 19 เมืองหลวงช่างกว้างใหญ่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 20 ฝากตัวเป็นศิษย์,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 21 ซื้อของฝากกลับบ้าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 22 กลับมาดูแลกิจการ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 23 เส้นทางการเป็นนักรบช่างยากลำบาก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 24 ความทรงจำที่หยั่งรากลึกในจิตใจ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 25 บ้านและครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 26 ความสุขที่หวนคืน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 27 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 28 วิถีชีวิตแบบเดิมในสถานที่ใหม่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 29 ร้านค้าสกุลม่านสาขาเมืองหลวง (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 3 ม่านหนิงฮวาจอมวางแผน

ตั้งแต่บิดาไปทำหน้าที่ในสงครามและไม่ได้ติดต่อหรือส่งข่าวคราวกลับมาที่บ้านเกินครึ่งปีม่านหนิงฮวาก็เริ่มร่างแผนการในการดูแลครอบครัวเอาไว้ในหัวเล็กๆ ของนางอย่างช้าๆ เพราะหากจะหวังเพียงแค่เบี้ยหวัดให้บิดานำกลับมาจุนเจือครอบครัวก็อาจจะไม่ทันการณ์ อีกทั้งในสงครามอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ อย่างดีบิดาก็กลับมาอย่างปลอดภัยหรือถ้าร้ายแรงเขาก็จะเหลือเพียงแต่ชื่อที่สลักอยู่บนป้ายวิญญาณให้บุตรหลานได้กราบไหว้

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างที่บิดาไม่อยู่ที่เรือนก็เป็นหน้าที่ของบุตรสาวคนโตอย่างนางที่จะต้องดูแลชีวิตของสมาชิกในครอบครัวให้อยู่รอดปลอดภัยไปให้จงได้ดังนั้นความรู้ทุกสิ่งอย่างที่มีอยู่ในหัวเล็กๆ จึงถูกเค้นออกมาเพื่อจะได้นำมาปรับใช้ให้มันเข้ากับยุคสมัยที่นางใช้ชีวิตอยู่

แม้อายุของม่านหนิงฮวาจะเกิดมาแค่เพียงเจ็ดหนาวแต่ความคิดความอ่านละจิตวิญญาณของนางนั้นกลับเป็นของหญิงสาวที่เคยมีอายุถึงเก้าสิบสามปีซึ่งนางในชีวิตเก่านั้นสิ้นอายุขัยไปตามธรรมชาติแต่เมื่อมาเกิดใหม่นั้นนางกลับมีความทรงจำของร่างเดิมอยู่ครบถ้วนนั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้บุตรสาวคนโตของสกุลม่านนั้นมีความแตกต่างจากบุตรสาวบ้านอื่นที่อยู่ในวัยเดียวกันอยู่มากพอสมควร

แรกๆ นางก็ต้องอาศัยวิธีหลบเลี่ยงต่างๆ มากมายแต่สุดท้ายความรู้ต่างๆ ที่มีนั้นม่านหนิงฮวาก็ใช้วิธีการอ้างเทพเจ้าที่ฝันถึงในครั้งที่แอบไปจับปลาที่แม่น้ำแล้วถูกบิดาจับได้ด้วยความกลัวว่าจะถูกลงโทษและต้องการกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองจึงแกล้งจมน้ำและมันก็เหมือนจริงมากไปหน่อยจนเกือบจะจมน้ำสิ้นชีพไปจริงๆ ในเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ท่านแม่ร้องไห้ปานจะขาดใจซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นมาม่านหนิงฮวาก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ทำให้ท่านแม่ร้องไห้อีกเป็นอันขาดแต่ก็ขอใช้โอกาสนี้สร้างเรื่องโกหกเพื่อเอาตัวรอดครั้งใหญ่แม้จะมีความรู้สึกผิดอยู่ในใจมากมายก็ตาม

ครอบครัวของเด็กหญิงแม้ว่าจะไม่ได้ยากไร้แต่ก็ยังห่างไกลคำว่าร่ำรวยแค่พอมีกินไม่อดอยากลำพังเบี้ยหวัดของนายกองก็ใช่จะมากมายอะไรและด้วยความที่เห็นมารดาขยันทำงานหาเงินอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เคยปล่อยเวลาให้ว่างม่านหนิงฮวาจึงช่วยท่านแม่และท่านพ่อทำสวนปลูกผักตั้งแต่อายุยังไม่เต็มสี่หนาวจนกระทั่งอายุได้หกหนาวนางก็สามารถดูแลสวนผักเล็กๆ ในบ้านได้ด้วยตัวคนเดียวอีกทั้งยังมีความคิดความอ่านแปลกใหม่ที่ทำให้มารดาแปลกใจอยู่เรื่อย

“ท่านแม่เจ้าขาข้าจะดองแตงกวา หัวผักกาดแล้วดองผักกาดเขียวไว้ทำผักกาดตากแห้งนะเจ้าคะหากว่ามีเยอะข้าจะนำไปขายที่ในตลาดแต่อย่างไรก็ตามข้าจะเก็บเอาไว้กินในบ้านของเราก่อน” หลังจากปลูกแตงกวาได้ประมาณสี่สิบวันก็ได้เวลาที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตในรอบแรกพร้อมกับหัวผักกาดและผักกาดเขียวที่กำลังโตได้ที่พอดีซึ่งจากการประเมินด้วยสายตาแล้วแตงกวาของนางน่าจะดองได้ไม่ต่ำกว่าห้าสิบไหเลยทีเดียว

“เก็บผลสดเอาไว้ขายบ้างก็ดีนะแม่ได้ยินท่านปู่ไช่มาเล่าให้ฟังอยู่ว่าที่ตลาดก็ถามหาผักสดอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะเหลาอาหารใหญ่ๆ แถมให้ราคาดีด้วยในช่วงนี้งานปักผ้าขายไม่ค่อยได้ราคาเพราะผู้คนเป็นห่วงเรื่องของปากท้องมากกว่าความสวยความงามแต่ถ้าเป็นเรื่องผักแม่คิดว่ามันจะพอขายได้เพราะคนเราต้องกินอาหารกันทุกวัน” มารดาที่ออกมาช่วยบุตรสาวทั้งสองคนเก็บผักในสวนแนะนำอย่างใจเย็นแม้สถานการณ์การขาดแคลนอาหารในตำบลจะน่าวิตกอยู่มากก็ตามแต่มันยังคงไม่ถึงขั้นวิกฤติ

“ถ้าเช่นนั้นผักครึ่งหนึ่งข้าจะเก็บไปขายก่อนดีหรือไม่เจ้าคะแล้วก็จะนำกำไรจากการขายผักสดไปซื้อไหและวัตถุดิบต่างๆ มาใช้ดองผักก่อนที่ราคาเกลือและน้ำตาลจะขึ้นราคามากไปกว่านี้อีกอย่างหนึ่งผักเหล่านี้ก็เก็บเอาไว้นานไม่ได้เพราะฉะนั้นการถนอมอาหารไว้ให้กินได้นานๆ ก็สำคัญเจ้าค่ะ” แม้ในบ้านของม่านหนิงฮวาจะมีเกลือและน้ำตาลใช้ไม่เคยขาดแต่ถ้าหากต้องใช้ในปริมาณเยอะมากๆ ก็ต้องไปหาซื้อมากักตุนไว้สักเล็กน้อย

“แม่เห็นด้วยกับเจ้าถ้าเช่นนั้นเราช่วยกันเก็บผักที่สมบูรณ์ที่สุดไปขายกันก่อนและผักที่มีหน้าตาไม่สวยเท่าไรนักเราก็ค่อยเก็บมาถนอมอาหารดังที่เจ้าว่า ถ้าเช่นนั้นเจ้าวิ่งไปถามบ้านไช่ก่อนก็ดีว่าพรุ่งนี้มีใครจองเกวียนเข้าไปในตำบลหรือเปล่าเราจะได้จองเอาไว้ก่อน” การเดินทางเขาตำบลแม้จะใช้เวลาเพียงสองเค่อไม่เป็นปัญหาถ้าหากว่าเดินไปตัวเปล่าแต่ถ้าหากต้องแบกตะกร้าผักขึ้นหลังไปด้วยนั้นเห็นทีจะไม่ไหวจะต้องอาศัยจ้างเกวียนรับจ้างที่เดินทางเป็นเวลาไม่ก็ไปเหมาเกวียนของผู้นำหมู่บ้านบ้านเพื่อใช้ในการเดินทาง

เมื่อมารดาบอกมาเช่นนั้นม่านหนิงฮวาก็ไม่รีรอรีบวิ่งออกไปยังบ้านไช่เพื่อถามหาท่านปู่โจวผู้นำหมู่บ้านและเมื่อทางนั้นทราบว่าบ้านม่านของนางจะเก็บผักเข้าไปขายในตำบลทางบ้านไช่ก็จะถือโอกาสเก็บผักไปขายเช่นเดียวกันเพื่อเป็นการเพิ่มการต่อรองในการค้าเพราะถ้ายิ่งมีผักหลากหลายก็จะมีคนให้ความสนใจมากขึ้นถ้าโชคดีไปขายให้เหลาอาหารแล้วเขารับหมดก็ไม่ต้องเสียเวลาไปเช่าแผงขายที่ในตลาด

ม่านหนิงฮวาวิ่งกลับมาบ้านภายในเวลาแค่ชั่วจิบชาจากนั้นนางก็มาช่วยมารดาและน้องสาวตัดแตงกวาผลเขียวๆ อวบๆ ที่หวานกรอบใส่ตะกร้าไม้ไผ่ที่บิดาสานเอาไว้ให้เมื่อนานมาแล้วแต่พวกมันยังคงแข็งแรงจะมีบ้างที่หูตะกร้าพังไปแต่มารดาของนางก็สามารถซ่อมแซมให้มันกลับมาใช้ได้เหมือนใหม่โดยไม่ต้องทิ้งขว้างให้เสียของ

วันรุ่งขึ้นเกวียนเทียมวัวของบ้านไช่เดินทางออกจากหมู่บ้านตั้งแต่ต้นยามเหม่าเพื่อที่จะไปจอดเกวียนจองพื้นที่ขายผักได้ก่อนใครเผื่อที่จะได้ที่ดีๆ แล้วก็เป็นดังที่ท่านปู่ไช่บอกเอาไว้เพราะทันทีที่เกวียนมาจอดก็มีชาวบ้านเข้ามารุมล้อมไถ่ถามถึงราคาผักที่นำมาขายในวันนี้

ทั้งบ้านไช่และบ้านม่านตกลงราคากันไว้ตั้งแต่อยู่ในหมู่บ้านแล้วว่าพวกเขาจะขายผักในราคาที่แพงกว่าราคาปกติเพียงเล็กน้อยเพื่อให้คุ้มกับค่าเหนื่อยซึ่งนั่นก็ทำให้ชาวบ้านต่างก็พึงพอใจเข้ามาจับจ่ายกันไม่หยุดแถมยังโชคดีมีเถ้าแก่จากเหลาอาหารมาเหมาผักที่เหลือไปทั้งหมดจึงทำให้เก็บของกลับหมู่บ้านได้เร็วกว่าที่คาดเอาไว้

“ท่านแม่เจ้าคะข้าจะต้องไปซื้อไหใส่ผักดองและเครื่องปรุงนะเจ้าคะ ท่านแม่อยากได้อะไรหรือไม่” เพราะวันนี้บ้านม่านขนกันมาทั้งบ้านเนื่องจากไม่อาจทิ้งให้บุตรคนรองดูแลบุตรชายคนเล็กตามลำพังได้อีกทั้งไม่อาจปล่อยให้ม่านหนิงฮวาเดินทางมาคนเดียวเพราะจะเป็นการรบกวนท่านปู่บ้านไช่เกินไปม่านหนิงอ้ายจึงตัดสินใจพากันมาหมดครอบครัวซึ่งมันทำให้นางเห็นว่าบุตรสาวคนโตนั้นมีความฉลาดในการค้าขายส่วนบุตรสาวคนรองแม้จะไม่ช่างเจรจาเท่าคนเป็นพี่สาวแต่ก็ช่วยคิดราคาและทอนเงินค่าผักต่างๆ ได้แม่นยำยิ่งนัก

“เจ้าซื้อข้าวสารกลับไปบ้านสักหน่อยก็ดีนอกจากนั้นแม่ก็ไม่ต้องการอะไรแล้วหากเจ้าเห็นว่ามีอะไรที่ควรมีติดบ้านเจ้าเลือกซื้อมาได้เลยหนิงหนิง” ถุงเงินทั้งหมดนางยกให้ลูกสาวบริหารจัดการเพราะถึงอย่างไรแล้วมันก็เป็นน้ำพักน้ำแรงของม่านหนิงฮวาเป็นหลัก

“เจ้าค่ะท่านแม่ข้าจะรีบไปรีบมานะเจ้าคะ” ม่านหนิงฮวาเดินลัดเลาะเข้าตลาดอย่างคล่องแคล่วเนื่องจากไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้ามาที่ตำบลโดยร้านแรกที่เด็กหญิงแวะเข้าไปสั่งสินค้าก็คือร้านขายไหดองผักที่มีมากมายหลายขนาดให้เลือกซึ่งแน่นอนว่านางต้องเลือกมาสองขนาดสำหรับดองผักเอาไว้กินที่บ้านและขนาดที่เอามาใส่ผักดองขายซึ่งไหเกือบร้อยใบทางร้านยินดีจัดส่งให้ถึงที่เรือนนางจึงเขียนแผนที่บอกทางให้โดยละเอียดพร้อมจ่ายเงินค่ามัดจำเอาไว้ครึ่งหนึ่ง

ร้านต่อมาคือร้านขายเครื่องปรุงต่างๆ และข้าวสารซึ่งนางสั่งทั้งเกลือและน้ำตาลในปริมาณมากจนหลงจู๊ถึงกับมองหน้าด้วยความสงสัยแต่นางก็ยังหาช่องทางค้าขายโดยการถามสถานที่ฝากวางสินค้าซึ่งทางหลงจู๊ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เสนอให้เอาตัวอย่างผักดองมาชิมแล้วถ้ามันอร่อยทางนี้ก็จะขอรับซื้อเอาไว้เอง

“ขอบคุณท่านปู่หลงจู๊เจ้าค่ะผักของข้าน่าจะพร้อมรับประทานภายในเจ็ดวันอย่างไรแล้วข้าจะเอาตัวอย่างมาให้ชิมนะเจ้าคะ ต้องขอขอบคุณท่านล่วงหน้าและหวังว่าเราจะได้มีโอกาสทำการค้าร่วมกัน” ม่านหนิงฮวากล่าวอย่างนอบน้อมโดยนางมั่นใจว่าถึงหลงจู๊จะไม่รับสินค้านางก็จะลองไปเสนอที่เหลาอาหารดูเป็นทางเลือกสำรอง

หลังจากกลับมาถึงบ้านใช่ว่าม่านหนิงฮวาจะได้พักนางเร่งมือล้างแตงกวาเพื่อทำการดองก่อนเป็นอันดับแรกโดยเด็กหญิงตั้งใจเอาไว้ว่านางจะดองทั้งหมดสองสูตร สูตรแรกเป็นผักดองสามรสที่ใช้กินเป็นทั้งกับข้าวและเครื่องเคียงได้ส่วนอีกสูตรเป็นผักดองเค็มที่ต้องนำไปปรุงเป็นอาหารอย่างอื่นต่อจึงจะรับประทานได้อร่อยโดยแตงกวาและหัวผักกาดนางจะใช้วิธีการเดียวกันส่วนผักกาดเขียวนางจะนำมาดองเกลือหนึ่งคืนจากนั้นก็จะนำขึ้นตากแดดจนแห้งสนิทอีกสามสี่วันเพื่อทำให้สามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้เป็นเวลานานขึ้น

“ข้าลืมผักกาดดองเปรี้ยวไปเลยเจ้าค่ะท่านแม่ผักกาดเขียวรอบนี้คงไม่พอเอาไว้ทำรอบหน้าก็คงทัน” หลังจากวุ่นวายทำผักดองอยู่ถึงสองวันงานที่ยุ่งยากทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลงไปแล้วด้วยความร่วมมือของสตรีสกุลม่านทั้งสามคนโดยระหว่างที่ม่านหนิงฮวายืนมองไหผักดองด้วยความภาคภูมิใจนางก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองลืมสิ่งสำคัญไปบางอย่างและมันก็เป็นผักดองที่มีความอร่อยลำดับต้นๆ ที่นางชอบกินเหลือเกินในชีวิตก่อน

“เจ้าทำผักดองไปทั้งหมดแปดสิบไหไม่นับผักกาดเขียวจะหลงลืมไปบ้างก็คงไม่แปลกหรอกหนิงหนิง แต่ตอนนี้ควรพักได้แล้วลูกรักเหนื่อยมาสองวันติดๆ กันแล้ว” ผู้เป็นมารดาทอดสายตามองบุตรสาวคนโตด้วยแววตาเอื้อเอ็นดูตัวม่านหนิงฮวาก็ยังเล็กเพียงเท่านี้แต่นางกลับทำงานหนักได้ไม่ต่างจากผู้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย

“ข้ายังต้องสำรวจแปลงผักอีกเล็กน้อยเจ้าค่ะว่ายังมีผักอะไรที่เราสามารถนำมาดองขายได้อีกบ้างข้ามั่นใจว่ามันจะต้องขายได้และขายดีด้วยเจ้าค่ะท่านแม่ ในช่วงที่บ้านเมืองมีสงครามเช่นนี้ผักสดหายากการกินผักดองจึงเป็นทางออกที่ดีเพราะนอกจากจะเก็บรักษาได้นานแล้วยังขนส่งทางไกลได้ไม่มีปัญหา

และถ้ามันขายได้ดีจริงๆ ข้าจะแนะนำให้ท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านประกาศให้ทุกคนทราบและหมู่บ้านเราจะได้ทำผักดองขายกันจะได้มีรายได้กันถ้วนหน้าด้วยเจ้าค่ะ ข้ายินดีสอนให้ทุกคนในหมู่บ้านทำขอเพียงแค่ไม่เผยแพร่สูตรผักดองของข้าไปนอกหมู่บ้านก็พอแล้วพวกเราจะได้มีช่องทางทำมาหากินกันอย่างยั่งยืน” ความรู้เล็กๆ น้อยๆ นั้นม่านหนิงฮวาไม่เคยหวงก่อนหน้านี้นางก็เคยสอนให้หลายบ้านหมักเศษอาหารในครัวเรือนให้เป็นปุ๋ยบำรุงพืชไปแล้วบ้านไหนที่อยากประหยัดค่าปุ๋ยก็ทำใช้แต่ถ้าบ้านไหนไม่สะดวกนางก็ไม่ว่ากัน

อีกอย่างหนึ่งการจะฝ่าฟันให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างการมีสงครามนั้นคงไม่สามารถทำตามลำพังเพียงแค่ครอบครัวของนางได้แต่หากว่ามีพันธมิตรหรือมีชาวบ้านที่มีอุดมการณ์เดียวกันรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนม่านหนิงฮวาคิดว่าทั้งหมู่บ้านจะสามารถฝ่าฟันจนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้