ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย
ครอบครัว,จีน,ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้องในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย
เชื่อเรื่องเกิดใหม่หรือเปล่า? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ตายแล้วไปไหนหรือตายแล้วเกิดใหม่อะไรพวกนั้นแต่หลังจากที่เบญญาหมดอายุขัยของตัวเองลงไปตามเงื่อนไขธรรมชาติของมนุษย์สิ่งแรกที่เธอพบคือโลกหลังความตายที่วุ่นวายอีนุงตุงนัง
“ผักดองของพี่ใหญ่ขายดีจริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ” ม่านหนิงเหอเบิกตาโตเมื่อเห็นกับตาว่ามีเกวียนเทียมวัวสองเล่มใหญ่มาจอดที่หน้าเรือนของตนเองและหลังจากนั้นก็มีคนงานจากร้านค้าข้าวเข้ามาขนย้ายสินค้าที่พี่สาวของนางเก็บไว้เต็มห้องโถงหน้าบ้านไปจนเกือบหมดและที่มากไปกว่านั้นเด็กหญิงตัวน้อยถึงกับตั้งวิ่งไปกอดขาท่านแม่เมื่อเห็นตัวเลขที่ระบุเอาไว้ในตั๋วแลกเงินที่พี่สาวเอามาให้นางดู
“พี่บอกเจ้าแล้วว่ามันต้องขายได้และมันจะต้องขายดีด้วย นอกจากท่านปู่หลงจู๊จะจ่ายเงินให้พี่โดยที่ไม่คิดกดราคาแล้วยังใจดีขายเครื่องปรุงสำหรับทำผักดองให้ในราคาถูกๆ โดยจะหักเงินค่าเครื่องปรุงไปจากเงินที่ชำระค่าสินค้ามาในครั้งนี้มีคนขนเครื่องปรุงมาให้พร้อมกับมารับสินค้าเจ้าว่ามันดีหรือไม่เล่าเสี่ยวเหอ” ม่านหนิงฮวาบอกให้ทั้งน้องสาวและมารดาได้ฟังวิธีการทำการค้าของตัวเอง
โดยเมื่อวานนี้ผักดองของนางได้ที่แล้วเด็กหญิงจึงเดินเข้าตำบลไปพร้อมกับตะกร้าใส่ห่อผักดองที่แบ่งไปจากไหดองผักในบ้านเพื่อเป็นตัวอย่างให้ท่านปู่หลงจู๊ได้ลองชิมรสชาติของมันก่อนแล้วนางก็ไม่คิดว่าชายชราจะชอบใจพวกมันมากถึงขนาดขอเหมาทั้งหมดอีกทั้งยังเอ่ยปากขอร้องว่าอย่าเพิ่งนำไปขายให้ที่ร้านอื่นซึ่งนางก็ตกปากรับคำไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยเพราะไม่อยากจะวิ่งไปหาลูกค้าเองให้เหนื่อยสู้เอาเวลานั้นมาคิดวิธีการถนอมอาหารอย่างอื่นขายเพิ่มจะดีกว่า
“แล้วผักของพวกเราจะโตทันหรือไม่หนิงหนิง แม่กลัวว่าหากเจ้ารับปากหลงจู๊เอาไว้แล้วไม่มีสินค้าส่งให้เจ้าจะเสียชื่อ” มารดาที่ไม่เคยทำการค้าใหญ่โตดังที่ลูกสาวทำในครั้งนี้ออกจะเป็นกังวลอยู่ว่าม่านหนิงฮวากำลังจะทำอะไรที่เกินตัวเกินกำลังของนางไปหรือเปล่า
“ข้าคิดเผื่อเอาไว้แล้วเจ้าค่ะท่านแม่แล้วก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านมาแล้วด้วยแทนที่ข้าจะให้ชาวบ้านทำผักดองของตัวเองสู้ข้ารับซื้อผักจากชาวบ้านมาเพื่อควบคุมการผลิตเองจะดีกว่าเจ้าค่ะส่วนเรื่องแรงงานหากต้องการคนช่วยท่านปู่ไช่จะประกาศหาแรงงานในหมู่บ้านให้” เมื่อวานหลังจากม่านหนิงฮวากลับมาจากตำบลแล้วนางได้แวะที่บ้านของท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านเพื่อปรึกษาเรื่องการทำผักดองส่งขายและผู้อาวุโสก็แนะนำทางออกที่น่าสนใจนี้มาให้นาง
“เก่งนักลูกแม่แต่อย่าทำอะไรหนักเกินตัวไปนักเล่าเจ้าเพิ่งมีอายุเพียงเท่านี้เอง” แม้จะดีใจที่ลูกสาวเก่งกาจมีหัวการค้าแต่ทว่ามารดาก็ยังเป็นกังวลว่าบุตรสาวคนโตจะวิตกกับเรื่องการหาเงินเข้าบ้านมากจนเกินไปก่อนหน้านี้ในช่วงที่สามีเงียบหายไปในช่วงแรกๆ นางจะเร่งหาเงินด้วยการปักผ้าอย่างเต็มความสามารถแล้วแต่เมื่อสงครามยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้นการปักผ้าไม่ได้ราคามากดังที่เคยนางจึงเคยคิดจะนำเครื่องประดับที่สะสมไว้ไปจำนำเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายภายในครอบครัวแต่ก็เป็นหนิงหนิงของนางที่เอ่ยปากห้ามเอาไว้
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะหนิงหนิงจะไม่ทำอะไรที่เกินกำลังและทำให้ตัวเองเดือดร้อนหากมีปัญหาข้าจะปรึกษาท่านแม่และท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านทุกเรื่องเจ้าค่ะ” เนื่องจากสกุลม่านของสามีไม่มีผู้อาวุโสในเรือนเนื่องจากพาภรรยาย้ายมาจากต่างถิ่นจึงนับถือผู้อาวุโสสกุลไช่ดังญาติผู้ใหญ่ของตัวเองส่วนสกุลเดิมของฮูหยินม่านนั้นก็อยู่ต่างอำเภอจึงไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่นางออกเรือนมา
พูดง่ายๆ ว่านางเป็นเพียงลูกอนุในเรือนพ่อค้าสกุลจูที่มารดาตายตกไปตั้งแต่มีอายุได้ไม่กี่ขวบปีจึงถูกเลี้ยงดูมาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ โชคดีที่ได้แต่งงานกับนายทหารสกุลม่านที่ขยันขันแข็งจึงสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวสร้างครอบครัวเล็กๆ นี้ได้แม้จะไม่ได้ร่ำรวยมีเงินทองเหลือกินเหลือใช้แต่ก็ไม่เคยลำบากถึงขั้นอดอยากเลยสักครั้งเดียว
“พี่ใหญ่ ข้าวของมากมายถึงขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ” เพราะน้องสาวเห็นแล้วว่ามีไหน้ำส้มและกระสอบเกลือกระสอบน้ำตาลมากมายกำลังถูกลำเลียงเข้ามาในบ้านนางจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“หลังจากนี้พี่จะให้ท่านปู่ช่วยประกาศรับซื้อผักของชาวบ้านมาทำผักดองแต่ว่าก่อนหน้านั้นเราจะไปจับปลากันเพื่อนำมาทำปลาหมักเกลือรมควันไปส่งขายก่อน แม่น้ำที่ผ่านหมู่บ้านเรามีปลาชุกชุมนักพี่ว่ามันต้องเป็นรายได้ให้เราดีอีกทางหนึ่งอีกอย่างท่านพ่อก็เคยทำอุปกรณ์จับปลาไว้ให้ตั้งหลายอันถึงเวลาที่เราต้องใช้พวกมันแล้วล่ะ”
อุปกรณ์จับปลาที่ว่านั้นก็คือไซดักปลาที่ม่านหนิงฮวาวาดแบบออกมาให้ท่านพ่อทำให้และเคยทดลองใช้กันมาหลายครั้งแล้วนอกจากไซแล้วก็ยังมีสุ่มดักปลาที่นางสามารถใช้เองได้เนื่องจากแม่น้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านมีบริเวณที่ไม่ลึกมากอยู่ด้วยและที่สำคัญปลาเล็กปลาน้อยนั้นชุกชุมมากนักซึ่งน่าจะเป็นเพราะธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่
“ถ้าเจ้าจะจับปลาก็ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยแม้แม่น้ำนั้นจะไม่ลึกมากแต่เมื่อได้ชื่อว่าเป็นแม่น้ำย่อมไว้ใจไม่ได้”
“ข้ารู้เจ้าค่ะท่านแม่ปลายยามเซินวันนี้ลุงไช่และป้าไช่จะพาข้ากับพี่อี๋นั่วไปจับปลากันท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” แม้นางทำอะไรโดยไม่ขอมารดาก่อนแต่ก็ใช่ว่าม่านหนิงฮวาจะไปทำอะไรไร้สาระตามใจตัวเองดังนั้นเมื่อมารดาได้ยินจึงไม่ดุไม่ว่าเพียงแต่ย้ำให้นางระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดีและก็แน่นอนว่างานนี้เสี่ยวเหอตัวน้อยต้องร้องตามพี่สาวไปด้วยเพราะตัวเด็กหญิงคนน้องก็ชอบการเล่นน้ำจับปลาอยู่เหมือนกัน
ผลประกอบการในการจับปลาวันแรกนั้นได้ปลามาถึงสองถังแต่นั่นก็หมายถึงการต้องแลกกับแรงกายอย่างหนักหน่วงดังนั้นหลังจากท่านป้าและท่านลุงไช่ช่วยแบกปลามาส่งที่บ้านพร้อมรับส่วนแบ่งของตนเองกลับไปแล้วม่านหนิงฮวาจึงฝากให้ช่วยบอกท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านให้ช่วยประกาศรับซื้อปลาให้นางแทน
“ปลาพวกนี้ตัวที่ยังเป็นๆ อยู่ข้าจะขังเอาไว้ก่อนนะเจ้าคะส่วนตัวที่ตายจะเอามาทำอาหารกินกันและส่วนหนึ่งก็จะหมักเกลือและกระเทียมเอาไว้เพื่อตากแดดในวันพรุ่งนี้” ปลาส่วนมากที่จับได้จะเป็นปลาเกล็ดขาวที่มีขนาดลำตัวประมาณฝ่ามือผู้ใหญ่มีเนื้อเยอะและที่สำคัญคือมีก้างน้อยสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายอย่างโดยวันนี้ม่านหนิงฮวาตั้งใจว่าจะเอาปลามานึ่งกับซีอิ๊วใส่ขิงและต้นหอมให้เยอะหน่อยเพื่อดับกลิ่นคาว
และอีกจานก็คือต้มยำน้ำใสแม้ที่บ้านจะไม่มีมะนาวแต่ก็ยังมีมะขามเปียกและต้นพริกที่นางบังเอิญเจอจากบนเขาเมื่อครั้งขอตามท่านพ่อไปเก็บของป่าจึงขอให้ท่านพ่อช่วยขุดมาปลูกไว้แม้จะกินได้ครั้งละสองสามเม็ดก็ยังดีเพราะมันช่วยให้ลิ้นได้สัมผัสรสชาติอื่นบ้าง
ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มดูจริงจังยิ่งนักในยามที่เจ้าตัวกำลังตั้งใจทำอะไรสักอย่างและแม้มือของม่านหนิงฮวาจะยังเล็กแต่เพราะนางมีมีดประจำตัวที่ท่านพ่อดัดแปลงให้ด้วยตัวเองเป็นมีดที่ทั้งบางและน้ำหนักเบาเหมาะมือยิ่งนักจึงทำให้เด็กหญิงสามารถทำครัวได้อย่างคล่องแคล่วเพียงแค่ไม่ถึงสองเค่อนางก็สามารถทำความสะอาดปลาหนึ่งกะละมังย่อมๆ ได้เสร็จเรียบร้อยพร้อมสำหรับนำไปปรุงอาหารมื้อเย็นแล้ว
“ให้แม่ช่วยเจ้าดีกว่าจะทำอะไรบ้างหรือหนิงหนิง” มารดาที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัวตรงเข้ามาถามบุตรสาวคนโตด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง
“ท่านแม่ไปรอข้างนอกก็ได้เจ้าค่ะข้าทำคนเดียวได้เดี๋ยวหมิ่นเอ๋อร์จะงอแงร้องหา” น้องชายกำลังอยู่ในวัยที่ติดมารดาเป็นอย่างมากนางจึงออกมาพ้นสายตาเจ้าก้อนแป้งนานไม่ได้มิเช่นนั้นเขาก็จะร้องไห้โยเยและแสดงอาการเอาแต่ใจ
“เสี่ยวเหอเล่นกับน้องให้แม่อยู่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงน้องสาวเจ้านั้นรู้จักวิธีการหลอกล่อหลอกล่อน้องชาย” แม้ม่านหนิงเหอจะพูดไม่เก่งแต่กับน้องชายแล้วนางจะมีวิธีการหลอกล่อที่หลากหลายช่วยแบ่งเบาภาระของท่านแม่ได้มาก
“ถ้าเช่นนั้นท่านแม่ช่วยผัดผักให้หน่อยนะเจ้าคะ ข้านึ่งปลาเอาไว้แล้วเดี๋ยวจะทำน้ำแกงต้มยำอีกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ส่วนของหมิ่นเอ๋อร์ข้านึ่งฟักทองกับปลาเอาไว้ให้เขาแล้วรอให้คลายความร้อนก็สามารถบดผสมกับข้าวได้เลย” กับข้าวสามอย่างสำหรับบางครอบครัวนั้นอาจจะมองว่าเยอะเกินไปแต่สำหรับม่านหนิงฮวานั้นนางคิดแค่ว่าน้องสาวและน้องชายของนางกำลังเจริญเติบโตจึงจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนรวมถึงท่านแม่ก็ต้องบำรุงร่างกายให้แข็งแรงเพราะการที่คลอดบุตรถึงสามคนนั้นก็ทำให้สุขภาพของนางทรุดโทรมไปมิใช่น้อยแม้อายุของท่านแม่จะยังไม่มากเลยก็ตาม
“ได้เลยลูกรัก” เมื่อบุตรสาวขอให้ช่วยผู้เป็นแม่ก็แสนจะยินดีรีบจัดการนำผักที่ลูกสาวเตรียมไว้มาล้างและหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำโดยผักที่จะผัดนั้นมีทั้งกะหล่ำปลี หัวผักกาดแดง และมะเขือเทศซึ่งการปรุงรสก็จะทำง่ายๆ แค่ผัดกระเทียมสับกับน้ำมันหมูให้หอมจากนั้นก็ใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อนตามด้วยผักที่สุกง่ายจากนั้นก็ปรุงรสด้วยซีอิ๊วและน้ำตาลเพียงเล็กน้อยก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้น
“หอมจังเลยเจ้าค่ะท่านแม่ พี่ใหญ่” ทันทีที่มารดาและพี่สาวช่วยกันยกจานอาหารเข้ามาในห้องโถงของบ้านซึ่งเป็นที่ตั้งของโต๊ะกินข้าวม่านหนิงเหอที่เล่นกับน้องชายอยู่ก็ทำจมูกฟุดฟิดแล้วหันมายิ้มกว้างจนตาหยีส่วนเจ้าก้อนแป้งก็ไม่น้อยหน้ายืนขึ้นปรบมือแสดงอาการว่าถูกอกถูกใจอย่างที่สุด
“เสี่ยวเหอพาน้องไปล้างมือให้แม่หน่อยนะลูกแล้วเราจะได้กินข้าวเย็น” ถึงจะยังป้อนข้าวบุตรชายคนเล็กอยู่แต่ก็มีบ้างที่มารดาจะปล่อยให้เขาได้เรียนรู้การรับประทานอาหารด้วยตนเองจึงจำเป็นต้องล้างมือล้างไม้กันสะอาดก่อนรับประทานอาหารทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เพราะเรื่องนี้ม่านหนิงฮวาบอกให้ทุกคนในบ้านทำเป็นนิสัยตั้งแต่นางเริ่มพูดได้ชัดแล้ว
มื้อเย็นที่มีกับข้าวธรรมดาๆ ที่หาได้รอบหมู่บ้านทำเอาแม่ลูกสกุลม่านกินข้าวเสียจนอิ่มแปล้และเมื่อทุกคนอิ่มท้องและอาหารในจานเหลือเพียงก้างปลาบุตรสาวทั้งสองคนก็ลำเลียงจานไปล้างทำความสะอาดโดยไม่เกี่ยงกันเลยแม้แต่น้อยทำให้มารดาที่คอยสังเกตดูอยู่ตลอดถึงกับเก็บอาการปลื้มอกปลื้มใจเอาไว้ไม่ได้
“ท่านพี่เจ้าคะ ลูกๆ ของเรารู้ความไม่น้อยพวกเขากำลังเติบโตข้าอยากให้ท่านมีโอกาสเห็นยิ่งนัก” สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือการได้แต่ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สามีอันเป็นที่รักผู้เป็นบิดาของบุตรทั้งสามคนยังคงอยู่รอดปลอดภัยและในใจลึกๆ ของม่านหนิงอ้ายยังคงหวังว่าสักวันหนึ่งสามีจะต้องกลับมาอยู่ด้วยกันที่เรือนหลังนี้อย่างแน่นอน