ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย
ครอบครัว,จีน,ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้องในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย
เชื่อเรื่องเกิดใหม่หรือเปล่า? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ตายแล้วไปไหนหรือตายแล้วเกิดใหม่อะไรพวกนั้นแต่หลังจากที่เบญญาหมดอายุขัยของตัวเองลงไปตามเงื่อนไขธรรมชาติของมนุษย์สิ่งแรกที่เธอพบคือโลกหลังความตายที่วุ่นวายอีนุงตุงนัง
วันรุ่งขึ้นม่านหนิงฮวาตื่นมาในเวลาต้นยามเซินหลังจากที่หุงข้าวทิ้งเอาไว้แล้วเด็กหญิงจึงรีบไปดูปลาที่ขังเอาไว้ในถังน้ำเมื่อเห็นว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่ทั้งสองถังก็สบายใจรีบจัดการทำความสะอาดปลาทีละตัวอย่างตั้งอกตั้งใจโดยเริ่มจากการขอดเกล็ดและควักไส้ดึงเหงือกออกทางปากปลา ตัดแต่งครีบและหางที่ยาวเกินไปออกจากนั้นก็แล่ปลาจากหลังลงมาถึงลำตัวให้ปลาแผ่ออกเป็นแผ่นเดียวโดยที่ส่วนท้องนั้นยังคงติดกันอยู่
เมื่อทำความสะอาดปลาได้จำนวนหนึ่งแล้วม่านหนิงฮวาก็จะล้างทำความสะอาดปลาทีละตัวไม่ให้เหลือเศษเลือดหรือว่าเศษเครื่องในปลาหลงเหลืออยู่จากนั้นก็แผ่เอาไว้บนกระด้งทิ้งเอาไว้ให้สะเด็ดน้ำจนเมื่อทำปลารอบต่อไปมารดาก็ออกจากห้องนอนมาพร้อมกับน้องชายและน้องสาวพอดี
“ทำไมไม่ปลุกแม่มาช่วยล่ะหนิงหนิง”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่เหลือปลาอีกถังเดียวก็เสร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ช่วยทำกับข้าวดีกว่าเช้านี้เรากินอะไรอุ่นๆ กันดีหรือไม่ข้ารู้สึกว่าอากาศในวันนี้ดูจะเย็นกว่าทุกวัน เสี่ยวเหอเจ้าไปหาชุดที่หนาๆ หน่อยมาใส่นะหาเผื่อหมิ่นเอ๋อร์ด้วย” ตั้งแต่เช้าที่นางตื่นมาแล้วที่รู้สึกว่าอากาศเหมือนจะเย็นลงมากกว่าทุกวันแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นหนาวยังเรียกว่าพอทนได้สำหรับนางแต่กับน้องๆ นั้นคิดว่าให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ เอาไว้ก่อนจะดีกว่า
“แม่ก็คิดเช่นเดียวกันหรือปีนี้ฤดูหนาวจะมาก่อนเวลาพวกกินอาหารอุ่นๆ แล้วก็สวมเสื้อผ้าหนาๆ เอาไว้สักนิดก็น่าจะดี ถ้าเช่นนั้นวันนี้แม่จะทำน้ำแกงไข่ ปลาผัดขิงแล้วก็ผัดผักให้กินก็แล้วกันนะพวกเจ้ายังไม่เบื่อปลากันใช่หรือไม่ เสี่ยวเหอพาน้องไปล้างหน้าเปลี่ยนชุดให้แม่หน่อยแล้วก็อย่าลืมสวมเสื้อหนาๆ อย่างที่พี่ใหญ่เจ้าบอกด้วยนะ”
เสี่ยวเหอตัวน้อยก็ช่างรู้ความนักแม้จะเพิ่งมีอายุเพียงแค่ห้าหนาวแต่ก็ช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านและดูแลน้องแทนมารดาได้ดีพอสมควรเมื่อได้ยินมารดาสั่งความเด็กหญิงก็รับน้องชายมาอุ้มไว้พาไปตักน้ำอุ่นมาล้างหน้าสีฟันกันเมื่อเสร็จแล้วก็หายไปสักพักจึงกลับออกมาในชุดใหม่ที่ค่อนข้างจะรัดกุม
“พาน้องดื่มน้ำข้าวอุ่นๆ นี้รองท้องไปก่อนพี่ใหญ่เจ้าเก็บเอาไว้ให้” พี่ใหญ่ของบ้านเตรียมการเอาไว้เป็นอย่างดีหลังจากสัมผัสถึงอากาศหนาว ในวันนี้นางจึงหุงข้าวด้วยน้ำที่มากสักหน่อยพอข้าวเดือดแล้วจึงรินน้ำข้าวใส่หม้อดินเผาตั้งเอาไว้ใกล้ๆ เตาไฟเพื่อให้น้ำข้าวยังคงอุ่นอยู่เสมอเวลาที่น้องๆ ดื่มเข้าไปแล้วจะได้อุ่นท้องสบายตัว
“ขอบคุณท่านแม่ ขอบคุณพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” หลังรับชามน้ำข้าวแล้วม่านหนิงเหอก็จูงมือน้องชายออกไปดื่มน้ำข้าวอุ่นๆ รอในห้องโถงเพราะจำได้ขึ้นใจที่ท่านแม่สอนเอาไว้ว่าเวลาที่มีคนทำครัวอย่าพาน้องชายเข้าไปใกล้เพราะอันตรายมีอยู่รอบด้าน ไหนจะมีด ไหนจะไฟล้วนเป็นอันตรายกับม่านจางหมิ่นที่ยังอยู่ในวัยไม่รู้ความทั้งสิ้น
“พี่ใหญ่มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ” หลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วม่านหนิงฮวาก็กลับมาจัดการปลาของนางต่อส่วนมารดาก็พาน้องๆ ไปช่วยดูแลรดน้ำสวนผักให้แต่หลังจากนั้นม่านหนิงเหอที่ไม่มีอะไรทำก็พาร่างเล็กของตัวเองมาหาพี่สาวที่นั่งทำความสะอาดปลาอยู่หลังบ้าน
“เสี่ยวเหออยากช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นเหรอ มือเล็กๆ ของเจ้ายังจับมีดไม่ได้ดังนั้นช่วยพี่ใหญ่ปอกเปลือกกระเทียมไปก่อนก็แล้วกัน เจ้าไปเอากระเทียมในตะกร้ามากับชามหนึ่งใบเดี๋ยวพี่จะสอนเจ้าเอง” เมื่อได้ยินว่าพี่สาวยินยอมให้ตนเองมีส่วนร่วมในการทำปลาหมักเกลือรมควันครั้งนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ยิ้มกว้างจนเต็มแก้มแต่ก็ไม่ลืมที่จะเดินตรงไปหาตะกร้าใส่กระเทียมที่วางอยู่บนชั้นไม่สูงมากพร้อมกับเลือกชามที่มีขนาดพอๆ กันกับตะกร้าใส่กระเทียมมาอีกหนึ่งใบ
“พี่จะตัดรากกระเทียมออกให้เจ้าจะได้แกะเปลือกออกง่ายๆ หน่อยปอกเปลือกออกให้เกลี้ยงเหลือแต่เม็ดกระเทียมเลยนะแล้วถ้าปอกจนหมดแล้วเจ้าก็เอาใส่ครกไม้แล้วตำให้พี่หน่อยได้หรือไม่” งานเล็กๆ น้อยๆ ไม่น่าจะเกินกำลังของแขนเล็กๆ ของเสี่ยวเหอพี่สาวจึงมอบหมายให้นางทำซึ่งเจ้าของใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือก็ไม่อิดออดยิ้มรับด้วยความยินดีเป็นอย่างมาก
“เอานิ้วมือค่อยๆ ลอกเปลือกออกแบบนี้นะกระเทียมของบ้านเราแห่งดีแล้วมันปอกออกง่ายเสร็จแล้วเอาไปล้างฝุ่นผงออกสักนิดก่อนเอามาตำก็ดีเหมือนกัน” ม่านหนิงเหอมองมือพี่สาวที่กำลังสอนปอกกระเทียมอย่างตั้งอกตั้งใจและสามารถทำเลียนแบบได้ในทันทีโดยในตอนนี้สองพี่น้องต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองโดยที่มีเสียงเล็กๆ คอยถามคำถามที่ตนเองสงสัยอยู่เรื่อยๆ
“แย่แล้วสิ พี่ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่รมควันปลาเราต้องย่างปลาบนฟืนไปตลอดทั้งวันทำในบ้านคงจะไม่ได้แน่ๆ” ระหว่างที่กำลังจะปรุงรสปลาเพื่อหมักเอาไว้ก่อนจะนำขึ้นย่างไฟอ่อนๆ จนมันสุกกรอบและแห้งสนิทม่านหนิงฮวาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้มองหาที่สำหรับย่างปลาเลยสักนิด
“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะพี่ใหญ่ เราจะทำปลารมควันไม่ได้แล้วเหรอ” เสี่ยวเหอทำหน้าตาคล้ายจะร้องไห้เพราะคิดไปว่างานที่ช่วยพี่สาวทำมาตั้งนานมันจะสูญเปล่าไปเสียแล้ว
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกเสี่ยวเหอแค่เราหาที่เหมาะๆ ได้ก็สามารถย่างปลากันได้แล้วล่ะพี่จำได้ว่าในสวนเรามีตอไม้เก่าๆ หลายอันเราเอามาวางรองตะแกรงย่างปลาได้ เจ้ารอพี่อยู่ตรงนี้ก่อนนะพี่ไปหาตอไม้ก่อนแล้วจะรีบกลับมา” ม่านหนิงฮวาวิ่งออกไปในสวนเพื่อตามหาตอไม้และท่อนไม้เก่าๆ ที่ท่านพ่อเคยโค่นไว้แล้วก็พบพวกมันกองอยู่รวมกันที่หลังโรงเรือนเพาะต้นกล้าของตัวเองเด็กหญิงจึงทั้งยกทั้งลากมันออกมาวางในที่เหมาะๆ ก็คือที่ว่างข้างๆ โรงเรือนนั่นเอง
ตั้งเสาจากท่อนไม้ที่สูงพอๆ กันก่อนสี่มุมจากนั้นก็เสริมเป็นขอบข้างๆ เพื่อรับน้ำหนักอีกอย่างละต้นสองต้นและเพราะว่ามีปลาค่อนข้างเยอะม่านหนิงฮวาจึงตั้งใจที่จะก่อไฟย่างปลาทั้งหมดสองกองเมื่อเตรียมพื้นที่ได้แล้วก็จัดการไปหมักปลาต่อหลังจากนั้นก็ชวนเสี่ยวเหอออกมาหาเชื้อเพลิงเพื่อใช้รมควัน
นอกจากไม้ฟืนที่จะใช้จุดไฟแล้วสิ่งที่ต้องเตรียมอีกอย่างคือกาบมะพร้าวเพื่อเพิ่มความหอมแต่เพราะมันได้มีมากพอเด็กหญิงจึงเลือกใช้ฟางเนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างจะหาง่ายเพราะในหมู่บ้านก็มีคนทำนาอยู่มากจึงมีหลายบ้านที่มีฟางเก็บไว้ถ้าที่มีอยู่ไม่พอนางก็แค่ไปขอแบ่งซื้อมาก็ได้ไม่มีใครหวงเพราะปกติม่านหนิงฮวาก็ไปของซื้อฟางมาปูเล้าไก่ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวอยู่เป็นประจำ
ตะแกรงที่ใช้ย่างปลาดัดแปลงมาจากตะแกรงที่ใช้ตากของแห้งที่มีอยู่หลายอันในครัวโดยหลังจากนี้ค่อยตัดไม้ไผ่มาให้ท่านแม่ช่วยสานเพิ่มอีกก็ได้เพราะนอกจากจะต้องใช้ตะแกรงในการรมควันแล้วยังต้องใช้วางปลาตากแดดจัดอีกหนึ่งแดดเพื่อให้มันแห้งสนิทดีเนื้อปลารมควันที่ได้จึงจะเก็บได้นานเป็นปีไม่เน่าเสียและไม่มีเชื้อราขึ้นมาให้รำคาญใจแถมยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
“การรมควันปลาต้องคุมไฟให้ดีไม่ให้มันลุกไหม้จนเกิดเปลวเพลิงคอยดูแค่ให้ฟางและฟืนติดไฟอยู่ก็พอ ควันจะช่วยให้ทำให้ปลาค่อยๆ แห้งและหอมอาจจะต้องใช้เวลามากสักหน่อยแต่พี่ใหญ่รับรองว่าผลที่ได้รับมันต้องคุ้มค่าเป็นอย่างมาก ปลารมควันนี่ทำอาหารได้หลายอย่างแล้วพี่ใหญ่จะทำให้เสี่ยวเหอกิน” ระหว่างที่นั่งดูไฟไปม่านหนิงฮวาก็เล่าให้น้องสาวฟังไปเรื่อยๆ ในเรื่องของการทำปลารมควันซึ่งเสี่ยวเหอผู้น่ารักก็ตั้งอกตั้งใจฟังและจดจำไว้เป็นอย่างดี
“ท่านพี่เก่งเหลือเกินเจ้าค่ะ เสี่ยวเหออยากเก่งเหมือนท่านพี่” น้องสาวตัวเล็กที่สูงเพียงอกของพี่สาวพูดออกมาทั้งๆ ที่ยิ้มกว้างในแววตามีแต่ความชื่นชมคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างสุดหัวใจ
“เสี่ยวเหอก็เก่งนะเพียงเจ้าขยันคัดอักษรและท่องตำรา ค่อยๆ ฝึกอ่านตำราที่ท่านพ่อและท่านแม่เก็บสะสมไว้เจ้าก็จะมีความรู้เช่นเดียวกันกับพี่ใหญ่แล้วเราจะนำความรู้นั้นมาช่วยกันหาเงินเพื่อดูแลครอบครัว ดูแลท่านแม่และหมิ่นเอ๋อร์ระหว่างที่ท่านพ่อไปทำหน้าที่อยู่ในสนามรบ”
“เสี่ยวเหอจะช่วยท่านพี่เจ้าค่ะ หากท่านพ่อกลับมาเสี่ยวเหอจะไม่ให้ท่านพ่อไปรบอีกแล้ว” เด็กน้อยอายุเพียงห้าหนาวแม้จะยังรู้ความไม่มากแต่ทั้งชีวิตของนางกลับมีเวลาอยู่กับท่านพ่อไม่มากเท่าไหร่แต่ช่วงเวลาที่มีค่าเหล่านั้นม่านหนิงเหอล้วนจำได้ขึ้นใจไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ท่านพ่ออุ้มให้ขี่คอเก็บผลไม้หรือว่าพาไปแม่น้ำเพื่อจับปลาท่านพ่อของนางจับปลาด้วยมือเปล่าได้เก่งที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว
“การไปรบเป็นหน้าที่ของนักรบ ท่านพ่อไปทำหน้าที่เพื่อส่วนรวมเพื่อแคว้นให้ชาวบ้านอย่างพวกเราได้อยู่อย่างสงบสุขไม่ถูกศัตรูรุกราน เสี่ยวเหอควรภาคภูมิใจในตัวท่านพ่อให้มากนะรู้หรือไม่”
“เสี่ยวเหอภาคภูมิใจแต่ก็ แต่ก็คิดถึงท่านพ่อเหลือเกินเจ้าค่ะ” น้ำตาหยาดใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยที่กลมใสดุจแก้วเจียระไนของน้องสาวทำเอาคนเป็นพี่ดวงใจไหววูบไม่ต่างกันแต่เพราะโตกว่าจึงพอจะกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้
“พี่ใหญ่ก็คิดถึงท่านพ่อเช่นเดียวกันแต่เชื่อเถอะว่าท่านพ่อของพวกเราเป็นคนดี ท่านต้องกลับมาหาพวกเราที่บ้านอย่างแน่นอน” ใจดวงน้อยๆ ของม่านหนิงฮวายังคงเต็มไปด้วยความหวังว่าบิดาของตัวเองจะยังคงอยู่รอดปลอดภัยแล้วจะกลับมาหาครอบครัวในเร็ววันอย่างแน่นอน
“เสี่ยวเหอเด็กดี ไม่ร้องไห้แล้วนะ” ตัวนางเองก็ไม่รู้จะปลอบใจอะไรเด็กน้อยที่กลั้นน้ำตาเอาไว้จนใบหน้าแดงก่ำที่คิดออกก็มีแต่การชื่นชมให้นางมั่นใจว่าตัวเองนั้นเป็นคนเก่งและเป็นเด็กดีเพื่อที่นางจะได้มีความภาคภูมิใจในตนเอง
“เสี่ยวเหอจะเป็นคนเก่งเจ้าค่ะ เก่งเหมือนท่านพี่ ท่านแม่ ท่านพ่อ”
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วยามปลารมควันทั้งสองตะแกรงก็แห้งกำลังดีแต่เพราะไม่ได้มีปลามากกว่านี้ม่านหนิงฮวาจึงยังทิ้งปลาให้รมควันไปเรื่อยๆ ไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยเอาออกตากแดดกัดๆ ก่อนร้อยเข้ากันเป็นพวงเอาไว้หลังจากนั้นจะเก็บเอาไว้ในไหที่ปิดสนิทหรือห่อกระดาษเอาไว้ก็ได้แต่ส่วนมากชาวบ้านที่นี่จะแขวนเอาไว้ด้านบนเขาเตาไฟทำกับข้าวไม่ก็แขวนเอาไว้ตามหน้าต่างครัวเพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นอับหรือเกิดความชื้นขึ้นได้
“ปลารมควันของท่านพี่หอมนักเจ้าค่ะ อร่อยด้วย” ม่านหนิงเหอที่ได้ชิมปลารมควันไปหลายชิ้นยิ้มกว้างพร้อมทั้งเอ่ยชมพี่สาวของตัวเองไม่ขาดปาก
“ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ พรุ่งนี้พี่ว่าจะเอาปลารมควันนี้ไปให้ท่านปู่หลงจู๊ร้านค้าข้าวลองชิมเสี่ยวเหออยากเข้าตำบลไปเจรจากับการค้ากับพี่ใหญ่หรือไม่” ในเมื่อได้ตัวอย่างสินค้าแล้วก็ต้องมองหาแหล่งจำหน่ายซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากท่านปู่หลงจู๊ร้านค้าข้าวผู้มีความเที่ยงธรรม
“ไปเจ้าค่ะ ท่านแม่เจ้าขาพรุ่งนี้เสี่ยวเหอไปตำบลกับพี่ใหญ่นะเจ้าคะ”