ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง - ตอนที่ 6 การเริ่มต้นทำการค้าของม่านหนิงฮวา โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัว,จีน,ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ

รายละเอียด

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

เชื่อเรื่องเกิดใหม่หรือเปล่า? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ตายแล้วไปไหนหรือตายแล้วเกิดใหม่อะไรพวกนั้นแต่หลังจากที่เบญญาหมดอายุขัยของตัวเองลงไปตามเงื่อนไขธรรมชาติของมนุษย์สิ่งแรกที่เธอพบคือโลกหลังความตายที่วุ่นวายอีนุงตุงนัง


วุ่นไม่วุ่นก็หลังจากผ่านด่านคัดกรองวิญญาณเสร็จแล้วเธอที่ยืนเบียดเสียดกับวิญญาณนับร้อยนับพันบนสะพานอะไรสักอย่างยังไม่ทันจะได้ดื่มน้ำในชามที่คุณยายหน้าตาใจดีมอบให้ก็ถูกฝูงวิญญาณที่เหมือนจะรีบไปตายกันอีกรอบผลักดันผ่านประตูจนโผล่มาร้องอุแว้ อุแว้ในร่างของเด็กทารกโดยที่มีความทรงจำมากมายของชีวิตก่อนอยู่ในหัวและอีกเพียงเจ็ดปีต่อมาก็ได้เวลาที่ต้องงัดความรู้ที่มีทั้งหมดออกมาใช้เลี้ยงดูครอบครัวที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะว่าบิดาได้หายตัวไปในสนามรบ



หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 1 อวดผลงานชั้นโบแดง,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 2 เรือนสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 3 ม่านหนิงฮวาจอมวางแผน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 4 กิจกรรมระหว่างรอเวลา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 5 ทำปลาหมักเกลือรมควัน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 6 การเริ่มต้นทำการค้าของม่านหนิงฮวา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 7 ม่านหนิงฮวาผู้ไม่เคยหยุดพักเรื่องหาเงิน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 8 มีเงินทองมากมาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 9 เริ่มกิจการขายสบู่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 10 ผลพวงจากสงครามที่แสนโหดร้าย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 11 ช่วยเหลือผู้อพยพ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 12 การซื้อที่ดินขยายอาณาเขตสวนผัก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 13 เริ่มการทำนาทำสวน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 14 ไม่มีแม้แต่เงาของบิดา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 15 การเดินทางเข้าอำเภอเป็นครั้งแรก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 16 คุณหนูสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 17 ความทรงจำที่ขาดหาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 18 การเดินทางไปเยือนเมืองหลว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 19 เมืองหลวงช่างกว้างใหญ่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 20 ฝากตัวเป็นศิษย์,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 21 ซื้อของฝากกลับบ้าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 22 กลับมาดูแลกิจการ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 23 เส้นทางการเป็นนักรบช่างยากลำบาก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 24 ความทรงจำที่หยั่งรากลึกในจิตใจ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 25 บ้านและครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 26 ความสุขที่หวนคืน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 27 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 28 วิถีชีวิตแบบเดิมในสถานที่ใหม่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 29 ร้านค้าสกุลม่านสาขาเมืองหลวง (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 6 การเริ่มต้นทำการค้าของม่านหนิงฮวา

หลงจู๊ร้านค้าข้าวออกจะทึ่งไม่ใช่น้อยที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ จะมีความเก่งกล้าสามารถถึงขนาดที่เข้ามาในตำบลเพื่อมาเจรจาทำการค้าด้วยตัวเองโดยไม่มีผู้ใหญ่ตามมาช่วยเหลือให้คำแนะนำ ข้างกายของม่านหนิงฮวามีเพียงเด็กหญิงตัวเล็กกว่าที่ดูนุ่มนิ่มน่ารักน่าชังไม่แพ้กันที่ยืนเงียบๆ เรียบร้อยรออยู่

“คุณหนูสกุลม่านนี่เก่งกล้ายิ่งนักข้าล่ะอิจฉาบิดามารดาของเจ้าเหลือเกินที่มีบุตรสาวเก่งกาจเยี่ยงนี้แล้วนี่เจ้าเข้ามาในตำบลสองคนพี่น้องไม่กลัวกันเลยหรือไร” นอกจากจะเรียกคนในร้านให้มาช่วยกันชิมปลาย่างรมควันตัวอย่างแล้วยังเรียกให้คนหาขนมและน้ำชามาต้อนรับเด็กหญิงทั้งสองคนด้วยความเอ็นดู

“วันนี้เกวียนที่เดินทางเข้าตำบลมีชาวบ้านโดยสารมาเยอะเจ้าค่ะข้าเลยมากับน้องสาวเพียงสองคนแต่มีท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านมาด้วยตอนนี้ไปจอดเกวียนอยู่สักครู่คงจะตามมาถึงที่ร้านเจ้าค่ะ” ม่านหนิงฮวาบอกไปตามความเป็นจริงอันที่จริงมารดาจะตามมาด้วยแต่ว่าเกวียนเต้มแล้วนางจึงฝากฝังบุตรสาวให้เขาตำบลมากับท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านแทน

“ถ้าเช่นนั้นเจ้ากินขนมรอสักครู่ให้ท่านปู่ของเจ้ามาถึงเสียก่อนแล้วเราค่อยคุยเรื่องการค้ากันดีกว่า แล้วพวกเจ้าล่ะคิดว่าปลาย่างรมควันของคุณหนูม่านเป็นอย่างไรบ้าง” ผู้อาวุโสให้เกียรติเด็กสาวยิ่งนักเรียกพวกนางด้วยสรรพนามน่าฟังไม่คิดว่าพวกนางเป็นแค่เด็กสาวชาวบ้านที่สวมใส่เพียงเสื้อผ้าฝ้ายธรรมดาไม่มีราคาค่างวดอะไร

“รสชาติดีมากขอรับหลงจู๊เนื้อปลาเค็มกลมกล่อมมีกลิ่นหอมควันไฟอีกทั้งยังแห่งสนิทจนกรอบไปถึงกระดูกสามารถกินได้ทั้งตัวไม่ต้องทิ้งแม้แต่ก้างให้เสียของเลย”

“อร่อยเลยล่ะขอรับข้าคิดว่าจะสามารถขนส่งระยะไกลได้โดยไม่เน่าเสีย”

“รสดียิ่งนักข้ายังจำรสชาติของผักดองสามรสที่คุณหนูม่านทำเมื่อครั้งที่แล้วได้ถ้าเอามากินด้วยกันก็น่าจะเข้าทีดูท่าจะเป็นจานกับข้าวที่ทำให้เปลืองข้าวน่าดู”

คนงานที่มาชิมปลาย่างรมควันต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปลาย่างนั้นทั้งหอมทั้งอร่อยทำเอาเด็กหญิงคนน้องถึงกับยิ้มกว้างแทนพี่สาวเพราะนางรู้นางเห็นในทุกขั้นตอนจึงรู้ว่าม่านหนิงฮวานั่นทำปลาอย่างรมควันนี้ด้วยความตั้งใจ

“ขอบคุณเจ้าค่ะแค่พวกท่านน้าท่านลุงชอบข้าก็ดีใจแล้ว ท่านปู่เจ้าคะ ทางนี้เจ้าค่ะ” พอดีกับที่ท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านเดินเข้ามาที่ร้านค้าข้าวพอดีม่านหนิงฮวาจึงส่งเสียงเรียกเพราะตอนนี้มีคนงานกำลังยืนล้อมอยู่รอบๆ ตัวเพื่อชิมปลาย่างจนกลัวว่าท่านปู่จะมองไม่เห็นตัวเอง

“อยู่นี่เองเหรอหนิงหนิง เสี่ยวเหอ เป็นอย่างไรบ้างเล่าปลาย่างรมควันของพวกเจ้า” มาถึงไช่โจวหรือท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านก็เดินตรงเข้ามาหาสองเด็กน้อยที่นั่งอยู่ในวงล้อมของบุรุษตัวโตที่ในมือต่างก็มีชิ้นปลาย่างรมควันกันอยู่คนละเล็กละน้อย

“ท่านปู่ของคุณหนูม่านคือเจ้าเองหรือตาเฒ่าโจว เอาล่ะเข้าไปคุยกันที่ห้องทำงานของข้ากันดีกว่าใครก็ได้ย้ายขนมเข้ามาให้คุณหนูม่านแล้วขอน้ำชาเพิ่มอีกกาด้วย” หลงจู๊สั่งกับคนงานด้วยน้ำเสียงก้องกังวานน่าเกรงขามจากนั้นก็เดินนำสองเด็กน้อยและหนึ่งผู้อาวุโสเข้าไปยังห้องทำงานที่ตั้งอยู่ในส่วนหลังร้าน

“คนกันเองทั้งนั้นเลยคุณหนูม่านตาเฒ่าไช่โจวนี้ก็เป็นสหายเก่าแก่ของข้า มาๆ นั่งจิบชาเสียก่อนตาเฒ่าแล้วก็จะได้ช่วยฟังข้อตกลงการค้าที่ข้าจะทำกับคุณหนูม่านด้วยอย่าให้นางเสียเปรียบได้เป็นอันขาด” หลงจู๊ชราแกล้งเย้าสหายเพราะถ้าร้านค้าข้าวแห่งนี้คิดจะคดโกงเด็กน้อยทั้งสองคนแล้วคนทั้งตำบลคงจะมาก่นด่ากันสิบวันไม่ซ้ำคำเป็นแน่

“ท่านปู่หลงจู๊เรียกข้าว่าหนิงหนิงเหมือนท่านปู่โจวก็ได้เจ้าค่ะส่วนน้องสาวข้าคนนี้นางมีชื่อว่าเสี่ยวเหอ” เด็กน้อยที่นั่งจั๊กจี้หูอยู่กับคำว่าคุณหนูม่านอยู่นานสองนานได้โอกาสก็ขอแก้ไขสรรพนามที่ผู้อาวุโสใช้เรียกตัวเองสักหน่อย

“ได้ๆ หนิงหนิง หลานเจ้าคนนี้เก่งกาจนักตาเฒ่าไม่ว่าจะทำอะไรออกมาขายลูกค้าข้าก็นิยมชมชอบผักดองครั้งก่อนข้าก็ส่งออกไปขายต่างเมืองกว่าครึ่งเหลือติดร้านอยู่ตอนนี้เพียงไม่กี่ไหเท่านั้นเองมาตอนนี้ยังมีปลาย่างรมควันมาขายให้ข้าอีกรสชาติมันดียิ่งนักคนงานของข้าพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าอร่อย” หลงจู๊แซ่เฉามีนามว่าตงพูดไปยิ้มไปตามประสาคนอารมณ์ดีและสิ่งที่ผู้อาวุโสกล่าวออกมาก็ไม่ได้มีสิ่งใดที่เกินความเป็นจริงเลยแม้แต่ครึ่งคำ

“หนิงหนิงมีพรสวรรค์ยิ่งนักมือนางเย็นไม่ว่าจะปลูกผักอะไรก็งดงามเมื่อผักมีคุณภาพก็ยิ่งทำอาหารได้อร่อย ส่วนปลาย่างรมควันก็อร่อยจริงๆ ดังที่เจ้าว่าเมื่อวานนางเอามาฝากให้ที่บ้านข้าได้ชิมกันแล้วนี่เจ้าจะทำการค้ากับหลานข้าอย่างไรล่ะว่ามาเลย”

“ได้ๆ ปลาย่างของหนิงหนิงข้าขอคิดราคารับซื้อเป็นจิน ราคาจินละหนึ่งตำลึงแต่จะต้องเป็นปลาขนาดหนึ่งฝ่ามือผู้ใหญ่ขึ้นไปเช่นที่ทำมาครั้งนี้แต่ถ้าจับได้ปลาเล็กข้าก็รับในราคาเดียวกันแต่ขอให้คัดแยกมาหน่อยจะได้หรือไม่เล็กใหญ่อย่าให้ปะปนกัน มีเท่าไหร่ข้ารับทั้งหมดเหมือนกับผักดองนั่นแหละเจ้าคิดว่ายุติธรรมดีหรือไม่ อ้อ ข้าจะส่งเกวียนไปรับเองด้วยแค่แม่หนูหนิงหนิงมาแจ้งวันพร้อมส่งให้ข้าที่ร้านเหมือนครั้งที่แล้วก็พอ”

ช่วงสงครามนั้นเรียกได้ว่าเป็นยุคข้าวยากหมากแพงโดยแท้จริงซึ่งโดยส่วนมากร้านค้าจะรับซื้อสินค้าในราคาที่ต่ำที่สุดเพื่อที่จะนำไปขายต่อในราคาที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่กับหลงจู๊ผู้นี้กลับรับซื้อปลาย่างรมควันและผักดองราคาเกือบเท่าที่ขายออกหน้าร้านกันเลยทีเดียว

“บอกตรงๆ ว่าที่สินค้าขายในตำบลนั้นข้าพยายามตรึงราคาเอาไว้ให้มันต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะอย่างไรแล้วตำบลของเรามันก็เล็กเท่านี้ชาวบ้านคนกันเองทั้งนั้นถึงไม่ใช่ลูกใช่หลานก็พบหน้ากันมาจนคุ้นเคย ข้าจึงไปเอากำไรกับสินค้าที่ส่งไปขายต่างเมืองเอามากกว่า” เหมือนจะรู้ว่าสายตาอีกสามคู่ที่จ้องมองตัวเองนั้นมีคำถามหลงจู๊ชราจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง

หากจะพูดไปแล้วเรื่องเงินนั้นคงไม่มีใครที่ไม่อยากได้แต่สำหรับเฉาตงที่อยากเห็นชาวบ้านได้จับจ่ายสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมมากกว่าจึงได้เอากำไรน้อยหน่อยซึ่งทางเถ้าแก่ร้านก็ไม่ได้ว่าหรือว่าตำหนิอะไรอีกทั้งยังสนับสนุนให้ช่วยเหลือชาวบ้านตำบลเดียวกันอีกด้วย

“ปู่ว่าข้อตกลงนี้ยุติธรรมดีเจ้าคิดเช่นไรเล่าหนิงหนิง” ราคาปลาในตลาดแม้จะราคาจินละไม่กี่อีแปะแต่ถ้าหากนำมาแปรรูปราคาจะดีดตัวขึ้นไม่รู้ตั้งที่เท่าอีกทั้งปลาย่างรมควันน้ำหนักที่เป็นส่วนน้ำของปลาจะหายไปไม่ใช่น้อยบางครั้งกว่าจะได้ปลาแห้งน้ำหนักหนึ่งจินอาจใช้ปลาสดหนึ่งจินครึ่งถึงสองจินในการทำเพราะฉะนั้นการได้เงินหนึ่งตำลึงต่อปลาแห้งหนึ่งจินจึงถือว่าเหมาะสม

“ข้าตกลงเจ้าค่ะเช่นนั้นท่านปู่หลงจู๊เขียนสัญญามาได้เลยข้าจะขายให้กับท่านร้านเดียวเช่นผักดองเพราะคงไม่มีใครใจดีไปรับสินค้าจากบ้านมาให้เช่นนี้ที่สำคัญที่บ้านข้าก็มีเพียงผู้หญิงและเด็กแรงงานในการขนย้ายสินค้าเข้ามาในตำบลจึงไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”

“แล้วบิดาเจ้าเล่าหนิงหนิง เสี่ยวเหอเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านหรอกหรือ” ครั้งก่อนๆ ที่เด็กหญิงสกุลม่านมาขายของนั้นในร้านมีลูกค้ามากมายจึงไม่ได้มีเวลามานั่งพูดคุยกันเช่นนี้เมื่อมีโอกาสหลงจึงถามไถ่ตามประสาผู้อาวุโสที่เป็นห่วงบุตรหลาน

“บิดาของพวกเราไปรบในสงครามครั้งนี้เจ้าค่ะจากนั้นก็เงียบหายไปนานกว่าครึ่งปีแล้วก่อนหน้านี้เดือนสองเดือนที่จากบ้านไปท่านพ่อยังมีจดหมายส่งมาถึงที่บ้านอยู่บ้าง เมื่อท่านพ่อไม่ส่งข่าวมาตัวข้าเลยคิดหาหนทางหารายได้ให้ครอบครัวเจ้าค่ะจะมัวมานั่งแต่รอเบี้ยหวัดที่บิดาส่งมาคงไม่ได้” หลังจากสบตาท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านแล้วท่านพยักหน้าว่าสามารถเล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้ม่านหนิงฮวาจึงเล่าเรื่องราวออกมาโดยให้กระชับและเข้าใจง่ายมากที่สุด

“ตัวเล็กแค่นี้แต่มีใจกตัญญูต่อบิดามารดาช่างน่านับถือ ก็เอาเป็นว่าถ้าหากหนิงหนิงมีอะไรมาขายก็เอามาให้ปู่กับคนในร้านชิมดูก่อนถ้ามันพอจะขายได้ปู่จะรับซื้อให้ทั้งหมด อ้อ ผักสดด้วยนะเอาไว้ปู่จะช่วยแนะนำเหลาอาหารให้เจ้าจะได้ไม่ต้องไปตั้งแผงขายเองให้เหนื่อย”

รอเพียงไม่นานหนังสือสัญญาการค้าก็มาอยู่ในมือของม่านหนิงฮวาพร้อมกับกระสอบเกลือที่ท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านอาสาแบกให้อีกทั้งในมือน้อยๆ ของเสี่ยวเหอก็ยังมีถุงกระดาษใบเล็กที่ใส่น้ำตาลปั้นอยู่ด้านในที่ท่านปู่เฉาตงให้สองพี่น้องเอาไปแบ่งกันกินที่บ้านอีกทั้งยังมีส่วนของน้องชายอีกด้วย

“พวกเจ้าอยากซื้ออะไรอีกหรือไม่หนิงหนิง หรือว่าอยากพาเสี่ยวเหอไปเดินเล่นในตลาดก็ได้นะยังพอมีเวลาอีกสองเค่อเห็นจะได้” เพราะเกวียนจากหมู่บ้านนั้นจะไปกลับเป็นเวลาเมื่อคนยังไม่มาที่จุดนัดหมายและเวลายังพอมีเหลือเด็กๆ ก็ควรได้ไปเที่ยวเล่นกันเสียบ้างเพราะนานๆ เสี่ยวเหอจะได้เข้ามาในตัวตำบล

“ข้าอยากไปเดินดูการค้าขายของผู้คนว่าในตอนนี้มีอะไรที่ชาวบ้านเขานิยมซื้อกันบ้างเจ้าค่ะเผื่อว่าจะได้เอาไปดัดแปลงจากสิ่งที่มีอยู่” แม้จะมีความรู้เดิมอัดแน่นอยู่เต็มสมองแต่ถ้าคนในยุคนี้ไม่รู้จักมันก็ไม่มีประโยชน์เด็กหญิงจึงคิดหาวิธีดัดแปลงสิ่งที่นางรู้เข้ากับวิถีของผู้คนจะได้ทำมาหากินได้คล่องมือขึ้น

“ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถอะระวังอย่าปล่อยมือน้อง อย่าให้นางคลาดสายตาถ้าหากพลัดหลงกันให้หาทางกลับมารอที่ร้านค้าของหลงจู๊เฉาตงแล้วปู่จะไปรับพวกเจ้าเอง” เนื่องจากผู้อาวุโสก็ยังต้องซื้อของกลับบ้านจึงไม่สามารถพาเด็กๆ ไปเดินชมการค้าอย่างที่นางต้องการได้จึงได้แต่สั่งความให้ทั้งสองจดจำเอาไว้ให้ดี

“หนิงหนิงทราบแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวเหออย่าปล่อยมือพี่เด็ดขาดนะแล้วถ้ามีคนแปลกหน้ามาชวนไปไหนหรือเอาอะไรมาให้กินเจ้าอย่ารับหรืออย่าไปกับเขาเด็ดขาด”

“เสี่ยวเหอเชื่อฟังท่านพี่เจ้าค่ะ” แม้จะไม่ได้มาตลาดในตำบลบ่อยนักแต่ม่านหนิงเหอก็ยังจำคำที่พี่สาวสอนเอาไว้ได้ขึ้นใจเพราะเป็นสิ่งที่ทั้งท่านพ่อและท่านแม่ก็เคยสั่งสอนนางและพี่น้องมาโดยตลอด

ตลาดในตำบลแม้จะไม่ใหญ่นักแต่ก็คึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและสินค้าหลากหลายชนิดแค่ผักดองก็มีขายไม่รู้ตั้งกี่ร้านม่านหนิงฮวาสนใจมากจึงตัดสินใจซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านมาหลายเสียอย่างโชคดีที่ทางร้านมีแบ่งขายเป็นห่อๆ ไม่ต้องซื้อยกไหจึงมีโอกาสได้ชิมผักดองที่หลากหลายชนิดสักหน่อยยิ่งเห็นและได้กลิ่นผักดองที่แตกต่างจากสูตรที่ตัวเองทำอยู่ก็พอจะนึกออกว่าในชีวิตก่อนมีผักกาดดองบรรจุกระป๋องที่มีรสชาติหลากหลายสงสัยว่ากลับไปถึงเรือนต้องรื้อฟื้นความคิดในสมองสักหน่อยแล้ว

และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำก็คือการซื้อซีอิ๊วหมักเพิ่มเพราะมันเป็นวัตถุดิบอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญในการดองผักแต่ทางที่ดีน่าจะหมักซีอิ๊วใช้เองจะดีกว่าเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุนแถมยังสามารถควบคุมรสชาติได้ง่ายอีกด้วย