ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง - ตอนที่ 8 มีเงินทองมากมาย โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัว,จีน,ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ

รายละเอียด

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

เชื่อเรื่องเกิดใหม่หรือเปล่า? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ตายแล้วไปไหนหรือตายแล้วเกิดใหม่อะไรพวกนั้นแต่หลังจากที่เบญญาหมดอายุขัยของตัวเองลงไปตามเงื่อนไขธรรมชาติของมนุษย์สิ่งแรกที่เธอพบคือโลกหลังความตายที่วุ่นวายอีนุงตุงนัง


วุ่นไม่วุ่นก็หลังจากผ่านด่านคัดกรองวิญญาณเสร็จแล้วเธอที่ยืนเบียดเสียดกับวิญญาณนับร้อยนับพันบนสะพานอะไรสักอย่างยังไม่ทันจะได้ดื่มน้ำในชามที่คุณยายหน้าตาใจดีมอบให้ก็ถูกฝูงวิญญาณที่เหมือนจะรีบไปตายกันอีกรอบผลักดันผ่านประตูจนโผล่มาร้องอุแว้ อุแว้ในร่างของเด็กทารกโดยที่มีความทรงจำมากมายของชีวิตก่อนอยู่ในหัวและอีกเพียงเจ็ดปีต่อมาก็ได้เวลาที่ต้องงัดความรู้ที่มีทั้งหมดออกมาใช้เลี้ยงดูครอบครัวที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะว่าบิดาได้หายตัวไปในสนามรบ



หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 1 อวดผลงานชั้นโบแดง,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 2 เรือนสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 3 ม่านหนิงฮวาจอมวางแผน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 4 กิจกรรมระหว่างรอเวลา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 5 ทำปลาหมักเกลือรมควัน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 6 การเริ่มต้นทำการค้าของม่านหนิงฮวา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 7 ม่านหนิงฮวาผู้ไม่เคยหยุดพักเรื่องหาเงิน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 8 มีเงินทองมากมาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 9 เริ่มกิจการขายสบู่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 10 ผลพวงจากสงครามที่แสนโหดร้าย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 11 ช่วยเหลือผู้อพยพ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 12 การซื้อที่ดินขยายอาณาเขตสวนผัก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 13 เริ่มการทำนาทำสวน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 14 ไม่มีแม้แต่เงาของบิดา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 15 การเดินทางเข้าอำเภอเป็นครั้งแรก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 16 คุณหนูสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 17 ความทรงจำที่ขาดหาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 18 การเดินทางไปเยือนเมืองหลว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 19 เมืองหลวงช่างกว้างใหญ่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 20 ฝากตัวเป็นศิษย์,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 21 ซื้อของฝากกลับบ้าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 22 กลับมาดูแลกิจการ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 23 เส้นทางการเป็นนักรบช่างยากลำบาก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 24 ความทรงจำที่หยั่งรากลึกในจิตใจ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 25 บ้านและครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 26 ความสุขที่หวนคืน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 27 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 28 วิถีชีวิตแบบเดิมในสถานที่ใหม่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 29 ร้านค้าสกุลม่านสาขาเมืองหลวง (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 8 มีเงินทองมากมาย

สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการค้าขายแน่นอนว่าต้องคือการทำบัญชีโดยนอกจากม่านหนิงฮวาจะเขียนรายการรายรับที่ได้มาจากการค้าขายแล้วเด็กหญิงก็ยังต้องทำในส่วนของเงินต้นทุนต่างๆ ที่ใช้ไปทั้งหมดอีกด้วยซึ่งช่วงปีที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายของต้นทุนเพิ่มมากขึ้นเพราะว่านางต้องรับซื้อวัตถุดิบและจ้างแรงงานจากชาวบ้านมาช่วยทำงานต่างๆ เพราะลำพังตัวเองนั้นไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้เสร็จเพียงตัวคนเดียวอย่างแน่นอนหรือต่อให้มีท่านแม่มาช่วยก็ไม่อาจจะสำเร็จไปได้โดยง่ายเนื่องจากจำนวนที่ต้องทำส่งร้านค้ามีค่อนข้างมาก

“ท่านแม่เจ้าขา ลูกรบกวนท่านมาตรวจสอบบัญชีให้สักนิดได้หรือไม่เจ้าคะพอดีว่าเห็นตัวเลขแล้วมันน่าตกใจจึงเกรงว่าจะคิดอะไรผิดไปหรือเปล่า” ม่านหนิงฮวาขอความช่วยเหลือจากมารดาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลกันให้มาช่วยตรวจสอบบัญชีเพราะตัวเลขที่เห็นทำเอาใจนางสั่นไปหมดแล้ว

“มีอะไรหรือ ทุกทีเห็นเจ้าทำได้ด้วยตัวเองนี่นา” ถึงจะกล่าวออกไปแบบนั้นก็เป็นทำนองกระเซ้าเย้าแหย่บุตรสาวมากกว่าม่านหนิงอ้ายวางผ้ากันเปื้อนที่นางกำลังปักลงและเก็บให้พ้นมือของบุตรชายวัยกำลังซนก่อนจะเดินมาหาบุตรสาวคนโตที่นั่งทำบัญชีอยู่ที่โต๊ะกินข้าว

“แม่ว่าเจ้าลองไปเอาตั๋วแลกเงินที่เก็บสะสมไว้มานับดูดีหรือไม่หนิงหนิงถึงแม้แม่จะตรวจทานถึงสองครั้งแล้วแต่ก็ไม่พบความผิดปกติหากเรานับเงินแล้วจำนวนตรงกันแม่เชื่อว่าตัวเลขในบัญชีนั้นคือเงินที่เจ้าเก็บสะสมได้ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาจริงๆ” หลังจากใช้เวลาตรวจสอบทบทวนไปเกือบหนึ่งชั่วยามม่านหนิงอ้ายก็ไม่พบความผิดปกติจึงบอกให้บุตรสาวไปเอาตั๋วแลกเงินที่เก็บสะสมไว้มานับดูให้ถ้วนที่

ตั๋วแลกเงินทั้งหมดนั้นม่านหนิงฮวาเก็บแยกเอาไว้เป็นสองกองโดยกองใหญ่กองหนึ่งซุกไว้ในหีบเล็กๆ ที่ลงกุญแจแน่นหนาจากนั้นก็ซุกลงไปในหีบใส่อุปกรณ์ปักผ้าเก่าเก็บของตัวเองเพื่ออำพรางสายตาของโจรขโมยส่วนอีกกองหนึ่งเป็นเงินจำนวนไม่มากก็ใส่ไว้ในช่องกระเป๋าลับที่เย็บติดเข้าไปกับผ้ากันเปื้อนตัวเก่งของตัวเองเผื่อว่าวันหนึ่งจะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นนอกจากนี้นางยังมีเงินตำลึงและเหรียญอีแปะซุกซ่อนอยู่ในบ้านอีกจำนวนหนึ่งด้วยเงินส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านและค่าจ้างคนงานนั่นเอง

ตัวแลกเงินแต่ละใบนั้นมีจำนวนเงินระบุเอาไว้อย่างชัดเจนโดยม่านหนิงฮวาจดตัวเลขออกมาใส่สมุดทีละใบจากนั้นก็เอามาบวกรวมกันโดยที่ไม่ลืมจะให้มารดาทำซ้ำอีกครั้งเมื่อเอาตัวเลขมาเทียบกันก็พบว่ามันตรงกับเงินในบัญชีทุกอีแปะแสดงว่าบัญชีนั้นไม่ได้ทำผิดพลาดแต่อย่างใด

“ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาสกุลม่านของพวกเราจะสามารถทำเงินได้มากถึงขนาดนี้นะเจ้าคะ” เห็นตัวเลขที่ระบุเป็นตำลึงทองในตั๋วแลกเงินปึกใหญ่นั้นมันก็ทำให้ม่านหนิงฮวามีอาการขนลุกแปลกๆ อีกทั้งยังมีความรู้สึกทั้งดีใจ ทั้งปลาบปลื้มใจผสมปนเปกันอยู่เต็มไปหมดถึงแม้ไส้ในตรงจิตวิญญาณที่แท้จริงของเด็กหญิงนั้นจะเป็นคนที่ผ่านพ้นช่วงวัยชรามาแล้วครั้งหนึ่งก็ยังคงฝืนธรรมชาติของร่างกายตัวเองไม่ได้เพราะจู่ๆ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาเสียอย่างนั้น

“เพราะหนิงหนิงของแม่ขยันขันแข็งทำงานทุกวันไม่มีหยุดอย่างไรเล่าเงินห้าพันตำลึงทองนี้คือหยาดเหงื่อที่น่าภาคภูมิใจของลูกสาวคนเก่งของแม่” ม่านหนิงอ้ายไม่ได้เยินยอบุตรสาวคนโตจนเกินความเป็นจริงเพราะนอกจากผักดองหลากหลายสูตรแล้วม่านหนิงฮวายังทำปลาหมักเกลือและเนื้อรมควันขาย ในช่วงเวลาที่มีผักให้ผลผลิตมากก็จะเอาไปขายที่เหลาอาหารหรือแม้แต่ผักป่าที่ออกตามฤดูกาลก็ไม่รอดสายตาของเด็กหญิงตัวน้อยไปได้เลยนางเก็บไปขายเสียหมด

จะมีก็แต่ช่วงฤดูหนาวเท่านั้นที่ม่านหนิงฮวาไม่ออกไปหางานทำที่นอกบ้านแต่ก็ใช่ว่านางจะเกียจคร้านเพราะช่วงนี้เวลาส่วนมากจะหมดไปกับการฝึกเขียนอ่านของสองพี่น้องส่วนเจ้าก้อนแป้งที่ยังพูดไม่ค่อยชัดก็คอยแต่จะพูดตามพี่สาวแม้จะผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่เป็นไร และเนื่องจากที่ต้องใช้เวลาส่วนมากหลบหนาวกันอยู่ในห้องโถงของบ้านกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยก็คือการเย็บผ้าทั้งเย็บผ้าห่มนวมเอาไว้ใช้คลายหนาวและเย็บผ้ากันเปื้อนเอาไว้ใช้เองและรวมถึงเอาไปขายเพราะมันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ต้องทำงานบ้านหรืองานครัวอีกทั้งยังมีรูปแบบเป็นกลางๆ สามารถสวมใส่ได้ทั้งหญิงชายอีกด้วย

“ค่าใช้จ่ายในบ้านล้วนเป็นเจ้าที่รับผิดชอบเพราะฉะนั้นเงินทั้งหมดนี้หนิงหนิงก็เก็บรักษาเอาไว้ให้ดีนะลูกเจ้าสามารถนำมาใช้จ่ายได้เลยตามใจแม่ขอไม่ยุ่งเกี่ยว” การให้เด็กหญิงอายุเพียงแปดขวบปีเก็บรักษาตั๋วแลกเงินจำนวนห้าพันตำลึงทองนั้นบ้านเรือนอื่นอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำแต่สำหรับม่านหนิงอ้ายนั้นนางคิดว่าการตัดสินใจเช่นนี้ก็ดีย่อมดีที่สุดแล้ว

“เงินนี้ข้าจะแบ่งออกสิบส่วนเจ้าค่ะท่านแม่ หนึ่งส่วนของท่าน หนึ่งส่วนของเสี่ยวเหอ หนึ่งส่วนของหมิ่นเอ๋อร์ หนึ่งส่วนของข้า หนึ่งส่วนเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านและอีกหนึ่งส่วนเป็นเงินลงทุนทำการค้ารวมทั้งสิ้นก็หกส่วนพอดีและเงินอีกสี่ส่วนที่เหลือข้าจะเก็บเอาไว้เป็นเงินฉุกเฉินของบ้านเราเจ้าค่ะ

ท่านแม่ไม่ต้องปฏิเสธนะเจ้าคะ หนิงหนิงคิดทบทวนมาอย่างถ้วนถี่ดีแล้วเจ้าค่ะที่สำคัญทุกๆ คนต่างก็มีส่วนช่วยในการทำงานแล้วจะไม่รับเงินส่วนแบ่งกันได้อย่างไร” เรื่องการแบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนนี้ม่านหนิงฮวาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วเพราะในอนาคตน้องๆ ของนางก็ต้องเข้าสำนักศึกษาอีกทั้งยังเสี่ยวเหอก็ยังต้องออกเรือนควรมีทรัพย์สมบัติติดตัวเอาไว้ให้มากแม้ในวันนี้อาจจะเป็นเงินไม่กี่ตำลึงแต่ค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ มันก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

“หากเป็นเช่นนั้นแม่ก็ไม่ขัดความตั้งใจของหนิงหนิง เสี่ยวเหอ หมิ่นเอ๋อร์มาขอบคุณพี่ใหญ่ของเจ้าเสียที่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักหาเงินทองเข้าบ้านเรา เงินที่พี่ใหญ่แบ่งให้เสี่ยวเหอแม่จะให้เจ้าเก็บรักษาเอาไว้ด้วยตนเองจะได้มีความรับผิดชอบแต่ส่วนของหมิ่นเอ๋อร์นั้นแม่จะเก็บเอาไว้ให้ก่อนรอให้รู้ความเหมือนพี่ๆ แล้วแม่ก็จะคืนให้”

สิ้นคำของมารดาน้องๆ ของม่านหนิงฮวาก็เดินเตาะแตะมาอยู่ตรงหน้าพี่สาวพร้อมคุกเข่าคำนับและกล่าวขอบคุณด้วยความยินดีอีกทั้งม่านหนิงเหอยังบอกน้องชายให้หันไปคำนับท่านแม่เพื่อขอบคุณที่สั่งสอนพวกนางสามพี่น้องมาเป็นอย่างดีแม้จะไม่มีบิดาคอยอยู่เคียงข้างกายเหมือนครอบครัวอื่นๆ ก็ตาม

“ต่อไปพี่ใหญ่จะแบ่งเงินให้พวกเจ้าทุกๆ สามเดือนนะ จะได้มากจะได้น้อยก็แล้วแต่ว่ากิจการของครอบครัวเราจะไปได้ดีมากแค่ไหนสงสัยต้องคิดหาวิธีถนอมอาหารใหม่ๆ ออกมาเพิ่มแล้วล่ะเผื่อว่าจะสามารถหาเงินเพิ่มได้อีก” ในหัวของม่านหนิงฮวานั้นไม่เคยที่จะหยุดคิดเรื่องการหารายได้แต่เพราะบางอย่างนั้นนางยังไม่ได้ทดลองปรับปรุงสูตรให้เข้ากับวัตถุดิบที่มีจึงไม่กล้าทำออกมาขายมีเพียงแต่ทำและใช้เองในบ้านเท่านั้น

“พักเสียบ้างเถอะหนิงหนิงเจ้านี่อยู่นิ่งไม่ได้เลยหรือไรกันเท่าที่มีอยู่นี่ก็ทำให้ทันเถิดลูกรัก แม่อยากให้เจ้ารู้จักพักผ่อน รู้จักออกไปเล่นเช่นสหายวัยเดียวกันมิใช่มานั่งทำงานหาเงินทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้” มารดาถึงขนาดต้องเอ่ยปากเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าบุตรสาวจะคร่ำเครียดจนเกินไปในตอนนี้บ้านสกุลม่านก็ไม่ได้มีฐานะลำบากอะไรถือว่าเหลือกินเหลือใช้เลยด้วยซ้ำ

“ต่อไปข้าคิดว่าจะทำของที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้เจ้าค่ะอย่างเช่นสบู่อาบน้ำอย่างที่เราใช้อยู่แต่อาจจะต้องมีการทดลองทำและปรับสูตรเล็กน้อยข้าว่าน่าจะนำไปขายที่ร้านขายเครื่องประทินผิวได้และถ้ามันสำเร็จจะต้องน่าใช้กว่าถั่วถูกขี้ไคลที่มีขายในตลาดแน่นอนเจ้าค่ะ” ด้วยยุคสมัยทำให้ชาวบ้านไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสุขอนามัยเท่าไรนักเรื่องหารอาบน้ำบางบ้านก็ทำกันห้าวันครั้งในตอนที่ไปซักผ้ากันที่แม่น้ำแต่สำหรับม่านหนิงฮวาที่เคยมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยที่เจริญแล้วบอกเลยว่าไม่อาจรับได้กับพฤติกรรมเช่นนั้นคนที่บ้านของนางอย่างน้อยๆ ต้องอาบน้ำกันทุกวันวันละหนึ่งครั้งก่อนนอนก็ยังดี

ส่วนเรื่องผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงนอกจากเจ้าโต้วหรือถั่วที่ใช้สำหรับอาบน้ำแล้วก็มีน้ำซาวข้าวนี่แหละที่เปรียบเสมือนน้ำยาอเนกประสงค์ประจำบ้านไม่ว่าจะล้างหน้า สระผม หรือว่าล้างจานต่างก็ใช้น้ำซาวข้าวกันเป็นหลักและนับว่าเป็นโชคดีของเรือนสกุลม่านที่ม่านหนิงฮวายังพอจำวิธีทำสบู่อย่างง่ายๆ ได้นางจึงสอนให้มารดาทำใช้กันเองในบ้านมาหลายปีแล้วแต่มันก็ยังเป็นสูตรธรรมดาๆ ที่เน้นเรื่องทำความสะอาดทั่วไปถ้าจะทำขายคงต้องพลิกแพลงมาใส่สมุนไพรและกลิ่นหอมต่างๆ เพื่อเพิ่มสรรพคุณและเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาสนใจ

“หากเจ้าคิดมาแล้วแม่คงห้ามอะไรไม่ได้แล้วสินะแต่ก็เอาเถอะอย่าได้คิดอ่านทำคนเดียวหากต้องการความช่วยเหลือก็เพียงบอกแม่และน้องเราจะคอยสนับสนุนเจ้าเองและถ้ามันสำเร็จแม่จะพาเจ้าไปขึ้นทะเบียนสินค้าที่ในตำบลเพื่อป้องกันผู้อื่นมาลอกเลียนแบบหรือแอบอ้างความเป็นเจ้าของสูตรสบู่ที่เจ้าทำ” ม่านหนิงอ้ายเคยเล่าเรียนในสถานศึกษาและครอบครัวบ้านเดิมก็เป็นสกุลพ่อค้าจึงมีความรู้เรื่องเช่นนี้อยู่บ้างนางไม่อยากให้บุตรสาวต้องเสียเปรียบผู้ใดเพราะความเป็นเด็กจึงคิดหาทางป้องกันเอาไว้ก่อน

“ท่านแม่ได้ช่วยเหลือข้าแน่นอนเจ้าค่ะ เจ้าด้วยนะเสี่ยวเหอไม่ต้องน้อยใจไปน้องจะได้ช่วยเหลือพี่ด้วยอย่างแน่นอน ดูท่าหมิ่นเอ๋อร์จะอยากนอนกลางวันแล้วนะเจ้าคะท่านแม่พาน้องไปนอนดีกว่าเดี๋ยวข้าจะพาเสี่ยวเหอไปเก็บตั๋วเงินเอง” พี่ใหญ่เดินจูงมือน้องรองพร้อมหอบตั๋วแลกเงินมากันคนละไม้คนละมือเนื่องจากเด็กหญิงทั้งสองคนใช้ห้องนอนห้องเดียวกันต่างคนจึงต่างรู้ว่าของสำคัญในบ้านนั้นเก็บรักษาไว้ที่ใดกันบ้าง

“พี่ใหญ่ตั๋วแลกเงินพวกนี้เป็นของเสี่ยวเหอจริงๆ เหรอเจ้าคะ” เมื่อได้อยู่กันตามลำพังม่านหนิงเหอที่มัวแต่ตะลึงกับจำนวนเงินที่มีอยู่ในบ้านจึงได้เพิ่งมาเอ่ยถามเรื่องสำคัญกับพี่สาว

“ใช่แล้วล่ะ เงินจำนวนนี้เป็นส่วนแบ่งของเสี่ยวเหอเจ้าจะเอาไปใช้จ่ายอะไรก็ได้ตามใจอยากจะเก็บไว้เฉยๆ แบบนี้หรือเอาไปซื้อเครื่องประดับสะสมไว้เป็นสินเดิมในตอนออกเรือนก็ย่อมได้”

“แต่เสี่ยวเหอยังไม่ได้ทำงานอะไรเลยนะเจ้าคะจะรับเงินมาได้อย่างไรกัน” ค้าขายก็เป็นพี่ใหญ่ที่ออกไปเจรจา การทำงานดองผักและรมควันปลาก็เป็นพี่ใหญ่อีกนั่นแหละที่จัดการจ้างท่านน้าท่านป้าในหมู่บ้านอีกทั้งยังควบคุมดูแลด้วยตัวเองแล้วน้องสาวอย่างม่านหนิงเหอได้ไปทำงานอะไรตอนไหน

“เสี่ยวเหอเจ้าจงฟังพี่ใหญ่ ใครกันที่ไปตามท่านป้าท่านลุงไช่ให้พี่ใหญ่ ใครกันที่ไปเก็บลอบดักปลาให้พี่ใหญ่แล้วใครกันที่ช่วยรดน้ำผัก ให้อาหารไก่และไส้เดือน ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเสี่ยวเหอและหมิ่นเอ๋อร์ทั้งนั้น นั่นแหละคืองานที่น้องสองคนได้ช่วยพี่ใหญ่ทำแล้วเก็บรักษาเงินพวกนี้เอาไว้ให้ดีอย่างน้อยๆ ตอนที่ไปเข้าสำนักศึกษาพวกเจ้าก็จะได้ใช้ซื้อตำราเรียนแน่นอน”