ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง - ตอนที่ 10 ผลพวงจากสงครามที่แสนโหดร้าย โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัว,จีน,ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,นิยายจีนโบราณ,หนิงหนิงจิ๋วจี๊ด,พล็อตสร้างกระแส,เกิดใหม่ ,นิยายรักจีนโบราณ

รายละเอียด

ในเมื่อสองมือสองเท้าเรามีเท่าคนอื่น แล้วเหตุใดจึงต้องกลัวว่าครอบครัวจะอดตาย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

เชื่อเรื่องเกิดใหม่หรือเปล่า? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ตายแล้วไปไหนหรือตายแล้วเกิดใหม่อะไรพวกนั้นแต่หลังจากที่เบญญาหมดอายุขัยของตัวเองลงไปตามเงื่อนไขธรรมชาติของมนุษย์สิ่งแรกที่เธอพบคือโลกหลังความตายที่วุ่นวายอีนุงตุงนัง


วุ่นไม่วุ่นก็หลังจากผ่านด่านคัดกรองวิญญาณเสร็จแล้วเธอที่ยืนเบียดเสียดกับวิญญาณนับร้อยนับพันบนสะพานอะไรสักอย่างยังไม่ทันจะได้ดื่มน้ำในชามที่คุณยายหน้าตาใจดีมอบให้ก็ถูกฝูงวิญญาณที่เหมือนจะรีบไปตายกันอีกรอบผลักดันผ่านประตูจนโผล่มาร้องอุแว้ อุแว้ในร่างของเด็กทารกโดยที่มีความทรงจำมากมายของชีวิตก่อนอยู่ในหัวและอีกเพียงเจ็ดปีต่อมาก็ได้เวลาที่ต้องงัดความรู้ที่มีทั้งหมดออกมาใช้เลี้ยงดูครอบครัวที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะว่าบิดาได้หายตัวไปในสนามรบ



หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 1 อวดผลงานชั้นโบแดง,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 2 เรือนสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 3 ม่านหนิงฮวาจอมวางแผน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 4 กิจกรรมระหว่างรอเวลา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 5 ทำปลาหมักเกลือรมควัน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 6 การเริ่มต้นทำการค้าของม่านหนิงฮวา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 7 ม่านหนิงฮวาผู้ไม่เคยหยุดพักเรื่องหาเงิน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 8 มีเงินทองมากมาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 9 เริ่มกิจการขายสบู่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 10 ผลพวงจากสงครามที่แสนโหดร้าย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 11 ช่วยเหลือผู้อพยพ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 12 การซื้อที่ดินขยายอาณาเขตสวนผัก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 13 เริ่มการทำนาทำสวน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 14 ไม่มีแม้แต่เงาของบิดา,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 15 การเดินทางเข้าอำเภอเป็นครั้งแรก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 16 คุณหนูสกุลม่าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 17 ความทรงจำที่ขาดหาย,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 18 การเดินทางไปเยือนเมืองหลว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 19 เมืองหลวงช่างกว้างใหญ่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 20 ฝากตัวเป็นศิษย์,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 21 ซื้อของฝากกลับบ้าน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 22 กลับมาดูแลกิจการ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 23 เส้นทางการเป็นนักรบช่างยากลำบาก,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 24 ความทรงจำที่หยั่งรากลึกในจิตใจ,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 25 บ้านและครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 26 ความสุขที่หวนคืน,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 27 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัว,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 28 วิถีชีวิตแบบเดิมในสถานที่ใหม่,ม่านหนิงฮวาเกิดใหม่เพื่อมาช่วยมารดาเลี้ยงน้อง-ตอนที่ 29 ร้านค้าสกุลม่านสาขาเมืองหลวง (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 10 ผลพวงจากสงครามที่แสนโหดร้าย

เป็นระยะเวลาถึงสามปีเข้าไปแล้วที่สงครามยังยืดเยื้อและยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดหมู่บ้านฉิงชุ่ยที่ม่านหนิงฮวาอาศัยอยู่จะอยู่ห่างไกลชายแดนมากนักแต่ข่าวของสงครามก็เล่าลือมาถึงที่นี่จนได้ จากเรื่องเล่าที่ได้ยินทำเอาคนทั้งเรื่องสกุลม่านวิตกกังวลใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิมตั้งไม่รู้กี่เท่าตัว

ใบหน้างามล้ำของมารดาฉายชัดให้เห็นถึงความโศกศัลย์ไม่ว่าจะทำอะไรดวงตาของนางก็คลอขังไปด้วยหยาดน้ำตาที่พร้อมจะหยดลงมาอาบแก้มขาวได้ทุกเมื่อแต่กระนั้นม่านหนิงอ้ายก็ยังกัดฟันทนไม่แสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าลูกๆ

“ท่านแม่เจ้าคะ หนิงหนิงรู้ว่าท่านเป็นกังวลเรื่องของท่านพ่อเพราะป่านนี้แล้วพวกเราไม่เคยได้ยินข่าวคราวหรือได้จดหมายจากท่านพ่อเลยสักฉบับ แต่ข้าก็เชื่อนะเจ้าคะว่าท่านพ่อยังคงมีชีวิตอยู่และท่านคงกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อครอบครัวของเราและเพื่อชาวแคว้น ท่านแม่อย่าโศกเศร้าไปเลยนะเจ้าคะพวกเราเองก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปเพื่อรอการกลับมาของท่านพ่อในสักวัน” ม่านหนิงฮวาตัดสินใจเอ่ยปากพูดกับมารดาหลังจากที่นางมีอาการเหม่อลอยบ่อยครั้งจนน้องๆ เริ่มสังเกตเห็นขนาดหมิ่นเอ๋อร์ตัวน้อยที่ไม่มีความทรงจำของบิดาเนื่องจากท่านพ่อจากไปสงครามตอนที่น้องชายยังเล็กนักยังเศร้าสร้อยตามท่านแม่ไปด้วยเห็นเช่นนี้แล้วพี่สาวอย่างนางคงปล่อยให้มารดาเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่ได้

“หนิงหนิงแม่ขอโทษ แม่ไม่ได้ตั้งใจแต่ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวของสงครามที่รุนแรงมากขึ้นทุกวันแม่ก็อดที่จะรู้สึกหวาดกลัวและเสียใจไม่ได้” ได้ยินสิ่งที่บุตรสาวคนโตพูดผู้เป็นมารดาก็ถึงกับน้ำตาร่วงเผาะไม่สามารถเก็บกักความเสียใจไว้ในอกได้อีกต่อไปแล้ว

“หนิงหนิงเข้าใจดีเจ้าค่ะแต่ข้าก็เสียใจเช่นกันที่เห็นท่านแม่เป็นเช่นนี้ ท่านแม่เจ้าขาสิ่งที่บุตรสาวคนนี้อยากจะบอกมันอาจจะไม่น่าฟังเท่าไรนักและอาจจะเป็นการบังอาจสอนสั่งมารดาแต่ทว่าเรายังมีเสี่ยวเหอและหมิ่นเอ๋อร์ให้คิดถึงอยู่นะเจ้าคะ โดยเฉพาะน้องเล็กที่อยู่ใกล้ชิดกับท่านที่สุดเขาก็มีอาการเศร้าซึมตามท่านไปแล้วเราจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้” แม้ม่านจางหมิ่นจะโตรู้ความขึ้นมากแต่ในโลกของบุตรชายคนเล็กที่มีแต่มารดาและพี่สาวเป็นทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมีใครสักคนผิดแปลกไปแล้วเหตุใดเจ้าตัวเล็กจึงจะไม่รู้

“แม่เข้าใจแล้วหนิงหนิง แม่เข้าใจแล้ว แม่ขอโทษเจ้าและน้องๆ ให้อภัยในความอ่อนแอของแม่ด้วยนะหลังจากนี้ไปแม่สัญญาว่าจะเข้มแข็งให้มากขึ้นจะไม่ทำให้เจ้าและน้องๆ ต้องวิตกกังวลเช่นนี้อีกเป็นอันขาด” เมื่อบุตรสาวคนโตเอ่ยปากถึงขนาดนี้แล้วม่านหนิงอ้ายผู้เป็นมารดาจะคิดไม่ได้ก็ออกจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ เรื่องที่นางจะเสียใจมากมายแค่ไหนนั้นไม่มีใครห้ามหรือว่ากล่าวแต่สิ่งที่ไม่ควรหลงลืมและละเลยก็คือเรื่องความรู้สึกของลูกๆ ทั้งสามคนของตัวเอง

“ท่านแม่ไม่ต้องขอโทษอันใดเลยเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจทุกอย่างดี”

“เอาล่ะแม่จะพยายามปรับปรุงตัวตั้งแต่ตอนนี้แล้วพรุ่งนี้เราต้องทำงานอะไรกันบ้างนะเจ้าช่วยทบทวนให้แม่ฟังอีกครั้งจะได้หรือไม่” เมื่อปรับอารมณ์ได้ก็ถึงคราวที่ต้องสอบถามถึงเรื่องงานการที่นางละเลยไปเสียหลายวัน

“พรุ่งนี้ข้าจะทำเนื้อหมูรมควันเพราะสั่งเนื้อหมูจากร้านขายเนื้อในตำบลเอาไว้แล้วพรุ่งนี้ถ้าเช้าจะมีคนเอามาสั่งเจ้าค่ะตั้งใจว่าจะทำให้เยอะสักหน่อยเพราะท่านปู่ตงบอกว่าอาหารแห้งทุกอย่างกำลังขายได้ราคาดีมีพ่อค้าเร่มากว้านซื้อไปขายที่หมู่บ้านชายแดนเจ้าค่ะและถ้ามันเสร็จเร็วข้าก็คิดว่าจะทำสบู่เพิ่มด้วยทำเท่าไหร่ก็ไม่พอขายเลยจริงๆ เจ้าค่ะท่านแม่” สายตาที่เป็นประกายของม่านหนิงฮวาทำให้มารดาเห็นว่าบุตรสาวนั้นมีความตั้งใจทำงานของตัวเองจริงๆ แต่กระนั้นนางก็คิดว่าลูกๆ ควรจะได้เล่นสนุกตามวัยไม่กว่าที่จะต้องมาแบกรับความรับผิดชอบเช่นผู้ใหญ่เต็มตัว

“เจ้าควรหาเวลาพักเสียบ้างนะหนิงหนิงอย่าทำงานหนักจนเกินไปนักเลย”

“ข้าจะทำเท่าที่ตัวเองทำไหวเจ้าค่ะท่านแม่อีกอย่างหมูรมควันที่จะทำในวันพรุ่งนี้ก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเก็บเป็นเสบียงในบ้านด้วยเจ้าค่ะ ผู้คนในตำบลพูดคุยกันหนาหูว่าสงครามทวีรุนแรงขึ้นทุกวันพ่อค้าเร่ที่ขนสินค้าไปขายใกล้เขตชายแดนก็เสี่ยงพอสมควรแต่เพื่อปากเพื่อท้องก็ยังต้องยอมทำ

ที่สำคัญคือข้าไม่ได้ทำเพียงคนเดียวนะเจ้าคะน้องๆ ทุกคนช่วยทำงานได้แล้วอีกทั้งยังมีบ้านไช่กับบ้านเหมียวเป็นแรงกำลังสำคัญเพราะฉะนั้นท่านแม่วางใจได้เจ้าค่ะ”

ม่านหนิงฮวาว่าจ้างสมาชิกในหมู่บ้านทำงานต่างๆ แทนนางเสมอแต่แรงงานหลักที่ทำงานกับนางจนรู้มือคือบ้านไช่กับบ้านเหมียวไม่ต้องกลัวว่าจะนำความลับทางการค้าของสกุลม่านออกไปเผยแพร่ที่ไหน ส่วนชาวบ้านครอบครัวอื่นๆ ก็เอาของป่ามาขายกันอยู่เป็นประจำเพราะรู้กันดีอยู่ว่าสกุลม่านมีแต่สตรีและเด็กไม่มีใครสามารถขึ้นเขาไปหาของป่าเป็นวันๆ ได้พวกเขาจึงช่วยเก็บมาฝากหรือไม่ก็หามาขายเป็นการพึ่งพากันอีกรูปแบบหนึ่ง

ช่วงเวลาที่แสงสีทองจับเส้นขอบฟ้าดูดกลืนม่านหมอกแห่งราตรีกาลให้จางหายไปจะเป็นช่วงเวลาที่บุตรสาวคนโตของสกุลม่านตื่นนอนตามเวลาปกติของตัวเองและหลังจากจัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเด็กหญิงวัยสิบหนาวก็จะเข้าครัวเพื่อไปเตรียมหุงข้าวและทำกับข้าวเอาไว้รอมารดาและน้องๆ ซึ่งบางครั้งก็จะตื่นมาเจอท่านแม่กำลังติดเตาไฟอยู่ในครัวไม่ก็กำลังเดินเก็บผักต่างๆ อยู่ในสวน

“ตื่นแล้วเหรอลูก แม่เห็นถั่วฝักงามตั้งแต่เมื่อเย็นวานจึงหมายตาเอาว่าตอนเช้าจะเก็บมาผัดใส่เนื้อหมูเค็มให้เจ้าและน้องๆ ได้กินกัน แล้วน้ำแกงวันนี้หนิงหนิงอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าลูก” วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มารดาตื่นแต่เช้ามาเตรียมทำอาหารซึ่งเป็นภาพที่ม่านหนิงฮวาอยากจะเห็นไปทุกวันตลอดชีวิตถ้าหากมันเป็นไปได้

“น้ำแกงผักกาดขาวหมูสับดีไหมเจ้าคะข้าเก็บเนื้อหมูสับรวนไว้ในโอ่งเย็นต้องรีบกินก่อนที่มันจะเสีย” เพราะสมัยนี้ไม่มีตู้เย็นให้ใช้ของสดจำพวกเนื้อสัตว์จึงไม่สามารถเก็บเอาไว้ค้างคืนได้แต่ถ้าเป็นของที่ปรุงสุกดีแล้วก็ยังพอจะเก็บเอาไว้ได้ไม่เกินหนึ่งคืนแต่จะให้ดีก็ต้องกินให้หมดกันวันต่อวันจะดีที่สุดแต่เพราะเมื่อวานได้เนื้อหมูมาจากท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านนางจึงเอาไปสับแล้วรวนให้สุกเก็บเอาไว้

“เอาเช่นนั้นก็ได้แม่ตามใจเจ้า” ทำอาหารยังไม่ถึงไหนม่านหนิงเหอก็เข้าครัวมาสมทบตามติดมาด้วยม่านจางหมิ่นที่ตอนนี้มีอายุได้ห้าหนาวแล้วสามารถช่วยงานบ้านได้หลายสิ่งหลายอย่างและในตอนนี้งานหลักที่เป็นหน้าที่ประจำของบุตรชายคนเดียวของบ้านคือการช่วยพี่สาวรดน้ำผักในสวนทุกๆ เช้ารวมไปถึงการให้อาหารไก่ไข่ที่เลี้ยงไว้

ช่วงกลางยามเหมาที่ข้าวเช้าที่กินเข้าไปยังไม่ทันจะเรียงเม็ดคนจากร้านขายเนื้อสัตว์ก็เอาเนื้อหมูที่สั่งไว้มาส่งให้โดยวันนี้นั้นม่านหนิงฮวาตั้งใจใช้เนื้อทั้งหมดหกสิบจินในการทำหมูรมควันและจะทำเช่นนี้ไปทั้งสัปดาห์เนื่องจากต้องการเนื้อหมูรมควันในปริมาณมากไปขาย

ทั้งบ้านเหมียวและบ้านไช่ทำงานของตัวเองอย่างรู้หน้าที่เมื่อมาถึงเรือนสกุลม่านม่านพร้อมกับมีดคู่ใจที่ลับมาจนคมกริบก็จัดการล้างเนื้อหมูและแล่เป็นชิ้นบางๆ ตามที่ม่านหนิงฮวาเคยสอนเอาไว้ซึ่งตัวเด็กหญิงจะเป็นคนตวงวัตถุดิบอื่นๆ ให้ตามสัดส่วนส่งต่อให้น้องๆ ทั้งสองคนช่วยกันตำกระเทียม รากผักชี เม็ดผักชีคั่วและพริกไทยเม็ดให้แหลกละเอียดเพื่อที่จะคลุกเคล้าดับกลิ่นคาวของเนื้อหมูส่วนทางด้านเครื่องปรุงรสก็จะมีเกลือ ซีอิ๊วหมักสูตรเฉพาะของสกุลม่านและน้ำตาลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อตัดรสให้กลมกล่อม

แต่นอกจากเครื่องปรุงเหล่านี้แล้วเคล็ดลับที่จะให้เนื้อหมูรมควันของสกุลม่านมีรสชาติดีไม่ว่าใครที่ได้ลองชิมก็ต้องติดใจนั่นก็คือน้ำสะอาดต้มสุกที่ใช้เคล้ากับส่วนผสมทั้งหมดจากนั้นก็จะใช้วิธีการนวดด้วยมือจนเครื่องปรุงรสทั้งหมดซึมเข้าไปในเนื้อหมูทุกอณูและก็ต้องหมักไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วยามก็สามารถนำไปรมควันได้แล้ว

เนื้อหมูสดหกสิบจินเมื่อนำมาทำเนื้อหมูรมควันแล้วน้ำหนักก็จะเหลือประมาณห้าสิบเจ็ดถึงห้าสิบแปดจินกว่าๆ ภายในเวลาเจ็ดวันนั้นโรงงานเล็กๆ ของม่านหนิงฮวาสามารถผลิตเนื้อหมูรมควันได้ทั้งหมดสี่ร้อยกว่าจินโดยหลังจากแจกจ่ายให้ทั้งบ้านเหมียวและบ้านไช่รวมถึงเก็บเป็นเสบียงแล้วครั้งนี้เด็กหญิงสามารถนำเนื้อหมูรมควันออกไปขายได้ถึงสามร้อยห้าสิบจินกันเลยทีเดียว

แต่ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นคือเนื้อหมูรมควันทั้งหมดที่นางส่งให้ท่านปู่หลงจู๊ขายหมดในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนเพราะในตอนนี้เมืองชายแดนกำลังขาดแคลนอาหารอย่างหนักพ่อค้าเร่ที่มารับซื้อข้าวสารอาหารแห้งนั้นบอกว่าเนื้อรมควันทั้งหมดทางการเป็นคนสั่งซื้อมาจะนำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่กำลังขาดแคลนอาหาร

แม้จะดีใจที่สามารถหาเงินเข้าบ้านหลายตำลึงทองแต่ลึกๆ แล้วม่านหนิงฮวากลับรู้สึกหดหู่ใจในชะตากรรมของชาวบ้านตาดำๆ ที่ต้องมาลำบากเพราะความโลภของผู้ครองแคว้นที่ไม่รู้จักพอจ้องแต่จะรุกรานบ้านเมืองของคนอื่นเพื่อหวังรวมแผ่นดินและตั้งตนเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว

“เป็นอะไรไปหรือหนิงหนิง เสี่ยวเหอดูแล้วเจ้าสองคนพี่น้องไม่ค่อยจะร่าเริงเลยตั้งยามที่ขายสบู่แล้ว มีอะไรอยากเล่าให้ลุงฟังหรือไม่” ในวันที่สองพี่น้องเข้าไปในตำบลเพื่อขายสบู่ท่านลุงเฉาอันบุตรชายของท่านปู่หลงจู๊จะเป็นคนขับเกวียนมาส่งที่บ้านทุกครั้งเพื่อที่เด็กหญิงสองคนจะได้ไม่ต้องแกร่วรอรอบเกวียนกลับเข้าหมู่บ้านในกลางยามอู่และวันนี้เฉาอินก็สังเกตเห็นว่าสองคนพี่น้องไม่ค่อยสดใสร่าเริงดังเช่นทุกวันจึงอดที่จะไถ่ถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“ข้าแค่หดหู่ใจยามได้ยินเรื่องเล่าจากสงครามน่ะเจ้าค่ะไม่รู้ว่าจะต้องมีกี่ครอบครัวที่ต้องพลัดพรากและมีกี่หมู่บ้านที่ต้องอดอยากขนาดชาวบ้านธรรมดาๆ ยังลำบากยากเข็ญถึงเพียงนี้แล้วเหล่าทหารกล้าที่อยู่ในสนามรบจะยิ่งยากลำบากสักเพียงไหนกัน”

“ขนาดพวกเจ้าเป็นเด็กยังรู้ถึงความยากลำบากแล้วตัวคนที่เป็นต้นตอของสงครามจะไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอแต่เรื่องของอำนาจมันก็ว่ากันไม่ได้ใครเล่าจะไม่อยากเป็นใหญ่เพียงผู้เดียวในใต้หล้า เรื่องนี้มันซับซ้อนยิ่งนักต่อให้ผู้ใหญ่อย่างข้าก็ยังไม่เข้าใจ แต่จำเอาไว้นะหนิงหนิง เสี่ยวเหอหากที่หมู่บ้านประสบภัยจากสงครามขอให้เจ้ารีบพาครอบครัวไปหาท่านปู่ไช่โจวแล้วพวกเจ้าจะปลอดภัย”

ผู้อาวุโสผู้นำหมู่บ้านนั้นย่อมมีลู่ทางเส้นสายซึ่งครอบครัวสกุลโจวแม้จะอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แต่ก็สามารถพาผู้คนในหมู่บ้านอพยพมาอยู่อาศัยที่ว่าการตำบลได้หากว่ามีความไม่คาดฝันเกิดขึ้นและในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ประจำตำบลก็เตรียมการตั้งรับเอาไว้แล้วเพื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

“หนิงหนิงจะจำเอาไว้เจ้าค่ะท่านลุงอิน”