ไพรดงพิศวง ความหมาย: * ไพร : หมายถึง ป่า, ดง หรือพื้นที่ป่าทึบ * ดง : หมายถึง กลุ่มต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น * พิศวง : หมายถึง น่าแปลกใจ, น่าสงสัย, หรือทำให้เกิดความสงสัย "ไพรดงพิศวง" จึงหมายถึง ป่าหรือดงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ น่ากลัว หรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ อาจมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ หรือเรื่องราวเล่าขานที่น่าขนลุกเกี่ยวข้องกับสถานที่นั้นๆ 🙏กราบสวัสดีท่านผู้เดินทางทั้งหลาย เร็วๆนี้กระผมจะพาท่านเดินทางไปพบกับความ🙏ประหลาด🫨ความเร้นลับ ความเชื่อมโยงกับโลกต่างมิติ และเรื่องราวของพรานหนุ่มที่โดนกลุ่มล่าสมบัติว่าจ้างให้นำทางเข้าป่าลึกเพื่อตามหาว่านชนิดหนึ่ง สี่ว่านจตุรมิตร การเดินจะพบเจออะไรบ้างมาเดินทางไปพร้อมๆกัน
ผจญภัย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไพรดงพิศวงไพรดงพิศวง ความหมาย: * ไพร : หมายถึง ป่า, ดง หรือพื้นที่ป่าทึบ * ดง : หมายถึง กลุ่มต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น * พิศวง : หมายถึง น่าแปลกใจ, น่าสงสัย, หรือทำให้เกิดความสงสัย "ไพรดงพิศวง" จึงหมายถึง ป่าหรือดงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ น่ากลัว หรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ อาจมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ หรือเรื่องราวเล่าขานที่น่าขนลุกเกี่ยวข้องกับสถานที่นั้นๆ 🙏กราบสวัสดีท่านผู้เดินทางทั้งหลาย เร็วๆนี้กระผมจะพาท่านเดินทางไปพบกับความ🙏ประหลาด🫨ความเร้นลับ ความเชื่อมโยงกับโลกต่างมิติ และเรื่องราวของพรานหนุ่มที่โดนกลุ่มล่าสมบัติว่าจ้างให้นำทางเข้าป่าลึกเพื่อตามหาว่านชนิดหนึ่ง สี่ว่านจตุรมิตร การเดินจะพบเจออะไรบ้างมาเดินทางไปพร้อมๆกัน
ไพรดงพิศวง ความหมาย:
"ไม่น่ะ ชางเวียง "
ดิเรกที่พึ่งจะตามมารวมตัวกับพรานเห็นภาพที่ต้องตกตะลึง ด้านหลังเองจันทร์แก้วและชางวีก็พารวมกลุ่มเวลาเดียวกัน ชางวีที่เห็นภาพพี่ชายที่กำลังโดนผีป่าแทงอยู่นั้น ได้กรีดร้องและทำท่าวิ่งเข้าไปหาแต่ดิเรกดึงตัวไปทัน
"ไม่ อร้ายยยย พี่ชาวเวียง ฮือๆๆ "
ชางวีกรีดร้องด้วยความเสียใจ ก่อนจะด่าผีป่าอย่างหยายคาย แต่มันหาได้สะทกสะท้านไม่
ก่อนจะหันมาทางกลุ่มคนทั้งห้า พร้อมแสยะยิ้มอย่างสนุก
" กูจะฆ่าแม่งให้หมดถึงเวลาพวกมึงแล้ว "
พูดจบมันแบมือสร้างมวลพลังขนาดใหญ่ดำทมิฬ พร้อมกับเล็งมาที่กลุ่มของมนุษย์ทั้งห้า ไม่มีใครหนีพ้น ก้อนพลังพุ่งมาอย่างรวดเร็วปะทะกับโล่อาคมของพรานกล้าที่เค้นอาคมออกมาจนเฮือกสุดท้าย แต่ไม่อาจต้านทานไหว
อาคมและมวลพลังเกิดการระเบิด ทำให้ห้าชีวิตต่างกระเด็นไปชนกับต้นไม้บ้างก้อนหินบ้างสลบไสลกันหมด ยกเว้นแต่พรานกล้าที่ยังพอมีสติพยุงตัวไอตัวโก่งสำลักเลือดออกจากปาก
"มึงนิมันตายยากจริงๆเลย ไอกษัตริย์สิงห์กล้า"
มันเดินมาข้างตัวพรานกล้าที่กำลังกระอักเลือดตัวโก่งก่อนจะถีบพรานกล้าให้ล้มลงนอนหงายและยืนค่อมกลางลำตัว
" กูขอว่านที่คอมึงล่ะกัน แต่คอมึงกูไม่เอา "
สิ้นคำมันใช้ดาบที่มีรอยเลือดของชางเวียงที่ยังคงติดอยู่ แทงลงมาที่คอแต่พรานกล้าใช้มือรับไว้ทันก่อนจะออกแรงดันกลับออกห่างจากคอ
แต่แรงนั้นกลับไม่มีจะเหลือแล้ว แค่เห็นรอยเลือดของชางเวียง นั้นทำให้พรานกล้ารู้สึกผิดกับตัวเองที่ปกป้องใครไม่ได้ แม้แต่ตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้
" ท่านรู้สึกผิดได้ แต่ท่านจะยอมแพ้แค่ตรงนี้น่ะรึ คนพวกนี้ต้องการท่าน ท่านต้องเชื่อมั่นในตัวเอง............ ใช้ว่านนั้นซะ ช่วยทุกคน...... ข้ารอท่านพี่ ไม่ว่าจะนานเพียงใด จงมีชีวิต แล้วเราจะได้พบกัน "
เหมือนเกิดการหยุดไหลของเวลา บริเวณรอบกายของพรานรวมไปถึงการเคลื่อนไหวของผีป่าเกิดการชะลอความเร็วลงอย่างมาก เสียงที่เกิดขึ้นเมื่อครู่คือเสียงของชายปริศนาที่พรานกล้ายังคงจำคำพูดในนิมิตได้ก่อนหน้านั้น
"ชนากร"
พรานกล้าพึมพำก่อนที่จะเอามือมาคลำบริเวณลำคอ ถ้าว่านที่คอคือว่านจตุรมิตรจริง มันคือว่านชนิดใด แต่นั้นไม่ประเด็นที่จะคิดตอนนี้ มีเพียงต้องทดลองใช้เท่านั้น
พร้อมกับหลับตาลงใช้สมาธิ
" นะโม เทวา สัพเพตินัง อะหังสุขะโต "
กล่าวบทสวดจบ พรานกล้าใช้แรงบีบแก้วครอบตะกรุดว่านที่คอจนแตก
"เพล้ง "
" บังเกิดแสงสีแดงสว่างวาบไปทั่วบริเวณ
จังหวะเดียวกันที่การเวลาได้คืนสภาพปกติ
ดาบที่ผีป่าร้ายหมายจะแทงคอพรานได้แทงลงพื้นว่างเปล่าแทน จนมันตกตะลึง งุนงันกับสิ่งที่เห็น มันรีบหันหลังจึงเจอกับสิ่งที่คาดไม่ถึง
เเสงสีแดงฉานคล้ายสีทับทิม มรกต
สว่างไสวแผ่รอบตัวพราน
" มันคือว่านจตุรมิตรสีแดง "
อิทธิฤทธิ์ของว่านผู้ใดที่ใช้ว่านจตุรมิตรสีแดง จะมีพละกำลังเหนือภูตผีเทวดา ความว่องไว และพลังกายที่ท่วมท้นหาที่สุดไม่ได้ "
ร่างของพรานกล้าลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ สภาพร่างกายตามเนื้อตัวจากที่มีแผลที่เกิดจากการต่อสู้ บัดนี้ได้อันตรธานหายจนหมดสิ้น เรี่ยวแรงที่อ่อนล้ากลับหายเป็นปลิดทิ้ง พรานกล้าค่อยๆลืมตาพร้อมกับจ้องสายตาที่เขม็งไปที่ไอ้เจ้าอสูรร้าย
มันหาได้กลัวไม่ มันรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวพราน มันกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจเพราะสิ่งที่มันหวังต้องการคือ "ว่าน" แต่บัดนี้กลับกลายเป็นว่างเปล่า เพราะสิ่งที่หวังกลายไปเป็นของผู้อื่นโดยสิ้นเชิงไม่ทางชิงกลับมาของตน
" อ๊ากกกกกกกกก " ผีป่าร้ายร้องด้วยความเจ็บใจมันแยกเขี้ยวด้วยความโมโหพร้อมกับตั้งท่าจะพุ่งกระโจนใส่พราน ที่ลอยอยู่ด้านบน
เหล่าคนทั้งห้าพากันลุกขึ้นดีใจ แต่คนที่ดีใจมากกว่าคนอื่นออกหน้าออกตาคงจะไม่ใช่ใครที่ไหนชายหนุ่มผิวขาวที่เงยหน้ามองพรานกล้า เผยรอยยิ้มมุมปากเบาๆ