ไม่อยากจะเชื่อ... แค่การใช้ ลิปแดง ของสวยงามประจำตัวสำหรับผู้หญิงหลายคน จะทำให้ชีวิตเรามาเจอกับเรื่องราวที่ไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้นได้ขนาดนี้ (มีกลิ่นอายของ Yuri ใครสายจิ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ห้ามพลาด!!!)
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,สืบสวนสอบสวน,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,นิยายยูริ,yuri,หลอน,เพื่อนเก่า,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,เพื่อน,ฆาตรกรรม,ฆาตกรรมหักมุม,ฆาตกรรม,ยูริ,ผีในห้อง,ผี,ผีไทย,สยองขวัญ,รักวัยรุ่น,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กึก กึก เอี๊ยด!!!
เสียงประตูเปิดออก อาจารย์ที่กำลังสอนกลับมองไปที่ทั้งสองอย่างแปลกใจ แต่ไม่มีคำถามเกิดขึ้น
พอทั้งคู่มาถึงห้องเรียนยังไม่ทันจะนั่งเก้าอี้ได้เต็มก้น ออมก็รีบทักขึ้นมาทันทีว่า..
“หายไปไหนมามึง อย่างนาน กูก็นึกว่ากลับบ้านไปช่วยพ่อขายของที่บ้านละเนี่ย” ออมพูดติดตลกออกมาด้วยความสนุกปาก จนพิมพ์ขำตาม แต่ทำไมในประโยคนั้นฉันกลับไม่คิดจะขำออกมาเลยนะ ทำได้เพียงแต่ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับเพื่อนทั้งสอง
“อีออม”
เบลใช้เสียงตวาดพร้อมชักสีหน้าปรามออมกับพิมพ์ทันทีที่เห็นออมพูดออกมา จนทั้งคู่ต้องกลั้นขำและหยุดพูดสนุกปากไปอีกสักพัก สำหรับเบลในความคิดของลดาต่อให้เบลจะดูไม่สนใจอะไร แต่ในใจลึก ๆ ลดาก็ยังมองว่าเบลคือเพื่อนที่ดูน่าคบด้วยได้ดีที่สุดในกลุ่ม
“เออ แล้วเมื่อกี้ทำไมไปนานจังอะ มีอะไรหรือเปล่า” พอเบลปรามสองคนนั้นเสร็จก็ไม่ลืมที่จะหันมาถามข้อสงสัยกับลดา
ลดาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่ ก่อนจะบอกสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเจอมา อย่างละเอียด
“คือเมื่อกี้ เราไปเข้าห้องน้ำมา แล้วขณะที่เรากำลังทำธุระ ก็มีคนมาเรียก พอเราถามว่าใคร ก็ไม่มีคนตอบ แล้วก็…”
“นักเรียนกลุ่มนั้นน่ะ เบา ๆ เสียงหน่อยค่ะ ตั้งใจเรียนหน่อยลูก”
ลดาอธิบายยังไม่จบ ก็มีเสียงเอ็ดจากอาจารย์ดังขึ้นมา จนพวกเราทั้งสี่ต้องรีบกล่าวขอโทษอาจารย์ “ขอโทษค่ะอาจารย์”
40 นาทีผ่านไป
“วันนี้ก็เท่านี้ก่อนนะคะ..อย่าลืมไปทำบทสรุปนาฏศิลป์กับการแสดงในยุคแรกมาด้วยนะคะ ส่งสัปดาห์หน้าค่ะ” อาจารย์พิชาญาพูดปิดการสอนในวันนี้ พร้อมให้การบ้านทันทีในคาบแรกที่เจอกัน
“โอ๊ยมึง เป็นตามที่พิมพ์บอกเมื่อเช้าเป๊ะ! ให้การบ้านจริงด้วย” หลังเลิกคาบ ออมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สบถประโยคที่ดูน่าหงุดหงิดให้กับงานล่าสุดที่ได้รับมอบหมายมา
“เซ็งชิบ” เบลเสริมอารมณ์ร่วมกับออม ก่อนจะหยิบกระจกออกมาส่องหน้าคมและผมยาวสลวยของตัวเอง แล้วพูดกับฉันขึ้นมาว่า
“เออลดา เรื่องที่เล่ามาเมื่อกี้ ก็ ก็ อะไรต่ออะ”
“ก็…” อนิจจา เหตุอะไรมันจะบังเอิญเหมือนวางพล็อตไว้ขนาดนี้ ไม่ว่าจะเล่าเรื่องนี้กี่รอบ ก็จะต้องมีเหตุขัดจังหวะเสมอเลย!
“ซุ่มซ่ามอีกละ ลดา เฮ้อ~” พิมพ์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาให้กับท่าทางเงอะงะของลดาอย่างเต็มทน
ฉันก้มลงไปเก็บปากกาที่ร่วงหล่นพื้นราวกับเอ็นจะขาด แต่พอก้มมือแตะถึงพื้น ลิปสติกแท่งที่เพิ่งได้มาใหม่ ก็ตกลงจากกระเป๋าเสื้อ
เก๊ง ตึก!!!
ตายแล้วไง!
เพื่อนต้องมองอยู่แน่ ๆ ฉันรีบทำเนียนเก็บลิปเเดงแท่งนั้นเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม เหมือนจะไม่มีใครเห็น แต่สุดท้าย ก็ไม่รอดสายตาทั้งสามคู่อยู่ดี
“เชี่ย เดี๋ยวนี้มีของดีไม่บอกกูเหรอ เอามาใช้บ้างดิ” ออมยกยิ้มมุมปาก ตาวาวเป็นประกายเหมือนเด็กที่อยากจะได้ของเล่นชิ้นโปรดแบบไม่สนสายตาคนอื่น หากใครที่ได้เห็นใบหน้าแบบนั้นคงใจเสียเหมือนฉันทุกคน
“แต่.. เเต่เรายังไม่ได้ใช้เลย” ลดาตอบเสียงแผ่วกลับไป ด้วยใบหน้าที่หวงเเหนและไม่อยากให้อย่างจริงใจ
“อะไรวะ เกี่ยวอะไรกับยังไม่ได้ใช้อะ กูขอใช้ก่อนไม่ได้หรือไง” ออมพูดคะยั้นคะยอ ไม่สนใจคำพูดของลดาใด ๆ พร้อมความคิดในใจ ถ้ากูจะเอา กูต้องได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฮึ!
“เออลดา อย่าขี้งกไปหน่อยเลย เดี๋ยวมึงก็ต้องเปิดใช้อยู่ดีอะ ให้ออมมันใช้หน่อยเถอะ ใช่มั้ย” พิมพ์พูดเกทับออมขึ้นมาเพื่อส่งออมเต็มที่ เพราะพิมพ์มักรู้ดีว่าออมนั้นเป็นคนยังไง! ก่อนจะหันหน้าไปหาออม จนออมพยักหน้าส่งเสียงอืมมาในลำคอแบบรู้กัน
“อืม!”
สายตาทุกคนที่มองมาตอนนี้ ไม่ต่างอะไรไปจากฝูงเสือที่เจอเหยื่ออย่างลูกกวาง ทั้งแสดงอำนาจข่มขวัญอีกฝ่ายให้เกรงกลัว ทั้งน้ำเสียงที่ดูสมเพชเราตลอดเวลาฉันไม่ชอบเลย ลดาได้แต่นึกในใจ
“เอามานี่” ว่าแล้วออมก็คว้าลิปแดงออกไปจากมือฉันแบบรวดเร็วอย่างไม่รู้สึกอะไร สุดท้ายก็ต้องยอมให้ออมเปิดใช้ลิปแท่งนั้น แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม ก็เรา.. มันเลือกไม่ได้อยู่แล้วนี่!
“เชี่ย.! ลิปใหม่เลยนะมึง” ออมตาโตลุกวาวอีกครั้งเมื่อเปิดเห็นเฉดสีลิปที่แดงสดด้านใน
“มึง..! เดี๋ยวนะ ลิปยี่ห้อนี้มันแพงมากเลยอะ มึงเอาเงินที่ไหนไปซื้อวะ” พิมพ์มองและชี้มาที่ลิป เอ่ยถามฉันด้วยสีหน้าเหยียดหยาม และสงสัยจนคิ้วทั้งสองข้างพร้อมไฝที่ริมปากเบ้จนฉันไม่อยากจะมอง และรอที่จะฟังคำตอบจากฉันอย่างเร็วไว
ถ้าให้บอกความจริง ฉันคงได้จบเห่ในชีวิตมหาลัยแน่ ลดา แกคงต้องแถไปก่อนแล้วล่ะ
“ทำไมล่ะ เราก็เก็บเงินของเรา เราก็ซื้อได้ไง” ฉันตอบไปด้วยความรู้สึกที่มาจากใจ ก็ทำไมล่ะคนแบบฉันถึงพ่อจะเป็นแค่คนขายข้าวแกง แล้วไม่มีเงินจะไปซื้อหรือใช้ของหรู แบรนด์เนม เหมือนพวกเธอเลยหรือไง เสียงความคิดในหัวฉันดังขึ้น ซึ่งก็ได้แต่คิดเมื่อไรจะได้พูดบ้าง
“ก็แค่ถามเฉย ๆ เอง” พิมพ์แผ่วเสียงอ่อนลง สีหน้าเจื่อนกับคำตอบที่ได้รับมาอย่างเออออ ไม่เห็นต้องตอบละเอียดแบบนั้นเลย เหอะ พิมพ์คิดในใจ
“เชี่ย.! สีอย่างสวยเลยอะ สีแดงสดเลยมึง กูขอใช้นิดนึงนะ” ยังไม่ทันได้เปิดปากอนุญาต สีแดงสดจากลิปแท่งใหม่ก็ประทับลงบนริมฝีปากอันอวบอิ่ม จนปากที่เดิมเป็นสีชมพูระเรื่อของลิปแท่งก่อนกลายเป็นสีแดงสดสวยขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
“สวยมากมึง มึงดูแรดมาก” พิมพ์พูดเสริมให้กำลังใจออมทันที
“โอ๊ยย...! อีออม แล้วมึงจะทำไงต่อ คาบต่อไปเรียนนะมึง มึงจะเดินปากเเดงแบบนี้ไปเรียนเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เบลที่นั่งอมยิ้มดูเพื่อนเล่นสนุกกันพูดแซวขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ลดาดูเครียดน้อยลง
“โอ๊ยมึง กูแค่ลองเฉย ๆ เองปะ” ออมพูดกลบเกลื่อน เพื่อเสริมความมั่นใจ
“แต่สีมันสวยมากอะ” พิมพ์มองที่ปากออมแล้วชื่นชมอีกรอบอย่างถูกใจ
“เออจริง” เบลเสริม ด้วยความรู้สึกที่จริงใจในความสวยงาม ฉ่ำวาว ของลิปสติกสีแดงสดที่ออมใช้
“ลดา เอาทิชชูมาลบหน่อยดิ เร็ว” ออมขอทิชชูจากลดา แล้ววางแท่งลิปที่ปิดสนิทลงโต๊ะราวกับหมดประโยชน์ไปชั่วครู่
ฉันรู้สึกโกรธกับสิ่งที่ออมทำมาก แต่ก็ได้แค่เก็บอาการไว้ แล้วยังจะมาขอทิชชูจากฉันอีก แต่คนอย่างฉันก็ทำไรมากไม่ได้ สุดท้ายฉันก็ยอมหยิบทิชชูให้ตามที่ออมขอไปหลายแผ่น
“โอ้ยแล้วมึงจะหยิบมาเยอะแยะทำไมเนี่ย แต่ก็ Thank you มึง”
ออมบ่นถึงฉันอีกครั้ง แต่ก็ยังดีที่ยังพอมีมารยาทอยู่บ้าง ฉันจึงไม่คิดอะไรต่อ พูดจบออมก็รับทิชชูไปซับสีลิปแดงที่ทาที่ปากอันอวบอิ่มออกอย่างบรรจงเพราะต้องการให้สีลิปแดงยังติดอยู่กับปากของตนในแบบของธรรมชาติที่นักศึกษาใช้ทากัน
“มึง เดี๋ยวกูขอใช้ต่อนะ สีสวยดีอะ” พิมพ์จ้องมองลิปสักพักก่อนจะตัดสินใจขอยืมต่อ
“อืม” ฉันพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าเก็บอารมณ์ เพื่อให้ก้าวผ่านช่วงอารมณ์ที่ฉันไม่ชอบในเมื่อครู่ให้ผ่านไปให้ได้อย่างรวดเร็ว
“ไป ไป ไปเรียนกันได้ละ มัวแต่เล่นอะไรกันก็ไม่รู้พวกมึงเนี่ย” เบลดึงแขนฉันออกมาจากห้องทันทีที่พูดจบ ส่วนพิมพ์ก็เก็บของและเดินตามมาปล่อยให้ออมเดินมาเป็นคนสุดท้าย
ออมเดินออกมาจากห้องแบบสบายใจ โดยเธอไม่รู้เลยว่าด้านหลังเธอนั้นกลับมีฝ่ามือดำคล้ำ เล็บสีดำยาวเปื้อนเลือด ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาที่ไหล่ออมเหมือนพยายามที่จะคว้าไว้ช้า ๆ ความรู้สึกเสียวสันหลังเกิดขึ้นมาชั่ววูบจนออมต้องรีบหันไปดูด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกปนความสงสัย เธอกวาดสายตาคู่เฉี่ยวสูงมองไปทั่วห้องที่ไม่มีใครอยู่ในตอนนี้เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าสิ่งที่รู้สึกนั้นคืออะไร และจะไม่มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นอีก จนออมหันกลับไปพร้อมทำสีหน้าไม่แยแสราวกับไม่เกรงกลัวอะไร พร้อมยักไหล่เยาะเย้ยความรู้สึกพิศวงชวนขนหัวลุกที่เกิดขึ้น ก่อนเดินออกจากห้องไปพร้อมไฟที่ดับลง
แต่…!กลับมีแสงสว่างจากดวงตาอาฆาตแค้นแดงก่ำจ้องมองตามเงาที่ผ่านไปคล้ายจะมาตามเอาอะไรบางอย่าง…
เวลาผ่านไปไม่นาน ก็หมดคาบเรียน ทุกคนต่างเดินออกมาจากตึกคณะ เพื่อเตรียมจะไปพักทานอาหารเที่ยงกัน!!!
“มึง วันนี้อาจารย์อัดเนื้อหาแบบเยอะมาก กูละปวดหัว” หน้าที่บ่นนิดบ่นหน่อยก็ยังตกเป็นของพิมพ์เหมือนเดิม ถ้าให้นับ คงจะนับไม่ถูกว่าเจ้าตัวบ่นอะไรไปบ้างระหว่างคาบเรียนที่ผ่านมา
“มึงอยากกินไร” ออมเอ่ยถามพิมพ์เหมือนอย่างเคย เพื่อจะได้เตรียมรับมือกับเสียงท้องที่ร้องดัง จ๊อก ๆ ของตนกับเพื่อน
“กูกินไรก็ได้อะ” พิมพ์ตอบกลับไปอย่างกว้างขวางในหมวดหมู่ของอาหารที่มีอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย
พูดจบยังไม่ทันไรก็ตามมาอีกประโยค ไม่รู้ว่าวันหนึ่งมีกี่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับคนอย่างพิมพ์
“มึง กูปวดฉี่อะ ออม ๆ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” พิมพ์หันไปชวนและขอร้อง จนออมยอมตามไปด้วย
“เออ ๆ งั้นมึงสองคนไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป เดี๋ยวโต๊ะแม่งเต็ม”
ออมหันไปพูดกับเบลและลดาเพื่อแจงให้เพื่อนรู้ว่าตนจะไปไหนและต้องวางแผนอะไรในการจัดการกับชีวิตปกติทั่วไปที่ตนและเพื่อนต้องพบเจอในทุก ๆ วัน
“เค ๆ อย่านานนะมึง” เบลขานรับกลับ ตามที่ออมได้ว่าเอาไว้ แล้วหันมาพูดกับฉันว่า..
“ปะ ปะ ลดา” ฉันพยักหน้าแล้วเดินตามอย่างว่าง่าย แต่เหมือนจะไม่ทันใจหรืออะไรก็ไม่รู้ เบลถอยมากอดแขนฉัน ราวกับฉันคือเพื่อนสนิท แล้วพากันเดินไปที่โต๊ะอย่างอารมณ์ดี
“นี่ ลดาอย่าไปถือสาออมมันเลยนะ มันก็เป็นอย่างงี้ล่ะ อยู่ไปเดี๋ยวแกก็ชิน” จู่ ๆ เบลก็เปิดประโยคพูดถึงสิ่งที่ออมทำกับฉันในช่วงเช้า เหมือนจะขอโทษแทน แต่ทำไมกันนะ ฉันถึงรู้สึกว่าแกไม่จำเป็นต้องมาอธิบายแทนพวกนั้นเลย
“อื้ม” ฉันทำแค่พยักหน้าขานรับไปเพื่อให้เบลสบายใจว่าฉันไม่ได้คิดมากไปจริง ๆ
“แล้ว วันนี้กินไรดี เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง” เบลยิ้มหน้าแป้นจนตาเป็นสระอิให้กับฉัน พร้อมยักคิ้วจนหน้าคมสวยดูน่ามองกว่าทุกวัน
“เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้” ฉันรีบปฏิเสธแบบทันควัน ถึงจะจนแค่ไหน แต่คนอย่างลดาก็ไม่เคยต้องให้ใครมาเลี้ยงข้าว
“เอาน่า ถือว่าขอโทษแทนอีออมละกันนะ” เบลคะยั้นคะยอ ส่งสายตาคาดหวังอย่างเป็นมิตรจนฉันต้องยิ้มตาม แล้วยอมตกลงแต่โดยดี
“อื้ม!” ฉันตอบรับด้วยความจริงใจ อย่างน้อยในเรื่องราวที่แย่ ก็ยังมีสิ่งดีดีมาให้พบเจออยู่บ้าง ขอบคุณนะเบล ^^