ความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย

สืบพิสดาร - บทที่3 งานคอสเพลย์ (คำเตือน อย่าอ่านในช่วงทานอาหารเด็ดขาด!!!!!) โดย Kim Sooyoung @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,อาชญากรรม,Mpreg,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สืบพิสดาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,อาชญากรรม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

Mpreg,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

ความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย

ผู้แต่ง

Kim Sooyoung

เรื่องย่อ


เรื่องย่อ…..

“พี” เป็นทนายหนุ่มไฟแรงที่เก่งมีความสามารถในการทำคดีจนชนะไปหลายครั้ง อยู่มาวันหนึ่งได้มีลูกความให้ทำคดีเกี่ยวกับการฆาตกรรมในงานปาร์ตี้ซึ่งลูกความได้บอกกล่าวกับพีว่า “ตนเป็นแพะรับบาป” เพราะตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเหตุการณ์ที่ในงานปาร์ตี้และมาทราบตอนที่เหยื่อกลายเป็นศพไปแล้ว………ทำให้ดีคดีฆาตกรรมนั้นได้กลายเป็นข่าวโด่งดังเพราะมีคนที่มีชื่อเสียงที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยในคดีว่ามีการใช้เส้นสายในคดีหรือเปล่า!? พีเองอยากให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้นแถมโดนกดดันจากเพื่อนร่วมงานว่าให้วางคดีนี้ซะ!!! แล้วมีกลุ่มนักเลงพยายามจะติดสินบนกับพีเพื่อที่จะให้พีไม่ต้องตั้งใจทำคดีมาก แต่พีไม่รับ พวกกลุ่มนักเลงก็เข้ามาวุ่นวายในชีวิตทำให้พีเกิดความลำบากและเหนื่อยหน่ายใจจนท้อแล้วมาระบายกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่ใต้ตึกคณะ จนมาเจอ “วิน” เพื่อนสมัยเรียนของพีที่อยู่คณะเดียวกันตอนนี้วินเป็นตำรวจแถมเป็นวิทยากรพิเศษที่คณะที่ตนเคยเรียนอีกด้วย ช่วงแรกพีเองก็ไม่อยากคุยกับวินซะเท่าไรเพราะไม่ค่อยถูกกันนัก แต่……ด้วยงานคดีที่พีทำจนทำให้พีจำต้องคุยกับวินอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ วินได้ยินอย่างนั้นยื่นมือมาช่วยทำคดีให้พีทันที ยิ่งสืบคดีไปเมื่อไรยิ่งได้เห็นความดำดิ่งของกลุ่มไฮโซมากขึ้น พีและวินจะสามารถให้ความยุติธรรมกับเหยื่อและต้องตามฆาตกรตัวจริงมารับผิดให้ได้……….

สารบัญ

สืบพิสดาร-ตอนที่1 บทนำ,สืบพิสดาร-บทที่1 ชีวิตประจำวัน&รั้วมหาวิทยาลัย,สืบพิสดาร-บทที่2 การทำงานในที่อากาศร้อน,สืบพิสดาร-บทที่3 งานคอสเพลย์ (คำเตือน อย่าอ่านในช่วงทานอาหารเด็ดขาด!!!!!),สืบพิสดาร-บทที่4 ดีใจที่ได้เจอกัน,สืบพิสดาร-ชี้แจง นักอ่านทุกท่าน,สืบพิสดาร-บทที่5 ความคาดหวัง&เพื่อนที่จริงใจ(เหรอ?)

เนื้อหา

บทที่3 งานคอสเพลย์ (คำเตือน อย่าอ่านในช่วงทานอาหารเด็ดขาด!!!!!)

ภายในห้างสรรพสินค้าที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ออกมาเที่ยวในวันหยุดแถมร้านอาหารต่างๆมีคนรอต่อคิวยาวเหยียดเป็นหางว่าวเลยทีเดียวยังไม่พอพวกร้านค้าต่างๆคนก็เยอะไม่ต่างกันแถมยังมีงานเทศกาลต่างๆที่จัดอยู่ชั้นล่างของห้างและงานหนึ่งในนั้นเป็นงานคอสเพลย์ที่เต็มไปด้วยคนที่สนใจอนิเมะหรือเกมต่างๆและยังมีคนที่แต่งกายเลียนแบบตัวละครในอนิเมะหรือเกมที่ตนชอบมีตั้งแต่เด็กประถม-มัธยมไปจนถึงผู้ใหญ่ที่แต่งคอสเพลย์เป็นงานอดิเรก บางคนแลกและซื้อขายเซกิกันซึ่งเป็นรายได้เล็กๆน้อยๆเพื่อสนับสนุนผลงานของเลเยอร์ที่ตนชอบ ทันใดนั้นเองมีเสียงประกาศตามสายจากงานก็ได้ดังขึ้น

"ประกาศจากทางทีมงาน ขณะนี้มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนต้องระวังมีผู้ชายต้องสงสัยได้แอบถ่ายใต้กระโปรงของผู้เสียหายท่านหนึ่งซึ่งไม่สามารถระบุตัวตนได้ชัดเจนมากนักและโปรดระมัดระวังเรื่องการแต่งกายที่เปิดเผยเนื้อตัวโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ที่สำคัญควรสำรวจคนรอบข้างไว้ให้ดีว่ามีบุคคลต้องสงสัยที่จะทำไม่ดีหรือไม่ หากมีบุคลลต้องสงสัยหรือมีหลักฐานเพิ่มเติมกับบุคคลดังกล่าวให้รีบติดต่อทางทีมงานทันทีนะครับ"

เสียงประกาศตามสายหยุดลงทำให้คนที่อยู่ในงานเริ่มเอะอะโวยวายว่ายังมีเหตุการณ์แบบนี้อยู่คนบางกลุ่มเริ่มไม่พอใจกับงานที่จัดขึ้นเลยว่าทำไมไม่รัดกุมมากกว่านี้ คนบางกลุ่มก็เถียงกันว่าไม่ใช่โทษคนจัดงานอย่างเดียวแต่ก็มีคนบางคนที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือมีอาการทางจิตที่ทำให้ทุกคนหวาดระแวงอีกต่างหากแล้วยิ่งมีเด็กหลายคนอยู่ในงานด้วยกลัวว่าจะมีคนที่เป็นโรคใคร่เด็กหรือที่คนทั่วไปรู้จักคือ เปโด นั่นเอง ทุกคนที่เป็นเลเยอร์นั้นต้องหาผ้ามาคลุมไหล่และคลุมกระโปรงเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ไม่หวังดีมาแอบถ่ายใต้กระโปรง

"โห่!!!! ได้ยินเสียงประกาศแล้วฉันเริ่มกลัวแทนเลย" พีทำสีหน้าอย่างกังวล

"จริงด้วย......แล้วเสื้อผ้าเรียบร้อยดีไหม!?" ข้าวหอมหมุนตัวรอบๆให้พีดู

"ห่วงชุด ควรห่วงตัวเองก่อนไหม!?" พีเบปากมองบน

"โอ้ย!!!!! ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราเป็นผู้ชายคนคอสส่วนใหญ่แยกไม่ออกหรอก" ข้าวหอมพ่นเสียงเบาๆใส่

"อยากให้คนมองสายตาเรดาร์พังว่างั้น!?" พียิ้มมุมปาก

"ใช่!!!" ข้าวหอมทำให้อมยิ้มอย่างมีเลิศนัย

พีทำหน้ายิ้มเจื่อนๆด้วยความที่เพื่อนเป็นคนชอบแกล้งเลยดูชุดคอสเพลย์และวิกผมที่ฝ่าอุปสรรคบนรถไฟฟ้ามา มือเรียวจัดทรงผมและเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆว่าเรียบร้อยดีไหมเพื่อไม่ให้พร็อพที่แต่งนั้นดูเสียหายและเติมหน้านิดหน่อยด้วยเครื่องสำอางค์บนใบหน้าเริ่มจางลงที่สำคัญข้าวหอมแต่งเป็นตัวละครนักเรียนสาวชื่อ คิตากาวะ มาริน จากเรื่องหนุ่มเย็บผ้ากับสาวนักคอสเพลย์ที่ฮิตดูกันเต็มบ้านเต็มเมืองเลยในตอนนั้น พีสำรวจรอบตัวข้าวหอมอีกทีเพื่อความเรียบร้อยอีกครั้ง 

"เสร็จแล้ว" พีตอบด้วยความมั่นใจและยื่นกระจกเล็กให้ข้าวหอมเช็คความเรียบร้อย

"อืม ดีแล้ว.....ขอบใจนะ" ข้าวหอมยื่นกระจกให้

"ดีนะวันนี้ฉันไม่ได้เอารถมาด้วย คิดถูกจริงๆ" พีดีใจที่ตนเองเดาเซ้นส์ถูก

"ถ้าเอามานะ นายคงไม่ได้จอดแน่ๆเลยแถมเสียงเวลาอีกต่างหาก" ข้าวหอมพูดเสริม

"ขนาดรถไฟฟ้าก็ไม่พ้นคนอัดแน่นอย่างปลากระป๋องเลย" พีพูดถอนหายใจ

"เอาละๆ อย่าพูดเรื่องไม่ดีเลยเราไปเดินดูบูทที่เลเยอร์เขาขายกันดีกว่า" ข้าวหมอจูงมือพีเดินไปที่จัดบูทของเหล่าเลเอยร์คนอื่นๆ

ทั้งสองได้เดินไปที่บูทเหล่าเลเยอร์ขายของกันและต้องเดินเบียดกับคนที่สนใจเข้ามาในงานและเลเยอร์คนอื่นๆ บางคนมีกลิ่นตัวที่ไม่น่าพึงประสงค์เท่าไรทำให้พีกับข้าวหอมต้องกลั้นหายใจไว้เพื่อไม่ให้กลิ่นเข้าจมูกรวมถึงคนอื่นๆก็ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ต่างกัน ทำให้บางคนถึงกับต้องเป็นลมกันเลยทีเดียวเพราะความแออัดของคนที่ทำให้อากาศหายใจไม่เพียงพอ พีและข้าวหอมก็ได้สะดุดบูทที่น่าสนใจแล้วเดินเข้าไปดูเลเยอร์สาวยินดีต้อนรับด้วยความยิ้มแย้มข้าวหอมได้คุยกันสนุกสนานทำให้พีมองข้าวหอมอย่างไม่ละสายตา ความคิดแวบหนึ่งที่ทำให้พีได้รู้จักข้าวหอมตอนช่วงมหาลัยและข้าวหอมได้เสนอพีเป็นซับพรอต์ในการคอสเพลย์ให้ ตอนนั้นเองพีเองก็ไม่ได้เข้าใจในวงการนี้เท่าไรแต่พอมาได้สัมผัสจริงๆทำให้พีได้เปิดโลกอะไรหลายๆอย่างมากและได้ประการณ์จากการเป็นซับพรอร์ตรวมถึงทำให้พีได้ติดตามอนิเมะหลายๆเรื่องอีกด้วย 

ทั้งสองได้แวะไปบูทนั้นบูทนี้บางคนพีและข้าวก็รู้จักเพราะเคยเจอกันในง่นมาก่อนบางคนมาขอลายเซ็นเพราะข้าวหอมเป็นนักเขียนด้วยทำให้คนเริ่มสนใจในตัวข้าวหอมมากขึ้นและเริ่มมาขอถ่ายรูปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนทำให้พีสับสนงุนงงกันไปหมดว่าเอากล้องใครถ่ายดีอย่างที่ว่าข้าวหอมมีแฟนคลับเยอะทั้งวงการคอสเพลย์และนิยายที่เขียนอีกด้วย ทันใดนั้นมีเด็กสาววัยมัธยมปลายยืนด้อมๆมองๆอยู่อย่างกล้าๆกลัวๆทำให้พีหันมาสังเกตเห็นเด็กสาวที่ยืนอยู่ พียิ้มกวักมือเรียกมาหาทำให้เด็กสาวตกใจเล็กน้อยแล้วชี้ที่ตนเอง พีพยักหน้าตอบว่าตนนั้นเรียกเธอมาทำให้เด็กสาวเดินออกมาอย่างช้าๆแล้วมาหาพี

"หนูมีอะไรหรือเปล่าครับ" พีถามด้วยความสงสัย

"เอ่อ......คือ......ใช่คุณมิเรย์หรือเปล่าคะ!?" เด็กสาวชี้ไปที่ข้าวหอม

"อ๋อ!!! ใช่แล้ว คุณมิเรย์ที่เป็นเลเยอร์และนักเขียนนิยายด้วยใช่ไหม" พียิ้มตอบ

"ค่ะ พอดีหนูเป็นแฟนคลับเขาด้วยไม่รู้ว่าใช่ตัวจริงไหมหนูเลยไม่กล้าทักค่ะ" เด็กสาวพยักหน้าตอบอย่างเกรงๆ

"งั้นก็ไปลองทักตัวจริงดู เดี๋ยวพี่ช่วย" พียิ้มอย่างอ่อนโยน

เด็กสาวยิ้มตอบแล้วเดินตามพีไปหาข้าวหอมที่กำลังวุ่นอยู่กับการถ่ายรูปและต้องมาเซ็นลายเซ็นหนังสือที่ตนแต่ง พีส่งซิกให้ข้าวหอมและข้าวหอมก็หันมาด้วยความสงสัย พีผ่ายมือให้เด็กสาวที่กำลังยืนตัวตรงแข็งอย่างกับอยู่ในค่ายกักกันข้าวยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาเด็กสาวทันที

"มีอะไรเหรอ!?" ข้าวหอมถามแล้วยิ้มให้เด็กสาว

"ใช่คุณมิเรย์ ที่เขียนนิยายไหมคะ พอดีหนูเป็นแฟนคลับพี่และอ่านนินายที่พี่แต่งทุกเรื่องเลยนะคะ" เด็กสาวพูดอย่างเกรงๆและเอ่ยชมนิยายที่ข้าวหอมแต่ง

"ใช่ครับ" ข้าวหอมยิ้มร่า

"กรี๊ด!!!!! ใช่พี่จริงๆด้วย หนูขอถ่ายรูปได้ไหมคะ" เด็กสาวกรีดร้องอย่างดีใจ

"ได้สิ" ข้าวหอมพยักหน้าตอบ

"โอเคค่ะ พี่คะนี่โทรศัพท์หนูค่ะ" เด็กสาวหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและยื่นให้พีเป็นคนถ่ายให้

"มาพี่ช่วย" พีช่วยถ่ายรูปให้เด็กสาวอยู่หลายรูปและเปลี่ยนท่าถ่ายรูปในแบบที่เด็กสาวขอให้ทำท่าทางด้วยซึ่งเป็นท่าน่ารักที่ทุกคนมักจะถ่ายรูปเป็นประจำอยู่แล้ว พอถ่ายเสร็จพียื่นโทรศัพท์ให้เด็กสาวดูรูปภาพที่ถ่ายว่าเรียบร้อยหรือไม่ถูกใจตามที่ตนต้องการไหม เด็กสาวรับโทรศัพท์จากพีแล้วมาดูรูปที่ถ่ายไว้

"โอเคไหม!?" พีถามด้วยความน่าใจ

"รูปใช้ได้เลยค่ะ พี่ถ่ายสวยมากเลยขอบคุณมากนะคะที่ได้เจอในวันนี้ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันที่งานด้วย ถ้าพี่คนนี้ไม่เรียกหนูมาก่อนหนูคงไม่ได้ถ่ายกับพี่มิเรย์แล้ว" เด็กสาวทำหน้าเศร้าและตื่นเต้นไปด้วย

"พี่เห็นเราหลบๆอยู่มุมเสาแล้วมองพวกพี่มาสักพักละก็เลยถาม" พีตอบกลับ

"ค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ หนูไปก่อนละ" เด็กสาวยิ้มโบกมือลาแล้วเดินจากไป

"วันนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีแฟนคลับจำได้" ข้าวหอมถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ

"หื้ม!! ก็นายอัพลงFacebookเช็คอินขนาดนั้นคนก็แห่กันมาหานายนิ แต่นายเองก็ฮอตเหมือนกันนะ" พีพูดกึ่งแซวกึ่งประชด

"นี่พอได้แล้ว" ข้าวหอมบิดตัวเขิน

"ไม่ต้องเขินหรอกอยู่กับเพื่อนขนาดนี้" พีหยิกแขนข้าวหอมเบาๆ

จากนั้นทั้งสองหนุ่มก็ได้ไปเดินเล่นรอบงานอย่างสนุกสนานอาจจะมีนั่งพักเหนื่อยบ้างด้วยบรรยากาศคนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วยจากนั้นก็มีเสียงดนตรีดังขึ้นมาจากบริเวณงานสองหนุ่มจึงไปดูหน้าเวทีปรากฏว่าได้มีการประกวดคอสเพลย์ชิงเงินรางวัลกันเลยบรรดาช่างภาพต่างๆที่ไม่ว่าจะมางานเองหรือได้รับจ้างจากเลเยอร์คนอื่นๆเพื่อมาถ่ายรูปตามงานของตน รวมถึงบรรดาเพื่อนๆเลเยอร์ก็มาคอยเชียร์เป็นกำลังใจให้กับผู้เข้าร่วมประกวดได้เงินรางวัลมา

"โอ้ย....ไม่ได้ลงประกวดคอสนานแล้วนึกถึงสมัยเรียนจังเลย" ข้าวหอมดูเวทีอย่างตื่นเต้น

"นั่นสิ!! ตอนนั้นนายเองก็เคยประกวดได้รางวัลที่1ด้วยนะ ยังจำตอนนั้นได้เลยเพราะตอนนั้นนายเองก็เดือดร้อนเรื่องเงินด้วย" พีพูดแล้วนึกถึงความทรงจำเก่าๆขึ้นมา

"ใช่!!! พอนึกถึงตอนนั้นก็ตลกน้อที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องแถมยังไปทำอะไรพิเรนทร์ๆใส่บ้านเจ้าของหออีก เกือบโดนเจ้าของไล่ออกแล้วไงเพราะจับได้ว่าไปอ้วกใส่หน้าบ้านเขาอีก" ข้าวหอมขำอย่างติดตลก

"แหม!!! แต่ ณ ตอนนั้นก็ไม่ขำนะ ไม่มีเงินแล้วยังจะซ่ากลับเจ้าของหออีก" พีขำจนน้ำตาไหล

"แต่ก็ผ่านมาได้ สุดท้ายเราก็จ่ายค่าเช่าแล้วก็ย้ายที่อยู่ใหม่เลยทันที" ข้าวหอมทำท่าอย่างมีชัยชนะ

"พอเลย ไม่เอาแล้วมาดูงานประกวดกันดีกว่า"  พีให้ข้าวหอมหยุดพูดแล้วมาดูที่งานประกวดต่อ

Part วิน

หนุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนกำลังเดินเข้างานอย่างงงๆแถมต้องฝ่าดงผู้คนที่เดินอย่างแออัดบางคนนั่งแต่งหน้าแต่งตัวเล็กๆน้อยๆทำให้ทางเดินยิ่งเล็กลงเข้าไปอีกและต้องระมัดระวังเรื่องเดินไปอีกว่าจะเหยียบสิ่งของหรือคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยไหม สองหนุ่มมองบรรยากาศรอบๆงานก็ดูสนุกสนานดีแถมยังได้เห็นโมเม้นต์ดีๆอะไรหลายๆอย่างอีกด้วย

"ไม่น่าเชือว่าคนเยอะขนาดนี้เลยนะ" ไนท์มองรอบๆงาน

"เป็นเรื่องปกตินิ แถมยังเป็นวันหยุดอีกต่างหาก" วินพูดเสียงเรียบ

"เออ!!! งานนี้ก็สนุกอีกแบบนะ บางคนแต่งตัวละครที่ฉันชอบดูอนิเมะสมัยเด็กๆเลย แถมตอนนี้คนแต่งก็ยังแต่งไม่จบ" ไนท์พูดท้อใจ

"หึ!!! ฉันเข้าใจดีเลยแหละ" วินพูดขำลอยๆ

"งานนี้มันก็สนุกนะ แต่ดูยังไงก็ไม่ปล่อยภัยเท่าไรหวะบางคนแต่งแทบจะเห็นส่วนลับกันเลย" ไนท์พูดสีหน้าอย่างกังวล

"อืม เรื่องนี้ฉันก็เห็นด้วยนะ.....ข่าวออกกันให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ว่าจะโทษคนแต่งตัวก็ไม่ได้หรอกนะคนกระทำเองต่างหากที่ต้องรับผิดยังไงถ้ามีเหตุการณ์อะไรไม่ดีในงานพวกเราช่วยเป็นหูเป็นตาให้แล้วกัน" วินพยักหน้าแล้วค่อยๆมองบรรยากาศรอบๆ

"แล้วอีกอย่างมีเด็กเยอะด้วย ฉันกลัวว่าพวกใคร่เด็กมันจะมาทำอะไรไม่ดีด้วย" ไนท์ทำสีหน้าอย่างจริงจัง

วินและไนท์เองก็มีความวิตกอยู่บ้างว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของงานทั้งสองได้พูดคุยกันเรื่องนี้อย่างเต็มที่เท่าที่จะช่วยได้ถึงแม้ทั้งสองคนจะมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดแต่สายเลือดตำรวจก็ยังเต็มเปี่ยมในทำงานอยู่ตลอดเวลา สองหนุ่มเดินไปทั่วงานเรื่อยๆจนมาเจองานประกวดคอสเพลย์ที่กำลังจัดอยู่ทำให้ทั้งสองหยุดแล้วหันสายตาไปที่บนเวที วินกับไนท์เดินไปที่เวทีแล้วอยู่ตรงวงนอกเวทีแต่ไม่ห่างจากรัศมีมากนักสองหนุ่มดูการประกวดอย่างสนุกสนาน บางคนโชว์การแสดงความสามารถพิเศษรวมคำถามที่เกี่ยวกับอนิเมะที่แต่งตัวด้วยทำให้ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีโฟกัสไปที่บนเวทีซะส่วนมากเลยไม่ได้สนใจรอบข้างว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างเพราะคนเยอะแยะไปหมดเลย

ในขณะที่ไนท์ดูการประกวดอยู่นั้นวินได้ละสายออกจากเวทีและได้เห็นชายหนุ่มสองคนที่กำลังยืนดูงานอยู่ทำให้วินนึกถึงคนๆหนึ่งที่เคยเห็นหน้าและรู้สึกคุ้นรูปร่างของสองคนนั้นมากอีกคนใส่เสื้อยืดกางเกงขายาวสีขาวสลับดำ ผมมีหน้าม้าหน่อยๆ ส่วนอีกคนแต่งตัวคอสเพลย์ตัวละครผู้หญิงที่กำลังเขย่งขายืนอยู่ วินได้แต่สงสัยถึงสองคนนั้นอยู่ทันใดนั้นเองวินก็ได้สังเกตชายรูปร่างท้วมที่กำลังทำอะไรลับๆล่อๆอยู่กับสองคนนั้นสายตาของวินพยายามจับผิดสังเกตและเห้นว่าชายคนดังกล่าวกำลังถือโทรศัพท์หงายหน้าตรงกระโปรงของชายสองคนนั้น ทำให้วินสะกิดไนท์ทันว่ามามีเรื่องที่ไม่ปลอดภัยเข้าซะแล้ว

"ไอไนท์ นายสังเกตผู้ชายร่างท้วมคนั้นที่ใส่เสื้อฮูดสีดำไว้นะ" วินมองไปที่ชายคนนั้น

"ทำไม!?" ไนท์หันหน้ามา

"ดู" วินส่งสายให้อีกคนไปมอง

"เชี้ย!!!! โรคจิตชัดๆเอาไงดี!?" ไนท์อึ้ง

"เอางี้....เดี๋ยวฉันจะทำไปดูตรงเวที ส่วนนายไปตามทีมงานให้แจ้งตำรวจในพื้นที่มา" วินอธิบายแผน

"ได้!!! อย่าให้มันไหวตัวทันแล้วกัน" ไนท์พยักหน้าแล้วเดินออกไปทันที

ส่วนวินเดินไปยังที่ชายกำลังแอบถ่ายคลิปใต้อยู่แล้วทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงค่อยๆมองไปยังเวทีเหมือนอื่นๆ สายตามองมาที่ชายท้วมที่กำลังถือโทรศัพท์แสงจอแสดงเห็นให้ชัดเจนเลยว่าเป็นกล้องหน้าที่กำลังถ่ายใต้กระโปรงสองชายหนุ่มอยู่ วินพยายามหาจังหวะเหมาะที่จะหยุดพฤติกรรมของผู้ชายคนนี้มือหนาปัดมือของชายดังกล่าวทำให้โทรศัพท์ตกอีกฝ่ายตกใจแล้วหันหน้ามา ทำให้ชายร่างท้วมเห็นสีหน้าของร่างใหญ่ชัดเจนว่าเขารู้ตัวแล้วว่าตนทำอะไรลงไป จากนั้นชายร่างท้วมก้มเก็บโทรศัพท์แล้วรีบหนีแต่วินใช้ขาสกัดเขาไว้ได้ทำให้ล้มลงไปกันพื้นคนเริ่มมามุงสนใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

"ทำไรของมึงวะ!?" ชายร่างท้วมตะโกนต่อว่า

"ฉันต่างหากที่ต้องถามว่านายทำอะไรเห็นทำลับๆล่อๆมาสักพักละ" วินสวนกลับ

"ฉ.....ฉันไม่ได้ทำอะไรโว้ย!!! นายต่างหากที่มาหาเรื่องฉัน" ชายร่างท้วมยิ้มแสยะ

"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว.....โทรศัพท์นั่นนายคงไม่แอบถ่ายใต้กระโปรงของผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม" วินเริ่มขึ้นเสียง

"กูไม่ได้ทำซะหน่อย!!!! มึงต่างหาก" ชายดังกล่าวเริ่มพาลใส่

ทำให้คนในงานเริ่มสนใจมากขึ้นว่ามีเรื่องอะไรกันจนทำให้สองคนข้างหน้าเริ่มหันมาสนใจชายทั้งสอง สองหนุ่มข้างหหน้างุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นจนทำให้อีกฝ่ายเริ่มถาม

"เกิดอะไรขึ้นกันครับ!?" ชายหนุ่มเริ่มถาม

"ก็ผู้ชายคนนี้มาแอบถ่ายใต้กระโปรงเพื่อนของคุณไม่เชื่อคุณก็ขอโทรศัพท์ชายคนนี้ดูสิ" วินบอกกับชายหนุ่มที่ถามอยู่

"แอบถ่าย!!!!" ชายที่แต่งคอสเพลย์ตะโกนกลับ

"อ้าว! เป็นผู้ชายเหรอ!?" ชายร่างท้วมตะลึงกับหนุ่มคอสเพลย์

"ใช่!!! เป็นผู้ชายไง!!! มีปัญหาเหรอ!?" ชายคอสเพลย์ยืนเท้าเอว

"ชิบหายแล้ว!!!!" ชายร่างท้วมอุทานขึ้น

"นี่ไง!!!! ผู้ชายคนนี้ที่ถ่ายกระโปรงฉัน!!!!" หญิงสาวที่แต่งคอสเพลย์ยืนตะโกนชี้หน้า

"ผู้ชายคนนี้ไง!!!! ที่เอาน้ำอะไรไม่รู้แกล้งมาทำหกใส่ชุดฉันแล้วมันขาวๆเหนียวๆด้วย อี๋!!!!!" หญิงสาวอีกคนที่แต่งคอสเพลย์ยืนตะโกนว่าชายดังกล่าว

"โธ่เว้ย!!!!" ชายร่างท้วมตะโกนแล้ววิ่งหนีจากกลุ่มผู้คนทันที 

วินวิ่งตามชายดังกล่าว แต่ยังไม่ทันได้วิ่งหนีทันก็มีพลเมืองหลายคนก็ช่วยกันวิ่งเข้าไปจับจนชายร่างท้วมไม่สามารถหนีไปไหนได้เลยแถมบางคนก็รุมประชาทันทำให้วินต้องระงับเหตุการณ์ทันทีแล้วมีกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจก็เข้าระงับเหตุต่อที่ไนท์ติดต่อมาทำให้วินต้องเหนื่อยกับงานนี้เป็นพิเศษ เหล่าทีมงานก็มาจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย ทำให้ผู้คนต่างสนใจเหตุการณ์ที่ชุลมุนวุ่นวายขนาดนี้

"เป็นไงบ้าง!?" ไนท์วิ่งเข้ามาหา

"ไม่เป็นไรหรอก ยังดีนะที่มีพลเมืองแถวนี้เข้ามาช่วย" วินส่ายหน้า

"อืม ดีแล้ว" ไนท์พยักหน้า

"ขอบคุณมากครับที่ช่วยเหลือเพื่อนผมไว้" มีชายหนุมสองคนที่อยู่ในเหตุการณ์เดินมาหาด้วยความเกรงๆ

"ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้สบายมาก" วินยิ้ม

"ว่าแต่.......คุณดูหน้าคุ้นๆนะครับ เหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนเลย" ชายหนุ่มอีกคนจ้องหน้า

"ผมว่าพวกคุณก็ดูคุ้นๆเหมือนนะครับ แต่นึกไม่ออกจริงๆ" วินยืนนึกอยู่

ทั้งสามยืนนึกหน้ากันอยู่สักพักว่าตนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนแล้วทันใดนั้นภาพในหัวของทุกคนก็เรื่องแฟล็ตแบล็คเข้ามาทันที่ทำให้รู้ว่าทั้งสามคนเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วทำให้ชายหนุ่มทั้งสองอึ้งกับตาตัวเองแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเคยรู้จักกันมาก่อนแถมยังอยู่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันอีกด้วยชายร่างสูงก็อึ้งไม่แพ้เช่นเดียวกันสิ่งที่อยู่ตรงเหมือนโชคชะตาเล่นกับเขาหรือเปล่าที่ทำให้ได้เจอกันอีกครั้ง

"วิน!!!!" ชายหนุ่มทั้งสองทำหน้าเหว๋อและตะโกน

"พี!!! ข้าวหอม!!!" วินชี้ทั้งสองคนแล้วทำหน้าเหว๋อเช่นกัน

"นายมางานแบบนี้ด้วยเหรอ!?" พีขมวดคิ้วอย่างสงสัย

"ปกติไม่ได้มางานแบบนี้หรอก แต่ฉันอยากมางานอะไรที่มันจอยๆบ้างทำงานหนักมาหลายวันแล้ว" วินพูดอย่างเขินๆ

"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะวิน สบายดีใช่ไหม!?" ข้าวหอมถาม

"สบายดี แล้วพวกนายเป็นไงบ้าง!?" วินยิ้มอย่างดีใจ

"สบายดีแหละ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ตาย" พีตอบเสียงห้วนๆ

"พี นายยังเหมือนเดิมเลยนะตอนสมัยที่นายอยู่กับวินกัดกันเหมือนหมาเลยนะ" ข้าวหอมตีพีเพื่อทำตัวให้สุภาพกับอีกคน

"ไม่เป็นไรหรอก......แล้วพวกนายไม่เป็นไรมากใช่ไหม" วินถามด้วยความเป็นห่วง

"ก็มีผวานิดๆ ไม่คิดว่าจะโดนกับตัว" ข้าวหอมทำสีหน้ากังวล

"อืม เดี๋ยวมีเรื่องอะไรฉันจัดการเอง" วินพยักหน้าตอบ

"ไอวิน ตอนนี้ผู้ต้องหาสารภาพแล้ว ทางตำรวจจะไปสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนผู้เสียหายก็ให้ไปแจ้งความที่สน.ด้วย" ไนท์เดินมาบอกวิน

"เออ ขอบใจ" วินหันมาตบบ่า

"นาย.....รู้จักสองคนนี้ด้วยเหรอ!?" ไนท์ชี้มาที่พีกับข้าวหอม

"ใช่!!! นี่เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยอะ ทุกคนนี่ไนท์นะเป็นเพื่อนร่วมงานของฉันเองอะ" วินได้แนะนำให้รู้จัก

"ผมพีครับ ผมข้าวหอมครับ" สองหนุ่มแนะนำตัว

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ.......คุณพี คุณข้าวหอม แต่ผมตะลึงกับคุณข้าวหอมมากกว่านะครับ" ไนท์ยิ้มแล้วมองที่ข้าวหอม

"อ๋อ!!! ผมเข้าใจคุณครับ คนทั่วไปส่วนใหญ่ดูไม่ออกหรอกครับ" ข้าวหอมยิ้มตอบ

"ครับผม" ไนท์บิดตัวอย่างเขินอาย

สุดท้ายทุกคนที่อยู่ในงานที่เป็นผู้เสียหายที่เกิดขึ้นต้องไปสอบสวนที่สถานีตำรวจแล้วพอได้ทราบความจริงว่าชายร่างท้วมที่เป็นผู้ก่อเหตุไม่ได้ทำแบบนี้เป็นครั้งแรกแล้วยังมีคดีอื่นที่ตนทำผิดกฎหมายอีกด้วย ทำให้ความวุ่นวายในสถานีมีเสียงตะโกนสาปแช่งใส่ผู้ต้องหาอย่างไม่เว้นเสียงเลยจนทำให้ตำรวจเข้ามาระงับเหตุถึงจะดีขึ้นและต้องเตรียมดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ส่วนทางผู้จัดงานต้องได้มีการขอโทษผู้เสียหายและต้องขอยกเลิกงานไปอย่างกระทันหันเพื่อที่จะได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่บางคนก็ไม่พอใจกับผู้จัดงานที่ไม่ได้รับการเยียวยาทางจิตใจบ้างเลยและทำให้สถานีตำรวจเป็นสนามอารมณ์อีกครั้ง