ความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย

สืบพิสดาร - บทที่5 ความคาดหวัง&เพื่อนที่จริงใจ(เหรอ?) โดย Kim Sooyoung @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,อาชญากรรม,Mpreg,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สืบพิสดาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,อาชญากรรม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

Mpreg,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

ความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย

ผู้แต่ง

Kim Sooyoung

เรื่องย่อ


เรื่องย่อ…..

“พี” เป็นทนายหนุ่มไฟแรงที่เก่งมีความสามารถในการทำคดีจนชนะไปหลายครั้ง อยู่มาวันหนึ่งได้มีลูกความให้ทำคดีเกี่ยวกับการฆาตกรรมในงานปาร์ตี้ซึ่งลูกความได้บอกกล่าวกับพีว่า “ตนเป็นแพะรับบาป” เพราะตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเหตุการณ์ที่ในงานปาร์ตี้และมาทราบตอนที่เหยื่อกลายเป็นศพไปแล้ว………ทำให้ดีคดีฆาตกรรมนั้นได้กลายเป็นข่าวโด่งดังเพราะมีคนที่มีชื่อเสียงที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยในคดีว่ามีการใช้เส้นสายในคดีหรือเปล่า!? พีเองอยากให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้นแถมโดนกดดันจากเพื่อนร่วมงานว่าให้วางคดีนี้ซะ!!! แล้วมีกลุ่มนักเลงพยายามจะติดสินบนกับพีเพื่อที่จะให้พีไม่ต้องตั้งใจทำคดีมาก แต่พีไม่รับ พวกกลุ่มนักเลงก็เข้ามาวุ่นวายในชีวิตทำให้พีเกิดความลำบากและเหนื่อยหน่ายใจจนท้อแล้วมาระบายกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่ใต้ตึกคณะ จนมาเจอ “วิน” เพื่อนสมัยเรียนของพีที่อยู่คณะเดียวกันตอนนี้วินเป็นตำรวจแถมเป็นวิทยากรพิเศษที่คณะที่ตนเคยเรียนอีกด้วย ช่วงแรกพีเองก็ไม่อยากคุยกับวินซะเท่าไรเพราะไม่ค่อยถูกกันนัก แต่……ด้วยงานคดีที่พีทำจนทำให้พีจำต้องคุยกับวินอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ วินได้ยินอย่างนั้นยื่นมือมาช่วยทำคดีให้พีทันที ยิ่งสืบคดีไปเมื่อไรยิ่งได้เห็นความดำดิ่งของกลุ่มไฮโซมากขึ้น พีและวินจะสามารถให้ความยุติธรรมกับเหยื่อและต้องตามฆาตกรตัวจริงมารับผิดให้ได้……….

สารบัญ

สืบพิสดาร-ตอนที่1 บทนำ,สืบพิสดาร-บทที่1 ชีวิตประจำวัน&รั้วมหาวิทยาลัย,สืบพิสดาร-บทที่2 การทำงานในที่อากาศร้อน,สืบพิสดาร-บทที่3 งานคอสเพลย์ (คำเตือน อย่าอ่านในช่วงทานอาหารเด็ดขาด!!!!!),สืบพิสดาร-บทที่4 ดีใจที่ได้เจอกัน,สืบพิสดาร-ชี้แจง นักอ่านทุกท่าน,สืบพิสดาร-บทที่5 ความคาดหวัง&เพื่อนที่จริงใจ(เหรอ?)

เนื้อหา

บทที่5 ความคาดหวัง&เพื่อนที่จริงใจ(เหรอ?)

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นมีความมืดผสมแสงไฟนีออนที่ตกแต่งคล้ายๆสถานบันเทิง เสียงเพลงดังขึ้นเป็นจังหวะแจ๊สที่เป็นบรรยากาศผ่อนคลายทั้งสองหนุ่มกำลังนั่งจิ๊บไวน์อย่างสบายใจและมีอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะยังหลงเหลืออยู่ ชายร่างใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วมานั่งตรงโซฟาเสียงใหญ่เอ่ยให้อีกฝ่ายรินไวน์ให้ตน

"ไอเก่ง มึงรินไวน์ให้กูหน่อยดิมือกูเปื้อน" เพชรปรับท่านั่งให้สบายตัว

"ได้!" เก่งหยิบแก้วไวน์และรินให้อีกคน

"ขอบใจนะ" เพชรหยิบแก้วไวน์ที่รินไว้

"เออ งานที่อาจารย์ภัทรให้ไปตกลงใครจะทำหน้าที่อะไรบ้าง" เก่งถามเรื่องงาน

"มึงอย่าเพิ่งคุยเรื่องการเรียนได้ไหม กูปวดหัว" เพชรส่ายหน้าอย่าเซ็ง

"คือกูก็ไม่ได้อยากเร่งอะไรหรอก แต่ถ้าคุยตกลงกันก่อนมันก็ง่ายไหมวะ?" เก่งพยายามพูดคุยให้อีกฝ่ายยอมฟัง

"มึงก็ทำพรีเซ็นต์คนเดียวไปดิ ส่วนเรื่องโมเดลธุรกิจแกก็ให้ไอจินมันช่วยจัดการให้แล้วกัน" เพชรพูดบ่ายเบี่ยง

"เออ เดี๋ยวกูจะคุยกับจินดู" เก่งพยักหน้าและพยายามเก็บอาการไม่ให้ตัวเองหงุดหงิด

"แล้ว.......มึงจะดื่มต่อหรือพอแค่นี้?" เก่งถาม

"กูจะต่ออีกนิดนึงเดี๋ยวก็พอแล้ว" เพชรยกแก้วไวน์ดื่มไวน์ที่เหลือ

"งั้น กูกลับคอนโดก่อนนะ อย่าแฮงค์นะเว้ยยย!!!!" เก่งตบบ่าอีกคนแล้วเดินออกจากห้อง

เก่งออกมาจากห้องแล้วเดินไปที่ลิฟท์มือหนากดลิฟท์ลงที่จะไปชั้นลานจอดรถสักพักเสียงลิฟท์ดังขึ้น ร่างสูงเดินเข้าไปจากนั้นประตูก็ปิดลงทำให้เริ่มเกิดความเครียดขึ้นมาว่าตนจะทำยังไงดีที่เพื่อนของตนไม่ได้สนใจในเรื่องการเรียนขนาดนั้นแถมเกรดที่ตนได้นั้นก็น้อยกว่าที่ตนคาดหวังไว้ดีหน่อยที่เก่งเป็นคนตั้งใจเรียนแถมสอบได้คะแนนระดับท็อปของห้อง พอถึงลานจอดรถร่างสูงเดินไปที่รถเก๋งสีขาวแล้วใช้กุญแจประตูรถเปิดจากนั้นก็เข้าไปในรถปิดประตูเสียงดังมาก ร่างสูงกรี๊ดร้องด้วยความเครียดมือหนาทุบพวงมาลัยรถอย่างแรงเป็นการระบายความรู้สึกในใจที่ตนมีจากนั้นร่างสูงก็ร้องไห้อย่างเสียงใจที่ตนไม่สามารถทำตามความคาดหวังของครอบครัวได้

“กริ้ง!!!!!!!!” 

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำให้ร่างสูงหยุดชะงักมือหนาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงทำให้ตนรู้สึกถึงความดีใจและเสียใจปะปนกันรายชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นต้นว่า“แม่” นั้นร่างบนเก็บอาการที่ตนกำลังร้องไห้อยู่แล้วปรับอารมณ์ของตนเองให้เป้นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกดรับสายทันที

“ฮาโหลครับ แม่” เก่งทักทายเสียงปลายสาย

“เก่งยังไม่นอนอีกเหรอลูก?​ เรียนหนักมากเลยใช่ไหม?” เสียงอ่อนหวานเริ่มถามด้วยความเป็นห่วง

“ครับแม่ ผมเรียนหนักมากเลยงานก็เยอะแถมเพื่อนผมยังชวนไปเที่ยวอีก” เก่งตอบส่งๆ

“บางครั้งก็ต้องผ่อนคลายบ้างนะ แม่เข้าใจว่าลูกเรียนหนัก” เสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้น

“แม่ครับ ผมขอ……ถามอะไรอย่างหนึ่งหน่อยสิ” เก่งเริ่มกังวล

“ว่ามาสิจ๊ะลูก” เสียงปลายสายพร้อมที่จะรับฟัง

“คือผม……อยากจะถามว่า…..ถ้าผมทำเกรดได้ไม่ดีแล้วผมเรียนจบไปคุณแม่จะว่าอะไรผมไหมครับ” เก่งพูดเสียงอย่างเกรงๆ

“เรื่องนี้นี่เอง เรื่องเกรดไม่สำคัญหรอกลูก ที่ผ่านมาแม่ก็เห็นลูกได้เกรดสวยๆอยู่ตลอดถึงแม้จะมีเกรดตกบ้างแต่แม่ก็ไม่เห็นว่าอะไรเก่งเลยนิ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกไปเถลไถลเกินหรอกเดี๋ยวนี้ไว้ใครก็ไม่ได้” ผู้เป็นแม่พูดอย่างเป็นห่วง

“ครับแม่ ผมจะพยายามรีบเรียนให้จบแล้วไปสานต่อธุรกิจที่บ้านให้ได้นะครับ” เก่งพูดยิ้มอย่างเจื่อนๆ

“จ้าลูก แม่ไปนอนก่อนนะส่วนเก่งก็ควรพักผ่อนได้แล้ว” เสียงปลายสายพูดจบแล้ววางสายไป

เก่งวางโทรศัพท์นั่งถอนหายใจสักพักแล้วนึกถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยก่อนที่จะย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ ทำให้เขาอยากกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่เขาเป็นอีกครั้งแต่ในตอนนี้เขาเลือกทางเดินผิดเพราะเขาอยากได้เพื่อนที่เป็นไฮโซสิ่งที่เขาคิดและสิ่งที่เจอนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเพราะไม่ใช่อย่างที่เขาหวังไว้เลยไม่รู้ว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่ เก่งนั่งคิดมาอยู่พักหนึ่งพบว่าเวลาเริ่มใกล้เที่ยงคืนแล้วเริ่มจัดการของตัวเองให้เสร็จมือหนากดปุ่มสตาร์ทรถออกทันที

 

ณ คอนโด SSS

            ร่างสูงเปิดประตูเข้าห้องมาแล้วล็อกห้องมือหนาเปิดไฟห้องรับแขกแล้วนอนลงไปกับโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า ทันใดนั้นเองก็ชายรูปร่างตัวเล็กผอมบาง ทรงผมรองทรงสีดำมีหน้าตามสไตล์ออกเด็กเนิร์ดเดินมาหาร่างสูงด้วยความเป็นห่วงบวกอารมณ์กลัวเพราะว่าตนจะไปบอกพ่อแม่ของตน เสียงทุ้มเล็กๆเอ่ยขึ้นมาถาม

            “นี่นายไปเที่ยวกับพวกนั้นมาใช่ไหม? ถึงมีสภาพเน่าแบบนี้” ชายร่างเล็กเอ่ยถาม

“อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม!!!! ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน” เก่งพูดเหวี่ยงใส่

“เรื่องของนาย……ถ้าเป็นเพื่อนกลุ่มอื่นฉันไม่ว่าหรอกนะ แต่ไอแก๊งนี้ฉันไม่โอเค!!!!”ชายร่างเล็กเริ่มหงุดหงิด

“นี่!!! ไอบอย!!! นายเลิกบ่นซะทีได้ไหม ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน” เก่งลุกขึ้นมาจากโซฟา

“แล้วแต่นายนะ ถ้ามีปัญหาอะไรมาฉันจะไม่ช่วยนายทันทีเลย!!!” บอยเริ่มถอนหายใจ

“ได้!!! ฉันไม่พึ่งพาคนอย่างนายหรอก…….” เก่งตะโกนใส่

“ดี!!! ฉันจะคอยดูแล้วกันหวังว่านายคงเรียนจบพร้อมพวกนั้นนะ” บอยพูดเหมือนยื่นคำขาด

คำพูดนี้ทำให้เก่งสตั้นไปพักหนึ่งทำให้คิดถึงอนาคตข้างหน้าว่าตนจะได้เรียนจบไปพร้อมกับเพื่อนของเขาที่คบกันอยู่ตอนนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็หวังว่าอยากให้แก๊งเพื่อนที่ตนคบอยู่นั้นได้เรียนจบไปพร้อมกันที่หวังไว้ว่าตนจะได้มีเพื่อนในหน้าที่การงานที่ดีและสามารถพึ่งพาเรื่องต่างๆที่ตนไม่สามารถทำได้ถึงตอนนั้นทุกคนไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีหรือเปล่า เก่งเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างหงุดหงิดเลยทิ้งให้บอยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กๆที่เติบโตด้วยกันมามองเก่งอย่างเหนื่อยใจที่ตนไม่มารถเตือนเพื่อนอะไรได้เหมือนแต่ก่อน ร่างเล็กได้เดินตามเข้าห้องนอนไปอย่างเงียบๆเพื่อที่จะไปนอนอีกห้องนองหนึ่ง

เช้าวันต่อมาภายในมหาวิทยาลัยก็ยังคงครึกครักเหมือนเดิมมีนักศึกษาเดินทางมาเรียนตามปกติเช่นเคยและทำกิจกรรมของชมรมอย่างสนุกสนาน เก่งนั่งทำงานที่อาจารย์สั่งไว้ทันใดนั้นจินก็เดินถือแก้วกาแฟมาให้อีกคนดื่มเพื่อเป็นการเติมพลังในการทำงานร่างสูงยื่นแก้วให้อีกคนแล้วนั่งโต๊ะเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเพื่อที่จะดูแผนการตลาดที่ตนเขียนเอาไว้

“ขอบใจนะจินที่นายมาช่วยงานเอาไว้” เก่งหยิบแก้วกาแฟ

“ไม่เป็นไรหรอกสบายมาก เรื่องนี้ฉันโดนที่บ้านสอนตั้งแต่เด็กแล้ว” จินบ่น

“ครับ ครอบครัวนักธุรกิจ เออแล้วพวกไอเพชรยังไม่มาอีกเหรอ” เก่งถาม

“ยังไม่เห็นหัวมันเลย เห็นมันบอกว่าจะมาเรียน” จินส่ายหน้า

“นี่ฉันถามนายหน่อยสิ” เก่งขยับตัวเพื่อจะกระซิบ

“ว่า!!!” จินมองกระดาษที่ตนเขียนเอาไว้

“นายคบกับเพชรและบาสมาตั้งสมัยมัธยมแล้ว…..นายรับได้เหรอ?” เก่งพยายามนึกคำถามให้เซฟมากที่สุด

“ก็…..ไม่ค่อยโอเคด้วยส่วนหนึ่ง ไอบาสมันไม่เท่าไรหรอก แต่ไอเพชรมันมีเรื่องไปทั่วแล้วจนโรงเรียนจะไล่มันออกอยู่แล้วที่สำคัญนะมันเคยทำผู้หญิงท้องทางบ้านมันรับไม่ได้เลยต้องให้ฝ่ายหญิงไปเอาเด็กออกแล้วจ่ายค่าชดเชยให้โดยไม่ต้องเอาเรื่องมัน” จินอธิบายให้ฟัง

สิ่งที่เก่งได้ยินจากปากจินทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างมากแล้วทำให้เก่งทำตัวไม่ถูกอย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มถามต่อยังไงดี แต่ก็ต้องใจดีสู้เสือเพื่อความอยากรู้เบื้องหลังของเพื่อนอีกครั้ง เก่งทำตัวปกติที่สุดแล้วครั้นถามจินต่อ

“พ่อแม่นายไม่ว่าเหรอ? เก่งถามต่อ

“ก็ว่าแหละ แต่ทำไรมากไม่ได้เพราะยังมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ทุกวันนี้อยู่มาได้ก็เพราะครอบครัวไอเพชรนั่นแหละ” จินเอ่ยขึ้น

“พ่อแม่นายก็เคร่ง ไหนจะเรื่องที่บ้านไหนจะเรื่องเรียนที่นายบ่นให้ฉันฟัง ทำไมนายไม่กระตุ้นเพื่อนบ้างอะ” เก่งขยี้ถามต่อ

“เคยพูดแล้วครั้งนึง ตอนสมัยมัธยมแต่ไอเพชรมันไม่เอาเชี่ยอะไรเลยแถมยังเคยว่าครูประจำชั้นด้วยนะ” จินพูดอย่างเจื่อนๆ

“จริงดิ!!!” เก่งเบิกตากว้างเพราะอึ้ง

“ใช่!!! ตอนนั้นนะคนชอบไอเพชรกันใหญ่เลยนะเพราะว่าตัวครูประจำชั้นมันชอบยึดของส่วนตัวไปให้ลูกตัวเองแล้วให้ทุนของนักเรียนลูกรักของแกอีก” จินพยักหน้าและเล่าต่อ

“โห!!! นี่ใช้อำนาจบ้านตัวเองเลยเนี่ย” เก่งร้องว้าว

“เออ ถึงมันจะเป็นนิสัยแบบนี้แต่มันก็ใช้ความเป็นนักเลงของมันช่วยเหลือคนเหมือนกัน”จินพูดขำๆ

“สุดจริงหว่ะ” เก่งเล่นบทไปตามน้ำ

“ทำไม? แกยังไม่ชินอีกเหรอ” จินหันมาถาม

“ไม่อะ!!!” เก่งหน้า

“ผ่านมาตั้งปีหนึ่งแล้วนะ นายนี่ไม่ปรับตัวเลย” จินพูดขำๆ

“ฉันยังไม่เคยลองทำอะไรตามใจแบบพวกนายไง แถมเสาร์-อาทิตย์ฉันยังต้องไปช่วยงานที่ตลาดกับแม่อีก” เก่งพูดเชิงบ่นไป

ทันใดนั้นมีชายร่างเล็กกำลังเดินมาที่โต๊ะของทั้งคู่นั่งอยู่สีหน้าอีกฝ่ายเปิดเผยอย่างชัดเจนว่าตนไม่ชอบอีกฝ่ายที่เป็นกลุ่มเพลย์บอยแถมยังมีประวัติไม่ค่อยดีหนักแต่อีกใจก็ยังเป็นห่วงเพื่อนถึงเตือนอะไรแล้วก็ไม่ฟังอยู่ดี ร่างบางวางถุงข้าวกล่องและน้ำดื่มที่ทั้งคู่ฝากซื้อให้ ร่างสูงอีกคนเอื้อมมือของตนมาตบกบก้นอีกฝ่ายแต่มือบางหลบทันก่อนที่จะต่อว่าอีกฝ่าย

“นี่!!! ฉันรู้ทันนะ” บอยขึ้นเสียงใส่

“นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่ได้” จินยูปากใส่

“ทั้งหมดสามร้อยห้าสิบบาท” บอยพูดเสียงแข็ง

“ขอบใจนะ ขอโทษที่ทำให้นายต้องเสียเวลาด้วย” เก่งพูดยิ้มอย่างอบอุ่น

“ไม่เป็นไรหรอก เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิท” บอยสายหน้า

“เอาไปห้าร้อยไม่ต้องทอนนะ” จินยื่นแบงค์ห้าร้อยให้อีกฝ่าย

“ขอบใจ!!!” บอยรับแบงค์ห้าร้อยไป

“เก่งนายจะไม่กลับห้องใช่ไหม ฉันจะได้ไม่ทำอาหารเผื่อ” บอยถามเก่ง

“ดูก่อนนะว่าจะได้กลับไหมคงต้องเคลียร์งานกันอีกยาว เออแล้วไม่ต้องทำอาหารเผื่อด้วยนะฉันเกรงใจ” เก่งพูดกึ่งปฏิเสธ

“ถ้า…..เก่งไม่ยอมทานอาหารนาย เอามาให้ฉันก็ได้นะ” จินพูดแซว

“ได้!!!! ฉันจะทำอาหารให้นายจนท้องเสียไปเลย!!!! เอาให้นายต้องร้องขอชีวิตเลยด้วย”บอยพูดน้ำเสียงประชดประชัน

“กลัวจังเลย!!!” จินทำท่ากวนประสาท

“ไปแล้วนะ เบื่อ!!!”

บอยรีบก้าวเท้าเดินออไปทิ้งทำให้สองหนุ่มนั่งอยู่เก่งหันไปมองเพื่อสนิทที่กำลังอมยิ้มและหัวเราะเบา ๆ จนทำให้เก่งยกยิ้มอย่างมีเลิศนัยที่เพื่อนของตนดูเหมือนว่าอีกฝ่ายน่าจะมีการแอบชอบเพื่อนสนิทของตนตั้งแต่สมัยเด็กๆ เก่งไม่อยากจะเชื่อในสายของตนเลยว่าคนอย่างจินที่เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มเพลย์บอยจะมีโมเมนท์ในเรื่องของความรักแบบนี้ซึ่งเป็นไปได้ยากมากที่เพื่อนของเขาจะสนใจในเรื่องอะไรแบบนี้เพราะส่วนใหญ่ที่เจอก็แค่รักสนุกในเรื่องบนเตียงตามความต้องการของตนเองเท่านั้น เก่งเริ่มบทสนทนาก่อนเลยว่าจินนั้นมีอะไรบางอย่างที่จินสนใจในตัวบอยหรือเปล่า

“นี่ ท่าทางนายจะชอบแกล้งบอยนะ นายชอบเขาเหรอ!?” เก่งเริ่มเปิดบทสนทนาก่อน

“เปล่า!!! ฉันก็แค่ชอบแกล้งคนไปอย่างนั้นแหละอีกอย่างเพื่อนนายดูน่าแกล้งดี ผอมแห้งแบบนั้นแถมยังปากจัดด้วย ฉันเป็นพวกชอบสู้กับฝีปากคนด้วยสิ” จินเบ้ปากเพื่อความสะใจของตัวเอง

“ไม่ใช่แค่สู้กับฝีปากแล้วมั้ง! ขนาดแซวเรื่องทำอาหารให้กินในเวลาที่ฉันไม่อยากกิน โธ่!!!” เก่งหน้าจินแบบเจื่อน ๆ

“นาน ๆ จะมีคนแบบนี้เข้ามาทีให้ฉันได้แกล้งคนบ้างเถอะ” จนแสดงอาการพยายามควบคุมอาการเขินของตนเอง

“ตามสบายเลยแล้วกัน ถ้าอยากขอคอนแทคก็ไปขอเองนะฉันไม่ให้นายหรอก” เก่งยูปากล็กน้อย

แฮร่!!!

ทันใดนั้นเสียงตะโกนจากข้างหลังมือหนามาแตะที่บ่าร่างสูงทำให้อีกฝ่ายตกใจเล็กน้อยแล้วหันหน้าไปหาต้นตอของเสียงทำให้รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็น “บาส” เพื่อนในกลุ่มอีกคนที่ยิ้มแป้นได้แกล้งจินอีกครั้งหลังจากที่ตนแพ้จินทุกครั้งในเวลาแกล้งกัน บางครั้งถึงแกล้งกันจนแทบมีเรื่องกันทุกที

“ไอนี่!!! ต่อยกันไหม” จินกำหมัด

“สิ่งที่มึงแกล้งหนักกว่ากูด้วยซ้ำ” บาสเดินมานั่งข้างจิน

“พอเลย!!! ทั้งคู่แหละฉันเห็นพวกนายแกล้งทีไรเหมือนเด็กนักเรียนหลังห้องเลย” เก่งพูดพยายามห้าม

"เออ!!! วันนี้ไอเพชรมันมาช่วยงานกลุ่มพวกเราไม่ได้นะเว้ยเห็นบอกว่ามันยังแฮงค์อยู่”บาสหันมาคุยกับทั้งสองคน

“กูว่าละ” จินนั่งเท้าเอว

“เอาเถอะ! ไอเพชรมันเป็นแบบนี้อยู่แล้วส่วนเรื่องงานพวกเราค่อยมาแบ่งทำแล้วกัน” เก่งพูดเพื่อให้สองฝ่ายสบายใจ

“เอาจริงๆนะ ตั้งแต่ฉันสองคนคบกับไอเพชรมันมาพวกฉันสองคนก็เข็นมันมาจนจบ ม.6มาได้ พอมันขึ้นมหาลัยพวกเราก็ต้องเข็นมันอีกเหรอวะ” บาสเริ่มบ่น

“เพื่อนใครก็รับผิดชอบนะ” เก่งแซวขำๆ

“เฮ้ย!!! นี่มึงจะไม่ร่วมมือช่วยเพื่อนเลยเหรอไอเก่ง” บาสขึ้นเสียงใส่

“ฉันก็ช่วยไหม คนที่แบกการบ้านกับงานที่อาจารย์สั่งก็คือฉันไหม!?” เก่งชี้ตัวเองแล้วพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตนเอง

“ครับ คุณเด็กเรียน” บาสแลบลิ้นประชดประชันใส่

“มา!!! ทำงานกันได้แล้ว”

ทั้งสามคนรวมหัวกันนั่งทำรายงานอย่างเคร่งเครียดจวบจนเวลาเดินไปตามกาลเวลาเรื่อย ๆ จนถึงช่วงบ่ายที่ทุกคนเริ่มเบื่อกับงานกลุ่มที่อาจารย์ให้ทำ บางคนเริ่มหาวลมจากบรรยายกาศที่อากาศเริ่มร้อนแต่ยังดีทีมีลมพัดกระทบกับต้นไม้ใต้อาคารทำให้อาการเข้ามาเย็นสบายชดชื่นบ้าง เก่งนั่งพิมพ์งานอย่างเคร่งเครียดตามด้วยจินที่ค่อนข้างจะทำพรีเซ็นต์เป็นระดับหนึ่งทำให้ได้ช่วยแรงไปเยอะ ส่วนบาสนั่งหาข้อมูลที่ต้องการใส่เข้าไปในรายงานถึงแม้ตัวเองจะไม่ค่อยเรียนเก่งเท่าไร แต่ก็สามารถพอที่จะช่วยงานเพื่อนได้บ้างเป็นบางอย่าง แต่บางเรื่องบาสก็ทำไม่เป็นเลยเก่งที่เรียนดีที่สุดในกลุ่มจะเป็นคนสอนงานและคอยช่วยเหลือการบ้านที่อาจารย์สั่งมาให้ทำอยู่เสมอ