ความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย

สืบพิสดาร - บทที่ 9 สถานบันเทิงใกล้ฉัน โดย Kim Sooyoung @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,อาชญากรรม,Mpreg,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สืบพิสดาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,อาชญากรรม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

Mpreg,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

สืบพิสดาร โดย Kim Sooyoung @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย

ผู้แต่ง

Kim Sooyoung

เรื่องย่อ


เรื่องย่อ…..

“พี” เป็นทนายหนุ่มไฟแรงที่เก่งมีความสามารถในการทำคดีจนชนะไปหลายครั้ง อยู่มาวันหนึ่งได้มีลูกความให้ทำคดีเกี่ยวกับการฆาตกรรมในงานปาร์ตี้ซึ่งลูกความได้บอกกล่าวกับพีว่า “ตนเป็นแพะรับบาป” เพราะตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเหตุการณ์ที่ในงานปาร์ตี้และมาทราบตอนที่เหยื่อกลายเป็นศพไปแล้ว………ทำให้ดีคดีฆาตกรรมนั้นได้กลายเป็นข่าวโด่งดังเพราะมีคนที่มีชื่อเสียงที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยในคดีว่ามีการใช้เส้นสายในคดีหรือเปล่า!? พีเองอยากให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้นแถมโดนกดดันจากเพื่อนร่วมงานว่าให้วางคดีนี้ซะ!!! แล้วมีกลุ่มนักเลงพยายามจะติดสินบนกับพีเพื่อที่จะให้พีไม่ต้องตั้งใจทำคดีมาก แต่พีไม่รับ พวกกลุ่มนักเลงก็เข้ามาวุ่นวายในชีวิตทำให้พีเกิดความลำบากและเหนื่อยหน่ายใจจนท้อแล้วมาระบายกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่ใต้ตึกคณะ จนมาเจอ “วิน” เพื่อนสมัยเรียนของพีที่อยู่คณะเดียวกันตอนนี้วินเป็นตำรวจแถมเป็นวิทยากรพิเศษที่คณะที่ตนเคยเรียนอีกด้วย ช่วงแรกพีเองก็ไม่อยากคุยกับวินซะเท่าไรเพราะไม่ค่อยถูกกันนัก แต่……ด้วยงานคดีที่พีทำจนทำให้พีจำต้องคุยกับวินอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ วินได้ยินอย่างนั้นยื่นมือมาช่วยทำคดีให้พีทันที ยิ่งสืบคดีไปเมื่อไรยิ่งได้เห็นความดำดิ่งของกลุ่มไฮโซมากขึ้น พีและวินจะสามารถให้ความยุติธรรมกับเหยื่อและต้องตามฆาตกรตัวจริงมารับผิดให้ได้……….

สารบัญ

สืบพิสดาร-ตอนที่1 บทนำ,สืบพิสดาร-บทที่1 ชีวิตประจำวัน&รั้วมหาวิทยาลัย,สืบพิสดาร-บทที่2 การทำงานในที่อากาศร้อน,สืบพิสดาร-บทที่3 งานคอสเพลย์ (คำเตือน อย่าอ่านในช่วงทานอาหารเด็ดขาด!!!!!),สืบพิสดาร-บทที่4 ดีใจที่ได้เจอกัน,สืบพิสดาร-ชี้แจง นักอ่านทุกท่าน,สืบพิสดาร-บทที่5 ความคาดหวัง&เพื่อนที่จริงใจ(เหรอ?),สืบพิสดาร-บทที่6 ข่าวลือที่ขึ้นชื่อกับติดต่อนัดทานข้าว,สืบพิสดาร-บทที่7 คำทำนายและลางสังหรณ์,สืบพิสดาร-บทที่8 การกลับมาอีกครั้ง,สืบพิสดาร-บทที่ 9 สถานบันเทิงใกล้ฉัน

เนื้อหา

บทที่ 9 สถานบันเทิงใกล้ฉัน

ร่างบางกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ดูในสิ่งที่ตนเองสนใจมือเรียวเลื่อนไถหน้าฟีดไปเรื่อย ๆ ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ทำให้เขานั้นสนใจ เสียงลำโพงไร้สายก็เปิดเพลงแนวK-popทำให้ร่างบางรู้สึกอยากจะเต้นไปตามจังหวะบวกกับขจัดความเครียดจากการทำงานได้อย่างสิ้นเชิง มือเรียวเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์สายตาจ้องไปที่โพสต์หนึ่งทำให้ร่างบางสะดุดเนื้อหาของโพสต์นั้น 

“อะไรกัน!!! ตอนแรกคิดว่าจะเป็นร้านอาหารหรือคาเฟ่ พวกเรารอลุ้นกันมากเลยว่าจะเป็นร้านอะไรที่ไหนได้เป็นร้านเหล้านี่เองแถมร้านที่อยู่ในซอยยังใกล้มหาลัยอีก” 

“ร้านเหล้ามาเปิดใหม่แถมใกล้มหาลัย ยังสงสัยว่าเปิดได้เหรอ!?”  

“ร้านเหล้าเปิดใหม่ดีใจจังโว้ยยยยย จะได้ไม่ต้องเดินทางที่ไหนไกลแล้ว” 

“ว่าละ ทำไมตอนสร้างดูปกปิดมิดชิดจัง พอสร้างเสร็จเท่านั้นแหละรู้เรื่อง”  

“ร้านเหล้าใกล้มหาลัยไม่เท่าไรหรอกนะ แต่ยังมีโรงเรียนรอบข้างอีกสงสารอนาคตของชาติ” 

 

เสียงแตกในโพสต์สนั่นหวั่นไหวที่มีร้านบาร์ ผับ มาเปิดใกล้สถานศึกษาถึงในบางโพสต์จะบอกว่าไม่ได้ใกล้หน้ามหาวิทยาลัยขนาดนั้น แต่อีกเสียงก็บอกไปในทิศทางว่ามันเสียภาพลักษณ์ของสถาบันการศึกษาทำให้นักศึกษาที่อาจจะหลงละเลิงไปกับแสงสีเสียงจนหมออนาคตไปเลยก็ได้และก็มีบางเสียงที่บอกว่าดีสิจะได้ไม่ต้องเดินทางไปร้านไกล ๆ แถมยังได้กลับห้องแบบสบาย ๆ ไม่ต้องเสียค่ารถโดยสารที่เป็นราคาเหมา ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังจากที่อ่านโพสต์ดราม่าไปทำให้ร่างบางแทบจะเป็นไบโพลาร์เลยก็ว่าได้ ในหัวความคิดของร่างบางถึงแม้จะเคยไปร้านสังสรรค์ตอนสมัยเรียนบ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นสถานบันเทิงไหนตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยขนาดนี้อย่างมากก็แค่เข้าไปในซอยลึก ๆ หน่อยแค่นั้นเอง ทำให้ร่างบางคิดว่าร้านดังกล่าวน่าจะเส้นใหญ่พอสมควรถึงสามารถตั้งร้านเห็นชัดได้ขนาดนั้น  

“พี!!!” ร่างบางจ้องมองไปตามเสียงที่ตะโกนมาจากในครัวมือเรียวทิ้งโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะห้องนั่งเล่นแล้วลุกจากโซฟาไปที่ห้องครัวก็เห็นร่างบางกำลังวุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร ไอน้ำในหม้อต้มที่กำลังลุกเป็นไอขึ้นมา ร่างบางอีกคนก็ได้คนหม้อที่กำลังเดือด 

“มีอะไรให้ช่วยไหม” ร่างบางเอ่ยขึ้นมาแล้วไปดูของที่กำลังเตรียมปรุงอาหาร 

“พอดีว่าช่วยตักแกงไปหน่อยได้ไหม เดี๋ยวฉันจะทำผัดผักต่อ” ข้าวหอมไม่สนใจอีกฝ่ายเลยเตรียมของที่จะทำอาหารต่อ 

“เดี๋ยวนะ! ทำไมนายถึงหุงข้าวเยอะขนาดนี้ ปกติพวกเราไม่ได้กินเยอะนะ” พีเปิดหม้อหุงข้าวที่กำลังจะตักใส่จานแล้วเห็นปริมาฯข้าวที่หุงไว้มากกว่าปกติ 

“อ๋อ!!! เดี๋ยวพวกวินเขากำลังจะมาทานข้าวที่ห้องเรา” ข้าวหอมพูดน้ำเสียงอย่างมีความสุข 

“ห๊ะ!!! พวกนั้นจะมาทานข้าวที่ห้องเรา!?” พีอุทานขึ้นมาแล้วมีสีหน้าอย่างตกใจ 

“ใช่!!! ฉันเป็นคนชวนพวกเขามาเองแหละ” ข้าวหอมพยักหน้าตอบแล้วหันมายิ้มใส่ 

“เอ่อ.....” พีกำลังนึกคำพูดที่จะบ่น 

“ไม่ต้องมาบ่นเลยเลยนะ หัดเป็นคนใจกว้างหน่อย เพื่อนเก่าสนิทง่ายกว่าเพื่อนใหม่ที่ไม่รู้จักนิสัยเรานะจะบอกให้” ข้าวหอมสั่งสอนไปหนึ่งมัดทำให้พีเองไม่สามารถเถียงอีกฝ่ายได้  

 

ทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูดังขึ้นทำให้ทั้งสองหันไปตามเสียงตัวพีเองอาสาเดินไปเปิดประตู ส่วนข้าวหอมนั้นเป็นคนเตรียมอาหารจัดการเรื่องในครัว พีเดินไปเปิดประตูจึงได้เห็นชายร่างใหญ่สองคนรออยู่หน้าประตูสายตาเรียวมองเห็นถุงขนม ผลไม้ เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่เต็มไม้เต็มมือไปหมด 

“สวัสดี” ร่างสูงทักทายอย่างเป็นมิตร 

“ซื้อของมาทำไมเยอะแยะจัง” พีพูดเสียงเรียบเหมือนไม่สนใจ 

“อ๋อ!!! พอดีพวกผมซื้อมาฝากพวกคุณครับ” ร่างสูงอีกคนพูดแทรกขึ้นมา 

“โอเค งั้นผมช่วยครับ ส่วนนายปิดประตูด้วย” พีอาสาช่วยถือของให้อีกคนและส่งสายตาเหวี่ยง ๆ บวกกับพูดห้วนใส่อีกฝ่าย 

“อืม” ร่างใหญ่พยักหน้าตอบแล้วปิดประตูเข้ามาในห้อง 

 

ทั้งสามคนก็ได้เข้ามาในโซห้องนั่งเล่นแล้ววางเข้าของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะ เสียงถุงพลาสติกกระทบกันโดยมือบางที่กำลังค้นถุงอยู่นั้นทำให้ร่างบางรู้สึกใจฟูขึ้นมาเมื่อเห็นของกินที่ตนอยากทาน แววตาลุกวาวด้วยความดีใจแล้วหันไปเอ่ยชมร่างสูงว่าทำไมถึงรู้ใจได้ขนาดนี้ 

“รู้ได้ไงว่าฉันชอบทานอะไรอะ” พียิ้มอย่างที่จะอดใจไม่ไหว 

“อ๋อ!!! ไอวินมันซื้อครับ ส่วนผมแค่เป็นแรงงานช่วยขนของให้มันครับ” ร่างสูงขำแห้ง ๆ แล้วชี้ไปที่วิน 

“ก็......ขอบใจนะที่ไม่ลืม” พีมองด้วยหาตาแล้วพูดน้ำเสียงแบบไร้อารมณ์ 

“นี่พวกนายทำไรกัน กับข้าวเสร็จแล้ว” ข้าวหอมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น 

“พอดีว่าซื้อของมาฝากให้พวกนายทานด้วย” วินพูดสีหน้าอมยิ้มแล้วผ่ายมือเข้าของที่วางอยู่บนโต๊ะ  

“โห!!! เยอะขนาดนี้เลยเหรอ!? จริง ๆ นายไม่ต้องซื้อมาเยอะขนาดนี้ก็ได้ ฉันเกรงใจ” ข้าวหอมทำหน้าอย่างเจื่อน ๆ  

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันซื้อมาให้” วินส่ายหน้าตอบ 

“พอ ๆ ไปกินข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมดหรอก” พีพูดแทรกขึ้นมาแล้วตบมือเพื่อเป็นการเตือนว่านั้นหิวข้าวแล้วบวกกับตัวเขาเองก็ไม่ค่อยเอ็นจอยกับวินซะเท่าไร ร่างเดินเข้าไปในห้องครัว 

“ไปก่อนครับที่รัก” ไนท์ยกมือเลิฟใส่แล้วเดินตามพีเข้าไปในห้องครัว 

“โอ้ย!!!! มโน!!!!” ข้าวหอมตีมือใส่อย่างไม่พอใจแล้วหันไปที่วิน 

“อย่าไปถือสาเลยนะ” ข้าวหอมตบบ่าพร้อมพูดปลอบใจให้วินไม่คิดมาก 

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันชินตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว” วินยิ้มตอบ 

“นี่! ฉันเป็นห่วงนะ เจอกันทั้งทีก็ควรจะผูกมิตรไหม” สีหน้าข้าวหอมแสดงถึงความกังวลว่าวินอาจจะไม่สบายใจที่พีนั้นไม่ยอมผูกมิตรซะที 

 

วินคิดว่าตนนั้นเป็นธาตุอากาศในสายพีจริง ๆ ตั้งแต่เจอกันที่งานคอสเพลย์เขาหวังว่าพีน่าให้อภัยเขาได้แล้ว ถึงแม้เรื่องที่ี่เขาเคยทำผิดพลาดกับพีสมัยเรียนมหาวิทยาลัยจนทำให้ทั้งคู่เป็นลิ้นกับฟันทุกครั้งที่มีเรื่องตลอด พอเรียนจบวินก็อยากจะขอโทษในสิ่งที่ตนเคยทำผิดพลาดไว้และอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับพีที่ตนเองนั้นไม่เคยบอกมาก่อน สุดท้ายก็ไม่ได้บอกลากับอีกฝ่ายเลยแม้แต่คำพูดเพียงแค่คำเดียวด้วยซ้ำ จนทุกวันนี้เขาก็อยากหาโอกาสที่จะได้คุยกับพีเป็นการส่วนตัวบ้าง 

“วิน!!! เป็นไรเปล่า?” ข้าวหอมสะกิดแขน 

“ว่าไงเหรอ?” วินสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงข้าวหอม 

“ไปทานข้าวได้แล้ว” ข้าวหอมบอกให้อีกฝ่ายเตรียมตัวแล้วเดินไปที่ครัวต่อ 

 

วินเดินเข้าไปในห้องครัวเห็นพีกับไนท์นั่งรอบนโต๊ะ พีเห็นแล้วหลบหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร ร่างสูงไปนั่งข้างไนท์ซึ่งด้านตรงข้ามนั้นยังมีที่ว่างอยู่เพื่อทำให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้นมาบ้าง กลิ่นกับข้าวที่คลุกฟรุ้งไปทั่วห้องครัวทำให้ทุกคนเจริญอาหารมากขึ้น ข้าวหอมเสริฟ์อาหารมาวางไว้บนโต๊ะหน้าตาของอาหารนั้นดูน่ารับประทานเป็นอย่างมากเหมือนคุณแม่ที่ทำกับข้าวให้ลูกทานแล้วดูรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาทันที 

“ไม่เสียเลยที่ได้เลือกนาย” ไนท์พูดแซวอย่างกวน ๆ 

“พูดอะไรของนาย หัดรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวซะบ้าง” ข้าวหอมหมั่นไส้อีกฝ่ายที่ชอบแซวตนเอง 

“นี่ข้าวหอม ผู้ชายอย่างไนท์เห็นอย่างนี้แต่จริง ๆ เป็นพ่อพระนะ” วินช่วยชงจิ้นให้อีกฝ่าย 

“พอได้แล้ว” ข้าวหอมส่ายหน้า 

“ไหนว่าคุยกันอยู่ไง!?” พีมองยิ้มอย่างมีเลิศนัย 

“คุยกันไม่ได้หมายความว่าคบกันซะหน่อย” ข้าวหอมมีสีหน้าที่บูดเบี้ยวอย่างไม่พอใจ 

“โธ่!!!! นายจะพูดทำร้ายจิตใจกับสามีในอนาคตไม่ได้นะ” ไนท์ทำเสียงสั่นที่กำลังบ่งบอกความเศร้าปนหยอกล้อ 

“พอได้แล้ว ฉันหิว” ข้าวหอมจิกปากมองบน 

“ไม่แซวแล้วครับ” ไนท์ยกมือไหว้ขอโทษ 

 

ข้าวหอมเริ่มตักข้าวใส่จานให้ทีละคนพอครบทั้งสีจานแล้ววินได้ตักแกงที่อยู่ในถ้วยมาใส่ในจานของตัวเองแล้วตักไปพร้อมข้าวที่จะเข้าไปในปากพอได้เริ่มเคี้ยวอาหารทำให้ตาลุกวาวเหมือนอยากจะทานเพิ่มอีกบ่งบอกความอร่อยได้ชัดเจนเลยทีเดียว ไนท์เห็นแววตาของวินแบบนั้นแล้วตักกับข้าวอย่างอื่นมาใส่จานแล้วลองชิมดูจนทำให้เขานั้นอึ้งไปเลยว่ากับข้าวที่ทำนั้นอร่อยมากขนาดไหน 

“หื้ม!!! กับข้าวอร่อยมากเลย” ไนท์มีแววตาลุกวาว 

“อาหารยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะ” วินเอ่ยชม 

“ขอบใจนะ” ข้าวหอมยิ้มร่าอย่างมีความสุข 

“นายเคยกินมาแล้วเหรอ?” ไนท์หันกลับมาหาวินอย่างตกใจเล็กน้อย 

“ใช่! จำได้ว่าข้าวหอมเคยเอาข้าวกล่องมาฝากอยู่” วินพยักน้าตอบอย่างจริงใจ 

“แหมม!!! ขอบใจนะที่ยังจำได้ ตอนนั้นรู้สึกว่าที่ฉันอยากทำกับข้าวให้วินเพราะอยากรู้จักด้วยแหละ” ข้าวหอมนึกภาพวันวานในอดีตก็ทำให้เขาพูดล้ออีกฝ่ายอย่างหนัก 

“เสียใจอะ น่าจะได้เจอกันไวกว่านี้” ไนท์ทำสีหน้าที่ดูหม่นหมอง 

“แต่ก็ได้เจอกันแล้วนะ” พีพูดแซวจนทำให้ไนท์กับข้าวหอมถึงกับไปไม่ถูกเลยทีเดียว 

“เจอช้าดีแล้ว” ข้าวหอมเป้ปากใส่ 

 

บรรยายกาศทานข้าวที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่บ่งบอกถึงความสุข ไนท์กับข้าวหอมเก็บอาการความเขินแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที ทันใดนั้นวินแอบมองไปทางพีที่กำลังหัวเราะอยู่มันทำให้เรานั้นรู้สึกแอบเก็บความลับไว้ในใจที่อยากจะบอกอีกฝ่ายมากเหลือเกิน ร่างสูงมองแล้วอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างบางกำลังพูดคุยกับเพื่อนของเขาอยู่จนสายตาเหลือบมองมาที่ร่างสูงที่กำลังมองเขาอยู่นั้น ร่างบางกลับทำตัวไม่มีอะไรเกิดขึ้นส่วนร่างสูงก็หลบสายตาที่จ้องอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไร 

 

 

ณ คอนโดใจกลางเมือง 

ร่างบางกำลังตักกับข้าวมาไว้ที่โต๊ะพร้อมกับหญิงสาวที่ช่วยเป็นลูกมือมาจัดจานให้ดูเป็นระเบียบ เสียงโทรทัศน์ดังรอบห้องที่กำลังพูดถึงข่าวเกี่ยวประเด็นสังคมที่เกิดขึ้นวันนี้ร่างบางที่กำลังวางหม้อหุงข้าวอยู่ก็ได้ยินเสียงข่าวเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยของตนจนต้องหยุดฟังในวินาทีนั้นทันที 

 

“เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ตอนนี้นะคะ มีกลุ่มนักศึกษาออกมาต่อต้านร้านสถานบันเทิงเปิดใหม่ที่ใกล้มหาวิทยาลัยเพราะอาจจะทำให้นักศึกษาบางกลุ่มได้รับผลกระทบในการเรียนทำให้เสียอนาคต มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมาแสดงความคิดเห็นบนโลกอินเตอร์เน็ตมากมายค่ะ...........” 

 

 “เพี้ยง!!!!” 

 

ร่างบางที่กำลังยืนฟังดูข่าวทันใดนั้นเสียงจานก็ดังขึ้นทำให้ร่างบางสะดุ้งแล้วหันหลังไปตามเสียงพบว่าหญิงสาวเผอิญทำจานหล่นแตกบนพื้นจนทำให้ขาของหญิงสาวได้รับบาดแผลจากเศษจานกระเด็นใส่ผิวหนังของตนทำให้ร่างบางต้องรีบวิ่งมาหาเธอทันที 

“แคทตี้!!! เธอเป็นอะไรมากไหม” ร่างบางถามอย่างเป็นห่วง 

“ไม่เป็นหรอกบอย ฉันโอเค” หญิงสาวส่ายหน้า 

“มีอะไรกันเหรอ เสียงดังตั้งแต่เช้าเลย” ร่างสูงเดินออกมาจากห้องนอนอย่างงัวเงีย 

“ไม่มีอะไรหรอก แคทตี้แค่ทำจากแตกเฉย ๆ” บอยส่ายหน้าเบา ๆ  

“เอ๊ะ! นี่มันแถว ๆ มหาลัยเรานิ” ร่างสูงมองไปที่โทรทัศน์ที่ข่าวกำลังถ่ายภาพอยู่ 

“ใช่!!! ฉันเห็นมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเสียงแตกเป็นว่าเล่น” บอยพูดน้ำเสียงอย่างเอือม 

“ร้านเหล้ามาเปิดแบบนี้ฉันว่าเส้นต้องใหญ่น่าดู” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างกังวล 

“ทางที่ดีพวกเราอย่าไปยุ่งเลยจะดีกว่าโดยเฉพาะนาย รู้ไหม?” บอยชี้มาที่เก่งที่กำลังดูโทรทัศน์อยู่ 

“เข้าใจครับ บ่นเป็นแม่เลย” เก่งไหว้อย่างกวน ๆ  

“เก่ง ฉันไม่ขำนะ” บอยยืนเท้าเอวพร้อมกับมองค้อนใส่ 

“จริงอย่างที่บอยว่านะ ตอนที่ฉันเห็นนายอยู่กับแก๊งนั้นดูน่ากลัวยังไงไม่รู้” แคทตี้พูดน้ำเสียงอ่อน ๆ  

“ไม่ต้องห่วงหรอกแคทตี้ ฉันไม่เป็นอะไรแน่นอน” เก่งจับมืออีกฝ่าย 

“พอเลย นายไปเอากล่องพยาบาลมาฉันจะทำแผลให้แคทตี้” เก่งเริ่มไม่สบอารมณ์แล้วไล่ให้บอยไปเอากล่องพยาบาล 

“เออ ๆ เดี๋ยวไปหาให้” เก่งเดินไปหยิบกล่องยาในห้องเก็บของ 

“เจ็บตรงไหนอีกไหม นั่งก่อน” บอยก้มลงไปดูแผลที่ข้อเท้าเลือดกำลังไหลลงเล็กน้อย 

“ไม่มีแล้วแหละ ขอโทษนะที่ฉันซุ่มซ่ามไปหน่อย” แคทตี้มีสีหน้าเศร้าแล้วรู้สึกผิดที่เป็นภาระให้กับเพื่อน 

“โอ้ย! เรื่องแค่นี้เองอย่าคิดมากเลยนะ” บอยยิ้มร่าให้ 

“อืม ขอบใจนะ” แคทตี้ยิ้มตอบ 

“นี่กล่องยา” เก่งเดินมายื่นกล่องยาให้ 

“ขอบใจ” บอยหยิบกล่องยาแล้วมาทำแผลให้แคทตี้ 

 

สีหน้าของหญิงสาวมีความปลื้มปิติที่ได้เพื่อนคอยซับพอร์ตอยู่เสมอถึงแม้ตนนั้นจะมีเรื่องมลทินที่ไม่สามารถลบล้างบนตัวของเธอได้ แต่ทุกคนก็รับฟังหล่อนโดยไม่ตัดสินเพราะธาตุแท้ของหล่อนไม่ได้เป็นแบบอย่างที่คนอื่นเขากล่าวหากันไม่ว่าจะเรื่องที่บ้าน มหาลัย เพื่อนสนิทก็คอยเป็นคนให้กำลังใจอยู่เสมอในเวลารู้สึกที่แย่ สายตาเรียวเหลือบมองไปที่ร่างสูงกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาแล้วใบหน้าสวยฉีกยิ้มอย่างเล็กน้อยที่ได้มองใบหน้าของชายดังกล่าว ทำให้ในใจรู้สึกเต้นระรัวอย่างบอกไม่ถูก แต่อีกใจหนึ่งจะบอกว่า’แอบชอบ’ก็คงใช่แค่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นคิดที่จะจริงใจกับหล่อนไหมแถมดีกรีระดับลูกเจ้าของบริษัทใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย เพียงเป็นความคิดในฝันลม ๆ แล้ง ๆ ที่เธอได้แต่แอบมองเขาเพราะสถานะต่างกันมากเลยทีเดียว