นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คังยูรียืนอยู่หน้าอาคารเรียนกำลังมองเม็ดฝนที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้าด้วยความใจหาย สองมือเล็กขยำกระโปรงนักเรียนที่สวมใส่เอาไว้แน่น เนื้อตัวเปียกปอนสั่นไปทั้งตัว ในวันฝนตกหนักแบบนี้ทำให้นึกถึงภาพวันที่ต้องสูญเสียผู้เป็นแม่ไปด้วยความเจ็บปวด
คังยูรียืนตัวแข็งทื่อไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย น้ำตาแห่งความโศกเศร้าก็ไหลออกมาเป็นทาง ต่อให้เธอพยายามทำตัวเข้มแข็งแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ก้าวข้ามผ่านมันไปไม่ได้อยู่ดี
ในขณะที่ความรู้สึกของคังยูรีเคว้งคว้างอยู่นั้น นัมจีโฮเดินมาจากด้านหลังเด็กสาวก็สอดมือเข้ามากุมมือของเด็กสาวเอาไว้ สายตาที่ใช้มองคังยูรีมีแต่ความอาทร ชายหนุ่มเป็นห่วงคังยูรีมากเหลือเกิน
“กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
นัมจีโฮก็กุมมือของคังยูรีวิ่งฝ่าสายฝนเพื่อจะพาเธอกลับบ้านตามที่ได้บอกกับเธอเอาไว้ ระหว่างทางก็วิ่งเข้าไปหลบฝนตามสถานที่ต่างๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่รอดจากพายุฝนได้ กว่าจะถึงบ้านก็เปียกโชกไปทั้งคู่
คังยูรีเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาให้นัมจีโฮที่นั่งรออยู่ที่โซฟา เธอยิ้มด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่มที่นั่งตัวเปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำก็ว่าได้ เสียงหัวเราะของคังยูรีที่หลุดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นทำให้นัมจีโฮดูจะชอบใจนัก อย่างน้อยเธอก็ยังยิ้มได้อยู่
“ยังยิ้มอยู่อีก เข้าไปเปลี่ยนเสื้อได้แล้วเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“ค่ะ ว่าที่คุณหมอ เดี๋ยวฉันมานะ” เด็กสาวหยอกรับก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องนอนส่วนตัวของเธอ
คังยูรีเดินออกมาจากห้องนอนส่วนตัวหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อย เธอเดินมานั่งข้างๆ นัมจีโฮหยิบผ้าเช็ดตัวที่อยู่ข้างชายหนุ่มขึ้นมา ก่อนจะนำไปเช็ดผมให้ชายหนุ่มที่ยังคงชุ่มไปด้วยน้ำ
“พี่เนี่ยนะเช็ดผมให้แห้งแค่นี้ก็ทำไมได้ เดี๋ยวฉันทำให้แล้วกัน”
ระหว่างที่คังยูรีเช็ดผมให้นัมจีโฮอยู่นั้น มือของนัมจีโฮก็เลื่อนขึ้นมาจับมือของเธอเอาไว้ สายตาที่มองเธอดูสั่นไหวและอ่อนโยนนัก มือที่ว่างอีกข้างหนึ่งก็เลื่อนมากุมแก้มของเธอเอาไว้อีกที เขาค่อยๆ ใช้มือลูบแก้มเธอเบาๆ ด้วยความทะนุถนอม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เด็กสาวหน้าแดงใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเมื่อถูกสายตาของนัมจีโฮมองเคลิ้มมาที่เธอ ก่อนจะโล่งอกเมื่อมือทั้งสองข้างของชายหนุ่มที่สัมผัสเธออยู่นั้นค่อยๆ คลายออกไป แววตาที่หวานซึ้งและอบอุ่นเมื่อสักครู่ก็หายไปเช่นกัน
“ฝนหยุดตกแล้วพี่กลับบ้านก่อนดีกว่า ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
นัมจีโฮเดินออกจากบ้านไปในทันทีเมื่อพูดจบ ปล่อยให้คังยูรีสับสนกับการกระทำเมื่อสักครู่ของเขานัก เธอไม่รู้ว่าทำอะไรผิดหรือเปล่าถึงทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนท่าทีไปได้อย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เขายังยิ้มและมองเธอด้วยสายตาหวานซึ้งอยู่เลย หรือเป็นเธอเองที่คาดหวังอยู่ฝ่ายเดียว ที่เขามองเธอ ยิ้มให้เธอ ก็แค่เอ็นดูเธอเท่านั้น เขาไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรเกินเลยกับเธอเลยสักนิด
ในขณะที่ว้าวุ่นใจอยู่นั้น ชายชุดขาวที่กางร่มสีแดงก็ปรากฏตัวให้เธอเห็นอีกครั้งอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ ครั้งนี้เด็กสาวมั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเอง ผู้ชายที่ยืนจ้องเธออยู่นั้นมีตัวตนอย่างแน่นอน
คังยูรีไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปข้างนอกบ้าน แต่แล้วชายคนดังกล่าวก็หายตัวไปอีกเช่นเคย เด็กสาวกำมือแน่นแววตาขุ่นเคืองให้ชายผู้นั้นเป็นอย่างมาก ต่อให้เขาจะเป็นพวกวิกลจริต คนบ้าหรือเป็นใครก็ตาม เธอก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ ถึงได้คอยตามแอบดูเธออยู่อย่างนี้
“ออกมานะ แน่จริงก็โผล่หน้ามาสิ”
คังยูรีตะโกนสุดเสียงเพื่อเรียกหาชายดังกล่าว จู่ๆ ลมหนาวไม่ทราบที่มาก็พัดผ่านตัวเธอไป เด็กสาวสัมผัสได้ถึงความเย็นวูบวาบไปทั้งตัว และตอนนี้เธอก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนยืนอยู่ที่ข้างหลังเธอ
คังยูรียืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ถึงเธอจะกล้าบ้าบิ่นเรียกร้องเขาให้ออกมา แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอเองเหมือนพึ่งรู้ตัวว่าได้ทำพลาดไป ขนาดแค่เขายืนอยู่ข้างหลังเธอไม่ทันได้สบตาก็ทำให้เธอรู้สึกกลัวได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเผชิญหน้ากับเขาซึ่งๆ หน้าเธอจะรับไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากัน เธอต้องรู้ให้ได้ว่าชายดังกล่าวคือใคร คังยูรีหลับตารวบรวมความกล้าก่อนจะค่อยๆ ลืมตาหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มชุดขาวที่ยืนอยู่
ชายหนุ่มตรงหน้าเธอดูสูงกว่าเธอมากนัก ใบหน้าคมเข้ม รูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของเขานั้นช่างขัดกับบรรยากาศเย็นยะเยือกนี้เสียจริงๆ ร่างสูงใหญ่ที่ดูอบอุ่นเหตุใดถึงมีแววตาที่ดูเย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นนี้
เด็กสาวจ้องไปที่ดวงตาคมเข้มของชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ ระหว่างนั้นเองพายุฝนก็โหมกระหน่ำลงมาอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่าเธอกลับตัวแห้งสนิทไม่มีแม้แต่ละอองฝนหยดเดียวที่เข้ามาสัมผัสตัวเธอ ถึงชายดังกล่าวจะกางร่มบังฝนเอาไว้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่โดนน้ำฝนเลยสักนิด สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไรกันแน่
“เรียกฉันมาไม่ใช่เหรอ”
คังยูรีที่กำลังสับสนกับสถานการณ์รอบตัวก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่ม เด็กสาวถลาหลังถอยออกด้วยความตกใจ ทำให้ร่างบอบบางของเธอนั้นเกือบหงายหลังล้มลง แต่ยังดีที่มีแขนยาวของชายหนุ่มคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะดึงร่างบอบบางของเธอนั้นให้เข้าสู่อ้อมอกเขาโดยที่เด็กสาวเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
“เด็กโง่! อยากตัวเปียกมากหรือไง” ชายชุดขาวตำหนิขึ้น
คังยูรีค่อยๆ สะบัดมือออกจากมือหนาของชายหนุ่ม เด็กสาวถอยห่างออกจากชายหนุ่มเล็กน้อยแต่ก็ยังคงอยู่ในรัศมีร่มที่เขากางเอาไว้ เธอเงยหน้าสบตาเขาอีกครั้ง ความกลัวของเด็กสาวได้หายไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ความเคลือบแคลง ความอยากรู้ของตัวตนชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าเธอมากกว่า
“คุณตามฉันทำไม”
“เพื่อมองดูเธอไง ฉันมีบุญคุณกับเธอ เธอรู้แค่นี้ก็พอ”
“ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดสักนิด ฉันไม่เคยรู้จักคุณ สิ่งที่คุณกำลังทำตอนนี้มันทำให้ฉันกลัว ฉันอยากให้คุณอยู่ให้ห่างจากฉันแล้วฉันจะไม่เอาเรื่องคุณ”
คำตอบของคังยูรีทำให้ชายชุดขาวหลุดขำออกมา ในความคิดของเขาเด็กน้อยคนนี้ช่างดูไร้เดียงสายิ่งนัก คำพูดที่ดูดุดันแต่แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนั้นทำให้ชายหนุ่มอดเอ็นดูเธอไม่ได้ เธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
“เอาเถอะ อย่างน้อยเธอก็คงไม่ได้เห็นฉันไปอีกสักพัก ฉันเองก็มีธุระที่ต้องไปจัดการเหมือนกัน เด็กนักเรียนอย่างพวกเธอทำไมถึงชอบสร้างปัญหากันจริงๆ"
“คุณพูดอะไรเข้าใจยากอีกแล้ว” เด็กสาวเริ่มงอแง
“เดี๋ยวเธอก็เข้าใจเองแหละ เด็กหนุ่มคนเมื่อกี๊เธอชอบเขาสินะ มีบางอย่างที่ฉันอยากบอกเธอเอาไว้ อย่าคาดหวังเธอจะได้ไม่ผิดหวัง จำคำนี้ไว้นะคังยูรี”
สิ้นคำกล่าวนั้นชายหนุ่มในชุดขาวก็เดินผ่านตัวเด็กสาวไป พายุฝนเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนเป็นท้องฟ้าสีส้มแดงในยามเย็นทันที เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เด็กสาวประหลาดใจเป็นอย่างมาก คังยูรีรีบหันกลับมองตามชายหนุ่มแต่ก็ไม่พบเขาแล้ว จะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะหายตัวไปเร็วได้ขนาดนี้
เมื่อนึกถึงใบหน้าเย็นชาของชายหนุ่มก็ทำให้เด็กสาวรู้สึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง ไหนจะคำพูดที่เขาพูดกับเธอเมื่อสักครู่อีก ทุกอย่างที่ออกมาจากเขาช่างดูหน้าขนหัวลุกเสียจริงๆ คังยูรีใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดร่างกายตัวเองเอาไว้ เธอมองสำรวจสิ่งรอบตัวอีกครั้งด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะรีบจ้ำเท้าเข้าบ้านไปในที่สุด
หลายวันผ่านไป
คังยูรีนั่งอยู่ที่โต๊ะนักเรียนมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความครุ่นคิด หลายวันที่ผ่านมาเธอไม่พบชายชุดขาวปรากฏตัวอีกเลย เธอยังคงจำคำพูดเขาได้ ที่เขาบอกเธอว่าจะไม่ได้เจอกันสักระยะดูเหมือนมันจะเป็นอย่างที่เขาพูดเอาไว้จริงๆ แต่จะให้ดีการไม่ได้เจอกับเขาตลอดไปน่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่า เพราะเมื่อไหร่ที่เธอนึกถึงใบหน้าเย็นชาของชายหนุ่มนั้นมันกลับทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวงอย่างบอกไม่ถูก
ระหว่างที่คังยูรีหมกมุ่นกับความคิดอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นนัมจีโฮที่กำลังหยอกล้อกับเพื่อนสาวร่วมห้องของเขาผ่านหน้าประตูห้องเรียนของเธอ เมื่อเห็นชายหนุ่มสนิทสนมกับหญิงคนอื่นก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา นัมจีโฮเองก็ด้วยเหมือนกันที่เธอไม่ได้เห็นหน้าตลอดหลายวันที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่เขาไปส่งเธอที่บ้านในวันฝนตกหนัก หลังจากนั้นดูเหมือนว่าเขาเองจะพยายามหลบหน้าเธอตลอด เธอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดชายหนุ่มถึงเป็นเช่นนี้
“ยูรี เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า”
เสียงทักของซออึนซูทำให้คังยูรีต้องละออกจากความคิด เด็กสาวหันมายิ้มให้กับเพื่อนสาวคนสนิทของเธอ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินจูงมือกันไปยังโรงอาหารเพื่อรับประทานมื้อเที่ยงของวัน
สองสาวทานมื้อเที่ยงกันอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากอิ่มจากมื้อเที่ยงก็พากันเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารตามทางเดินของโรงเรียน ซออึนซูมองหน้าคังยูรีด้วยความสงสัย เด็กสาวมีคำถามมากมายที่อยากจะถามเพื่อนสาว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถามออกไปจะดีหรือไม่
“อึนซู มีอะไรก็พูดมาเถอะ จ้องฉันอยู่ได้”
“เธอรู้เรื่องพี่จีโฮหรือยัง เขาลือกันว่าพี่จีโฮกับพี่แฮวอนกำลังคบกันอยู่น่ะ”
คำพูดของซออึนซูทำให้คังยูรีต้องชะงักในทันที ก่อนหน้านี้เธอเองก็เห็นว่านัมจีโฮกับเพื่อนสาวร่วมห้องเดินหยอกล้อกันจริงๆ หรือว่าทั้งสองคบกันอย่างที่เพื่อนสาวบอก พอคิดแบบนั้นแววตาก็เริ่มสั่นเครือ ในใจร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก หรือที่นัมจีโฮพยายามหลบหน้าเธอเป็นเพราะเหตุผลนี้ เพราะเขาคงไม่อยากให้แฟนของเขาต้องมาเข้าใจผิดถ้าต้องใกล้ชิดกับเธอ
“ยูรี เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ทำไมฉันต้องเป็นอะไรด้วยล่ะ พี่จีโฮจะคบใครไม่เห็นเกี่ยวกับฉันเลย”
“เธอไม่ได้รู้สึกอะไรฉันก็ดีใจ ยูรี… ไม่ว่ายังไงฉันก็อยู่ข้างเธอเสมอนะ”
ซออึนซูรู้ดีว่าเพื่อนสาวของเธอกำลังแกล้งทำว่าไม่เป็นไรเพื่อหลบหลีกความรู้สึกที่แท้จริง เธอเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของคังยูรีจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเพื่อนสาวของเธอรู้สึกยังไงในตอนนี้ ซออึนซูรู้ดีว่าคังยูรีรู้สึกเช่นไรกับนัมจีโฮ เธอเองก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเธอจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
___________________
โรงเรียนมัธยมปลายยองคัง ณ เมืองยอซู
เด็กสาวผมยาวหน้าม้าในชุดยูนิฟอร์มนักเรียนกำลังยิ้มหวานเคลิ้มหลับอยู่ในห้องสมุด ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากคุณครูให้นักเรียนทุกคนกลับบ้านเพราะตอนนี้ก็เลยเวลาเลิกเรียนมานานมากแล้ว
“คังเยนา!”
เด็กสาวในชุดนักเรียนหันขวับไปตามเสียงที่ขานชื่อของเธอทันที แต่สิ่งที่ได้มาก็มีแต่ความว่างเปล่าเหมือนเช่นทุกครั้ง เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงเรียกชื่อเธอนั้นเป็นอย่างมากแต่ก็จำไม่ได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร แต่ความรู้สึกลึกๆ ของเธอก็มั่นใจว่าเจ้าของเสียงนั้นกับเธอต้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
คังเยนาลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ สักครู่ความเย็นยะเยือกก็ผ่านเข้ามาสัมผัสร่างของเธอ เส้นผมของเธอสยายตามแรงลมเล็กน้อย เด็กสาวยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เพราะเธอรู้ว่าชายหนุ่มที่ชอบใส่ชุดขาวและถือร่มสีแดงคนนั้นยืนอยู่ข้างหลังตอนนี้อย่างแน่นอน
“ผู้ส่งสาร” คังเยนายิ้มแป้นทักทายผู้มาเยือนในทันที
“ทำไมต้องยิ้มขนาดนี้ด้วย”
“ก็ฉันดีใจที่ได้เจอคุณไง คุณไปไหนมา ตอนคุณไม่อยู่ฉันเหงามากเลยรู้ไหม”
“ที่นี่มีเด็กนักเรียนตั้งเยอะแยะเธอจะเหงาได้ยังไง”
“ก็นักเรียนพวกนี้ไม่เหมือนกับคุณไง พวกเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้พิเศษเหมือนกับคุณ จะมีสักกี่คนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณเหมือนกับฉันล่ะ”
“อย่างน้อยตอนนี้ก็มีเพิ่มมาอีก 1 คนแล้ว เด็กคนนั้นเหมือนกับเธอเปี๊ยบเลย ชอบสร้างเรื่องเหมือนกับเธอ”
“อ๋อ คนที่คุณบอกว่าจะช่วยฉันได้ใช่ไหม แล้วเธออยู่ไหนล่ะ ฉันจะได้เจอเธอเมื่อไหร่ เธอหน้าตาเป็นยังไง ฉันกับเธอใครสวยกว่ากัน”
“ใจเย็นๆ สิเดี๋ยวก็ได้เจอ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ รับรองว่าได้เจอแน่นอน”
“อืม…ฉันยังไงก็ได้หมดแหละ รอมาขนาดนี้แล้วจะรออีกหน่อยจะเป็นไรไป ขอแค่เธอช่วยฉันได้จริงๆ ก็พอ”
“จะช่วยได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับเธอด้วยคังเยนา ไม่มีใครช่วยเธอได้ดีกว่าที่เธอช่วยตัวเองหรอก อย่าหวังพึ่งพาคนอื่นให้มาก”
“บ่นอีกละ ฉันเข้าใจแล้วน่า ฉันคังเยนาซะอย่าง ยังไงก็ต้องผ่านไปได้อยู่แล้ว” เด็กสาวยิ้มกว้างมองไปที่ชายหนุ่มชุดขาวด้วยความมั่นใจ แววตาที่มุ่งมั่นของเธอทำให้ชายหนุ่มนั้นดูพอใจยิ่งนัก
“แล้วฉันจะคอยดู”
ชายหนุ่มยิ้มพยักหน้าตอบรับเด็กสาวก่อนจะเดินออกจากเธอไป ยังไม่ทันได้เดินพ้นจากห้องสมุดก็ได้ยินคังเยนาตะโกนเรียกชื่อของเขาออกมา ชายหนุ่มหันกลับมองเด็กสาวที่ยืนยิ้มแป้นอยู่อีกครั้ง
“ขอบคุณมากนะชาฮีจู”
ใช่..ชาฮีจูก็คือชื่อของเขา ชายหนุ่มเองก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่มีคนจดจำชื่อของเขาได้ เพราะไม่มีคนธรรมดาที่ไหนสามารถจดจำชื่อเขาได้เลย
ชาฮีจูเป็นผู้ส่งสารที่อยู่ระหว่างโลกวิญญาณและโลกมนุษย์ หน้าที่ของเขาคือช่วยเหลือดวงวิญญาณที่ยังติดอยู่ในบ่วงความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ถ้ายังไม่หมดห่วง เขาจึงเป็นผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย เมื่อภารกิจและหน้าที่เสร็จเรียบร้อย ญาติของผู้สูญเสียก็จะลืมเลือนเรื่องของเขาไปจนหมด แม้แต่ชื่อของเขาก็ไม่มีใครจำได้