นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“
พี่จีโฮ เดี๋ยวสิ! ที่หลบหน้าฉันทำไม”
คังยูรีวิ่งตะโกนตามหลังชายหนุ่มที่กำลังเร่งฝีเท้าออกห่างจากเธอ เด็กสาวไม่อาจเพิกเฉยต่อการกระทำของนัมจีโฮได้อีกต่อไป
หลายวันที่ผ่านมาเขาเอาแต่หลบหน้าเธอ ถ้าเป็นเพราะกลัวผู้หญิงที่เขาคบอยู่เข้าใจผิดก็ดูจะเกินไปหน่อย จะตัดสัมพันธ์กับเธอเพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ สำหรับคังยูรีแล้วไม่ว่านัมจีโฮจะคบกับใครเขาก็ยังคงเป็นความรู้สึกดีสำหรับเธอเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ตาม
คังยูรีวิ่งไปดักหน้าชายหนุ่มสำเร็จ แววตาจับจ้องไปที่นัมจีโฮอย่างผิดหวัง และดูเหมือนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้จะรู้สึกอึดอัดมากเช่นกัน
“พี่หลบหน้าฉันทำไม ฉันไปทำอะไรให้พี่โกรธเหรอ”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
“พี่ไม่ต้องบ่ายเบี่ยงเลย กี่วันแล้วที่พี่พยายามหลบหน้าฉัน ก็ตั้งแต่… ตั้งแต่…”
เด็กสาวกระอักกระอ่วนที่จะพูดออกไป ก็ตั้งแต่วันที่เขาไปส่งเธอในวันฝนหนัก วันนั้นทั้งคู่ต่างรู้สึกได้ถึงความพิเศษของอีกฝ่าย แต่อยู่ๆ ชายหนุ่มก็มีท่าทีเปลี่ยนไป มิหนำซ้ำยังขอกลับบ้านเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากวันนั้นก็พยายามหลบหน้าเธอมาตลอดราวกับว่ารังเกียจเธอก็ว่าได้
“ไม่มีอะไรหรอกพี่ว่าเธอคิดมากไปแล้วนะ เด็กโง่…พี่จะหลบหน้าเธอไปทำไม” นัมจีโฮยีผมของเด็กสาวด้วยความเอ็นดู เขายิ้มหวานให้กับเธอเล็กน้อย ก่อนจะคลายมือนั้นออกแล้วเดินออกจากเธอไปอีกครั้ง
คังยูรีไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด การกระทำของนัมจีโฮกลับทำให้เธออึดอัดมากขึ้นกว่าเดิมอีก สายตาของชายหนุ่มมองเห็นแค่เธอเป็นเด็กน้อยหรือไง ถ้าไม่ยอมพูดความจริงออกมา งั้นเธอก็จะเป็นฝ่ายรุกถามเองก็ได้
“เพราะพี่กลัวพี่แฮวอนเข้าใจผิดใช่มั้ยพี่ถึงได้เย็นชากับฉันแบบนี้ พี่จะคบใครก็คบไปสิแต่ทำไมพี่ต้องตัดฉันออกจากชีวิตพี่ด้วย แค่นี้ฉันยังรู้สึกโดดเดี่ยวไม่พอหรือไง”
คังยูรีตะโกนตามหลังชายหนุ่ม เด็กสาวปล่อยความอัดอั้นภายในความรู้สึกออกมา เธอร้องไห้วิ่งผ่านชายหนุ่มไปด้วยความน้อยใจ ราวกับว่าที่พึ่งพิงที่สุดท้ายของเธอไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
นัมจีโอมองตามหลังเด็กสาวอย่างรู้สึกผิด หรือว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันดูเกินไปจริงๆ ยิ่งทำตัวห่างเหินเธอมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเท่ากับเขากำลังทำร้ายความรู้สึกเธอมากเท่านั้น
นัมจีโฮมีบางอย่างที่อยากจะบอกคังยูรี แต่เพียงเพราะว่าเธอพึ่งเสียผู้เป็นแม่ไปเลยไม่อยากบอกให้เด็กสาวรู้ เพราะถ้าบอกเธอไปแล้วก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดและโดดเดี่ยวมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
คังยูรีเดินมาถึงห้องเรียนด้วยท่าทางเซื่องซึม ก่อนจะเหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวกำลังเพลิดเพลินกับของบางอย่างอยู่ แววตาที่ดูเลื่อนลอยนั้นก็ค่อยๆ จางลง อย่างน้อยเธอก็ยังมีซออึนซูอีกคนที่ให้ที่พักพิงเธอได้ คังยูรีเดินตรงไปหาเพื่อนสาวในทันที วันนี้ดูเหมือนว่าซออึนซูจะสดใสมากเป็นพิเศษ
“มีอะไรเหรอ…แล้วนี่อะไร” คังยูรีชี้ไปที่กล่องซึ่งถูกวางอยู่บนโต๊ะเรียน
“ช็อกโกแลตน่ะ พอดีมีพี่ม.5ฝากมาให้น่ะ”
“ใครอ่ะ แล้วเธอไปรู้จักเขาได้ยังไง” คังยูรีถามอย่างต่อเนื่อง เธอเองก็ดูจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
“ไม่รู้จักหรอก ฉันมาถึงโต๊ะก็เห็นของพวกนี้วางไว้อยู่แล้ว นี่ไง…มีข้อความแนบมาด้วย”
ซออึนซูยื่นแผ่นกระดาษที่แนบมากับกล่องช็อกโกแลตให้กับคังยูรีเปิดอ่านดู ข้อความที่ฝากมานั้นดูจะหวานเลี่ยนอยู่ไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนสาวของเธอจะดูปลื้มปริ่มได้ถึงเพียงนี้
“พี่ชื่อคยองซานนะ อยู่ม.5 พึ่งย้ายมาเรียนที่นี่ พี่อยากทำความรู้จักกับเธอ
เย็นนี้ให้พี่ไปส่งที่บ้านนะ พี่จะรอเธออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน”
คังยูรีอ่านข้อความดังกล่าวก็ยิ้มออกมาในทันที ไม่น่าเชื่อว่าสมัยนี้ยังมีการส่งจดหมายเพื่อจีบสาวแบบนี้อยู่อีก จะว่าไปก็ดูคลาสสิคดีไปอีกแบบ
“แล้วเธอจะไปเจอเขามั้ย”
“เธอว่าฉันควรไปมั้ย คือฉันเองก็ไม่ค่อยกล้าเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เธอก็รู้นี่ว่าฉันเคยมีใครมาจีบซะที่ไหนกัน”
“ไปสิ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”
“งั้นก็ได้ ฉันเชื่อคำพูดเธอแล้วกัน” ซออึนซูยิ้มกว้างตอบรับ อย่างน้อยมีคังยูรีไปเป็นเพื่อนก็ทำให้เธอรู้สึกกล้าขึ้นมาบ้าง
___________________
โรงเรียนมัธยมปลายยองคัง ณ เมืองยอซู
“เยนา! คังเยนา!”
น้ำเสียงที่ดูตื่นตระหนกนั้นทำให้เด็กสาวเจ้าของชื่อที่นอนกลางวันต้องสะดุ้งตื่น และก็ต้องตกใจอีกรอบเมื่อเห็นชาฮีจูนั่งอยู่บนโต๊ะกำลังก้มหน้าจ้องมาที่เธออย่างไม่ละสายตา คังเยนาร้องอุทานออกมาอย่างเสียงดังก่อนจะรีบเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ เหมือนกลัวว่าใครจะดุให้ที่เธอเสียงดังในห้องสมุดแบบนี้
“ตกใจหมดเลย แล้วขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำไม ลงมาเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวก็โดนครูว่าหรอก”
“นี่เธอลืมไปแล้วเหรอว่าไม่มีใครมองเห็นฉัน”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวชะงักทันที ใช่แล้วเธอลืมไปเสียสนิทเลยว่าไม่มีใครในนี้เห็นชายชุดขาวที่ชอบพกร่มสีแดงเลยสักคนนอกจากเธอ
“นั่นสินะ นี่…ผู้ส่งสาร เดี๋ยวนี้ฉันได้ยินเสียงคนเรียกชื่อฉันอีกแล้ว เป็นเสียงผู้ชาย ฉันเองก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แต่ทำไมถึงจำไม่ได้นะ”
“ช่วงนี้ได้ยินบ่อยขึ้นเหรอ” ชายหนุ่มคิ้วขมวด สีหน้าดูกังวลเล็กน้อย
“อืม ว่าแต่…ไหนคุณบอกว่าจะมีคนมาช่วยฉันไง นี่ผ่านมาหลายวันแล้วเมื่อไหร่จะมาสักที ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ อยู่แบบนี้มันน่าอึดอัดจะตาย” เด็กสาวเริ่มงอแง
“ใกล้แล้วล่ะ ถ้าเธอจำอะไรได้ก็รีบบอกฉันแล้วกัน”
“ได้สิ แล้วนั่นคุณจะไปไหน”
“ฉันก็ต้องไปทำงานของฉันสิ แล้วก็ว่าจะแวะไปดูคู่หูเธอด้วยสักหน่อย”
“เหรอ งั้นฉันไปด้วยได้มั้ย” เด็กสาวยิ้มแป้นอย่างมีความหวัง
“จะไปยังไง หรือเธอจะหายตัวไปเหมือนที่ฉันทำ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม
“เฮ่อ! เป็นคนความทรงจำเสื่อมก็ว่าแย่แล้ว นี่อยากจะออกไปไหนก็ไม่ให้ไปอีก วันๆ อยู่แต่ในห้องสมุดน่าเบื่อจะตาย”
“แต่อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสได้ลิ้มรสความรู้สึกเบื่อนะ ยังได้ใช้ชีวิตในโลกที่สวยงามแบบนี้ แต่กับบางคนไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ”
“ชาฮีจู ทำไมคุณต้องซีเรียสตลอดเวลาด้วย ฉันก็แค่บ่นเอง” เด็กสาวหน้ามุ่ยมากกว่าเดิม เธอค้อนให้ชายหนุ่มเล็กน้อย
“ช่างเถอะ! ฉันไปล่ะ”
“เดี๋ยวสิ! เธอชื่ออะไร คนที่จะมาช่วยฉันน่ะ อย่างน้อยฉันก็ควรรู้ชื่อเธอไม่ใช่เหรอ”
“คังยูรี เธอชื่อคังยูรี”
____________________
โรงเรียนมัธยมปลายกอซอง จังหวัดคย็องกี
คังยูรีและซออึนซูยืนด้อมๆ มองอยู่บริเวณพุ่มไม้ใกล้ประตูโรงเรียน สองสาวชะเง้อมองหาหนุ่มนักเรียนที่ส่งข้อความมาให้กับซออึนซูด้วยความตื่นเต้น
“ยูรี เธอว่าเป็นคนไหนน่ะ คนเยอะแบบนี้แล้วฉันจะไปรู้ได้ไงว่าพี่เขาเป็นใคร” ซออึนซูเอ่ยถามเพื่อนสาว สายตาก็กวาดมองไปยังเหล่าหนุ่มนักเรียนที่ยืนอยู่บริเวณประตูโรงเรียน
“ฉันว่าคนนั้น”
คังยูรีชี้ไปที่หนุ่มรักเรียนในยูนิฟอร์มที่ไม่คุ้นตา เพราะเขาบอกว่าพึ่งย้ายมาเรียนที่นี่อาจจะเป็นไปได้ที่ยังไม่มียูนิฟอร์มของโรงเรียนกอซอง เลยต้องใส่ยูนิฟอร์มของโรงเรียนเดิมไปก่อน
ซออึนซูหันมองตามที่เพื่อนสาวชี้ เมื่อเห็นใบหน้าหนุ่มนักเรียนดังกล่าวเธอก็ตาโตและใจเต้นแรง เด็กหนุ่มคนนั้นเขาดูดีและหล่อเหลากว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้ จะเป็นไปได้ยังไงที่คนอย่างเขาจะมาชอบเธอ เธอที่ดูเป็นเด็กสาวธรรมดาทั่วไป
“ยูรี ฉันไม่กล้าไปเจอเขาน่ะ ฉันว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ พี่เขาคงไม่ได้ชอบฉันหรอก” ซออึนซูน้ำเสียงตะกุกตะกัก เธอไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย
“ทำไมเขาจะชอบเธอไม่ได้ มั่นใจในตัวเองหน่อยสิอึนซู เธอน่ะ…น่ารักจะตาย เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง พี่คะ…อึนซูอยู่ทางนี้ค่ะ”
เสียงตะโกนพร้อมโบกไม้โบกมือของคังยูรีนั้นดังพอที่จะทำให้หนุ่มนักเรียนที่อยู่อีกฝั่งได้ยิน เขายิ้มทันทีเมื่อเห็นเด็กสาวทั้งสองคนก่อนที่จะเดินตรงเข้ามาหาทั้งคู่
“สู้ๆ นะเพื่อน ฉันไปล่ะ”
“เดี๋ยวสิยูรี คังยูรี!”
ซออึนซูตะโกนเรียกเพื่อนสาวที่วิ่งออกไปอย่างสุดเสียง แต่ดูเหมือนเพื่อนเธอจะจงใจทิ้งเธอให้อยู่กับหนุ่มนักเรียนที่กำลังเดินมา ในใจของเธออดเคืองเพื่อนรักอยู่บ้าง แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้เธอก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว
คังยูรีหลังจากแยกตัวออกมาก็เดินเหม่อลอยกลับบ้านอย่างเรื่อยเปื่อย ความหดหู่ก็กลับเข้ามาอีกครั้ง เมื่อไหร่ที่ต้องอยู่คนเดียวก็ทำให้อดที่จะคิดถึงผู้เป็นแม่ไม่ได้ ไม่ทันขาดคำ น้ำตาแห่งความโศกเศร้าก็ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย คังยูรีไม่ต้องการที่จะเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากนั้นออกแม้แต่น้อย เธอปล่อยให้น้ำใสๆ นั้นไหลออกมาอย่างอิสระเพื่อตอกย้ำความโศกเศร้าที่อยู่ในใจ
ชาฮีจูยืนมองคังยูรีที่เดินอย่างไม่มีจุดหมายปลายทางด้วยความรู้สึกเวทนานัก ชายหนุ่มเข้าใจในความรู้สึกของเด็กสาวเป็นอย่างดี เพราะการสูญเสียคนที่รักไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดกันทั้งนั้น
ชาฮีจูเบือนหน้าออกเล็กน้อยเพราะไม่อยากรู้สึกหดหู่ไปกับเด็กสาว แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะงานผู้ส่งสารที่รับผิดชอบอยู่นั้นเกี่ยวข้องกับเด็กสาวโดยตรง
ชาฮีจูเหลือบไปเห็นหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก แววตาของหญิงผู้นั้นมีแต่ความอาวรณ์ ความโศกเศร้าไม่ต่างจากคังยูรีสักนิด ชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนดังกล่าว เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอก่อนจะเผยรอยยิ้มให้กับเธอ
“คุณน้าไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ ลูกสาวคุณน้าเข้มแข็งมาก เธอต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน”
คำพูดของชาฮีจูทำให้หญิงวัยกลางคนหันมาสบตาเขาในทันที แววตาของเธอมีแต่ความเคลือบแคลงในตัวชายหนุ่ม เพราะเหตุใดทำไมเขาถึงได้มองเห็นเธอด้วย
“คุณมองเห็นฉันด้วยเหรอคะ และคุณยังรู้ด้วยว่ายูรีเป็นลูกสาวฉัน งั้น…คุณช่วยยูรีหน่อยได้มั้ย บอกเด็กคนนั้นให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องอยู่ให้ได้”
สาววัยกลางคนพรั่งพรูความเศร้าหมองออกมา เธอทรมานเป็นอย่างมากที่ต้องเห็นลูกสาวสุดที่รักหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ และรู้สึกผิดที่ทิ้งให้ลูกสาวต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เธอค่อยๆ ฟุบลงไปนั่งที่พื้น มือของเธอก็เกาะแขนของชาฮีจูเอาไว้แน่นเพื่อขอร้องต่อชายหนุ่มให้ช่วย
คังยูรีเดินเรื่อยๆ ก็มาถึงบ้านในที่สุด เด็กสาวฟุบนั่งชันเข่าก้มหน้าหลับตาลงอยู่หน้าประตูบ้าน เธอไม่อยากที่จะเข้าไปข้างในบ้านด้วยซ้ำ ทุกมุมในบ้านล้วนแต่มีความทรงจำของผู้เป็นแม่ของเธออยู่ ถึงเธอจะบอกตัวเองให้เข้มแข็งและมีชีวิตที่ดีให้ได้ แต่เอาเข้าจริงเธอกลับทำไม่ได้เลย
แม้ว่าบางครั้งเธอจะยิ้มแย้มเวลาที่อยู่กับซออึนซู หรือรู้สึกดีที่อยู่กับนัมจีโฮ แต่ทั้งหมดก็แค่ความรู้สึกที่ฉาบฉวย เพราะไม่มีอะไรดีและมีความสุขเท่ากับการที่ได้อยู่กับผู้เป็นแม่ของเธอแล้ว การใช้ชีวิตแต่ละวันของคังยูรีจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากนัก
คังยูรีนั่งฟุบอยู่แบบนั้นสักครู่ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องเผชิญกับความจริงที่เป็นอยู่ เพราะไม่ว่าวันนี้หรือวันต่อๆ ไปเธอก็ต้องอยู่คนเดียว และต้องยอมรับความจริงว่าแม่ของเธอได้จากเธอไปแล้ว
คังยูรีสะดุ้งตกใจกับใบหน้าคมเข้มของชาฮีจูที่กำลังจ้องมาที่เธอ ในมือของชายหนุ่มยังคงกางร่มคันสีแดงเอาไว้เช่นทุกครั้ง คังยูรีรีบลุกขึ้นแล้วเดินถอยห่างออกจากชายหนุ่มในทันที
“คุณเป็นคนหรือผีกันแน่ ทำไมชอบโผล่มาทำให้ฉันตกใจอยู่เรื่อยเลย จะมาแบบคนปกติไม่ได้หรือไง” เด็กสาวกอดเป้เอาไว้แน่น เธอทั้งกังวลและหวาดกลัวชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“นี่แหละปกติของฉัน เดี๋ยวเธอก็ชิน”
“ชินเหรอ? หมายถึงฉันต้องเจอคุณอีกเหรอ”
“ใช่ เราคงต้องเจอกันอีกสักพัก เพราะฉันรับปากกับเด็กคนหนึ่งไว้ว่าจะช่วยน่ะ และเธอก็เป็นคนที่ช่วยเด็กคนนั้นได้”
“ช่วยยังไง!”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้ ฉันเองก็คงต้องหาคำตอบไปพร้อมกับพวกเธอนั่นแหละ”
คังยูรีค่อยๆ คลายมือที่กอดเป้ไว้ออก แววตาที่หวาดระแวงก็ค่อยๆ จางลง เธอเองก็รู้สึกสับสนกับตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคำพูดของชายตรงหน้าถึงได้ดูจริงใจและทำให้เธอคล้อยตามได้ง่ายขนาดนี้
“คังยูรี เธอควรจะปล่อยแม่ของเธอไปได้แล้วนะ”
คำพูดของชาฮีจูที่จู่ๆ ก็พูดถึงแม่ของเธอดูเหมือนจะทำให้เด็กสาวไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาเป็นใครถึงมาบอกเธอแบบนี้ และเขารู้มั้ยว่าแม่ของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว ที่มาบอกว่าเธอไม่ยอมปล่อยแม่ของเธอไปมันหมายความว่ายังไง คังยูรีจ้องไปที่ดวงตาคมเข้มนั้นด้วยความขุ่นเคือง
“ฉันเนี่ยนะไม่ยอมปล่อยแม่ไป คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงคนที่ตายไปแล้ว ถ้าฉันไม่ยอมปล่อยแม่ไปจริงๆ ตอนนี้แม่ก็ต้องอยู่กับฉันสิ ไม่ใช่หนีฉันไปแบบนี้” เด็กสาวร่ำไห้ด้วยความเสียใจ
“ที่เธอร้องหาแม่ อยากเจอแม่ อยากอยู่กับแม่จนต้องนอนสะดุ้งตื่นมากลางดึกทุกคืนแบบนี้ นั่นแหละคือเธอไม่ยอมปล่อยแม่เธอไป เธอใช้ชีวิตแบบนี้แล้วแม่เธอจะหมดห่วงได้ยังไง”
“ทำไมคุณรู้ว่าฉันนอนฝันร้ายทุกคืน ทำไมคุณรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ คุณเป็นใครกันแน่” คังยูรีเริ่มมีท่าทีและสีหน้าวิตกอีกครั้ง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มดังกล่าวจะรู้ในสิ่งที่เธอคิดไปซะทุกอย่าง
“ฉันก็เป็นแค่คนส่งสาร สารจากคนที่ยังมีเรื่องที่ข้ามผ่านไปยังอีกโลกไม่ได้ และแม่เธอก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“ฮ่าๆ คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่สิ..คงเป็นฉันที่บ้า ที่มายืนคุยกับคุณอยู่ได้”
คังยูรีส่ายหน้าและแสยะยิ้มอย่างคนจิตไม่ปกติ เธอไม่อยากเสียเวลากับชาฮีจูอีกแล้ว เด็กสาวหันหลังให้กับชายหนุ่มเพื่อจะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
“คังยองจูเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อ1อาทิตย์ก่อนในวันเกิดครบรอบ16ปีของลูกสาวเธอ เธอตั้งใจออกไปซื้อเค้กให้กับลูกสาวเพียงคนเดียว แต่ด้วยวันนั้นมีพายุฝนเข้ามาทำให้เธอไม่ทันระวังตอนข้ามถนนก็เลยถูกรถชนจนเสียชีวิตทันที”
น้ำเสียงที่ดุดันของชาฮีจูทำให้คังยูรีต้องหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก เด็กสาวรีบหันมาสบตาชายหนุ่มในทันที เธอกังวลและสับสนอย่างบอกไม่ถูก เขาคือใครกันแน่ทำไมถึงได้รู้เรื่องราวของเธอกับแม่ของเธอมากมายขนาดนี้
“คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณไม่สงสารฉันบ้างเหรอ ทำไมต้องตอกย้ำฉันด้วย ทำไม!” คังยูรีตะคอกออกไปจนสุดเสียง มือทั้งสองกำไว้แน่นด้วยความขุ่นเคือง
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเป็นผู้ส่งสาร ฉันมาเพื่อช่วยให้แม่เธอได้จากไปอย่างหมดห่วง”
ชาฮีจูน้ำเสียงโอนอ่อนลง เขาเบนหน้าหันมาข้างซ้ายเล็กน้อยเพราะมีคังยองจูยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มมองหน้าดวงวิญญาณหญิงวัยกลางคนด้วยความเวทนา เธอกำลังร่ำไห้สงสารลูกสาวผู้เป็นที่รัก
มือซีดขาวของคังยองจูก็ค่อยๆ ยกขึ้นมาก่อนจะหยุดอยู่ตรงใบหน้าของลูกสาวผู้เป็นที่รัก เพียงแต่เธอไม่มีพลังงานมากพอที่จะสัมผัสคังยูรีได้ก็เท่านั้น
ชาฮีจูจับมือของคังยองจูเอาไว้ ชายหนุ่มเพียงแค่อยากช่วยมอบพลังพิเศษที่ตัวเองมีเพื่อให้เธอได้ผัสลูกสาวผ่านมือของเขาได้
ชาฮีจูค่อยๆ เลื่อนมือเข้ามาสัมผัสแก้มของคังยูรีที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ เขากุมแก้มเธอเอาไว้ใช้นิ้วลูบแก้มนั้นของเธอไปมาด้วยความทะนุถนอม ไออุ่นที่สัมผัสแก้มนั้นทำให้เธอรู้สึกได้และเธอก็จำสัมผัสอบอุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี
คังยูรีค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาชาฮีจู แม้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นชาฮีจู แต่มืออุ่นๆ ที่สัมผัสเธออยู่นั้นกลับเป็นมือของคนที่เธอโหยหามาตลอด เด็กสาวลูบมือนั้นที่สัมผัสแก้มเธอด้วยความคิดถึง เอียงแก้มอิงมือนั้นด้วยความอาวรณ์และค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะคลายมือออกแล้วโผเข้าไปกอดชาฮีจูโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว
“แม่ หนูคิดถึงแม่” เด็กสาวคร่ำครวญด้วยความคิดถึง
คังยูรีเข้าไปซบอกชาฮีจูและกอดเขาเอาไว้แน่น เด็กสาวไม่สนใจด้วยซ้ำว่าร่างที่เธอกอดอยู่นั้นไม่ใช่แม่ของเธอ เธอแค่อยากสัมผัสผู้เป็นแม่ให้มากกว่านี้
ชาฮีจูปล่อยมือข้างที่ถือร่มไว้ด้วยความตกใจ การกระทำของคังยูรีทำให้เขารู้สึกสับสนและประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดูผิดคาดที่เขาตั้งใจเอาไว้ไปหมด ทันทีที่ร่มสีแดงนั้นร่วงลงสู่พื้น ร่างของชายหนุ่มก็หายวับไปในทันที คังยูรีเองก็ตกใจและตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก