นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนคังยูรีก็มุ่งหน้าไปยังห้องเรียน เพื่อแวะเอากระเป๋าเป้ของเธอตามที่ตั้งใจไว้ก่อนจะกลับบ้าน เด็กสาวมาถึงห้องเรียนก็เห็นเพื่อนนักเรียนพากันมุงอยู่ที่โต๊ะเรียนของเธอ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในห้อง ยกเว้นซออึนซูที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“นั่นอะไรเหรอ” คังยูรีมองไปยังโต๊ะเรียนของเธอที่มีตัวอักษรมากมายเขียนขึ้นกำกับไว้
“ไม่มีอะไรหรอก เธออย่าดูเลยนะ” ซออึนซูรีบใช้ผ้าที่อยู่ในมือเช็ดตัวอักษรที่เขียนอยู่บนโต๊ะออก แต่ก็ไม่ทันเพราะคำทุกคำที่เขียนไว้บนโต๊ะเธอได้เห็นมันหมดแล้ว
ตัวอักษรเขียนขึ้นด้วยลิปสติกสีแดง เป็นคำที่มีแต่ความเกลียดชัง การด่าทอต่อคังยูรี ไม่ว่าจะนางสำส่อน นางแพศยา ผู้หญิงหน้าด้านและอีกคำด่าทอมากมาย คังยูรีขุ่นเคืองเป็นอย่างมากเพราะเธอก็อยู่ของเธอดีๆ ไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่ทำไมคนที่ทำเรื่องนี้ถึงได้จงเกลียดจงชังเธอนัก
“อึนซู เธอเห็นมั้ยว่าใครทำ”
“ไม่เห็น พอขึ้นมาจากเรียนคาบพละเสร็จก็เห็นเป็นแบบนี้แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยูรี จริงมั้ยที่เธอโดดเรียนไปหาพี่จีโฮมา”
“เธอโดดเรียนไปหาผู้ชายอย่างที่เขาพูดกันจริงๆ สินะ”
เสียงนักเรียนหญิงคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมกับซุบซิบนินทาอย่างสนุกปากกับเพื่อนร่วมห้องที่ยืนอยู่ข้างๆ จนคังยูรีต้องใช้หางตามองด้วยแววตาแข็งกร้าวถึงได้แยกย้ายกันออกไป
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก เธอไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนั้นว่าสักหน่อย อีกอย่างเธอกับพี่จีโฮก็สนิทกันจะไปเยี่ยมกันก็ไม่แปลก อย่าคิดมากเลยนะ” ซออึนซูตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“ขอบใจมากนะอึนซู ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้แน่” เด็กสาวกำมือแน่น เธอต้องจัดการและรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวให้เธอเสียหายแบบนี้
คังยูรีกลับมาถึงบ้านด้วยท่าทางหมดแรง เด็กสาวยืนหน้าประตูบ้านโน้มหน้าผากยันประตูด้วยความเหนื่อยล้า เธอหลับตาคิดถึงสีหน้าคนในโรงเรียนที่มองเธอด้วยแววตาเย้ยหยันและดูถูก ดูเหมือนว่าข่าวลือของเธอจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียแล้ว
ระหว่างครุ่นคิดเรื่องราวมากมายอยู่นั้นชาฮีจูก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มคว้าแขนของคังยูรีและดึงร่างของเธอให้เข้ามาหาเขาที่ยืนอยู่ คังยูรีเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยตกใจเป็นอย่างมาก เด็กสาวจ้องไปที่ชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว ก่อนสายตาจะโอนอ่อนลงเมื่อรู้ว่าเป็นชาฮีจู
“อะไรของคุณ ทำไมชอบทำให้ฉันตกใจอยู่เรื่อยเลย”
“เธอบอกฉันมา ใครเป็นคนบอกชื่อฉันกับเธอ” ชาฮีจูเอ่ยถามอย่างจริงจัง ก่อนจะรู้ตัวว่ามือเขานั้นยังคงจับแขนเด็กสาวเอาไว้แน่นจนต้องรีบคลายมือนั้นออก
“คุณไง!”
“ฉันเหรอ เป็นไปไม่ได้ ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้บอกเธอสักหน่อย”
“ฉันพูดจริงนะ เมื่อวานหลังที่คุณกลับไปแล้วฉันก็ได้ยินเสียงของคุณ คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าคุณชื่อชาฮีจู ไม่งั้นใครจะเป็นคนบอกล่ะ”
ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เขาจำได้ว่าตัวเองไม่ได้บอกชื่อกับคังยูรีจริงๆ ครุ่นคิดสักครู่ก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ เขาเริ่มจำได้แล้วว่าเขาได้พูดชื่อตัวเองออกมาก็จริง แต่เป็นการพูดอยู่ในห้วงนิมิตซึ่งคังยูรีไม่สามารถได้ยินสิ่งที่เขาพูดอยู่ในตอนนั้นอย่างแน่นอน
“คังยูรี เธอเป็นใครกันแน่”
ชายหนุ่มจ้องไปที่ดวงตากลมโตของเด็กสาวอย่างตั้งใจ ดูเหมือนว่าคังยูรีจะไม่ใช่เด็กสาวทั่วไปเสียแล้ว ชายหนุ่มเองก็สัมผัสได้มาตลอดว่าเธอมีความพิเศษมากกว่าคนอื่นๆ ที่เขาเคยทำหน้าที่ในฐานะผู้ส่งสาร แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ว่าเธอจะได้ยินคำพูดในห้วงนิมิตของเขาด้วย เรื่องนี้มันเกินที่ชายหนุ่มจะคาดคิดเอาไว้จริงๆ
“ฉันคือใครเหรอ ฉันก็คังยูรีไง คนที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่คุณก็รู้นี่แล้วยังจะถามอีก ตอนนี้ฉันไม่มีแรงจะเถียงกับคุณหรอกนะ ฉันบอกเรื่องที่คุณอยากรู้ไปแล้ว คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ”
“มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นสีหน้าเด็กสาวอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
“ก็…ช่างเถอะ บอกไปคุณก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะนี่มันเป็นเรื่องของคนไม่ใช่เรื่องของวิญญาณ คุณกลับไปเถอะฉันจะนอนแล้ว ต้องเก็บแรงไว้สู้พรุ่งนี้อีก ไม่รู้พรุ่งนี้จะเจออะไรบ้าง”
เอ่ยจบเด็กสาวก็เปิดประตูเข้าไปในบ้านก่อนจะกระแทกประตูปิดใส่หน้าชาฮีจูอีกที ชายหนุ่มมองคังยูรีอย่างเป็นกังวล แต่ก็คงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อย่างที่เธอพูด เพราะเรื่องของโลกมนุษย์ไม่ใช่หน้าที่ของเขา
_________________________
เช้าวันต่อมา
คังยูรียืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนสูดเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าที่จะเข้าไปในโรงเรียน วันนี้เธอรู้ดีว่าต้องเจอเรื่องแย่ๆ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือซุบซิบนินทา ข่าวว่าร้ายให้เธอต่างๆ นานา เธอแค่ต้องเตรียมพร้อมตั้งรับให้ดี เพราะไม่ว่ายังไงข่าวลือพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง
คังยูรีเดินเข้าไปในโรงเรียนเพื่อมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียนของเธอ สายตาทุกคู่ที่เด็กสาวเดินผ่านต่างก็จับจ้องมาที่เธอพร้อมกับเสียงเล็กเสียงน้อยที่ตามมา คังยูรีอยากจะเดินให้ถึงห้องเรียนเร็วๆ เพราะอย่างน้อยในนั้นก็มีซออึนซูที่อยู่ข้างเธอ เด็กสาวเดินก้มหน้าเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนยืนดักทางเธอไว้ เลยทำให้เธอเดินชนคนดังกล่าวเข้าไปอย่างจัง
“รุ่นพี่! ขอโทษค่ะพอดีฉันรีบไปหน่อย”
คังยูรีเงยหน้ามองคนดังกล่าว พอรู้ว่าเป็นคิมคยองซานก็รีบเอ่ยขอโทษทันทีที่ตัวเธอเองเดินไม่ทันระวัง แต่สายตาของคิมคยองซานที่มองเธอนั้นดูเหมือนจะไม่พอใจเอาซะเลย เขาจ้องมาที่เธออย่างกับคนโกรธแค้นกันมานาน
คังยูรีรู้สึกเหมือนสถานการณ์ในตอนนี้ไม่สู้ดีเท่าไหร่ เด็กสาวเองก็ไม่อยากมีปัญหาเพิ่มขึ้นอีกเลยเลือกที่จะเดินเลี่ยงคิมคยองซานไป แต่ไม่ทันได้ก้าวขาคิมคยองซานก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ได้เสียก่อน เขาจับมือของคังยูรีไว้แน่น ท่าทางขึงขังของเขาในตอนนี้ทำให้เด็กสาวกลัวเป็นอย่างมาก
“รุ่นพี่จะทำอะไรปล่อยนะ ฉันเจ็บ!”
“ทำไมล่ะ เป็นฉันอีกคนไม่ได้เหรอ ฉันเองก็ยินดีที่จะเป็นแต้มให้เธอล่าอีกคนนะยูรี”
“รุ่นพี่พูดอะไรฉันไม่เห็นเข้าใจเลย ปล่อยฉันนะ” คังยูรีพยายามยื้อยุดแต่ก็สู้แรงผู้ชายอย่างเขาไม่ได้
ระหว่างนั้นนัมจีโฮก็เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี ชายหนุ่มเข้าไปผลักคิมคยองซานด้วยแรงที่มีจนทำให้คิมคยองซานถลาหลังและล้มไปกองที่พื้นโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“พี่จีโฮ” คังยูรีรีบเข้าไปหลบหลังนัมจีโฮด้วยความตื่นตระหนก
“อย่ายุ่งกับเธอ” นัมจีโฮตะคอกใส่คิมคยองซานที่กำลังประคองตัวยืนขึ้น แววตามีแต่ความเกรี้ยวกราดต่อชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“รุ่นพี่จะเดือดร้อนแทนเธอทำไมเมื่อรุ่นพี่ก็เป็นแต้มที่เธอเอาไว้ล่าอีกคนไม่ใช่เหรอ” คิมคยองซานยิ้มเยาะไปที่นัมจีโฮอย่างดูแคลน
ความอดทนของนัมจีโฮหมดลง ชายหนุ่มปรี่เข้าชกที่หน้าคิมคยองซานจนล้มกองไปที่พื้นอีกครั้ง เพื่อนชายอีกสองคนที่มากับคิมคยองซานก็รีบเข้ามาช่วยเหลือเพื่อนตัวเองเช่นกัน ทั้งคู่ตรงดิ่งเพื่อจะเข้าไปทำร้ายร่างกายนัมจีโฮแต่ก็ถูกขวางไว้ด้วยกลุ่มเพื่อนชายของนัมจีโฮอีกที
“พวกนายจะทำอะไร อย่านะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว พาเพื่อนนายกลับไปซะ”
พโยกีดูหนึ่งในเพื่อนสนิทของนัมจีโฮเอ่ยแจ้งต่อเพื่อนชายของคิมคยองซาน เขาไม่ได้แค่จะข่มขู่ หากสองคนนั้นลงมือทำร้ายนัมจีโฮจริงๆ เขาเองก็จะไม่ปล่อยทั้งคู่ด้วยเหมือนกัน
เพื่อนชายทั้งสองคนรีบเข้าไปช่วยประคองคิมคยองซานให้ลุกขึ้นก่อนจะพากันออกไป คิมคยองซานยังคงเหลียวหลังจ้องไปที่คังยูรีอย่างไม่ลดละ จนเด็กสาวรู้สึกถึงความอึดอัดนั้นได้
เหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้นักเรียนคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มีเรื่องให้ซุบซิบนินทามากกว่าเดิม เหมือนผู้คนเหล่านั้นต่างก็เชื่อสนิทใจว่าคังยูรีเป็นผู้หญิงประเภทล่าแต้มผู้ชายจริงๆ อย่างน้อยก็มีนัมจีโฮกับคิมคยองซานที่ชกต่อยกันเพราะแย่งเธอ
“พี่จีโฮหายดีแล้วเหรอคะ ฉันนึกว่าพี่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลซะอีก”
“ออกเมื่อวานน่ะ พอเธอกลับพี่ก็กลับเหมือนกัน ว่าแต่…มันเกิดอะไรขึ้นเหรอยูรี”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ขอบคุณพวกพี่ๆ มากนะคะที่เข้ามาช่วยฉัน”
คังยูรีหันไปขอบคุณชายหนุ่มทุกคนที่ได้ช่วยเหลือเธอเอาไว้ เธอเองก็เริ่มหนักใจมากขึ้นกว่าเดิมเพราะดูท่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอเสียแล้ว เด็กสาวกำมือแน่น เธอโกรธเป็นอย่างมากให้กับคนที่สร้างข่าวลือเสียหายให้กับเธอ ไม่ว่ายังไงเธอควรต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
คังยูรีเดินตรงไปหานักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ยืนซุบซิบนินทาเธออยู่กับเพื่อนสาวอีกคน เมื่อทั้งคู่เห็นคังยูรีเดินตรงมาหาก็รีบเดินหนีไปแต่ก็ถูกคังยูรีวิ่งไปดักหน้าเอาไว้ได้เสียก่อน
“เธอจะทำอะไรน่ะยูรี เธอจะตีพวกเราเหรอ” เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ฉันไม่ทำอะไรพวกเธอหรอก ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอได้ยินเรื่องของฉันมาจากใคร ตอบมาสิ!” คังยูรีตะคอกใส่คนทั้งคู่ แววตาเกรี้ยวกราดของเธอนั้นทำให้นักเรียนหญิงทั้งสองเกิดหวาดกลัวขึ้นมา
“พวกเราได้ยินมาจากพี่แฮวอน พี่แฮวอนบอกว่าเธอชอบอ่อยผู้ชาย ชอบล่าแต้มผู้ชาย จริงๆ นะ พี่แฮวอนเป็นคนบอกพวกเราเอง”
นักเรียนสาวคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เมื่อให้คำตอบแก่คังยูรีแล้ว ทั้งคู่ก็รีบวิ่งออกไปในทันทีเพราะกลัวท่าทางเกรี้ยวกราดของคังยูรีที่แสดงออกมา
นัมจีโฮได้ยินทุกอย่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รีรอ ยังไงต้องถามความจริงกับชาแฮวอนให้รู้เรื่อง เพราะอะไรหญิงสาวถึงได้สร้างข่าวลือที่ไม่จริงแบบนี้ขึ้นมา
นัมจีโฮเดินตรงมาหาชาแฮวอนที่นั่งสนทนาอยู่กับเพื่อนของเธอในห้องเรียน ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“จริงเหรอแฮวอนที่เธอเป็นคนสร้างข่าวลือเรื่องของยูรี”
“พูดอะไรของเธอจีโฮ ฉันไม่ได้เป็นคนทำสักหน่อย” ชาแฮวอนลุกจากเก้าอี้ หญิงสาวตอบกลับชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็มีคนบอกว่าเธอเป็นคนทำ”
“แล้วเธอก็เชื่อคนที่บอกเหรอ จีโฮฉันไม่……”
ไม่ทันที่ชาแฮวอนจะได้พูดจบคังยูรีก็ปรี่เข้ามาพร้อมแก้วพลาสติกที่ใส่น้ำแดงสาดไปที่ใบหน้าชาแฮวอนทันที ก่อนจะปาแก้วพลาสติกนั้นไปที่หญิงสาวเพื่อปิดท้าย ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตกใจกับการกระทำของคังยูรีเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าเด็กม.4จะกล้าบ้าบิ่นกับพี่ม.6ได้ถึงเพียงนี้
“ทำบ้าอะไรของเธอ” ชาแฮวอนตะคอกใส่คังยูรีอย่างหมดความอดทน ยูนิฟอร์มที่สวมใส่เต็มไปด้วยคราบน้ำแดงที่คังยูรีสาดใส่เมื่อสักครู่ สภาพเธอในตอนนี้ดูไม่ค่อยได้ทีเดียว
“นี่มันน้อยไปถ้าเทียบกับสิ่งที่เธอทำ ฉันไปทำอะไรให้เธอ เธอถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้” คังยูรีโกรธเคืองเป็นอย่างมาก เธอไม่สนใจคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องอีกแล้ว
“ก็เธอมันน่าเกลียดจริงๆ นี่ วันๆ เอาแต่เข้าหาผู้ชาย สำส่อนไม่เลือก”
“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ” คังยูรีหมดความอดทน เด็กสาวปรี่ตัวเพื่อจะเข้าไปทำร้ายชาแฮวอนแต่ก็ถูกนัมจีโฮห้ามเอาไว้ได้เสียก่อน
“เธอมีสิทธิ์อะไรมากล่าวหาฉัน รู้จักฉันดีพอขนาดไหนถึงมาใส่ร้ายฉันแบบนี้ ฉันไปทำอะไรให้เธอ”
“ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงแล้วอึนซอจะพูดทำไม ยัยนั่นเป็นเพื่อนสนิทเธอไม่ใช่เหรอ”
“อะไรนะ!” คังยูรีไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“เรื่องทั้งหมดก็มาจากยัยนั่น ฉันแอบไปได้ยินตอนที่ยัยนั่นคุยกับคนที่ชื่อคยองซาน ฉันก็แค่พูดตามเพื่อนของเธอเท่านั้น”
“เธอโกหก!”
“เธอก็ไปถามคนชื่อคยองซานสิแล้วจะรู้ว่าฉันพูดจริงมั้ย จริงๆ เธอกับเพื่อนเธอก็ไม่ได้สนิทกันสินะ ไม่งั้นยัยนั่นคงไม่ขังเธอไว้ในห้องศิลป์หรอก ฉันเห็นทุกอย่างแต่ไม่อยากช่วยเธอแค่นั้น”
ยิ่งฟังที่ชาแฮวอนเล่าคังยูรีก็ยิ่งสับสน ถึงจะบอกว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของซออึนซู แต่เธอจะเชื่อได้ยังไงว่าสิ่งที่ชาแฮวอนพูดมาคือเรื่องจริง บางทีชาแฮวอนอาจจะใส่ร้ายซออึนซูเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดก็ได้
คังยูรีเดินออกจากห้องเรียนไปด้วยความสับสน คิดถึงแต่คำพูดของชาแฮวอนและใบหน้ายิ้มแย้มของซออึนซู เพื่อนที่น่ารักและจริงใจของเธอจะสร้างข่าวลือโหดร้ายกับเธอแบบนี้ได้ยังไง ไหนจะเรื่องที่กล่าวหาว่าซออึนซูเป็นคนขังเธอไว้ที่ห้องศิลป์อีก ทุกอย่างต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ ซออึนซูไม่มีทางทำกับเธอแบบนี้อย่างแน่นอน
คังยูรีเดินมาถึงห้องเรียนก็มองหาซออึนซูทันที แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนสาวของเธอไม่ได้อยู่ที่ห้อง วันนี้เธอต้องคลายความสงสัยให้ได้ คังยูรีรีบออกจากห้องเรียนเพื่อตามหาซออึนซู เธอไม่ทันระวังเลยเดินชนกับสาวหัวหน้าห้อง ทำให้กล่องกระดาษที่สาวหัวหน้าห้องถืออยู่หล่นจากมือร่วงไปที่พื้นจนของที่อยู่ในลังกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
“ขอโทษนะ”
คังยูรีรีบนั่งลงช่วยเก็บของที่กระจัดกระจายเข้าไปไว้ในกล่องกระดาษตามเดิม เด็กสาวเหลือบไปเห็นแท่งลิปสติกที่สาวหัวหน้าห้องพึ่งใส่ลงไปในกล่องกระดาษ คังยูรีหยิบแท่งลิปสติกนั้นขึ้นมาดู เธอจำได้ขึ้นใจว่ามันเป็นแท่งเดียวกันที่เธอซื้อเป็นของขวัญให้ซออึนซูในวันเกิดที่ผ่านมา
“เธอได้อันนี้มาจากไหน” คังยูรีเอ่ยถามสาวหัวหน้าห้องด้วยความสงสัย
“ฉันเห็นมันตกอยู่ตรงใต้โต๊ะครูน่ะ สีลิปสติกเป็นสีเดียวกันกับที่เขียนด่าเธอเมื่อวานเลยเธอว่ามั้ย บางทีอาจจะเป็นของใครสักคนในห้องนี้ก็ได้"
“งั้นฉันขอนะ เผื่อฉันจะตามสืบได้ว่าเป็นของใคร”
“เอาไปสิ!” สาวหัวหน้าห้องเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วถือกล่องกระดาษนั้นออกจากห้องไป
คังยูรีเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเอง เด็กสาวจ้องแท่งลิปสติกนั้นด้วยความเคลือบแคลงก่อนฟุบหน้าลงที่โต๊ะด้วยกำลังอ่อนแรง หรือที่ชาแฮวอนพูดมาจะเป็นเรื่องจริง ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอควรจัดการยังไงต่อเพราะนั่นเป็นเพื่อนสนิทของเธอเพียงคนเดียวที่เธอมี
_________________________
ซออึนซูยืนดูคลิปจากมือถือที่มีคนส่งต่อๆ กันมา เป็นคลิปที่นัมจีโฮและคิมคยองซานมีเรื่องชกต่อยกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เด็กสาวแสยะยิ้มเล็กน้อยด้วยความพอใจ ก่อนจะถูกใครบางคนเดินชนเข้าอย่างจังจนมือถือที่อยู่ในมือร่วงลงพื้น
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะ” ชายชุดขาวถือร่มสีแดงเอ่ยขอโทษต่อเด็กสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“นาย นายเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายมาก่อน”
ซออึนซูเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเธอเองก็ไม่เคยเห็นชายดังกล่าวมาก่อนจริงๆ คิดไปคิดมาก็เหมือนจะจำได้ว่าเธอเคยได้ยินคังยูรีพูดถึงอยู่ตอนที่บอกว่าเห็นชายชุดขาวยืนกางร่มสีแดงอยู่ที่ประตูห้องเรียน และชายตรงหน้าก็ข้อมูลตรงกับที่คังยูรีพูดทุกอย่าง
“อ๋อ นายคือคนที่ยูรีพูดถึงนี่เอง มาหายูรีเหรอ ไปหาเธอสิ เธอคงอยู่ในห้องเรียนแหละ” เด็กสาวยิ้มทักทายอย่างร่าเริง
แววตาและรอยยิ้มของชายหนุ่มเมื่อสักครู่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแววตาที่แข็งกระด้างขึ้นมาทันที จู่ๆ ก็มีลมหนาวพัดผ่านมาที่เด็กสาวจนเธอรู้สึกได้ถึงความเหน็บหนาวที่ประหลาดนี้ เพราะเมื่อสักครู่อากาศยังอบอ้าวอยู่เลยทำไมตอนนี้ถึงได้ดูหนาวเย็นขึ้นมากะทันหันได้ บวกกับแววตาที่เย็นชาของชายหนุ่มตรงหน้าก็ยิ่งทำให้ซออึนซูเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“หยุดเรื่องราวที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้ซะ ไม่งั้นเธอจะไม่เหลือใครและก็อยู่ให้ห่างจากคังยูรีไว้เข้าใจมั้ย”
“นายเป็นอะไรกับยูรี ทำไมต้องปกป้องยูรีด้วย นายเป็นใครกันแน่” เด็กสาวชักสีหน้า เธอไม่พอใจที่ชายหนุ่มดังกล่าวเอาแต่ปกป้องคังยูรี
“ชาฮีจู นั่นชื่อฉัน จริงๆ ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอก็ได้ เพราะอีกเดี๋ยวเธอก็จำไม่ได้อยู่ดี จำที่ฉันพูดไว้ หยุดเรื่องทุกอย่างทั้งหมดที่ทำกับยูรีซะ”
เมื่อพูดในสิ่งที่ต้องการแล้วชายหนุ่มก็เดินผ่านเด็กสาวไป พอเด็กสาวหันกลับมาอีกทีก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว ซออึนซูเองก็แปลกใจเป็นอย่างมาก ทำไมเขาถึงได้หายไปเร็วอย่างนี้ อย่างกับว่าเขาหายตัวได้อย่างไงอย่างงั้น