นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ชาฮีจูปรากฏตัวต่อหน้าคังเยนาที่กำลังนั่งเคลิ้มจะหลับอยู่ที่ห้องสมุด การปรากฏตัวของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวสะดุ้งอยู่ไม่น้อย แววตาของชายหนุ่มในวันนี้ดูเปลี่ยนไปกว่าทุกครั้งนัก
“มีอะไรมั้ย ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“ขอโทษนะเยนา คนที่จะช่วยเธอ เขาคงมาช่วยเธอไม่ได้แล้ว”
คำตอบของชาฮีจูทำให้เด็กสาวเซื่องซึมไปทันที เธอเองก็เฝ้ารอคอยให้วันนั้นมาถึงตลอด วันที่จะมีคนมาช่วยปล่อยเธอออกจากความมืดมิดที่เธอเองยังหาทางออกไม่เจอ ยิ่งพอใกล้วันที่เธอจะได้เจอคังยูรีก็ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นมากขึ้น แต่พอได้ยินแบบนี้เหมือนทุกอย่างจมดิ่งเข้าไปสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
คังเยนาค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังชั้นวางหนังสือ เด็กสาวไม่พูดไม่จาทำเหมือนกำลังหาหนังสือสักเล่มมาอ่าน แววตาดูเลื่อนลอยและเคว้งคว้างไปหมดจนชาฮีจูรู้สึกอดเป็นกังวลไม่ได้
“งั้นก็หาใหม่ ฉันเชื่อว่าต้องมีใครสักคนที่สามารถช่วยเธอได้ หรือต่อให้ไม่มีจริงๆ ฉันจะช่วยเธอเอง อย่าเสียใจไปเลยนะ”
“ไม่ต้องพูดปลอบฉันหรอก ผู้ส่งสารอย่างคุณจะช่วยอะไรฉันได้ ถ้าช่วยได้จริงๆ คงช่วยฉันไปนานแล้ว”
“คังเยนา เธออย่าหมดหวังสิ ทุกอย่างมันก็เป็นไปได้หมดแหละ”
“ชาฮีจู คุณบอกฉันได้มั้ย ทำไมคังยูรีถึงมาช่วยฉันไม่ได้แล้ว หรือที่เธอมาไม่ได้เพราะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธองั้นเหรอ”
“เธอไม่ได้เป็นอะไรหรอก เธอแค่เจอทางเลือกที่ดีกว่า ทางที่จะทำให้เธอมีความสุขได้จริงๆ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็ไม่ควรไปพรากความสุขของเธอใช่มั้ย”
เด็กสาวน้ำตาคลอ เธอเองก็เสียใจมากที่ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้ทั้งที่มีความหวังแล้วแท้ๆ คังเยนาปรี่เข้าไปซบพิงไหล่ชาฮีจูไว้ด้วยความอัดอั้น เธอข่มน้ำตาเอาไว้ด้วยความเสียใจ
__________________________
นัมจีโฮค่อยๆ คลายอ้อมกอดนั้นออกจากคังยูรี ชายหนุ่มยิ้มและจ้องไปที่นัยน์ตากลมโตของเด็กสาวด้วยความสั่นไหว มือที่ว่างอยู่ก็ลูบไล้ผมยาวของเด็กสาวด้วยความอ่อนโยน
“พี่ยิ้มอะไรคะ พี่คิดว่าฉันพูดเล่นรึไง พี่ไม่เชื่อใช่มั้ยว่าฉันชอบพี่จริงๆ” คังยูรีเริ่มงอแง เธอเห็นนัมจีโฮเอาแต่ยิ้มก็คิดว่าชายหนุ่มไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
“เชื่อสิ เธอพูดอะไรพี่ก็เชื่อหมดแหละ”
“จริงเหรอคะ”
เด็กสาวยิ้มออก เธอยื่นมือขึ้นมากุมมือชายหนุ่มที่ลูบผมเธอเอาไว้ ตอนนี้ใจเธอเต้นแรงนัก ใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนพูดก่อน พี่คิดว่าพี่จะเป็นคนบอกชอบเธอก่อนซะอีก"
“พี่จีโฮก็ชอบฉันเหมือนกันเหรอคะ” เด็กสาวตาโต
“เด็กโง่ นี่เธอมองไม่ออกจริงๆ เหรอ” ชายหนุ่มยิ้มแซว ใช้หลังมือเคาะไปที่ศีรษะคังยูรีด้วยความเอ็นดู
“ถ้าพี่ชอบฉันน่าจะบอกฉันตั้งนานแล้วสิ”
"พี่ชอบเธอ พี่ชอบเธอ แบบนี้พอชดเชยได้มั้ย แต่พี่ก็มีเรื่องจะบอกกับเธอด้วย เพราะเรื่องนี้พี่ต้องขอคำตอบจากเธอ”
“เรื่องอะไรคะ ทำไมพี่ต้องดูจริงจังขนาดนี้ด้วย”
“พี่ต้องไปเรียนต่อที่อังกฤษ เธอไปกับพี่ได้มั้ย ย้ายไปเรียนที่นั่นกับพี่”
“พี่จะไปอังกฤษเหรอ” คังยูรีย้ำคำตอบอีกครั้ง มือของเด็กสาวค่อยๆ คลายออกจากที่กุมมือชายหนุ่มไว้ แววตาของคังยูรีสับสนนัก
“ไม่อยากไปกับพี่เหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่มันกะทันหันไป”
“ตอนนี้เธอเองก็ตัวคนเดียว หน้าที่ดูแลเธอให้เป็นของพี่ได้มั้ย พ่อกับแม่พี่ก็อนุญาตแล้วด้วย เธอก็รู้ว่าพ่อกับแม่พี่เอ็นดูเธอขนาดไหน”
“ฉันรู้ค่ะ ฉันเองก็ชอบพวกท่านมากด้วย”
“งั้นก็ได้ พี่จะให้เวลาเธอคิด ถ้าเธอตกลงจบเทอมนี้เราก็ย้ายไปที่อังกฤษกัน เธอเองก็ไปเรียนต่อที่โน่น พี่เองก็ไปต่อมหาลัยที่โน่นเหมือนกัน”
“ค่ะ ฉันขอคิดดูก่อนนะคะ พี่ให้เวลาฉันหน่อยนะ” เด็กสาวเม้มปากทำหน้าอ้อน เธอกลัวว่าชายหนุ่มจะเข้าใจเจตนาเธอผิดไปที่เธอยังมีท่าทีลังเลใจอยู่
“เด็กโง่ พี่ก็ต้องให้เวลาเธอคิดอยู่แล้ว” นัมจีโฮหลุดขำด้วยความเอ็นดู ชายหนุ่มคว้าตัวคังยูรีเข้ามาสวมกอดเอาไว้ก่อนจะคลายอ้อมกอดนั้นออกอีกครั้ง
“เสาร์อาทิตย์นี้พี่ต้องกลับโซลไปหาปู่กับย่า งั้น…ไว้เจอกันวันจันทร์นะ”
นัมจีโฮยิ้มหวานให้กับเด็กสาวอีกครั้งและโน้มหน้าจูบหน้าผากของเธอด้วยความอ่อนโยน คังยูรียิ้มเขินบิดตัวไปมาเอามือลูบหน้าผากตัวเองที่ชายหนุ่มฝากรอยจูบเอาไว้เมื่อสักครู่ เธอมองตามหลังนัมจีโฮ เมื่อมั่นใจว่าชายหนุ่มเดินออกไปแล้วจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้นดีใจทันที ก่อนจะรีบสำรวมและกลับมาอยู่ในท่าทางปกติแล้วยิ้มเดินเข้าบ้านไปในที่สุด
คังยูรีเดินเข้ามานั่งที่เตียงนอนของเธอ อยู่ๆ เด็กสาวก็นึกถึงชาฮีจูขึ้นมา เกิดเรื่องราวดีๆ กับเธอแบบนี้เธอเองก็อยากให้ชาฮีจูได้รับรู้เช่นกัน คังยูรีไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกผูกพันกับชาฮีจูได้ถึงเพียงนี้
“คุณส่งจดหมาย คุณอยู่แถวนี้มั้ย ฉันมีอะไรจะบอกคุณด้วยแหละ ถ้าคุณอยู่แถวนี้คุณช่วยกางร่มออกหน่อยได้มั้ย ฉันอยากเจอคุณ คุณส่งจดหมาย คุณชาฮีจู ชาฮีจู!”
ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะผิดหวังเสียแล้ว เพราะไม่ว่าเธอจะเอ่ยเรียกชาฮีจูเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ไม่ปรากฏตัวให้เธอเห็นอยู่ดี แต่ถึงเป็นอย่างนั้นเธอก็เข้าใจได้ว่าชายหนุ่มก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าจะให้มาขลุกอยู่กับเธอตลอดก็คงทำไม่ได้
นัมจีโฮออกจากบ้านคังยูรีได้สักพักระหว่างทางกลับก็เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดขึ้น บรรยากาศรอบตัวดูอึมครึมไปหมด ไม่นานนักก็มีลมพายุก่อตัวขึ้นมาทั้งที่ก่อนหน้านี้สภาพอากาศยังสดใสปกติทุกอย่าง ชายหนุ่มรีบตั้งมือเพื่อปกป้องใบหน้าจากลมพายุที่โหมกระหน่ำอยู่ตอนนี้
นัมจีโฮหลับตาลงเพราะสู้แรงลมที่ลอยล่องอยู่รอบตัวไม่ได้ สักครู่ชายหนุ่มก็ได้ยินเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงมายังเบื้องหน้าที่เขายืนอยู่ นัมจีโฮรีบยกมือกุมหน้าอกข้างซ้ายเอาไว้เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา ก่อนความรู้สึกเจ็บนั้นจะหายไปพร้อมกับบรรยากาศรอบตัวที่กลับมาเป็นปกติ
นัมจีโฮค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ดูเหมือนว่าพายุจะสงบลงแล้ว ชายหนุ่มมองสำรวจรอบๆ ตัวก็มาสะดุดแสงแวววับที่อยู่ตรงปลายเท้าของตัวเอง นัมจีโฮก้มเก็บของสิ่งนั้นขึ้นมาถึงได้รู้ว่าเป็นเศษผลึกแก้วเล็กๆ ที่เหมือนจะแตกแยกออกมาจากชิ้นใหญ่อีกที ชายหนุ่มมองดูรอบๆ ตัวอีกครั้งเพื่อหาผลึกที่เหลือแต่ก็ไม่พบ
นัมจีโฮจ้องไปที่เศษผลึกนั้นอย่างพอใจ เหตุใดเขาถึงรู้สึกต้องใจกับเศษผลึกชิ้นนี้นัก ชายหนุ่มจ้องอยู่แบบนั้นสักครู่ก่อนจะเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วเดินมุ่งหน้ากลับบ้านของตัวเองต่อไป
_____________________________
2วันผ่านไป
คังยูรีออกจากบ้านก็เห็นนัมจีโฮยืนรออยู่ที่หน้าบ้านของเธอแล้ว ชายหนุ่มตั้งใจจะมารับเด็กสาวเพื่อเดินทางไปโรงเรียนด้วยกัน คังยูรีรู้สึกเขินมากที่ชายหนุ่มมายืนรอเธอ ครั้งนี้ดูจะพิเศษกว่าครั้งก่อนๆ เพราะสถานะของทั้งคู่เปลี่ยนไปแล้ว
“พี่ให้” นัมจีโฮล้วงเอาสร้อยคอสีเงินในกระเป๋าเสื้อที่ได้เตรียมมายื่นไปให้เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า สร้อยดังกล่าวเป็นสร้อยสีเงินธรรมดาแต่มีจุดเด่นสวยงามอยู่ที่ใช้เศษผลึกมาทำเป็นจี้ ถึงจะดูบิดเบี้ยวไม่ได้ทรงกลมสวยงามแต่ก็ดูเก๋ดีไปอีกแบบ
“อะไรเหรอคะ” คังยูรีรีบยื่นมือไปรับ พอเห็นว่าเป็นสร้อยคอก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เด็กสาวไม่คิดว่าชายหนุ่มเองก็มีมุมโรแมนติกเหมือนกัน
“พี่ใส่ให้นะ”
ชายหนุ่มเดินอ้อมหลังเด็กสาว ใช้มือสางผมยาวของเธอออกเล็กน้อยเผยให้เห็นต้นคอระหงสวยงาม นัมจีโฮยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะนำสร้อยที่อยู่ในมือมาสวมใส่ให้กับเด็กสาว
“สวยมากเลย ดูเหมาะกับเธอดีนะ”
“ขอบคุณค่ะ จี้สวยมากเลย ฉันไม่ค่อยเห็นจี้สร้อยแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ” คังยูรีหยิบจี้ที่ทำด้วยผลึกขึ้นมาดู เธอเองก็รู้สึกถูกใจกับผลึกนี้ไม่ต่างกับชายหนุ่มเช่นกัน
“พี่ไปเจอผลึกนี้ระหว่างทางกลับบ้านน่ะ มันดูสวยดีก็เลยเอามาทำเป็นจี้สร้อยคอให้เธอ รังเกียจหรือเปล่าที่เอาของเก็บได้ข้างทางมาให้เธอแบบนี้”
“ไม่เลยค่ะ ฉันชอบมันมากเลย ขอบคุณนะคะพี่จีโฮ ฉันจะใส่ไว้ไม่ถอดออกเลย” เด็กสาวยิ้มกว้าง เธอยังคงจดจ่ออยู่กับจี้ผลึกอย่างภาคภูมิใจ เธอชอบมันมากจริงๆ
“ยูรี ถ้าเคลียร์เรื่องของเธอแล้ว เรามาคบกันแบบเปิดเผยเถอะนะ พี่เองก็อยากเดินจูงมือเธอโดยไม่ต้องสนใจสายตาคนอื่น พี่อยากปกป้องเธอ อยากอยู่ข้างๆ เธอในฐานะแฟน”
“ฉันพึ่งม.4เองนะคะ ส่วนพี่กำลังจะเป็นหนุ่มมหาลัยแล้ว ฉันยังใช้ชีวิตนักเรียนไม่คุ้มเลย”
เด็กสาวเอ่ยหยอก แต่ดูท่าชายหนุ่มจะไม่เข้าใจเสียแล้ว สีหน้าของนัมจีโฮดูเจื่อนลงทันที คังยูรีเห็นว่านัมจีโฮดูคิดมากก็รีบเฉลยว่าเธอแค่หยอกเขาเล่นไม่คิดว่าชายหนุ่มจะดูจริงจังขนาดนี้
“ทำไมพี่จีโฮต้องทำหน้าเศร้าด้วยคะ ฉันแค่ล้อพี่เล่นเอง”
“แต่เธอพูดก็ถูกนะ เธอควรจะได้ใช้ชีวิตในวัยที่เหมาะสม เราเองก็ยังเด็กกันทั้งคู่”
“ไม่ค่ะ ถึงฉันจะคบกับพี่มันก็ไม่ได้ทำให้วัยเรียนของฉันหายไปสักหน่อย งั้น…ถ้าฉันเคลียร์เรื่องของฉันเสร็จแล้ว พี่ต้องมาขอฉันเป็นแฟนอย่างจริงจังนะ ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด”
“ได้ งั้นตกลงกันแล้วนะ”
ทั้งสองยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างสดใส ถึงวัยของเขาและเธอจะอยู่ในวัยเรียนแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ประสีประสาเรื่องของความรัก แค่ใจตรงกัน ห่วงใยกัน อยากอยู่ด้วยกันแค่นี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ และทั้งสองก็ยังมีเวลาให้เรียนรู้กันและกันอีกนาน นี่ก็แค่เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกดีๆ ที่ทั้งคู่มีให้กันก็เท่านั้น
______________________________
โรงเรียนมัธยมปลายกอซอง
คังยูรีมาถึงห้องเรียนก็เห็นซออึนซูนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียน เด็กสาวยืนจ้องซออึนซูด้วยสีหน้าขุ่นเคือง นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่เปิดโอกาสให้เพื่อนสาวเข้ามาสารภาพความจริงทุกอย่าง แต่ซออึนซูกลับทำเมินเฉยยังปล่อยให้ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่ว วันนี้เด็กสาวจะไม่รออีกต่อไป
“มาเร็วเหมือนเดิมเลยนะอึนซู”
“ยูรีมาแล้วเหรอ เมื่อวันศุกร์เธอไปไหนกับพี่คยองซานมาเหรอ” ซออึนซูเอ่ยถามหยั่งเชิง ในใจลึกๆ ก็กลัวว่าคำตอบที่ได้มาจะทำให้เธอรับไม่ได้
“เธอเห็นด้วยเหรอ ฉันว่าฉันแอบแล้วนะทำไมถึงพลาดให้เธอเห็นได้”
“เธอไปทำอะไรกับพี่คยองซานมา” ซออึนซูเผลอกระชากแขนคังยูรีโดยไม่รู้ตัว เด็กสาวกดมือไปที่แขนของคังยูรีไว้แน่น น้ำเสียงนั้นดูดุดันไม่ใช่น้อย
“อึนซู ฉันเจ็บนะ เธออย่าคิดมากสิ ฉันกับรุ่นพี่คยองซานแค่มีธุระต้องคุยกัน”
“คุยกันเรื่องอะไร” ซออึนซูตะเบ็งเสียงก่อนคลายมือออกจากแขนของคังยูรี แววตามองไปที่เพื่อนสาวด้วยความอึดอัด
“ฉันแค่อยากขอโทษรุ่นพี่คยองซานที่ถูกพี่จีโฮต่อยเพราะฉัน และอยากรู้ว่ารุ่นพี่คยองซานได้ยินข่าวลือเรื่องฉันมาจากไหน”
“แล้วพี่เขาตอบว่ายังไง” ซออึนซูลุกจากเก้าอี้ เด็กสาวรีบถามกลับอย่างร้อนใจ
“รุ่นพี่เขาไม่ได้บอกน่ะ ฉันคิดว่าก็คงรู้ต่อๆ กันมาอีกทีเหมือนรุ่นพี่แฮวอนแหละ เธอก็รู้นี่ว่าข่าวลือมันกระจายเร็วจะตาย คนปล่อยข่าวลือก็เกินไปจริงๆ พูดไปได้ว่าฉันชอบมั่วผู้ชาย” คังยูรีหลุดขำออกมา เธอมองเพื่อนสาวด้วยความขุ่นเคือง ขนาดนี้แล้วซออึนซูก็ยังไม่ยอมพูดความจริงออกมาอีก
ซออึนซูรู้สึกโล่งใจทันทีที่คิมคยองซานไม่ได้บอกความจริงกับคังยูรีไป เด็กสาวค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างผ่อนอารมณ์
“เอ่อ อึนซู ลิปสติกที่ฉันซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด เธอได้เอามาด้วยมั้ย ฉันจะดูว่าเป็นสีเบอร์อะไรน่ะว่าจะหาซื้อมาใช้บ้าง”
“วันนี้ไม่ได้พกมาน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาให้นะ”
“เอ้าเหรอ ปกติเธอก็พกติดกระเป๋าทุกวันนี่ แต่ช่างเถอะ พรุ่งนี้ก็ได้ ว่าแต่เธอกับรุ่นพี่คยองซานตกลงคบกันแล้วใช่มั้ย ฉันก็ไม่กล้าถามรุ่นพี่ กลัวจะไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเกินไป”
“อืม ก็คุยๆ กันอยู่” เด็กสาวน้ำเสียงตะกุกตะกัก เธอพยายามหลบตาคังยูรีตลอด
“ก็ดี เธอมีความสุขฉันก็ดีใจด้วย อึนซู เราสองคนเป็นเพื่อนกันมานานแล้วใช่มั้ย ถ้าเธอมีเรื่องทุกข์ใจอะไรหรือมีเรื่องอยากจะบอกกับฉัน เธอบอกมาได้เลยนะ ขอแค่เธอเอ่ยปากออกมาก็พอ”
“ได้สิ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเรื่องทุกข์ใจหรือต้องกังวลอะไร ฉันสบายดี ขอบใจมากนะยูรี” เด็กสาวก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องเรียนไป ซออึนซูรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องมาสนทนากับคังยูรีในเรื่องนี้ สู้เลี่ยงเธอออกไปน่าจะดีซะกว่า
ซออึนซูเดินตรงมายังห้องน้ำเพื่ออยากหลบเลี่ยงคังยูรี เด็กสาวไม่ค่อยอยากเผชิญหน้ากับคังยูรีเท่าไหร่นัก ยิ่งคำพูดของคังยูรีเมื่อสักครู่ก็ยิ่งทำให้เธอคิดมาก ท่าทางและแววตาที่เปลี่ยนไปของคังยูรีทำให้เธออดเป็นกังวลไม่ได้
“หรือพี่คยองซานจะบอกยูรีไปแล้วว่าเราเป็นคนสร้างข่าวลือนั่น ไม่สิ พี่คยองซานไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วคนอื่นรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
ซออึนซูคิดไม่ตก เธอเองก็พูดบอกคิมคยองซานแค่คนเดียวแต่ทำไมกลายเป็นทั้งโรงเรียนรับรู้ข่าวลือนี้ด้วย เพราะถ้าจะบอกว่าคิมคยองซานเอาไปเล่าต่อก็ไม่น่าจะใช่
“ว่าไง ยัยเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด”
เสียงทักทายของชาแฮวอนทำให้ซออึนซูสะดุ้งตกใจ เด็กสาวหันมามองหน้าชาแฮวอนด้วยความสงสัยที่ถูกรุ่นพี่ทักทายด้วยคำที่รุนแรงเช่นนั้น
“พี่พูดอะไรน่ะ”
“ก็เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าคังยูรีเป็นผู้หญิงสำส่อน นอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้า ทำไม หรือลืมคำพูดตัวเองไปหมดแล้ว”
“พี่รู้ได้ยังไง” ซออึนซูเบิกตากว้าง เด็กสาวตกใจเป็นอย่างมากที่ชาแฮวอนรู้ความจริงว่าเธอเป็นต้นตอของข่าวลือทั้งหมด
“ฉันก็แค่เผลอไปได้ยินตอนที่เธอพูดกับ กับใครนะ..อ๋อ..กับคนที่ชื่อคยองซานน่ะ ฉันก็เลยเอาเรื่องนั้นไปพูดให้เพื่อนฉันฟัง เพื่อนฉันก็คงเอาไปพูดต่อๆ กัน ทีนี้ก็เลยรู้ทั้งโรงเรียนเลย”
“เธอทำอะไรลงไป!” ซออึนซูตะคอกใส่ชาแฮวอนด้วยความโกรธ ที่แท้ต้นตอกระจายข่าวลือก็มาจากเธอนั่นเอง
“อย่ามาตะคอกใส่ฉันนะ เพราะถ้าเธอไม่พูดฉันจะเอาไปพูดต่อได้ยังไง เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ก็เพราะเธอ”
“แต่พี่ก็ไม่ควรเอาเรื่องคนอื่นไปพูดต่อ เรื่องมันแย่ก็เพราะพี่”
“แล้วเธอล่ะ กับเพื่อนตัวเองแท้ๆ ยังใส่ร้ายได้ หรือจะบอกว่าตัวเองเป็นคนดีเหรอ คนดีที่ไหนเอาเพื่อนไปพูดเสียๆ หายๆ แล้วคนดีที่ไหนขังเพื่อนตัวเองเอาไว้ ก่อนจะว่าคนอื่นเธอดูตัวเองก่อนมั้ย”
ชาแฮวอนพรั่งพรูความคับแค้นใจออกมา เธอเองก็ไม่พอใจที่ซออึนซูได้แต่โทษตัวเธอ ทั้งที่ซออึนซูเองเป็นต้นเรื่องทุกอย่าง หญิงสาวมองหน้าซออึนซูด้วยความสะใจก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป
ซออึนซูรีบเดินตามชาแฮวอนออกไป เด็กสาวต้องถามให้รู้ว่าชาแฮวอนได้บอกเรื่องนี้กับคังยูรีหรือยัง ไม่ทันได้เดินพ้นออกจากห้องน้ำก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นคังยูรียืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำแล้ว แววตาขอคังยูรีที่จ้องมาที่เธอมีแต่ความเคืองขุ่น ความเจ็บปวด ซึ่งเธอก็รู้ได้ในทันทีว่าคังยูรีรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว
“ยูรี!”
“ถ้าจับไม่ได้ก็ไม่ยอมพูดสินะ”
“เธอรู้เรื่องหมดแล้วเหรอ”
“ใช่ ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว ทีนี้เธอคงรู้เหตุผลที่ฉันออกไปกับรุ่นพี่คยองซานแล้วใช่มั้ย”
“ยัยบ้านี่!” ซออึนซูระเบิดอารมณ์ออกมา
“เธอต่างหากที่เป็นบ้า ออกไปคุยกับฉันข้างนอกถ้าเธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องของเธอ”
คังยูรีเข้าไปประชิดตัวซออึนซูเอ่ยกระซิบต่อเพื่อนสาวพร้อมกระชากแขนเธอเล็กน้อย ก่อนจะลากตัวซออึนซูออกไปคุยกันด้านนอกอาคารเรียน
คังยูรีเหวี่ยงร่างซออึนซูทันทีที่ออกมาถึงนอกตัวอาคาร เธอยังคงจ้องไปที่เพื่อนสาวอย่างขุ่นเคือง เสียใจและผิดหวังที่สุด
“มีอะไรจะพูดกับฉันมั้ย”
“จะพูดอะไรอีก เธอก็รู้ความจริงทุกอย่างแล้วนี่ มองฉันแบบนี้คงเกลียดฉันแล้วใช่มั้ย ใช่…ฉันเป็นคนพูดเรื่องเธอเอง แต่ฉันก็พูดแค่กับพี่คยองซาน ส่วนคนที่เอาไปพูดต่อคือรุ่นพี่แฮวอนต่างหาก ถ้าเธอจะโทษใครสักคนก็ไปโทษพี่แฮวอนสิ”
“แล้วถ้าเธอไม่พูดจนคนอื่นแอบไปได้ยินมันจะเป็นแบบนี้มั้ย อย่างน้อยถ้าเธอรู้สึกผิดเธอก็ควรบอกฉัน ขอโทษฉันสิ ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลยแบบนี้ เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรออึนซู”
“ฉันขอโทษ พอใจหรือยัง” ซออึนซูเบนหน้าหนี เด็กสาวไม่สบตาคังยูรีด้วยซ้ำ
“ขอโทษฉันก็มองหน้าฉันสิ!”
คังยูรีผลักอกซออึนซูเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ แม้แต่ตอนนี้ซออึนซูก็ไม่ได้รู้สึกผิดสักนิดเลย ที่เธอกล่าวขอโทษก็เพราะทำตามที่คังยูรีบอกเท่านั้น ไม่ได้ทำเพราะสำนึกด้วยตัวเองจริงๆ
“พอได้แล้วคังยูรี ฉันหมดความอดทนกับเธอแล้วนะ เมื่อไหร่เธอจะเลิกเห็นฉันเป็นเงาของเธอสักที เลิกสั่งให้ฉันทำโน่นทำนี่ได้แล้ว ฉันไม่อยากทำ เข้าใจมั้ยว่าฉันไม่ทำแล้ว”
ซออึนซูตะคอกใส่คังยูรีด้วยความเกรี้ยวกราด น้ำตาของเด็กสาวพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย แววตาที่มองคังยูรีมีแต่ความโกรธแค้น ความเจ็บปวด เหมือนเธอเองก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน
คังยูรีตกใจกับท่าทีของซออึนซูเป็นอย่างมาก เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าที่ซออึนซูพูดหมายถึงอะไร ใครเป็นเงาใคร แล้วทำไมซออึนซูถึงได้มีความคับแค้นใจต่อเธอมากเพียงนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งเธอและซออึนซูก็คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอด ไม่มีสักครั้งที่เธอคิดจะทำร้ายเพื่อนสาวของเธอ เธอมีแต่จะสนับสนุนทุกเรื่องที่เพื่อนสาวทำ แล้วเหตุใดเพื่อนสาวของเธอถึงพูดเหมือนเรื่องทุกอย่างเป็นความผิดของเธอซะงั้น