นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“เธอพูดถึงเรื่องอะไร” คังยูรีเอ่ยถามเพื่อนสาวด้วยความสับสน
สักครู่น้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้นก็ถูกมือบางปาดออกจนหมด ซออึนซูเปลี่ยนสีหน้าเกรี้ยวกราดนั้นเป็นแสยะยิ้มออกมา แววตาและรอยยิ้มของเธอดูน่ากลัวจนคังยูรีเองก็เริ่มหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
“จนป่านนี้แล้วเธอก็ยังทำตัวใสซื่ออยู่อีก คังยูรี…ฉันถามหน่อยเถอะ ไม่เหนื่อยเหรอที่ทำตัวไร้เดียงสาเพื่อให้คนสนใจ พอมีเรื่องแม่ของเธอเข้ามาอีก เธอก็ยิ่งทำตัวเป็นจุดสนใจมากกว่าเดิม”
“อย่ามาพูดถึงแม่ฉันนะ ไม่พอใจฉันก็มาลงที่ฉัน แม่ฉันไม่เกี่ยว” คังยูรีตวาดไปที่เด็กสาวอย่างขุ่นเคือง เรื่องนี้ไม่ควรเอาแม่ของเธอมาเกี่ยวข้อง
“ก็ได้ งั้น…ฉันถามเธอหน่อย เธอเคยรู้บ้างมั้ยว่าฉันชอบพี่จีโฮ”
“อะไรนะ!”
“ฉันชอบพี่จีโฮ และชอบมาตลอด ฉันเป็นเงาตามติดเธอเพราะฉันรู้ว่าฉันจะได้เจอพี่จีโฮเสมอถ้าฉันอยู่กับเธอ แต่พอเห็นสายตาที่พี่จีโฮมองเธอแล้วมันทำให้ฉันเจ็บปวด ทำไมเขาถึงไม่มองฉันแบบนั้นบ้าง ฉันมีดีกว่าเธอทุกอย่าง มีพ่อมีแม่ มีฐานะ หรือแม้แต่เรื่องเรียนฉันก็เก่งกว่าเธอ แล้วทำไมพี่เขาถึงไม่สนใจฉันบ้าง ทำอย่างกับฉันไม่มีตัวตน”
“ไม่เห็นเธอเคยบอกฉัน”
“เธอไม่สนใจฉันต่างหาก ฉันแสดงออกชัดเจนว่าฉันชอบพี่เขา แต่เธอสนใจแต่ตัวเองเพราะเธอก็ชอบพี่จีโฮเหมือนกัน เวลาฉันอยู่กับพี่จีโฮสองคนเธอก็มักจะปรากฏตัวมาตลอด เธอคอยกันท่าฉันทุกอย่าง ฉันพยายามพาตัวเองไปใกล้พี่จีโฮให้ได้มากที่สุด พอเธอมา เธอก็พาพี่จีโฮออกไปแล้วทิ้งฉันไว้คนเดียวทุกครั้ง เธอเคยสนใจฉันบ้างมั้ย”
“อย่างน้อยเธอก็ควรจะบอกฉันสิ”
“จริงๆ ฉันก็ตั้งใจจะบอกเธอนั่นแหละ ถ้าไม่เกิดเรื่องกับแม่เธอฉันคงได้บอกเธอ ได้สารภาพชอบพี่จีโฮไปแล้ว ก็เธอมันน่าสมเพชนี่ แม่มาตายแบบนี้แล้วฉันจะทำไงได้ ฉันก็ต้องปลอบเธอ อยู่ข้างเธอในฐานะเพื่อน ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าถ้าทำแบบนี้ฉันก็จะต้องกลับไปเป็นเงาของเธอเหมือนเดิมแต่ฉันก็เลือกที่จะทำ เพราะเธอมันน่าสงสารเกินไปไง”
“เพราะเรื่องนี้เหรอเธอถึงใส่ร้ายฉัน”
“ไม่ใช่สักหน่อย วันที่แม่เธอตายฉันก็ล้มเลิกความคิดที่จะสารภาพกับพี่จีโฮเพราะฉันเลือกเธอ ฉันอยากอยู่กับเธอในวันที่เธอเจ็บปวด จนฉันเริ่มทำใจได้ ต่อให้เธอกับพี่จีโฮจะคบกันฉันก็ไม่ว่าอะไรแล้ว นั่นคือความรู้สึกตอนนั้นของฉันจริงๆ”
“แล้วเพราะอะไรล่ะอึนซู” เด็กสาวน้ำตาคลอ
“เธอรู้มั้ยว่าฉันตื่นเต้นและมีความสุขแค่ไหนที่ได้รับจดมายจากพี่คยองซาน ยิ่งพอได้เจอพี่เขา ใจฉันก็ยิ่งเต้นแรง ในที่สุดก็มีคนมาชอบฉันจริงๆ คนที่มองข้ามเธอแล้วมองมาที่ฉัน แต่ทุกอย่างก็พังลงเมื่อเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด เพราะคนที่พี่เขาชอบเป็นเธอไม่ใช่ฉัน ตอนนั้นฉันก็คิดแต่ว่าเป็นเธออีกแล้วเหรอคังยูรี ช่วงเวลานั้นทำให้ฉันคิดได้และกล้าที่จะทำตามความรู้สึกตัวเอง ฉันไม่ยอมเป็นเงาเธออีกแล้ว ฉันจะลองสู้สักครั้ง ฉันต้องทำให้พี่คยองซานเปลี่ยนใจมาชอบฉันให้ได้”
“โดยการใส่ร้ายฉัน ยอมหักกับฉันเพราะเรื่องเขาแค่นั้นเหรอ”
“ทีแรกฉันก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น ฉันแค่พูดออกมาเพื่อให้พี่เขาเลิกชอบเธอ พอข่าวลือมันแพร่กระจายไปฉันก็กังวลและคิดว่าตัวเองทำเกินไปจึงตั้งใจจะสารภาพความจริงกับเธอ”
“แล้วทำไมเธอถึงเปลี่ยนใจ” คังยูรีน้ำตาคลอ เพราะถ้าวันนั้นซออึนซูสารภาพความจริงกับเธอเรื่องก็คงได้รับการแก้ไขและไม่บานปลายไปมากขนาดนี้
“วันนั้นฉันเห็นสายตาพี่คยองซานมองเธอเปลี่ยนไป แววตาพี่เขาเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียน ดูถูกเหยียดหยามเธอ ในที่สุดเขาก็เลิกชอบเธอแล้วมันทำให้ฉันดีใจอย่างบอกไม่ถูก นี่คงเป็นเรื่องดีกับฉัน ถ้าพี่คยองซานรู้ความจริงว่าฉันเป็นคนโกหก เขาก็คงเกลียดฉันและหันไปชอบเธอเหมือนเดิม ฉันคงทำไม่ได้”
“ซออึนซู!”
คังยูรีพูดไม่ออก เด็กสาวถลาหลังฟุบไปที่ม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆ เธอรู้สึกเจ็บปวดและผิดหวังกับซออึนซูเป็นอย่างมาก ไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่รักและไว้ใจจะร้ายกับเธอที่สุดเพียงเพื่อผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่ได้ชอบเธอด้วยซ้ำ
“ยูรี ฉันขอโทษ เธอให้ฉันไปบอกทุกคนก็ได้ว่าเรื่องทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องจริง มันก็เป็นแค่เรื่องที่ฉันพูดเล่นกับพี่คยองซานเท่านั้น” เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองสักนิด
คังยูรีลุกจากม้านั่ง เดินเข้าใกล้ซออึนซูให้มากกว่าเดิม แววตาจับจ้องไปที่ซออึนซูอย่างเรียบเฉย มือขวาของเธอกดไหล่ซ้ายของเด็กสาวเอาไว้ จนคนที่จับถูกกดรู้สึกได้ถึงความเจ็บนี้ ซออึนซูมองหน้าคังยูรีด้วยแววตาสั่นเครือ แววตาของคังยูรีในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว
“ฉันไม่รับคำขอโทษจากเธอ เมื่อเราเป็นเพื่อนกัน เราก็ต้องเจอแบบเดียวกันสิ” เด็กสาวแสยะยิ้มจ้องไปที่ซออึนซูอย่างมีเลศนัย
“เธอจะทำอะไร” ซออึนซูเอ่ยถามด้วยความหวาดหวั่น
“เดี๋ยวเธอก็รู้ อ้อ…อีกอย่าง เท่าที่ฉันคุยกับรุ่นพี่คยองซานมา เหมือนเขาบอกว่าไม่ได้คบกับเธอนะ และเขาก็ยังชอบฉันอยู่ เอ๊ะ! ไหนๆ ก็มีข่าวลือว่าฉันเป็นพวกล่าแต้มอยู่แล้ว งั้นให้รุ่นพี่คยองซานเป็นอีกแต้มของฉันก็คงได้ใช่มั้ย”
คังยูรีประชดประชันด้วยความสะใจก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป ซออึนซูเองก็ได้แต่ยืนนิ่ง ถ้าไม่มีเสียงออดบอกเวลาเรียนดังขึ้น ป่านนี้เธอคงจะวิ่งเข้าไปกระชากผมคังยูรีก็เป็นได้
ซออึนซูเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นกับคำพูดของคังยูรี แววตา ท่าทางที่แข็งกระด้างและดูเย็นชาไร้ความรู้สึกนี้เธอเองก็พึ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรก เด็กสาวไม่รู้ว่าคังยูรีคิดวางแผนจะทำอะไรกันแน่
คังยูรีโดดเรียนเพื่อมาแอบอยู่ที่ห้องศิลปะเก่าที่ที่เธอเคยถูกขังเอาไว้ เด็กสาวนั่งพิงขาโต๊ะที่วางอยู่ชิดหน้าต่าง ก้มหน้าชันเข่าครุ่นคิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอและซออึนซูที่ผ่านมา ต่อหน้าซออึนซูทำเป็นเข้มแข็งแต่เอาเข้าจริงเด็กสาวกลับรู้สึกกังวลและโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก แค่คิดว่าเธอกับซออึนซูต้องแตกหักกันจริงๆ ก็ทำให้เจ็บปวดใจแล้ว
“แย่จัง ทำไมถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้นะ”
“รู้สึกแย่ก็ออกไปจากที่นี่สิ ไหนๆ เธอก็โดดเรียนแล้วนี่”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มทำให้คังยูรียิ้มกว้างออกมา เด็กสาวรู้ดีว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นชายชุดขาวที่กางร่มสีแดงอย่างแน่นอน คังยูรีรีบลุกขึ้นเดินตรงไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงริมหน้าต่างทันที
“ชาฮีจู”
“พอรู้จักชื่อฉันก็เรียกชื่อฉันบ่อยเกินไปนะ” ชายหนุ่มเอ่ยหยอก
“ก็กลัวเป็นอย่างที่คุณว่าไง ต้องเรียกชื่อบ่อยๆ ไม่งั้นจะลืมชื่อคุณได้” เด็กสาวยิ้มแป้น แค่ชาฮีจูปรากฏตัวก็ทำให้เธอผ่อนคลายได้มากแล้ว
“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากเถียงกับเธอแล้ว ว่าแต่เธอจะอุดอู้อยู่ที่นี่จนเลิกเรียนเลยเหรอ เธอก็รู้ว่าที่นี่เป็น…”
“คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันเองก็ไม่คิดว่าอึนซูจะเป็นคนขังฉัน เธอทำให้ฉันทึ่งจริงๆ อีกอย่าง…ขืนออกไปตอนนี้ก็โดนครูจับได้พอดี ครูชเวยังยืนอยู่ที่หน้าโรงเรียนอยู่เลย”
“เธอสามารถออกจากที่นี่โดยไม่มีใครเห็นเธอได้นะ”
“ทำยังไงเหรอ คุณจะพาฉันหายตัวไปจากที่นี่ใช่มั้ย”
“ฉันจะไปทำแบบนั้นได้ไง” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“แล้วเราจะออกจากโรงเรียนได้ยังไง”
“ก็เดินออกไปเฉยๆ นี่แหละ มาสิ เดี๋ยวฉันพาออกไป” ชายหนุ่มยื่นมือออกมาเพื่อรอรับคำตอบรับจากเด็กสาว
คังยูรียืนนิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือไปจับมือชาฮีจูไว้ เด็กสาวเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เธอมองร่มคันสีแดงที่ค่อยๆ หุบลงอย่างช้าๆ จนหายวับไปต่อหน้าต่อตาเธอในที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เด็กสาวตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ทุกอย่างเหมือนดังเวทมนตร์ ไม่คิดว่าในชีวิตเธอจะได้สัมผัสเรื่องที่เหนือจินตนาการเช่นนี้
ชาฮีจูกุมมือคังยูรีเดินออกจากห้องศิลปะ ทั้งคู่เดินผ่านผู้คนมากมายแต่กลับไม่มีใครสนใจแม้แต่น้อยราวกับว่าพวกคนเหล่านั้นมองไม่เห็นเขาและเธอเลย คังยูรีเองก็อยากรู้ว่าชาฮีจูทำได้อย่างไร หรือเขาร่ายคาถาบังตาอะไรสักอย่างเหมือนในหนังสือที่เธอเคยอ่านเจอ เด็กสาวดูตื่นเต้นนัก
“ชาฮีจู คนพวกนี้มองไม่เห็นเราใช่มั้ย คุณร่ายคาถาอะไรสอนฉันหน่อยสิ แล้วทำไมฉันถึงยังเห็นคุณทั้งๆ ที่คุณก็ไม่ได้กางร่มอยู่ ถ้าฉันปล่อยมือคุณฉันยังจะเห็นคุณอยู่มั้ย แล้วถ้า….”
“นี่..จะถามอะไรนักหนา ถ้าไม่อยากออกจากที่นี่งั้นฉันปล่อยมือนะ”
“เปล่าๆ”
คังยูรีรีบใช้มืออีกข้างเข้ามากุมมือชาฮีจูไว้แน่นเมื่อเห็นชายหนุ่มทำท่าจะปล่อยมือของเธอออก เด็กสาวสบตาชายหนุ่มด้วยความเว้าวอน แววตาเปล่งประกายของเธอนั้นทำให้ชาฮีจูรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่ทันตั้งตัวจนต้องรีบเบนหน้าหนี ทำไมเด็กสาวถึงได้มีอิทธิพลต่อเขานักนะ
ชาฮีจูพาคังยูรีมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เด็กสาวนั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ส่วนชายหนุ่มยืนกางร่มพิงต้นไม้ คังยูรีมองไปที่ชาฮีจูด้วยความสงสัย
“ถ้าตอนนี้คุณไม่กางร่มฉันจะมองไม่เห็นคุณเหรอ”
“ใช่”
“แล้วเมื่อกี้ทำไมฉันมองเห็นคุณได้ล่ะ”
“ก็ฉันตั้งใจให้เธอเห็น เรื่องบางเรื่องก็อธิบายยากน่ะ”
“ไม่ถามแล้วก็ได้ ฉันแค่อยากพูดกับคุณแบบสบายๆ โดยไม่ต้องมีร่มนั่นอยู่ติดตัวคุณตลอด เพราะบางทีฉันก็ไม่รู้ว่าคุณอยู่หรือไม่อยู่ บางทีคุณอาจจะอยู่กับฉันโดยที่ฉันไม่รู้ก็ได้”
“ทำไม กลัวฉันแอบฟังเรื่องของเธองั้นเหรอ เรื่องของเธอไม่เห็นจะน่าสนใจเลยสักนิด หรือไม่อยากให้ฉันรู้เรื่องที่แฟนหนุ่มของเธอจะพาเธอไปอยู่ที่อื่น”
“คุณแอบฟังจริงๆ ด้วย” คังยูรีลุกจากม้านั่ง เด็กสาวจ้องไปที่ชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ
ชาฮีจูทำตัวไม่ถูก เขาเองก็เผลอหลุดปากพูดไปจนเธอจับได้ว่าคืนวันนั้นที่คังยูรีกับนัมจีโฮพูดคุยกันเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย ชาฮีจูค่อยๆ เหลือบมองเด็กสาวที่ยืนคิ้วขมวด สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
“ฉันพาเธอออกมาจากโรงเรียนแล้ว งั้น…ฉันไปนะ”
“ชาฮีจูหยุดนะ! ถ้าคุณไปตอนนี้ก็ไม่ต้องกลับมาอีกเลย”
เหมือนคำขู่ของเด็กสาวจะได้ผล ทันทีที่เธอขู่ชายหนุ่มก็นิ่งชะงัก เขาเองก็แปลกใจว่าทำไมต้องกลัวคำขู่ของเธอด้วย ทำไมเขาต้องกลัวว่าจะไม่ได้เจอเธออีก
“ฉันไม่ได้โกรธคุณสักหน่อย คุณทำแบบนี้บ่อยมั้ย มาหาฉันโดยที่ฉันไม่รู้น่ะ”
“ก็…แค่ไม่กี่ครั้ง”
“นี่…อย่าบอกนะว่าเวลาฉันเข้าห้องน้ำ…”
“หยุดเลยนะ อย่าแม้แต่จะคิด ทุกคนก็มีข้อจำกัดกันทั้งนั้น และทุกครั้งที่ฉันมาหาเธอก็มีเรื่องที่ต้องส่งสารให้เธอ แต่เห็นเธอกำลังยุ่งอยู่เลยไม่ได้ปรากฏตัวให้เธอเห็นแค่นั้น เพราะฉะนั้นอย่าคิดไปไกล”
“มาเป็นชุดเลยนะ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” เด็กสาวหลุดขำเอ็นดูในท่าทางของชายหนุ่ม ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ม้านั่งตัวเดิมและชวนชาฮีจูเข้ามานั่งด้วยกัน
ชาฮีจูเดินไปนั่งที่ม้านั่งข้างๆ เด็กสาวแต่โดยดี มือซ้ายก็ยังคงถือร่มสีแดงที่กางเอาไว้ ชายหนุ่มขยับตัวนั่งห่างออกจากเด็กสาวเล็กน้อย
“ถ้าฉันจะร้ายบ้างมันจะเป็นไรมั้ย ถ้าฉันไม่ให้อภัยคนที่ทำร้ายฉันมันไม่ผิดใช่มั้ย”
“มันไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดหรอก มนุษย์ทุกคนมักจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำโดยไม่คำนึงว่าสิ่งนั้นมันจะถูกหรือผิด บางคนทำแล้วค่อยกลับมาเสียใจทีหลัง บางคนก็มาเสียใจที่ไม่ได้ทำ จะรู้ว่าทำชั่วหรือทำดีก็ตอนตายไปนั่นแหละ”
“นรกกับสวรรค์มันมีเรื่องนี้อยู่จริงๆ เหรอ”
“ก็แล้วแต่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ผลของการกระทำมันมีอยู่จริงเสมอ แต่บางเรื่องเราก็ต้องทำเพื่อปกป้องตัวเองบ้าง จะยอมอยู่ฝ่ายเดียวมันก็ดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่”
“คุณกำลังบอกให้ฉันแก้แค้นคืนงั้นสินะ”
“เปล่า ฉันแค่คิดว่าคนบางคนควรได้บทเรียนบ้าง อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ฆ่าใครตายนี่”
คำพูดของชาฮีจูทำให้คังยูรีพอใจมาก การได้คุยกับชายหนุ่มแบบนี้ก็ทำให้เด็กสาวรู้โล่งใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก และเขาเองก็พูดถูก เรื่องบางเรื่องก็ต้องตอบโต้บ้าง เมื่อซออึนซูทำกับเธอได้ เธอก็ทำกับซออึนซูได้เหมือนกัน แบบนี้สิถึงเรียกว่ายุติธรรม
“เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะ คุณพูดเรื่องคังเยนาให้ฉันฟังหน่อยสิ ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง”
“ก็เหมือนเดิมทุกๆ วัน เธอก็เหมือนคนไม่มีตัวตนจำเรื่องราวสำคัญๆ ในชีวิตไม่ได้ ทำได้แค่รอคนมาปลดปล่อย”
“แล้วถ้าฉันไปช่วยเธอไม่ได้แล้ว เธอจะเป็นยังไงเหรอ” คังยูรีเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะถ้าเธอตัดสินใจไปกับนัมจีโฮก็เท่ากับว่าเธอไม่สามารถช่วยคังเยนาได้แล้ว
“เธอไปเถอะ เธอเองก็ควรมีชีวิตของเธอ ทุกอย่างคงถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้ ต่อให้ไม่มีเธอก็คงมีคนอื่นที่ช่วยได้แหละ ยังเหลือเวลาอีกตั้ง3เดือน คังเยนาคงไม่หมดหวังง่ายๆ หรอก”
“คุณว่าอะไรนะ อะไรคือ3เดือน ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย” เด็กสาวหันขวับมองมาที่ชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“ถ้าพ้นสามเดือนแล้วคังเยนายังจำตัวเองไม่ได้ เธอก็จะสูญเสียตัวตนไปจริงๆ และฉันคงไม่ได้เจอเธออีก”
“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
คังยูรีหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด คำพูดของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวอดคิดมากไม่ได้ อย่างน้อยถ้ามีเธออยู่ก็พอมีโอกาสช่วยเหลือคังเยนาได้บ้าง แต่ถ้าเธอไปก็เท่ากับทุกอย่างต้องเริ่มใหม่ แล้วก็ไม่มีใครกล้าการันตีได้ด้วยว่าเวลาสามเดือนที่เหลือต่อจากนี้จะหาคนมาแทนที่เธอเพื่อช่วยเหลือคังเยนาได้หรือเปล่า
ชาฮีจูมองหน้าเด็กสาวที่นั่งขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ เขาด้วยความรู้สึกผิด ลึกๆ แล้วชายหนุ่มเองก็ไม่อยากให้คังยูรีจากไป ถึงจะไม่ได้พูดบอกเธอแบบตรงๆ แต่คำพูดของเขาก็ชี้นำให้เด็กสาวคิดมากเช่นกัน
“ขอโทษนะคังยูรี ฉันแค่อยากช่วยเยนาจริงๆ ยกโทษให้ฉันนะ”
ชายหนุ่มพึมพำในใจ แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเด็กสาวโดยตรง บางทีการพูดชักนำของเขาอาจจะไม่ได้ผล อาจจะทำให้คังยูรีแค่คิดมาก เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาชีวิตเธอค่อนข้างลำบาก บางทีเธออาจจะต้องการความสุขให้ตัวเองก็ได้ ไม่ว่าคังยูรีตัดสินใจแบบไหน ชายหนุ่มก็จะยอมรับมันแต่โดยดี