นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Promised พรากสัญญานิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
The Promised พรากสัญญา
“ฉันเป็นพยานได้ว่าซออึนซูเป็นคนขังคังยูรีไว้ที่ห้องศิลป์จริงๆ ฉันมีคลิปทุกคนอยากจะดูมั้ยล่ะ” ชาแฮวอนตะโกนบอกกับทุกคนก่อนจะหันมาแสยะยิ้มให้ซออึนซูที่ยืนนิ่งอยู่
“เธอโกหก!” เด็กสาวตะคอกกลับ
“งั้นเธอจะดูคลิปมั้ย แต่ฉันว่าฉันลงคลิปไว้ที่เว็บของโรงเรียนน่าจะดีกว่า”
“อย่านะ!”
ซออึนซูพยายามแย่งมือถือจากชาแฮวอนแต่ก็ไม่สำเร็จ เด็กสาวจำนนต่อคำพูดและหลักฐานจึงไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้
ไม่ทันที่เรื่องดังกล่าวจะซาลง ความผิดเรื่องใหม่ของซออึนซูก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้งเมื่อเด็กสาวหัวหน้าห้องเดินเข้ามาพร้อมกับแท่งลิปสติกที่อยู่ในมือ ซออึนซูรู้ดีว่าลิปสติกแท่งนี้เธอเอาไปใช้ทำอะไรก่อนหน้านี้
“เมื่อวันก่อนฉันมาโรงเรียนแต่เช้ามืด แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนที่มาเร็วกว่าฉัน ฉันเห็นอึนซูยืนอยู่หน้ากระดานก็ว่าจะเดินเข้าไปทักเธอ แต่อยู่ๆ เธอก็เริ่มใช้ลิปสติกแท่งนี้เขียนบนกระดาน เธอเขียนแต่เรื่องไม่ดีถึงยูรี ฉันจำได้ว่าปกติเธอถนัดเขียนมือซ้าย แต่วันนั้นเธอใช้มือขวาเขียนก็เลยทำให้ลายมือเธอเปลี่ยนไป อึนซูคงไม่ทันสังเกตว่าลิปสติกที่เธอใช้เขียนนั้นมันตกอยู่ใต้โต๊ะครู เลย….”
“เธอโกหก! วันนั้นไม่มีใครอยู่ที่นั่น ฉันมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเรียนหรือแถวนั้นนอกจากฉันคนเดียว”
ซออึนซูหลุดปากสารภาพความจริงออกมา เธอเสี่ยรู้ให้คังยูรีเสียแล้ว เรื่องที่เด็กสาวหัวหน้าห้องเล่าเป็นเรื่องที่โกหกขึ้นมาเพื่อให้ซออึนซูยอมรับสารภาพด้วยตัวเอง ซออึนซูเองก็ยอมรับว่าคังยูรีฉลาดกว่าที่เธอคิดเอาไว้ การเอาคืนของเธอทำให้ซออึนซูหมดทางสู้จริงๆ
ทุกสายตาเปลี่ยนมามองซออึนซูกันทั้งหมด สายตามองมาที่เธอมีแต่ความเย้ยหยัน ทุกคนซุบซิบนินทาเธอเหมือนที่เคยทำกับคังยูรีเมื่อสักครู่ไม่ต่างกันเลย คนพวกนี้เห็นใครพลาดก็พร้อมจะเหยียบย่ำเสมอ
ซออึนซูรีบเข้าไปรับผิดต่อคิมคยองซานทันที เด็กสาวไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดกับเธอยังไงเธอสนใจแค่เด็กหนุ่มเท่านั้น และหวังว่าเขายังคงอยู่ข้างเธอเหมือนเช่นที่ผ่านมา
“พี่คยองซาน พี่อย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันทำเรื่องพวกนั้นจริงๆ พี่จะให้ฉันขอโทษยูรีอีกรอบก็ได้ พี่ให้ฉันทำอะไรฉันจะทำหมดเลย แต่พี่อย่าโกรธอย่าเกลียดฉันนะ”
ซออึนซูร่ำไห้อ้อนขอต่อหน้าเด็กหนุ่ม เธอกลัวเหลือเกินว่าคิมคยองซานจะโกรธให้เธอ เด็กสาวกุมมือคิมคยองซานไว้แน่น
“พอได้แล้วอึนซู พี่คงช่วยอะไรเธอไม่ได้ แล้วก็อย่าเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าเราคบกันด้วย พี่จะคบกับเธอได้ไงเพราะพี่ไม่ได้ชอบเธอ คนที่พี่ชอบตั้งแต่แรกและชอบมาตลอดก็คือยูรี เธอเป็นคนรู้ดีที่สุด”
เด็กหนุ่มสะบัดมือออกจากซออึนซูก่อนจะเดินออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดไป คิมคยองซานไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนี้อีกแล้ว ไม่ว่าคังยูรีจะจัดการยังไงเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งอีกต่อไป
“พี่คยองซาน พี่คยองซาน!” ซออึนซูตะโกนเรียกตามหลังแต่เด็กหนุ่มก็ไม่แยแสเธอแม้แต่น้อย
ตอนนี้มีแต่เสียงซุบซิบนินทาเรื่องของซออึนซู ต่างก็ว่าเธอหลงตัวเองและคิดไปเองว่าคิมคยองซานชอบเธอ เรื่องนี้เป็นที่สนใจมากกว่าเรื่องที่เธอใส่ร้ายหรือกักขังคังยูรีซะอีก
ซออึนซูกำมือแน่น เด็กสาวโกรธคังยูรีเป็นอย่างมากจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไป ซออึนซูปรี่เข้าไปประชิดตัวกระชากและทึ้งผมคังยูรีอย่างเกรี้ยวกราด คังยูรีเองก็ไม่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว เด็กสาวเองก็ใช้มือจิกไปที่ผมของซออึนซูเช่นกัน ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร และก็ไม่มีใครคิดจะแยกทั้งคู่ออกมาจากกันด้วย จนนักเรียนหญิงคนหนึ่งต้องวิ่งไปตามผู้เป็นครู จึงทำให้ทั้งคู่ถูกแยกออกจากกันในที่สุด ต่างคนต่างสงบสติอารมณ์และนั่งรอพบผู้ปกครองที่ห้องพักครู
“ยัยเด็กนี่! เพี๊ยะ!”
คังยูรีถูกแม่ของซออึนซูปรี่เข้ามาตบหน้าทันทีที่มาถึงห้องพักครูโดยที่เด็กสาวเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว คังยูรีใช้มือกุมแก้มด้วยความรู้สึกเจ็บ นัยน์สั่นเครือ รู้สึกหน้าชาไปหมด
“แกบ้าไปแล้วเหรอที่ทำกับอึนซูแบบนี้ อึนซูเป็นเพื่อนแกคอยช่วยเหลือแกมาตลอด ฉันเองก็เอ็นดูแกมากขนาดนี้แล้วทำไมถึงใจร้ายกับอึนซูได้”
“คุณป้าลองถามลูกสาวคุณป้าดูสิคะว่าทำอะไรกับหนูไว้บ้าง ลูกของป้ายังเห็นหนูเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า” คังยูรีลุกจากเก้าอี้สวนกลับหญิงวัยกลางคน เธอจะไม่ยอมให้หญิงผู้นี้มาต่อว่าเธออยู่ฝ่ายเดียวเด็ดขาด
“เพราะไม่มีแม่คอยสั่งสอนสินะถึงได้ก้าวร้าวแบบนี้”
“อย่าเอาแม่หนูมาเกี่ยวข้อง หนูนิสัยไม่ดีก็เป็นที่ตัวหนูไม่เกี่ยวกับแม่ ขนาดอึนซูมีทั้งพ่อทั้งแม่ยังนิสัยไม่ดีเลย”
“ยัยเด็กนี่!”
“คุณแม่อย่าครับ อย่าทำร้ายเด็กนักเรียน”
ครูประจำชั้นรีบเข้ามาขวางเพื่อไม่ให้หญิงดังกล่าวเข้ามาทำร้ายผู้เป็นลูกศิษย์ เพราะแค่เธอเข้ามาตบหน้าคังยูรีก็ทำมากเกินกว่าเหตุอยู่แล้ว
“ฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย ครูต้องจัดการให้ฉัน ดูสิอึนซูเจ็บไปทั้งตัวแล้ว”
“แต่คนที่เปิดก่อนก็คืออึนซูนะคะคุณป้า” ชาแฮวอนเอ่ยแทรกขึ้นมา จนทำให้หญิงวัยกลางคนถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ
“แต่ยังไงก็ต้องจัดการเด็กคนนี้ ฉันไม่ให้ลูกสาวฉันเรียนอยู่ห้องเดียวกันกับยัยเด็กนิสัยไม่ดีนี่เด็ดขาด อย่าลืมสิว่าฉันช่วยเหลือโรงเรียนนี้ขนาดไหน”
“งั้นก็ย้ายโรงเรียนออกไปเลยดีมั้ยคะ?”
หญิงวัยกลางคนที่พึ่งมาถึงเอ่ยแทรกขึ้นมา เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแม่ของซออึนซูและจ้องไปที่หญิงดังกล่าวอย่างไม่พอใจ ก่อนจะละสายตานั้นหันไปยิ้มให้คังยูรีที่ยืนอยู่ข้างๆ แทน
“เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะรับผิดชอบโดยการย้ายหลานของฉันให้ไปเรียนที่อื่นเอง เพราะดูจากสภาพแวดล้อมที่นี่แล้วฉันคิดว่าหลานของฉันควรอยู่ที่ดีกว่านี้ ใช่มั้ยยูรี”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตกใจกับคำพูดของหญิงคนดังกล่าว จู่ๆ เธอก็เดินเข้ามาและแสดงตัวว่าเป็นญาติของคังยูรีแบบนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจอยู่มาก เพราะใครๆ ก็รู้ว่าคังยูรีกับแม่ของเธออาศัยอยู่กันแค่สองคนมาตลอดตั้งแต่คังยูรียังเด็กจนเติบโต ไม่เคยเห็นมีใครมาเยี่ยมหาสองแม่ลูกนี้เลยสักครั้ง ในสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีก็แค่นัมจีโฮคนเดียวที่รู้เรื่องทุกอย่างนี้ดี เพราะเขาเองที่เป็นคนพาหญิงวัยกลางคนดังกล่าวมาที่โรงเรียนตามแผนที่ได้คุยตกลงกับคังยูรีเอาไว้เมื่อคืน
ย้อนกลับไปช่วงค่ำเมื่อวาน
“คุณรู้จักหนูด้วยเหรอคะ” คังยูรีเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ
“ถึงเราจะอยู่กันคนละที่แต่ก็ถือว่าเราเป็นญาติทางสายเลือดกันโดยตรง ฉันเป็นพี่สาวของแม่หนู พี่สาวของคังยองจู ฉันชื่อคังอึนจู”
“พี่สาว? แต่แม่ไม่เคยเห็นเล่าให้หนูฟังเลยนะคะว่าแม่มีญาติด้วย”
“มันมีเหตุผลให้แม่หนูต้องทำแบบนั้น ครอบครัวของพวกเราอยู่กันที่ยอซู ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ฉันต้องเล่าให้หนูฟังอีกเยอะเลย”
“แต่คุณมาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ แม่หนูไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
“ฉันรู้ ฉันถึงมารับเธอไปอยู่ด้วยไง”
นัมจีโฮสะดุ้งทันทีที่ได้ยินว่าหญิงดังกล่าวจะพาคังยูรีไปอยู่ด้วย ชายหนุ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาเพราะถ้าเธอเป็นญาติของคังยูรีจริงๆ ก็เท่ากับว่าคังยูรีเองก็มีทางเลือกเพิ่มขึ้น และอาจจะปฏิเสธไม่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศกับเขาก็ได้
“นี่จ๊ะ เผื่อหนูไม่เชื่อว่าฉันกับแม่หนูเป็นพี่น้องกัน”
หญิงวัยกลางขึ้นล้วงรูปถ่ายหลายใบออกมาจากกระเป๋าพกเพื่อยื่นให้กับคังยูรีได้ดู รูปถ่ายดังกล่าวเป็นรูปของแม่เธอกับหญิงที่อ้างตัวว่าเป็นป้าของเธอจริงๆ น้ำตาของเด็กสาวค่อยๆ ไหลริน เธอมองรูปถ่ายใบหนึ่งที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะรูปนี้เธอก็มีเก็บไว้อีกใบเหมือนกัน ต่างแค่รูปที่เธอมีอยู่อีกครึ่งหนึ่งถูกฉีกออกไปเลยทำให้เห็นแค่แม่เธอคนเดียว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นแม่เธอให้เหตุผลว่าเป็นรูปของผู้พ่อเธอ ที่ต้องฉีกออกไปเพราะพ่อของเธอไปมีครอบครัวใหม่เลยไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป และนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวได้เห็นหน้าตาผู้เป็นพ่อของตัวเอง
“แล้วคุณรู้ได้ไงคะว่าแม่หนู แม่หนู…ตายแล้ว” เด็กสาวน้ำเสียงสั่นเครือ พูดถึงผู้เป็นแม่ทีไรก็ทำให้เธอน้ำตาคลอได้ทุกครั้ง
“เอาจริงๆ มันก็อธิบายยากเหมือนกัน มีผู้ชายคนหนึ่งมาหาฉันแล้วบอกว่าฉันต้องมาที่นี่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเชื่อคำพูดของเขาด้วย พอฉันมาถึงที่นี่ก็เห็นหนูร้องไห้อยู่ที่งานศพ รูปที่ตั้งไว้ก็เป็นคังยองจูที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดี”
“แล้วทำไมคุณไม่แสดงตัวให้หนูรู้ตอนนั้นคะ”
“เพราะฉันสงสารและเห็นใจหนู หนูกำลังเสียใจไม่พร้อมจะรับรู้อะไรทั้งนั้น ถ้าอยู่ๆ ฉันโผล่มาบอกว่าเป็นป้าแล้วหนูจะรับได้มั้ย หลังจากงานศพแม่หนูเสร็จฉันก็กลับยอซูเพื่อไปจัดเตรียมการทุกอย่างให้หนูไว้ให้เรียบร้อย และยังมีเรื่องอีกมากมายที่ฉันต้องจัดการเลยมาหาหนูก่อนหน้านี้ไม่ได้ ยูรี…ไปอยู่กับฉันนะ ให้ฉันได้ทำหน้าที่ในฐานะป้าของหนูได้มั้ย”
คังยูรีได้แต่นิ่งเงียบไป เด็กสาวสับสนจนพูดไม่ออกที่อยู่ๆ ก็มีคนมาบอกว่าเป็นป้าของเธอ แถมยังจะชวนเธอไปอยู่ด้วยอีก ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็ยังไม่ไว้ใจ เพราะแม่ของเธอก็ไม่อยู่แล้วไม่มีใครที่จะมายืนยันความจริงตรงนี้ได้
คังยูรีนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่สักครู่ จู่ๆ เด็กสาวก็นึกถึงคำพูดของชาฮีจูขึ้นมา เขาเคยพูดเอาไว้ว่าสักวันเธอต้องจากที่นี่ไปและจะมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น คังยูรีก็เข้าใจมาตลอดว่าชีวิตที่ดีนั้นคือการย้ายไปอยู่อังกฤษกับนัมจีโฮเสียอีก แต่พอมาคิดๆ ดูคนที่อ้างว่าเป็นป้าของเธอก็อาศัยอยู่ที่ยอซูด้วย นั่นก็เป็นที่เดียวกันกับที่คังเยนาอยู่ หรือว่าโชคชะตาต้องการให้เธอได้เจอคังเยนาเพื่อช่วยเหลือตามที่ชาฮีจูเคยบอกเอาไว้
“หนูขอถามอะไรหน่อยสิคะ ผู้ชายที่มาหาคุณใช่คนที่ใส่ชุดขาวถือร่มสีแดงมั้ย”
“ใช่ หนูรู้จักเขาด้วยเหรอ”
“ชาฮีจู!” คังยูรีเปรยชื่อชายหนุ่มออกมา เป็นอย่างที่เด็กสาวคิดไว้ไม่มีผิด
ตอนนี้คังยูรีเริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่การจะย้ายไปอยู่กับหญิงดังกล่าวเป็นเรื่องที่กระชั้นชิดเกินไป เธอเองก็อยากมีเวลาพิสูจน์สายสัมพันธ์ทางสายเลือดให้ชัดเจนกว่านี้ และต้องการเวลาตัดสินใจอีกด้วย
คังยูรีไม่ได้ให้คำตอบแก่หญิงดังกล่าว เธอขอเวลาคิดดูก่อนว่าจะเอายังไงต่อไป หญิงดังกล่าวก็ไม่ได้เร่งรัดเธอเช่นกัน เพราะเธอก็เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เพราะอยู่ๆ ก็มีคนมาบอกว่าเป็นป้าของเธอเป็นใครก็คงต้องสับสนกันบ้าง
______________________
ปัจจุบัน
เรื่องราวความยุ่งยากของคังยูรีและซออึนซูถูกคลี่คลายเรียบร้อยและเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย คังยูรีก็ออกไปข้างนอกกับคังอึนจู ทั้งคู่ไปที่ร้านอาหารเพื่อหาเวลาพูดคุยและตัดสินใจเรื่องข้อเสนอที่คังอึนจูยื่นให้จนเวลาล่วงเลยมานานพอสมควร
คังอึนจูนั่งรถมาส่งคังยูรีใกล้บริเวณโรงเรียนของเธอ เด็กสาวบอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อเลยให้ส่งถึงแค่ตรงนี้เดี๋ยวเสร็จธุระเธอจะกลับบ้านเอง
คังยูรีเดินไปได้สักพักก็เห็นซออึนซูยืนอยู่หน้าร้านเค้ก ร้านดังกล่าวเป็นร้านที่เธอกับซออึนซูมักจะมาด้วยกันเสมอ เด็กสาวยืนมองซออึนซูอยู่สักครู่ก่อนจะเดินเข้าไปทัก
“คิดถึงความหลังอยู่เหรอ” คังยูรีเอ่ยประชดต่อซออึนซูที่ยืนอยู่หน้าต่างกระจกบานใหญ่
“เปล่า แค่มาลบความทรงจำน่ะ ที่นี่มันไม่ได้น่าจดจำเลยสักนิด” ซออึนซูตอกกลับ เธอเองก็ไม่อยากแพ้คังยูรีเช่นกัน
“ก็ดีแล้ว ฉันล่ะเสียดายเวลาที่ผ่านมาจริงๆ”
“ย้ายโรงเรียนเถอะนะยูรี อย่าอยู่ที่นี่ให้ฉันต้องทนเห็นหน้าเธออีกเลย เธอมีป้าแล้วนี่ ดูเหมือนจะรวยซะด้วย ป้าเธอคงหาโรงเรียนดีๆ สักทีให้เธอเรียนได้แหละมั้ง”
“ถ้าฉันไม่ย้ายเธอจะกระอักเลือดตายเลยใช่มั้ย ถ้าใช่ ฉันจะได้อยู่ต่อ”
“เธอนี่นะ เธอมันทุเรศสิ้นดี”
“ทำไมเธอชอบเอาการกระทำตัวเองโยนไปให้คนอื่นด้วย เธอทุเรศก็ทุเรศไปคนเดียวสิ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าฉันไปจากที่นี่ไม่ใช่เพราะฉันแพ้เธอหรือกลัวเธอหรอกนะ ถ้าฉันจะไปเพราะฉันจะไปใช้ชีวิตให้ดีกว่าเธอ มีความสุขให้มากกว่าเธอ ซออึนซู…ต่อจากนี้ฉันกับเธออยู่ใครอยู่มัน ถือซะว่าเราไม่เคยรู้จักกันก็พอ”
คังยูรีตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง เธอพอแล้วกับเรื่องยุ่งยากทั้งหมดที่เกิดขึ้น นับจากนี้เธอจะเดินหน้าและจะใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด เด็กสาวเดินจากซออึนซูไปโดยไม่หันกลับมามองอดีตเพื่อนเลยสักนิด ซึ่งต่างจากซออึนซูที่มองตามหลังเธอจนสุดสายตา น้ำตาที่ซออึนซูข่มเอาไว้ก็ไหลลงมาเป็นทาง นี่คือจุดจบความสัมพันธ์ของซออึนซูและคังยูรีอย่างเป็นทางการ
“ขอโทษนะ ลาก่อนคังยูรี”
คำบอกลาครั้งสุดท้ายหลุดออกมาจากปากของเด็กสาว ซออึนซูเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มก่อนจะเดินออกจากสถานที่แห่งความทรงจำโดยไม่หันหลังกลับมามองอีกต่อไป
คังยูรียืนอยู่หน้าคาเฟ่แห่งหนึ่ง เด็กสาวโทรให้นัมจีโฮออกมาหาเพราะเธอมีเรื่องที่ต้องให้คำตอบกับชายหนุ่มเช่นกัน เมื่อเรื่องของเธอกับซออึนซูคลี่คลายจบไป ต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องของเธอกับนัมจีโฮโดยตรง คังยูรียิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นนัมจีโฮกำลังมุ่งหน้ามาทางที่เธอยืนอยู่
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะไม่หนาวเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยทักทันทีที่มาถึง ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวพอเห็นคังยูรียืนอยู่ที่โล่งแบบนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่หนาวค่ะ พี่จีโฮช่วยไปส่งฉันที่บ้านได้มั้ยคะ”
“อะไรเนี่ย โทรให้พี่ออกมาหาเพื่อให้พี่ไปส่งเธอที่บ้านแค่นี้เหรอ”
“ใช่ค่ะ หรือพี่ไม่อยากไปส่งฉัน”
“ก็ได้ งั้นรอตรงนี้นะเดี๋ยวพี่ไปเรียกแท็กซี่ก่อน”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันอยากเดินกลับบ้านกับพี่ ตรงนี้จากบ้านฉันก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมาก พี่เดินไปส่งฉันที่บ้านนะ”
“ก็ได้ๆ พี่ขัดใจเธอได้ที่ไหน” ชายหนุ่มยิ้มรับอย่างอ่อนโยน
คังยูรียิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง เด็กสาวเดินเข้าไปกุมมือนัมจีโฮเอาไว้แนบแน่น ระหว่างทางพูดคุยกันด้วยความสนุกสนาน นัมจีโฮเองก็รับรู้ได้ว่าคังยูรีดูมีความสุขมากจริงๆ เหมือนเธอได้ปลดปล่อยความสิ้นหวัง ความโดดเดี่ยวออกไปโดยสิ้นเชิง
นัมจีโฮรู้ตัวดีว่าที่เด็กสาวให้เขามาหานั้นก็เพราะจะให้คำตอบเขากับเรื่องที่คุยกันไว้ และดูเหมือนว่าชายหนุ่มเองก็น่าจะรู้คำตอบของคังยูรีแล้วเช่นกัน