นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Promised พรากสัญญานิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
The Promised พรากสัญญา
“ควอนบิน ทำไมนายมาอยู่ที่นี่”
ชาฮีจูถามชายหนุ่มที่นอนไม่รู้สึกอยู่บนเตียง ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เหมือนใช้ช่วยพยุงชีพของชายหนุ่มไว้ ชาฮีจูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตเพื่อนร่วมชั้นของเขากันแน่
“เธอจำเขาได้ใช่มั้ย” ชายสูงวัยเอ่ยถามชาฮีจูอย่างตรงไปตรงมา
“ผมจำได้ ควอนบินเคยเรียนห้องเดียวกับผมแต่ได้ย้ายออกไปเมื่อเทอมที่ผ่านมา”
“ควอนบินถูกบังคับให้ย้ายออกจากโรงเรียน แม่ของเขาได้ร้องเรียนไปที่โรงเรียนว่าถูกเพื่อนร่วมห้องกลั่นแกล้งจนควอนบินต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ถึงมีคนช่วยเหลือควอนบินไว้ได้ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว หมอบอกว่าสมองของควอนบินขาดออกซิเจนเป็นเวลานานต่อให้ฟื้นขึ้นมาก็ใช่ว่าจะเป็นปกติ และอีกอย่างตัวควอนบินเองก็ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เหมือนกัน เขาเองก็เจ็บปวดเกินจะใช้ชีวิตอยู่ต่อได้”
“อะไรนะ…ฆ่าตัวตายงั้นเหรอ! ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องนี้ ทุกคนบอกแค่ว่าควอนบินย้ายไปเรียนที่อื่น”
“พ่อแม่ของเธอปิดข่าวเอาไว้เพื่อแลกกับการบริจาคเงินให้โรงเรียนเป็นจำนวนมาก มนุษย์พวกนั้นก็เห็นแก่เงินกันทั้งนั้น แม่ควอนบินเลยจำใจต้องปล่อยไป เพราะต่อให้อยากจะสู้ยังไงท้ายสุดก็ต้องแพ้อยู่ดี”
ชาฮีจูหลั่งน้ำตาโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่นึกเลยว่าการแกล้งที่เขาคิดว่าสนุกสนานจะส่งผลกระทบร้ายแรงได้ถึงเพียงนี้ ชาฮีจูเดินเข้าไปใกล้ควอนบินให้มากขึ้น เขามองชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งด้วยความรู้สึกผิดอย่างเจ็บปวด
“ควอนบิน ฉันขอโทษ” ชาฮีจูหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่ขาดสาย ชายหนุ่มรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองมากนัก
“ฉันไม่ยกโทษให้!”
น้ำเสียงแข็งกระด้างและดุดันเอ่ยแทรกขึ้น ชาฮีจูจำได้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงของควอนบินอย่างแน่นอน เพียงแค่แปลกใจว่าควอนบินเองก็นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงยังไม่เห็นที่จะเอ่ยปากพูดอะไรสักคำแต่ทำไมถึงได้ยินเสียงของเขาได้ ชาฮีจูเองก็ไม่ได้ละสายตาออกจากควอนบินเลยสักวินาทีเดียว ชายหนุ่มรู้เริ่มสึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก เหงื่อเริ่มไหลซึมออกทั่วใบหน้า
“ควอนบิน…นั่นนายใช่มั้ย”
จู่ๆ ชาฮีจูกับรู้สึกร้อนอบอ้าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเหมือนมีใครเอาไฟมาลนเขาอยู่ตอนนี้ ชายสูงวัยเห็นท่าไม่ดีเลยใช้มือแตะไปที่ไหล่ของชาฮีจูไว้ ความแสบร้อนที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ ทุเลาเบาบางลงไป
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมงงไปหมดแล้ว” ชาฮีจูหันมาถามชายสูงวัยที่ยืนอยู่ข้างๆ
“พลังแห่งความโทสะน่ะ ตอนนี้ควอนบินแค้นเธอมาก เขาเลยอยากให้เธอสัมผัสถึงความเคียดแค้นที่เขามีต่อเธอ”
“ลุงพูดเรื่องอะไร ควอนบินก็นอนอยู่ตรงนี้ไม่เห็นเขาจะทำอะไรผมเลย” ชาฮีจูเริ่มสับสนมากขึ้น
“ชาฮีจู ที่ฉันพาเธอมาที่นี่เพราะอยากให้เธอแก้ไขในสิ่งที่ทำผิดไป ถ้าเธอสามารถทำให้ควอนบินให้อภัยเธอได้เขาก็จะกลับเข้าร่างเอง ยิ่งเขาออกจากร่างนานเท่าไหร่โอกาสที่จะกลับเข้าร่างก็ยากขึ้น ถ้าเขาตายจากไปโดยที่ยังมีความแค้นต่อเธออยู่ เธอเองก็จะมีตราบาปติดตัวไปเหมือนกัน”
“ลุงจะบอกผมว่าวิญญาณควอนบินตามอาฆาตผมอยู่เหรอ มันมีเรื่องที่เหลือเชื่อแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ใช่เรื่องจริงมั้ยเธอเองก็รู้อยู่แก่ใจ สิ่งที่เธอต้องทำคือการให้อภัยจากควอนบิน”
“ก็ได้…งั้นผมต้องทำยังไงบ้าง” ถึงชายหนุ่มจะทำใจยอมรับยากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เขาเองก็อยากจะรู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อ ถ้าเรื่องที่ชายสูงวัยพูดมาเป็นเรื่องจริงเขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อชดเชยในสิ่งที่ทำผิดไปกับควอนบิน
“ฉันเองก็ไม่รู้ ทุกอย่างอยู่ที่ความสามารถของเธอ ถ้าเธอจริงใจและรู้สึกผิดจริงๆ ควอนบินก็จะให้อภัยเธอเอง”
“ทำไมลุงถึงรู้เรื่องพวกนี้ด้วย ลุงเป็นใครกันแน่”
ชาฮีจูจ้องไปที่ชายสูงวัยด้วยความข้องใจ ตั้งแต่เจอกับชายดังกล่าวก็เหมือนเรื่องทุกอย่างจะดูผิดแปลกไปหมด แต่ที่มั่นใจคือไม่ได้ฝันไปแน่ๆ เหตุการณ์ในตอนนี้คือเรื่องจริงอย่างแน่นอน
“ฉันเป็นผู้ส่งสาร ผู้ที่คอยเป็นตัวกลางส่งสารให้คนแบบพวกเธอไง”
ชายสูงวัยเผยรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆ หายวับไปกับตา วูบเดียวนั้นเองที่ชาฮีจูนอนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ตัวก็จำได้ว่าที่นี่คือห้องนอนของตัวเอง เมื่อสักครู่เขายังอยู่ที่บ้านควอนบินอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้ถึงกลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเองได้
ชาฮีจูเหลือบไปเห็นกล่องแก้วที่วางอยู่ข้างๆ ตัวจึงหยิบกล่องแก้วนั้นขึ้นมา เมื่อเปิดออกก็เห็นเป็นร่มสีแดงคันเก่าๆ ชายหนุ่มสงสัยนักว่าร่มคันดังกล่าวมาอยู่ที่ห้องของเขาได้อย่างไร เหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้เขานึกถึงช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา
“มันไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน”
ชาฮีจูรีบเก็บร่มใส่ไว้ในกล่องแก้วตามเดิม ชายหนุ่มวางกล่องไว้โต๊ะหัวเตียงก่อนจะลุกออกจากห้องนอนเดินตรงไปหาผู้เป็นแม่ที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“แม่ เมื่อคืนผมกลับมาบ้านได้ยังไง”
“แกไม่ได้กลับมาเองเหรอ ฉันมาถึงบ้านก็เห็นแกนอนอยู่ที่ห้องแล้ว”
คำพูดของผู้เป็นแม่ยิ่งทำให้ชายหนุ่มมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ชาฮีจูยืนจ้องผู้เป็นแม่อย่างไม่ลดละ เขานึกถึงเรื่องของควอนบินขึ้นมา และแม่ของเขาก็คงให้คำตอบเรื่องนี้กับเขาได้ถ้ามันคือเรื่องจริง
“แกจ้องฉันทำไม ฉันบอกแกไว้เลยนะ ถ้าแกสร้างเรื่องให้ฉันต้องปวดหัวอีกฉันจะพาแกไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าแน่ ฉันเบื่อที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดเรื่องไร้สาระของแกแล้วนะ เมื่อไหร่แกจะทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง ถ้าแกทำไม่เป็นก็แค่อยู่เฉยๆ อย่างน้อยฉันจะได้ไม่ต้องปวดหัว”
“พาไปเลยสิครับ ผมเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อยู่แล้ว อีกอย่างแม่กับพ่อเคยสนใจผมซะที่ไหน ออกจากบ้านนี้ได้ผมคงจะมีความสุขกว่านี้”
“เพี๊ยะ!”
เสียงฝ่ามือกระทบไปที่แก้มขวาของชาฮีจูเต็มแรง ผู้เป็นแม่หมดความอดทนกับการยโสโอหังของผู้เป็นลูกชายนัก เขาเองก็ควรเห็นแก่เธอบ้างในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ใช่มายืนเถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้
“ถ้าแกคิดว่าไม่มีฉันกับพ่อแกแล้วแกอยู่ได้ งั้นแกก็ออกไปเลย จะบอกให้นะว่าฉันจะไม่ตามหาแกกลับมาด้วย”
“ผมรู้ครับ ขนาดผมถูกตำรวจจับพ่อกับแม่ยังไม่กล้าไปรับผมเลย”
“ไปรับแกให้อับอายขายขี้หน้าคนอื่นงั้นเหรอ ฉันไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นแน่”
“ช่างเถอะครับ ให้มันจบไปซะเรื่องนี้ ผมมีเรื่องอยากจะถามแม่ ทำไมแม่ไม่บอกเรื่องที่ควอนบินพยายามฆ่าตัวตาย ทำไมแม่ต้องโกหกผมด้วย”
“แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
ชาฮีจูพรั่งพรูความเสียใจและรู้สึกผิดออกมาอีกครั้งเมื่อผู้เป็นแม่เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง เขารังเกียจตัวเองมากนักที่ทำเรื่องเลวร้ายลงไปถึงจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่ความไม่ตั้งใจความรักสนุกของเขาก็ได้ทำลายชีวิตคนคนหนึ่งไปแล้ว และเขาก็ไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิดถ้าควอนบินจะไม่ให้อภัยเขาในครั้งนี้
ด้วยความรู้สึกผิด ชาฮีจูตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อให้ควอนบินให้อภัย ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่เพื่อตัวควอนบินทั้งนั้น เพราะถ้าควอนบินให้อภัยและปล่อยวางได้ก็จะทำให้เขากลับเข้าร่างและสามารถฟื้นขึ้นมาใช้ชีวิตอีกครั้ง ไม่ว่าจะลำบากยากเย็นแค่ไหนชาฮีจูก็จะพยายามอย่างถึงที่สุด
ชาฮีจูเดินเข้ามาในห้องเรียนของตัวเอง ชายหนุ่มเดินตรงไปยังกลุ่มเพื่อนชายที่กำลังพูดคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน วันนี้เขาต้องบอกเพื่อนทุกคนให้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องของควอนบินเพื่อนร่วมห้องของพวกเขา
“นี่…พวกนายรู้มั้ยว่าควอนบินไม่ได้ย้ายโรงเรียนอย่างที่เราเข้าใจ จริงๆ แล้วควอนบินออกจากโรงเรียนเพราะต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน”
“นายพูดอะไรฮีจู เจ้าเอ๋อคนนั้นเป็นอะไรทำไมต้องรักษาตัวด้วย” เพื่อนชายคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“เป็นเพราะพวกเราไง ควอนบินพยายามฆ่าตัวตายเพราะพวกเรา"
“ฮีจู นายพูดอะไรของนาย เจ้าเอ๋อนั่นเนี่ยนะฆ่าตัวตาย”
“ฉันพูดเรื่องจริง ฉันจะพาพวกนายไปหาควอนบิน ไปขอโทษควอนบินกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไปยอมรับผิดในสิ่งที่เราทำกับควอนบินไว้”
“ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ เจ้านั่นอยากตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา เกิดมาอ่อนแอเองจะมาโทษพวกเราได้ไง” เพื่อนชายอีกคนสวนขึ้น เขาหัวเราะทำเหมือนกับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
“แต่ถ้าพวกเราไม่ไปรังแกควอนบิน เขาก็…”
“หยุดเถอะฮีจู หยุดพูดถึงควอนบินสักที พวกเราจะไม่ไปขอโทษใครทั้งนั้น นายอยากไปก็ไปคนเดียวอย่าเอาพวกเราไปเกี่ยว”
“ทำไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้ อย่างน้อยก็รู้ผิดชอบชั่วดีหน่อยสินั่นชีวิตคนทั้งคนเลยนะ จะไม่รับผิดชอบอะไรกันบ้างเลยหรือไง”
“นายจำไม่ได้เหรอฮีจู นายเองนะที่เป็นคนเริ่มแกล้งเจ้านั่น พวกเราก็แค่อยากสนุกด้วยแค่นั้น ถ้านายอยากรับผิดชอบก็รับผิดชอบคนเดียวไปเลย ไปเถอะพวกเรา”
ชาฮีจูยืนนิ่งยอมรับในสิ่งที่เพื่อนชายกล่าวหา เพราะเขาเองที่เป็นผู้ริเริ่มรังแกควอนบินก่อน เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากเขาจริงๆ ชาฮีจูฟุบนั่งที่เก้าอี้ยกมือทั้งสองข้างกุมขมับเอาไว้ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้เขาต้องรับผิดชอบเพียงคนเดียวเสียแล้ว
ชาฮีจูนั่งอยู่ที่ม้านั่งสวนสาธารณะแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนของเขามากนัก ชายหนุ่มคิดหาวิธีเพื่อติดต่อชายสูงวัยในชุดม่อฮ่อมสีขาว เขาอยากให้ชายดังกล่าวช่วยชี้แนะว่าต้องทำยังไงบ้าง หรืออย่างน้อยควรเริ่มต้นจากตรงไหนดี เพราะตอนนี้เขาเองก็ดูหมดหนทางและสับสนไปหมด ชาฮีจูเองก็ยอมรับแล้วว่าเรื่องทุกอย่างที่ชายสูงวัยกล่าวมาเป็นเรื่องจริง เขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป
เหมือนเบื้องบนยังพอเห็นใจเมื่อชายสูงวัยปรากฏตัวขึ้นมา ชาฮีจูรีบลุกจากม้านั่งเดินตรงไปหาชายสูงวัยที่ยืนกางร่มสีแดงนั้นทันที ร่มของเขาเหมือนร่มในกล่องแก้วที่อยู่ในห้องนอนเขาราวกับว่าเป็นคันเดียวกันด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้สำคัญพอที่จะทำให้ชาฮีจูสนใจไปมากกว่าเรื่องของควอนบิน
“ลุง ขอบคุณมากที่ออกมาเจอผม ลุงบอกได้มั้ยว่าผมต้องทำยังไงบ้าง”
“ฉันเป็นแค่ผู้ส่งสารคงช่วยเธอมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ฉันเชื่อถ้าเธอมีความจริงใจ ควอนบินต้องให้อภัยเธอแน่”
“งั้น…ถ้าผมอยากเจอควอนบินตอนนี้ ลุงช่วยผมได้มั้ย”
“ควอนบินมีแรงอาฆาตต่อเธอมากเหลือเกิน ฉันเกรงว่าเธอจะบาดเจ็บถ้าได้รับแรงโทสะจากเด็กคนนั้น”
“ผมทนได้ถ้ามันจะเป็นทางเดียวที่ทำให้ผมได้เจอควอนบิน”
“เธอแน่ใจแล้วใช่มั้ย" ชายสูงวัยย้ำถามอีกครั้ง
เมื่อได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว ชายสูงวัยก็ยื่นมือออกเพื่อรอให้ชาฮีจูเข้ามาจับเอาไว้ เพียงไม่กี่วินาทีทั้งคู่ก็ปรากฏตัวอยู่ที่ริมสระแห่งหนึ่ง บรรยากาศที่นี่ชวนวังเวงและขนหัวลุกเป็นอย่างมาก ที่นี่ดูเงียบสงบแต่ไม่เหมาะจะใช้เป็นสถานที่เพื่อพักผ่อนหย่อนใจเพราะค่อนข้างอยู่ห่างไกลชุมชนไปมาก
“ลุงพาผมมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่พาผมไปที่บ้านควอนบิน”
“ควอนบินอยู่นี่ ที่นี่คือที่ที่เด็กคนนั้นมาเพื่อจะปลิดชีพตัวเอง”
“อะไรนะ ควอนบิน….”
ไม่ทันที่ชาฮีจูจะได้ถามจบ อยู่ๆ ก็มีก้อนกลุ่มดำบางอย่างพุ่งตรงมาที่เขาอย่างแรงจนเขาเองต้องล้มคะมำกองไปที่พื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พอชาฮีจูจะลุกขึ้นก็ถูกกลุ่มก้อนสีดำพุ่งเข้าชนซนแล้วซ้ำเล่าจนทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถประคองตัวเองให้ลุกขึ้นได้เลย
ชาฮีจูกุมมือไปที่หน้าอกรับรู้ถึงความเจ็บปวดราวกับว่าถูกใครปาก้อนหินใส่อย่างเต็มกำลัง และระหว่างนั้นเองก็เริ่มรู้สึกแสบร้อนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีใครกำลังจุดไฟเผาอยู่ใกล้ๆ อย่างไงอย่างงั้น
ชาฮีจูรับรู้ถึงบางอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวเขา เหงื่อของชายหนุ่มเริ่มไหลออกมาจนชุ่มไปทั้งตัว ใบหน้านั้นของชาฮีจูเริ่มแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกเหมือนว่าร่างกายกำลังถูกบีบอัดอยู่
“พอได้แล้วควอนบิน ทำแบบนี้ยิ่งแต่จะเป็นบาปติดตัว” ชายสูงวัยปรามควอนบินให้หยุดความอาฆาต เขาเองก็ไม่อยากให้เด็กหนุ่มทำเรื่องเลวร้ายที่เป็นบาปติดตัวไปเช่นกัน
“ผมไม่สนใจ ผมเองก็ไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ยังไงผมก็จะตายอยู่ดี งั้น…ก็ให้ชาฮีจูตายไปพร้อมกับผมเลยแล้วกัน” ชายหนุ่มสวนกลับด้วยความโกรธแค้น
“แล้วแม่เธอล่ะ แม่เธอต้องมารับผลกรรมของเธอด้วยงั้นเหรอ”
คำพูดของชายสูงวัยทำให้ชายหนุ่มค่อยๆ คลายพลังความเคียดแค้นลง เขาเองก็ลืมนึกถึงผู้เป็นแม่ไปเลย ชาฮีจูฟุบลงที่พื้นทันทีที่ความเคียดแค้นของควอนบินจางหายไป ชายหนุ่มหอบหนักจนหายใจติดๆ ขัดๆ เขาเองไม่นึกว่าแรงแค้นของควอนบินที่เป็นแค่ดวงวิญญาณจะรุนแรงได้ถึงเพียงนี้
“ควอนบิน นายบอกฉันมาสิว่าต้องทำยังไงนายถึงจะยกโทษให้ หรือให้ฉันทำยังไงนายถึงจะยอมกลับเข้าร่าง” ชาฮีจูโพล่งออกไปถามชายหนุ่มที่ไร้ตัวตน เขาหวังว่าควอนบินจะได้ยินในสิ่งที่เขาถาม
“แน่ใจนะว่าจะทำทุกอย่าง”
“แน่ใจ แค่บอกมาฉันพร้อมจะทำตามที่นายบอก”
“งั้น…ลงไปสิ ดำลงไปในสระนั้นแล้วไม่ต้องโผล่หัวขึ้นมา”
สิ่งที่ควอนบินขอนั้นดูจะทำให้ชาฮีจูคิดหนักเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มรู้ดีว่านั่นคืออะไร ถ้าเขาทำตามที่ควอนบินขอนั่นเท่าต้องตายเท่านั้น ชาฮีจูนิ่งครุ่นคิดอย่างสิ้นหวัง เขาไม่ได้นึกโกรธให้ควอนบิน เขาแค่กำลังชั่งใจว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วควอนบินจะยอมกลับเข้าร่างจริงๆ อย่างนั้นเหรอ
“ควอนบิน นายกำลังบอกให้คนคนหนึ่งไปตายนะ ทำแบบนี้ยิ่งแต่สร้างบาปให้ตัวเองมากกว่าเดิม” ชายสูงวัยสวนขึ้นมา เขาไม่เห็นด้วยในสิ่งที่ชายหนุ่มปรารถนา
“แล้วที่มันทำกับผมล่ะ มันกับเพื่อนมันเป็นคนทำให้ผมต้องมาจบชีวิตที่นี่”
“นั่นมันเป็นการตัดสินใจของเธอเอง ไม่มีใครสั่งให้เธอทำร้ายตัวเองนอกจากตัวเธอ ถึงชาฮีจูจะกลั่นแกล้งเธอสารพัดแต่ชาฮีจูก็ไม่เคยร้องขอให้เธอไปตายเหมือนที่เธอทำกับเขาอยู่ตอนนี้”
“นี่คุณช่วยมันเหรอ ถ้าไม่มีมันผมจะอยากตายไปทำไม ทุกๆ วันผมต้องเจ็บปวดกับการกระทำของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมคิดว่าการตายคือทางเดียวที่ทำให้ผมหลุดพ้นได้ แบบนี้เท่ากับมันจงใจให้ผมไปตายชัดๆ”
“ฉันไม่ได้ช่วยชาฮีจูแต่ฉันกำลังช่วยเธอต่างหาก ท้ายที่สุดชาฮีจูก็จะได้รับผลกรรมที่เคยทำกับเธอไว้ ปลดปล่อยความเคียดแค้นนี่ลงซะเพื่อตัวเธอและแม่ของเธอ”
“คุณกับมันก็พวกเดียวกัน”
ควอนบินเผยร่างออกมาด้วยความอาฆาต แววตาแข็งกร้าวรอบกายเต็มไปด้วยพลังแค้นที่พร้อมจะพุ่งตรงไปยังชาฮีจูได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างก็เงียบสงบลงเมื่อควอนบินเลือกที่จะไม่ทำตามความปรารถนาของตัวเอง วันนี้เขายอมที่จะปล่อยชาฮีจูไปก่อน
ชาฮีจูไม่ได้รู้สึกโกรธหรือกลัวกับคำพูดของควอนบินเลยสักนิด ชายหนุ่มคิดว่าถ้าตัวเขาตายไปจริงๆ อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ เพราะที่ผ่านมาเขาก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ไร้คนให้พึ่งพิง ผู้เป็นพ่อกับแม่ก็ไม่เคยจะสนใจไยดีอยู่แล้ว ชาฮีจูคิดไปเรื่อยเปื่อยด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ถ้าชีวิตของเขาจบสิ้นลงก็อาจเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
“หยุดคิดเลยนะ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายตัวเองทั้งนั้น” ชายสูงวัยตวาดไปที่ชาฮีจู เขาเองก็สามารถอ่านความคิดของชายหนุ่มได้เลยอยากจะเตือนสติชายหนุ่มเอาไว้
ชาฮีจูตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา เขาแวะไปหาแม่ของควอนบินที่บ้านของเธอ ชาฮีจูยืนดักรออยู่ที่หน้าบ้าน สักครู่แม่ของควอนบินก็เดินออกมาพร้อมตะกร้าผ้าที่ถืออยู่ในมือ หญิงดังกล่าวแค่ออกมาตากผ้าเท่านั้น ชาฮีจูยืนมองอยู่สักครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับคุณน้า”
“เธอเป็นใครเหรอ หรือเป็นเพื่อนควอนบิน แล้วรู้ได้ไงว่าควอนบินอยู่ที่นี่” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น แค่เห็นยูนิฟอร์มนักเรียนที่ชาฮีจูสวมใส่ เธอก็เข้าใจได้ว่าน่าจะมาจากโรงเรียนเดียวกันกับลูกชายของเธอ
“ผมมาหาคุณน้าครับ”
“มาหาฉัน” หญิงวัยกลางคนเลิกคิ้วถาม
ชาฮีจูค่อยๆ ย่อตัวและนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าแม่ของควอนบิน ชายหนุ่มหลั่งน้ำตาด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาที่เขาได้ก่อเอาไว้ การกระทำของชาฮีจูนั้นทำให้หญิงวัยกลางคนดูประหลาดใจนัก
“คุณน้าครับ ผมขอโทษในสิ่งที่ผมทำลงไป ผมขอโทษที่ผมรังแกควอนบินจนควอนบินต้องเป็นแบบนี้”
คำพูดของชาฮีจูนั้นทำให้หญิงดังกล่าวเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ตะกร้าผ้าที่ถืออยู่ถูกปล่อยร่วงลงพื้นทันที เธอรู้ว่าชายหนุ่มหมายความถึงอะไร สิ่งที่เขาเกริ่นออกมามันเดาได้ไม่ยาก เขาคงจะเป็นหนึ่งในเด็กนิสัยไม่ดีพวกนั้นที่คอยแต่จะรังแกลูกชายเขาจนต้องคิดสั้นจบชีวิตตัวเอง
“เธอเองเหรอที่ทำร้ายควอนบิน เธอทำแบบนี้ทำไม ลูกฉันไปทำอะไรให้เธอ”
สาววัยกลางคนร่ำไห้ฟูมฟายฟุบลงที่พื้นตรงหน้าชาฮีจู เธอทั้งทุบทั้งตีชายหนุ่มอย่างคลุ้มคลั่ง การมาของชาฮีจูเหมือนกับตอกย้ำบาดแผลให้มันลึกกว่าเดิม เมื่อนึกถึงลูกชายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงก็ยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดใจทุรนทุรายเหมือนใจจะขาดให้ได้
ชาฮีจูเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด เขานั่งคุกเข่าให้หญิงดังกล่าวได้ใช้กำลังระบายความทุกข์ระทม และความคับแค้นได้อย่างเต็มที่เท่าที่เธอต้องการ