ฮาร์วีย์อุตส่าห์ยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาทำงานที่เดียวกับชายที่ตนหลงรัก แต่แล้วจู่ ๆ เขากลับตื่นขึ้นในกองขยะ และพบว่าตนเองกลายเป็นตาแก่ไปเสียแล้ว...ร่างกายแบบนี้จะจีบผู้ติดได้ยังไงกัน! เอาวัยหนุ่มของฉันคืนมานะ!
แฟนตาซี,ผจญภัย,ไซไฟ,ชาย-ชาย,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,#BL,แฟนตาซี,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจทวงคืนวัยหนุ่มของฮาร์วีย์ฮาร์วีย์อุตส่าห์ยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาทำงานที่เดียวกับชายที่ตนหลงรัก แต่แล้วจู่ ๆ เขากลับตื่นขึ้นในกองขยะ และพบว่าตนเองกลายเป็นตาแก่ไปเสียแล้ว...ร่างกายแบบนี้จะจีบผู้ติดได้ยังไงกัน! เอาวัยหนุ่มของฉันคืนมานะ!
นี่ไม่ใช่การแนะนำเรื่องของนักเขียนหน้าเห็ดงี่เง่าที่ทำลายชีวิตผม แต่เป็นพื้นที่ในการเรียกร้องความเป็นธรรมของตัวละคร!
สวัสดีนะคนที่ผ่านมา ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่คุณต้องมีจิตใจดีกว่าคนที่เขียนเรื่องของผมขึ้นมาแน่
คืองี้ ผมชื่อฮาร์วีย์ ใช่ ผมเป็นนายเอกของนิยายห่วยแตกเรื่องนี้ ผมอัดอั้นมานาน ไหน ๆ คุณก็ผ่านมาแล้ว ช่วยฟังผมบ่นหน่อยแล้วกัน คุณจะได้เห็นว่านักเขียนคนนี้กลั่นแกล้งผมขนาดไหน
แรกเริ่มเดิมที ผมเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีความฝันอยากแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ สักคน แต่เจ้านักเขียนนั่นก็ทำให้ชีวิตของผมย่อยยับด้วยมือทั้งสองข้างและคอมพิวเตอร์โง่ ๆ ของเขา ตั้งแต่การเขียนให้ผมมีชีวิตอนาถา พ่อแม่ตายตอนเจ็ดขวบ ถูกปูไล่หวดเพราะไม่ยอมเรียนเรื่องยา พอหนีออกจากบ้านมาหาผู้ ก็ถูกสาปให้กลายเป็นคนแก่!
มันเกินไปมั้ย!
ผมพยายามแทบตายเพื่อที่จะได้อยู่กับชายที่ผมแอบชอบมาตั้ง 10 ปี แล้วดูสิ ความหล่อที่ผมสั่งสมมาทั้งชีวิตหายวับไปกับตา เหลือแต่ผิวเหี่ยว ๆ หนังย่น ๆ และเสียงแหบ ๆ ไม่มีส่วนไหนที่สามารถใช้เป็นอาวุธตกผู้ได้เลย!
ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังต้องออกเดินทางด้วยสภาพอิดโรยไปหาเรื่องเสี่ยงตายต่าง ๆ นานาเพื่อทวงเอาอายุขัยและวัยหนุ่มแสนรุ่งเรืองของผมคืนมา
ใช้งานตัวละครหนักชะมัด! เงินเดือนผมก็ไม่ได้นะเนี่ย!
อะไรนะ? ...มีอีกไหมเหรอ?
โอ้! นี่ยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่เจ้านักเขียนคนนี้ทำกับผม ถ้าทุกคนอ่านต่อไปก็จะได้รู้เองว่าเจ้าเห็ดสีน้ำเงินคนนี้มันร้ายกาจขนาดไหน
โปรดเอาใจช่วยผมให้รอดพ้นจากโชคชะตาที่แสนเลวร้ายครั้งนี้ด้วย
**นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง เนื้อหา ตัวละคร สถานที่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นเรื่องสมมติเท่านั้น**
***คำเตือน : เนื้อหาในนิยายมีการใช้ความรุนแรง ฉากฆ่าฟันนองเลือด กรุณาใช้วิจารณญาณอย่างมากในการอ่าน ห้ามลอกเลียนแบบเด็ดขาดเลยนะฮะ***
ความแก่ชรา...นั่นคือวัฏจักรหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญก่อนจากโลกใบนี้ไปอย่างสมบูรณ์
ผมรู้ดีว่าอย่างไรเสีย หากผมหนังเหนี่ยวมากพอ ไม่โชคร้ายตายเพราะอุบัติเหตุ หรือโดนกลั่นแกล้งจนหมดหวังกับการใช้ชีวิตไปเสียก่อน สักวันหนึ่งผมก็ต้องไปอยู่ในจุดนั้น จุดที่สภาพร่างกายยับยู่ยี่เหมือนแผ่นกระดาษถูกขยำเป็นก้อนกลม ถึงตอนนั้นผมอาจจะมีผิวหนังเหี่ยวย่น เส้นผมสีขาวที่เหลืออยู่น้อยนิดจะค่อย ๆ ร่วงโรยตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีเรื่องของสมรรถภาพในด้านต่าง ๆ ที่ลดลงอย่างน่าใจหาย
...แค่คิดผมก็ไม่อยากให้อายุของตัวเองล้ำหน้าไปมากกว่านี้แล้ว...
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าผมจะหนีไม่พ้นวัฏจักรน่ากลัวเหล่านั้น อันที่จริงมันมาถึงผมก่อนเวลาอันควรหลายสิบปี...
เวลาปัจจุบัน
ภายในห้องทำงานกว้างขวางซึ่งตั้งอยู่ใจกลางศูนย์ฝึกกองกำลังพิเศษขนาดกลาง ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังยืนกอดอกจ้องมองชายชราร่างเล็ก ผู้ซึ่งกำลังตัวสั่นหงึก ๆ เพราะเนื้อหนังแห้งติดกระดูกสัมผัสกับลมหนาวจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง
และใช่...ชายแก่คนนั้นคือผมเอง
ชื่อของผมคือ ฮาโวเทีย ไลทัส แต่ปู่มักเรียกผมว่าฮาร์วีย์ เพราะผมเป็นพวกที่มีจินตนาการล้ำเลิศ (ในเรื่องแปลก ๆ)
ความจริงแล้วตอนนี้ผมควรจะได้ดื่มด่ำกับความสำเร็จในช่วงอายุ 18 ปี ของการได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกับกองกำลังพิเศษ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของผมตั้งแต่ตอนที่ผมยังสูงไม่เท่าด้ามไม้กวาดด้วยซ้ำ
แต่แล้วความบรรลัยก็บังเกิดกับชีวิต ถึงผมจะรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนมีโชค แต่ก็ไม่คิดว่าจะดวงซวยได้ขนาดนี้
ในเช้าวันหนึ่งซึ่งท้องฟ้าดูสดใสเป็นปกติ ทว่ารอบตัวของผมกลับเต็มไปด้วยกองขยะและของเน่าเสีย แล้วก็ปิ๊ง!...ผมกลายเป็นตาแก่!
จุดพลิกผันในชีวิตของผมเกิดขึ้นอย่างงง ๆ เช่นนั้นแหละ...
ผมสูดหายใจ กลิ่นเหม็นฉุนของจุดทิ้งขยะในตอนนั้นยังติดอยู่ที่ปลายจมูกของผมอยู่เลย
"ถึงจะไม่เคยเห็นการสังเวยอายุขัยกับตา แต่ต้องบอกตามตรง...นายดูแก่ได้สมจริงสุด ๆ เลย" แคนทัสเอ่ยขณะพินิจพิจารณาร่างกายเหยี่ยวย่นของผมอย่างละเอียด
แคนทัส หรือก็คือชายร่างสูง หุ่นดี หน้าหล่อแบบไม่ยุติธรรมคนนั้น เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษแห่งรูฟาเซนต์ ซึ่งรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่ผมสังกัดอยู่ในตอนนี้ ทั้งยังเป็นคนที่ผมหลงรักมานานกว่า 10 ปี
สายตาที่แคนทัสมองมาที่ผมสามารถตีความหมายได้หลายร้อยแบบ บ้างก็ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงเป็นใย บ้างก็ดูเหมือนเขากำลังสนใจของเล่นชิ้นใหม่ และบางครั้งก็ดูเหมือนว่าเขากำลังจินตนาการว่าผมจะต่อสู้กับต้นไม้กินคนอย่างไรด้วยสภาพร่างกายผอมแห้งแรงน้อยแบบนั้น
การสังเวยเป็นหนึ่งในความเชื่อที่มีมาแต่โบร่ำโบราณ ว่าด้วยเรื่องของการร่วมมือกันของคนและธรรมชาติ บลาๆๆ...ทุกคนสามารถเห็นและได้ยินเรื่องเล่าเหล่านี้ได้ทั่วไป ทั้งบนหินสลักตามจุดสำคัญต่าง ๆ ของเมือง ห้องสมุดทุกแห่งที่พอจะหาได้ หรือแม้แต่เดินไปสะกิดคุณแม่ที่กำลังล้างจานอยู่ในครัวให้เล่าให้ฟัง
ที่ผมจะบอกก็คือ ผมได้ยินเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เกิด มันมีเนื้อหาประมาณว่า มนุษย์มีหน้าที่ในการส่งมอบอายุขัยของตนเองเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการให้แก่ธรรมชาติ แสดงถึงการไถ่โทษที่มนุษย์รุกล้ำพื้นที่ของธรรมชาติมากเกินไป
โดยในหนึ่งปีจะมีคนถูกสังเวยอย่างน้อยหนึ่งคน ส่วนวิธีการหรือขั้นตอนในการสังเวยนั้นไม่มีใครรู้ จากที่อ่านหนังสือและฟังผู้ใหญ่เล่ามา พวกเขามักบอกว่าคนที่ถูกสังเวยจะถูกขโมยอายุขัยไป ซึ่งนั่นหมายความว่าหากวันใดวันหนึ่งคนในครอบครัวของคุณเกิดหายตัวไปอย่างลึกลับ หรือแก่ลงอย่างกะทันหันนั่นแหละคือการสังเวย...
ทุกคนเชื่อแบบนั้น...แต่ผมคนหนึ่งล่ะที่คิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ
แบบว่า...ธรรมชาติจะเอาอายุของมนุษย์ไปเพื่อ? ในเมื่อท้ายที่สุดพวกเราก็ต้องตายและกลายเป็นเพียงกระดูก ย่อยสลายกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอยู่ดี
เพราะงั้นผมเลยไม่เคยเชื่อเรื่องเล่าหลอกเด็กที่คุณป้าข้างบ้านกรอกใส่สมองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน...ต่อให้ตอนนี้ผมจะกลายเป็นคนแก่จริง ๆ ผมก็ยังรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี
อืม...ผมก็อยากจะมั่นหน้าให้ได้แบบนั้นตลอด แต่พอได้มาอยู่ในร่างคนชรา ผมก็พบว่าสมองซึ่งเป็นอวัยวะเดียวในร่างกายที่ผมภูมิใจ กลับทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ความสามารถในการแก้ไขปัญหาของผมเหมือนจะลดลงไปมากพอสมควร จนผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นแก้จากจุดไหนดี
ผมนับถือในความสงบนิ่งและใจเย็นของแคนทัส ถึงแม้ตรงหน้าเขาจะมีลูกน้องในสังกัดกลายร่างเป็นตาแก่ ก็ไม่ทำให้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา
นัยน์ตาเคร่งขรึมเป็นประกายสีทองเมื่อต้องแสงไฟ เขายังคงสแกนร่างกายของผมอย่างต่อเนื่อง
เสี้ยววินาทีหนึ่ง ผมหวังว่าเขาจะพยายามนึกหาวิธีที่ช่วยทำให้ผมกลับไปเป็นเด็กหนุ่มอายุ 18 อีกครั้ง แต่สิ่งที่เขาพูดออกมากลับทำให้ผมรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด...
"ตอนนี้...นายดูแก่กว่าฉันหลายปีเลย"
ถ้าหัวหน้าจะพูดแบบนี้ ก็ยกโต๊ะทำงานทุ่มหน้าผมให้ตายไปเลยเถอะ!...ผมคิด
แม้จะอยากโต้เถียง ตัดพ้อ และตอกกลับแคนทัสมากแค่ไหน ผมก็รู้ดีว่าสภาพกล่องเสียงของตนในตอนนี้ไม่แข็งแรงพอจะทำเช่นนั้นอีกแล้ว
แคนทัสวางฝ่ามือหนาแสนอบอุ่นลงบนกระหม่อมที่เต็มไปด้วยเส้นผมขาวโพลนของผม
หากเป็นเวลาปกติ ผมคงตัวบิดตัวงอ ม้วนหน้าม้วนหลังด้วยความเขินอายไปแล้ว...แต่เพราะในตอนนี้ผมกลายเป็นชายแก่ใกล้ตาย นั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่มีพยาบาลกล้ามโตดูแลอย่างใกล้ชิดเสียมากกว่า
"ไม่ต้องกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกเสมอ"
คำพูดของแคนทัสทำให้นัยน์ตาสีเทาของผมกลับมามีประกาย นิ้วมือผอมแห้งกอบกุมชายเสื้อคลุมตัวยาวของเขาเอาไว้อย่างมีความหวัง
แคนทัสย่อตัวลง เพื่อให้สายตาของเราอยู่ในระดับเดียวกัน ก่อนที่ใบหน้าอ่อนโยนจะเข้าสู่โหมดจริงจังอย่างฉับพลัน บรรยากาศรอบตัวหัวหน้าหน่วยอึมครึมราวกับมีเมฆหนาปกคลุม น้ำเสียงที่เปล่งออกมาทั้งเคร่งขรึมและเย็นชา
"ก่อนที่จะเริ่ม ไหนนายลองเล่าให้ฟังซิ ว่าก่อนหน้าที่จะอยู่สภาพนี้ นายไปทำอะไร หรือไปพบเจอใครมากันแน่...ขอแบบละเอียด"
ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก รู้สึกเหมือนมีหินก้อนโตติดอยู่ที่ลำคอ สมองพยายามนึกย้อนไปยังภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ทว่ามันกลับเหมือนเศษเสี้ยวความทรงจำที่เลือนหายไปเพียงบางช่วง ซึ่งมันดันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเสียได้
ผมไม่ได้จะขิงว่าตัวเองความจำดีหรืออะไรนะ เพียงแต่โดยปกติแล้วผมไม่ใช่คนขี้ลืม อันที่จริงผมค่อนข้างจดจำรายละเอียดเหตุการณ์หรือสิ่งต่าง ๆ ได้ดีทีเดียว ตอนนี้แม้แต่ชื่อสมุนไพรมีพิษทั้งหมดในรูฟาเซนต์ผมก็ยังจำได้ดี...มีเพียงความทรงจำในช่วงก่อนที่ผมจะกลายเป็นคนแก่เท่านั้นที่หายไป
"ลองนึกย้อนไปไกลกว่านั้น" แคนทัสแนะนำ "มันคงจะง่ายกว่าถ้านายค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องราวตั้งแต่จุดเริ่มต้น หรือก่อนเกิดเหตุการณ์สักระยะ"
ผมพยักหน้า หลับตาลงและพยายามนึกอีกครั้ง
1 สัปดาห์ก่อนที่ผมจะกลายเป็นตาแก่
วันนั้นเป็นวันเสาร์ ผมรับรู้ได้ทันทีที่ตื่นนอน เพราะได้กลิ่นหอมของขนมปังลอยมาในอากาศ ครัวเบเกอรีของคุณโคลเฟอร์ คือสิ่งเยียวยาจิตใจเพียงหนึ่งเดียวในค่ายฝึกกองกำลังพิเศษแสนป่าเถื่อนแห่งนี้
ร่างกายอ่อนปวกเปียกของผมค่อย ๆ ยันตัวเองลุกจากเปลนอน ราวกับซอมบี้ที่ฟื้นจากความตายเพื่อขนมปังแสนอร่อย
เปลือกตาผมกะพริบถี่ แขนข้างที่ถูกศีรษะวางทับมาทั้งคืนรู้สึกชาและปวดเมื่อย ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ ทั้งที่สมองยังคงมึนงง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหมุนวนราวกับพายุทะเลทราย ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าสายตาของผมจะปรับสภาพ
ห้องโถงขนาดใหญ่มีเพดานสูง เสาหลายสิบต้นตั้งเรียงรายเพื่อค้ำยันโครงสร้างอาคาร อีกทั้งยังถูกใช้เป็นตำแหน่งผูกมัดเปลนอนของเหล่าเด็กฝึกอีกด้วย ที่น่าแปลกคือ ในตอนนี้ห้องโถงกว้างที่ควรจะเต็มไปด้วยเหล่าเด็กฝึกชายฉกรรจ์หลายสิบคนกลับว่างเปล่า นอกจากผมแล้วก็ไม่มีมนุษย์คนอื่นอาศัยอยู่อีก...และนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าวันนี้ผมก็คงถูกแกล้งอีกเช่นเคย
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่เด็กฝึกพวกนั้นไม่รู้จักเบื่อหน่ายกับการกลั่นแกล้งผู้อื่น พวกเขาทำแบบนั้นมานานกว่าครึ่งปี แน่นอนว่าเด็กที่ถูกบูลลี่ไม่ได้มีแค่ผม ใครก็ตามที่มีพฤติกรรมเหมือนพวกขี้แพ้ ร่างกายอ่อนแอ ไม่สู้คน จะกลายเป็นเป้าหมายทันที เด็กหลายคนรับสถานการณ์น่ารังเกียจแบบนั้นไม่ไหว ขอถอนตัวไปตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของการฝึก นั่นทำให้เป้าหมายในการกลั่นแกล้งตกมาอยู่ที่ผมแต่เพียงผู้เดียวอย่างช่วยไม่ได้
แน่นอนว่าการเอาหญ้าสีเงินที่มีฤทธิ์มึนงงมาใส่ไว้ใต้หมอนแบบนี้ เป็นหนึ่งในวิธีการกลั่นแกล้งของโอเว่น ไพรส์ เด็กหนุ่มตัวโตที่มักจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และชอบแยกเขี้ยวใส่ทุกคนที่สบตา ชายผู้เป็นหัวโจกในการหาเรื่องชาวบ้านชาวช่องไม่เว้นแต่ละวัน
"ในที่สุดโอเว่นก็เรียนรู้การแกล้งอย่างชาญฉลาดแล้วสินะ"
ที่ผมพูดแบบนั้นเพราะที่ผ่านมาโอเว่นมีแต่ใช้กำลังในการกลั่นแกล้งผม แทนที่จะวางแผนแกล้งอย่างแนบเนียน ตัวอย่างเช่น ในวันแรกที่ผมเข้ามาเป็นน้องใหม่ในศูนย์ฝึก โอเว่นและเพื่อน ๆ เด็กเกเรของเขาต้อนรับผมด้วยการปาระเบิดสะเก็ดไฟ ซึ่งเป็นของสำหรับฝึกใส่ผม ทำให้รองเท้าคู่โปรดของผมถูกเผาทิ้งไม่เหลือชิ้นดี หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แกล้งตัดเข็มขัดนิรภัยของผมในคาบเรียนปีนผา ยังดีที่ครั้งนั้นข้าวของของผมไม่เสียหาย แค่ร่างผมตกลงมากระแทกกับพื้นจนกระดูกซี่โครงร้าวไปสองสามซี่เท่านั้นเอง และก็อีกครั้งตอนที่เรียนการเอาตัวรอด เขาจับผมโยนลงในเครื่องจำลองน้ำวน ซึ่งถ้าไม่บังเอิญว่ามีครูฝึกอยู่แถวนั้น ผมคงจมน้ำไม่ก็ถูกปั่นจนตายไปแล้ว...
เอาล่ะ ผมคิดว่าทุกคนคงพอเห็นภาพแล้วว่าการกลั่นแกล้งของโอเว่นเป็นยังไง
โดยปกติแล้วโอเว่นไม่มีแผนการที่ซับซ้อน เพียงแต่เขาเป็นคนที่แกล้งจริงเจ็บจริง ไม่ต่างจากรถถังบ้าพลังที่พร้อมบุกลุยไปข้างหน้าโดยไม่สนว่าจะสร้างความเสียหายอะไรไว้บ้าง ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับพวกร่างกายปวกเปียกดีแต่ใช้สมองอย่างผมแบบสุด ๆ
ผมกวาดเอาเศษหญ้าสีเงินออกจากปลอกหมอน นำมันใส่ลงไปในกระบอกน้ำ ใส่ความโกรธทั้งหมดเข้าไปในการเขย่าแต่ละครั้ง ก่อนจะละเลงของเหลวที่มีสวนผสมของหญ้าสีเงินลงบนหมอนของโอเว่น
บางทีเขาคงยังไม่รู้ว่าหญ้าสีเงินจะออกฤทธิ์ได้ดีกว่าเมื่อนำไปผสมกับน้ำ
อย่าเข้าใจผิด การกลั่นแกล้งผู้อื่นไม่ใช่งานอดิเรกของผม เพียงแต่กฎเหล็กในการเอาตัวรอดจากสถานที่ฝึกนรกแห่งนี้ คืออย่าได้ยอมเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ยิ่งแสดงด้านที่อ่อนแอของตัวเองออกมามากเท่าไร ก็จะยิ่งตกเป็นเป้าโจมตีได้มากเท่านั้น
ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ผมทำไม่ได้เรียกว่าการแก้แค้น แต่เรียกว่าทีใครทีมัน...แม้สองคำนั้นจะไม่ได้มีความหมายแตกต่างกันเลยก็ตาม
ผมยืดตัวขึ้น รู้สึกสดชื่นเมื่อได้ทวงความยุติธรรมให้ตนเอง
ที่กำแพงสูง นาฬิกาโบราณเรือนใหญ่แขวนอยู่บนผนังบอกเวลาเที่ยงตรง ซึ่งนั่นแปลว่าผมสายแล้ว...สายแบบที่ไม่มีทางได้รับการให้อภัย
'ใครกล้ามาขัดจังหวะการฝึกในคลาสเรียนของฉันจะได้กลายเป็นส่วนผสมชั้นยอดให้มื้อเย็นของเซอร์เบอรัส (สุนัขกลายพันธ์ุ สัตว์เลี้ยงของครูฝึกซิลเวอร์)'
คำขู่ของครูฝึกกล้ามโตดังก้องในหัวของผม
เอาเถอะ...ไหน ๆ ก็ต้องโดนทำโทษ ผมก็ขอทำตัวสบาย ๆ สักวันแล้วค่อยเดินไปรับโทษแบบคูล ๆ แล้วกัน
เมื่อคิดได้แบบนั้น ผมก็ฉวยเอาผ้าเช็ดตัวที่ตากอยู่กับเชือกท้ายเปลนอนขึ้นพาดบ่า ฮัมเพลงอย่างสบายใจขณะเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำรวม ซึ่งพิเศษหน่อยเพราะเช้านี้ผมจะได้สิทธิพิเศษในการใช้ห้องอาบน้ำแต่เพียงผู้เดียว